Share

หมี่เฟิง 2

Author: lianlian
last update Last Updated: 2025-06-17 08:06:58

หาไม่แล้ว นางคงไม่อาจทำใจให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขของบุรุษผู้นั้นได้!

"ถ้าเช่นนั้นพอจบเรื่องนี้แล้ว เราหนีไปด้วยกันเถอะนะ" หงเช่อกอดนางราวกับสมบัติล้ำค่าที่ได้คืน "ไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่นอกด่าน ที่เราเคยคุยกันไว้อย่างไร"

"ไปนอกด่าน? กับเจ้า?" นางแค่นเสียง "ฮ่าๆ อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลยหลางหงเช่อ!!" แม้นางจะไม่ได้ผลักร่างสูงนั้นออก แต่แววตานั้นเคียดแค้นจับใจ "เจ้ายังกล้าพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาหลังจากที่ทำกับข้าเช่นนี่แล้วน่ะรึ?!"

"แล้วเจ้าจะอยู่คนเดียวหรือไง หรือว่าคิดจะกลับไปหาเจ้านั่นอีก" หงเช่อไม่เข้าใจว่าเหตุนางจึงปฏิเสธเขาอีก ทั้งที่รู้แล้วว่าเขายังรักนาง และไม่ได้คิดจะรังแกนางจริงๆ

"ข้าไม่อยู่กับใครทั้งนั้น" นางบอก ความแค้นเคืองที่มีต่อบุรุษทั้งสองทำให้นางขยาด

"เสวี่ยเอ๋อร์"

"ออกไป ข้าอยากอยู่คนเดียว"

"เสวี่ยเอ๋อร์..."

"ข้าบอกให้ออกไป!" นางยกมือปิดหู "ข้าไม่อยากฟังเจ้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว!"

หงเช่อจนใจที่จะเกลี้ยกล่อมนางอีก เขาตัดสินใจผละหมิงเสวี่ยออกจากอ้อมกอด "เจ้า...พักผ่อนเถอะนะ ขอโทษที่รบกวนเจ้า"

หมิงเสวี่ยนั่งกอดเขาตัวเอง ไม่คิดจะชายตากลับไปมองและไม่เอ่ยตอบอะไรแม้สักคำเดียว นาง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • ตื๊อรักวาณิช   หมี่เฟิง 3

    เด็กสาวนอนนิ่งๆ บนเตียงรอให้เวลาผ่านไปจนล่วงเย็น ประตูจึงเปิดออกอีกครั้ง พร้อมชายหนุ่มคนเดิมถือถาดอาหารเข้ามา "เอ้า นางหนู กินข้าวซะ"หมิงเสวี่ยรีบลุกขึ้นมาและเดินไปนั่งที่เก้าอี้อย่างไม่อิดออด "นี่คนแซ่ฉู่นั่นจับข้ามาใช่หรือไม่?" นางทำเป็นชวนคุย"จะอยากรู้ไปทำไมเล่า รีบๆ กินข้าวได้แล้ว!" เขาหันไปตวาดนางเป็นเช่นนั้นสินะ ปฏิเสธคือยอมรับสินะ...เสี้ยวหนึ่งของความคิด นางนึกไปถึงชายหนุ่มอีกคนที่น่าจะถูกจับมาพร้อมกับนางไม่...ข้าจะคิดถึงคนผู้นั้นไม่ได้นางสะบัดหัวไล่เขาออกไป คนชั่วช้าที่หลอกนาง จะไปคิดถึงทำไมอีกหมิงเสวี่ยหยิบตะเกียบขึ้นมา จ้องมองชามข้าวและชายหนุ่มคนนั้นสลับกัน "นี่จะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของข้าหรือไม่?""ก็ไม่แน่" อีกฝ่ายยิ้มเหยียด "ถ้ายังคิดอะไรไม่เข้าท่าอย่างหาทางหนีล่ะก็นะ หน้าที่ของเจ้าคือแค่อยู่เฉยๆ รอดูเจ้าคนแซ่ไป๋นั่นถูกฆ่าก็พอ"ถึงจะบอกตัวเองไม่ให้คิดถึง แต่พอคิดว่าไป๋จิ้งเหอจะถูกฆ่าขึ้นมา มือที่ถือตะเกียบอยู่ก็สั่นกึกๆเพียะ!เสียงนางตีมือตัวเองจนชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะดังหึ "ถ้าเจ้าห่วงมันมากก็ทำตัวดีๆ ซะเถอะนังหนู""ใครห่วงกัน!" นางโวยใส่ จะมามัวห่วงคนอื่นทำไม ต

  • ตื๊อรักวาณิช   หมี่เฟิง 2

    หาไม่แล้ว นางคงไม่อาจทำใจให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขของบุรุษผู้นั้นได้!"ถ้าเช่นนั้นพอจบเรื่องนี้แล้ว เราหนีไปด้วยกันเถอะนะ" หงเช่อกอดนางราวกับสมบัติล้ำค่าที่ได้คืน "ไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่นอกด่าน ที่เราเคยคุยกันไว้อย่างไร""ไปนอกด่าน? กับเจ้า?" นางแค่นเสียง "ฮ่าๆ อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลยหลางหงเช่อ!!" แม้นางจะไม่ได้ผลักร่างสูงนั้นออก แต่แววตานั้นเคียดแค้นจับใจ "เจ้ายังกล้าพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาหลังจากที่ทำกับข้าเช่นนี่แล้วน่ะรึ?!""แล้วเจ้าจะอยู่คนเดียวหรือไง หรือว่าคิดจะกลับไปหาเจ้านั่นอีก" หงเช่อไม่เข้าใจว่าเหตุนางจึงปฏิเสธเขาอีก ทั้งที่รู้แล้วว่าเขายังรักนาง และไม่ได้คิดจะรังแกนางจริงๆ"ข้าไม่อยู่กับใครทั้งนั้น" นางบอก ความแค้นเคืองที่มีต่อบุรุษทั้งสองทำให้นางขยาด"เสวี่ยเอ๋อร์""ออกไป ข้าอยากอยู่คนเดียว""เสวี่ยเอ๋อร์...""ข้าบอกให้ออกไป!" นางยกมือปิดหู "ข้าไม่อยากฟังเจ้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว!"หงเช่อจนใจที่จะเกลี้ยกล่อมนางอีก เขาตัดสินใจผละหมิงเสวี่ยออกจากอ้อมกอด "เจ้า...พักผ่อนเถอะนะ ขอโทษที่รบกวนเจ้า"หมิงเสวี่ยนั่งกอดเขาตัวเอง ไม่คิดจะชายตากลับไปมองและไม่เอ่ยตอบอะไรแม้สักคำเดียว นาง

  • ตื๊อรักวาณิช   หมี่เฟิง 1

    "เสวี่ยเอ๋อร์...""อย่ามาเรียกข้าเช่นนี้นะ! ข้ากับเจ้าไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว!!" ร่างเล็กตลาดใส่ด้วยนึกรังเกียจนักหนา ร่างสูงทำเพียงลุกจากเก้าอี้แต่ไม่ได้ก้าวมาหานาง เขาคุกเข่าลงกับพื้น"ข้ารู้ว่าข้าทำร้ายจิตใจเจ้าเหลือเกิน แต่ข้า...ข้า..." หลางหงเช่อที่ซูบผอมลงไปมากด้วยความตรอมใจเงยหน้ามองหญิงสาวบนเตียง"ข้าจำเป็นต้องทำเช่นนั้น เสวี่ยเอ๋อร์""เจ้ามีเหตุผลอะไร?" ดวงตากลมยังเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ เมื่อเหตุการณ์ในคืนนั้นผุดเข้ามาในหัว "เจ้ามีเหตุผลบ้าบออันใดถึงได้ลงมือทำร้ายข้า ทำลายความเชื่อใจที่ข้ามีต่อเจ้ามานานแบบนี้!""คนตระกูลฉู่บีบบังคับข้า! หากข้าไม่ทำ พวกมัน...จะสังหารเจ้า!" หลางหงเช่อโพล่งออกมาอย่างไม่อาจเก็บความลับยิ่งใหญ่นี้ไว้กับตัวได้อีก"...เจ้าก็เลยทำเรื่องแบบนั้นเพื่อให้ข้าหนีไปจากเจ้า?" หมิงเสวี่ยเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นโทสะ"แล้วเจ้านึกว่าข้าเป็นคนรักตัวกลัวตายรึอย่างไร!? เจ้านึกว่าข้าจะไม่ยอมเผชิญอันตรายไปด้วยกันกับเจ้าหรือ! เจ้าบอกข้า มัน...มีอะไรมากกว่านั้นใช่หรือไม่?"หงเช่ออึกอักและตกตะลึง "ข้า...ข้า...""พูดมา!""เสวี่ยเอ๋อร์...ตอนนั้นเจ้าเกลียด

  • ตื๊อรักวาณิช   ตัวการใหญ่ 4

    ไห่เยี่ยนยิ้มกว้างรับ สักพักขันทีคนสนิทก็ปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสอง "องค์รัชทายาท องค์ชายใหญ่ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ทั้งสองพระองค์เข้าเฝ้า"ไห่เทียนเฉินหลบทางเพื่อให้ไห่เยี่ยนได้เดินนำ เหตุการณ์นี้อาจเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับไห่เทียนเฉินนั้นมันสร้างคับแค้นใจให้เพิ่มมากขึ้นไปอีกที่ต้องหลีกทางให้น้องชายภายในห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกำลังร่างราชโองการด้วยสีหน้าสงบ แม้จะมีชันษาเฉียดหกสิบ แต่ใบหน้ายังอ่อนกว่าวัยจนใครที่ได้เห็นยังนึกว่าพระองค์ยังเป็นฮ่องเต้หนุ่มวัยสี่สิบต้นๆ ต่างกับผมสีเทาที่อยู่ภายใต้ครอบเกล้าทองคำ"รัชทายาท เทียนเฉิน" ฮ่องเต้เอ่ยตรัสด้วยสุรเสียงที่ติดเคร่งเครียดเล็กน้อย"เหตุการณ์จลาจลในเมืองหลวงตอนนี้เป็นเช่นใดบ้าง?""กราบทูลเสด็จพ่อ ตอนนี้กองทัพของขุนพลซื่อกวาดล้างผู้ก่อเหตุได้เกือบหมดแล้ว มีเพียงแกนนำบางส่วนที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านหลบหนีไป กระหม่อมสั่งปิดเมืองหลวงแล้ว ไม่เกินเช้าวันพรุ่งนี้คาดว่าจะจับกุมได้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ""นับว่าจัดการได้รัดกุมและรวดเร็วดีมาก" พระพักตร์ที่เคยเคร่งเครียดเริ่มผ่อนคลายลง "จากนี้ไปข้าฝากเจ้ากับเทียนเฉินช่วยทำบัญชีส่วนที่เสียหายจากการจล

  • ตื๊อรักวาณิช   ตัวการใหญ่ 3

    ณ วังหลวงอันตระการ ที่พำนักแห่งโอรสสวรรค์ หนึ่งบุรุษผมสีดำ หนึ่งบุรุษผมสีขาวต่างเดินมาหยุดยืนเผชิญหน้ากันที่โถงทางเดิน"เสด็จพี่ได้ข่าวเรื่องการก่อจลาจลหรือไม่?" ชายหนุ่มผมดำเอ่ยทักผู้เป็นเชษฐาอีกฝ่ายไม่เพียงไม่ปรากฏร่องรอยความยินดีต่อการสนทนาครั้งนี้ นัยน์ตายังฉายแววความเกลียดชังอย่างไม่ต้องการปิดบัง "ได้ยินมาบ้าง"เขาตอบเสียงนิ่ง "จลาจลเล็กๆ เช่นนี้คงไม่ครณามือเจ้าหรอกกระมัง""เสด็จพี่ก็ตรัสชมข้าเกินไป พวกนี้เข้าใจโจมตีถูกจุด ร้องเรียนเรื่องข้าวยากหมากแพง ทั้งๆ ที่น่าจะเข้าใจดีว่าช่วงนี้เกิดภัยแล้งๆติดกัน" "หัวหน้าของพวกนั้นเข้าใจปลุกปั่น สร้างสถานการณ์""เรื่องราวซับซ้อนเพียงนี้เชียวรึ?" "อันที่จริงก็ไม่" ผู้เป็นน้องตอบพลางไหวไหล่คล้ายไม่ยี่หระต่อเรื่องเหล่านี้ "อันที่จริงก็ไม่มีอะไรนัก พวกมันแค่อยากให้ข้าเรียกซื่อเซี่ยยี่กลับมาเมืองหลวงเท่านั้น""และอีกอย่าง เรียกข้าว่า ไห่เยี่ยน เหมือนเดิมเถอะ เดิมทีข้าไม่ได้อยากเป็นรัชทายาทเสียหน่อย" อีกฝ่ายว่า "ต้องมาเรียนเพิ่มเติมนั่นนี่ ยังไม่นับฎีกากองเท่าภูเขาที่เสด็จพ่อแบ่งมาให้ข้าทำอีกช่างเบียดเบียนเวลาหาความสำราญข้านัก""ข้าว่าเจ้าสมควร

  • ตื๊อรักวาณิช   ตัวการใหญ่ 2

    ขณะที่ฉู่หลานเทียนไม่มีท่าทีประหลาดใจกับการที่ซื่อเซี่ยยี่ถูกเรียกตัวกลับ"เดี๋ยวข้าต้องกลับด้วยสินะ" จู้เฉิงยิ้มกว้าง"จะกลับด้วยทำไม?" นางถามบุรุษเจ้าสำราญห้วนๆ"ข้าห่วงนี่นา สาวงามบอบบางต้องเผชิญเหตุก่อจลาจลในเมืองหลวง""พวกชอบกวนน้ำให้ขุ่น ข้ารับมือได้สบายๆ""ข้าห่วงเจ้า เซี่ยเอ๋อร์ของข้า" เขากระซิบข้างหูนิ่ม"...""...""ก็ตามมาสิ""แต่ใจหนึ่งข้าก็ห่วงสองคนนั้นนา...""ตกลงว่าจะเลือกอย่างใดกันแน่!""เช่นนั้นเจ้าล่วงหน้าไปก่อน ถ้าภารกิจครานี้สำเร็จจะตามไปสมทบเจ้าภายหลัง""จะเอาแบบนั้นก็ได้" เซี่ยยี่ยิ้มอย่างมีนัย ก่อนแยกกับจู้เฉิงที่เข้าโจมตีเทียนหลางในทันที"ฝีมือท่านตอนนี้น่าจะคว่ำข้าได้ง่ายๆ" เทียนหลางว่าพลางใช้เพลงหมัดปัดป้องสลับโจมตีอีกฝ่ายอย่างคู่คี่ "แต่ไม่คิดว่าเพลงหมัดนี้มันเบาไปหรือ?""ข้าเองก็ไม่อยากจะเอาชนะ แต่เซี่ยเอ๋อร์ปรารถนาให้ข้าสู้ ข้าจะสู้เพื่อนาง" โหวเหย๋ยิ้มบาง ก่อนเปลี่ยนเป็นเพลงเตะ ซึ่งเทียนหลางเองก็หลบได้หวุดหวิด"นายท่าน" คนสนิทของเทียนหลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "จะเปลี่ยนตัวกันหรือไม่?""ไม่ต้อง เจ้ารีบพาสองคนนั้นไปก่อน แล้วข้าจะตามไป""ขอรับ"“หยุดนะ!” จื่อหนี่เ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status