"แต่หมอหลวงบอกว่าท่านเพิ่งผ่านพ้นความตายมา แผลที่หน้าอกยังไม่หายดี ห้ามเดินทางเด็ดขาดขอรับ" เฉี่ยวเหมยบอก "เมื่อสามวันก่อนข้าส่งข่าวบอกพวกนางแล้ว ตอนนี้คงรู้เรื่องฉู่หลานเทียนแล้วขอรับ""ไม่ได้บอกเรื่องที่ข้าบาดเจ็บใช่หรือไม่?"เฉี่ยวเหมยส่ายหน้า "ท่านกำชับไว้ ข้าจึงมิได้บอก""เสวี่ยเอ๋อร์กับเด็กๆ เป็นอย่างไรบ้าง?""หนี่เอ๋อร์บอกว่าพวกนางสบายดี ตอนนี้เสวี่ยเอ๋อร์ครรภ์ใหญ่ขึ้นมากทำให้ปวดหลังบ่อยๆ แต่ไม่มีปัญหาขอรับ""ดีแล้วล่ะ" เขาถอนใจออกมาเบาๆ "ข้าไม่อยากให้นางไม่สบายใจ" หรือถึงให้บอกไป นางก็อาจไม่สนใจเลยก็ได้... "สถานการณ์ของรัชทยาทล่ะ?""ฝ่าบาทปลอดภัยดี รัชทายาทกำลังสั่งกองกำลังของท่านซื่อกวาดล้างผู้ที่หนีรอด..." "หนึ่งในนั้นคือเถ้าแก่หม่า อดีตนายจ้างของเสวี่ยเอ๋อร์ขอรับ"ไป๋จิ้งเหอนิ่งฟัง และเอ่ยถามเรื่องสำคัญอีกเรื่อง "แล้วหาศพของหลางหงเช่อพบหรือยัง?""ยังไม่พบขอรับ" ไป๋จิ้งเหอหรี่ตาลง...เป็นไปตามคาด...หลางหงเช่อยังมีชีวิตอยู่...แต่เอาเถอะ ต่อให้มีชีวิตอยู่ก็คงไม่ก่อปัญหาเท่าใดนัก"แต่ผู้หญิงท้องอยู่กันแค่สองคนก็น่าห่วงจริงๆ นั่นล่ะ ยิ่งมีลูกน้องของฉู่หลานเทียนเหลือรอดมาด้วย" เฉ
"ฮูหยินมากน้ำใจ ยินยอมให้ข้ากับหลานชายเข้ามาพักรักษาตัวในบ้านของท่าน ข้าต่างหากที่ควรขอบคุณ" ชายชราประสานมือค้อมตัวคำนับด้วยความนับถือจากใจจริง"ไม่เป็นไรมิได้เจ้าค่ะ" นางยิ้มบอก "ขอทราบนามของท่านลุงกับน้องชายคนนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ?""เรียกข้าว่าผู้เฒ่าซานก็พอ" ในตอนนี้เขาไม่สะดวกในการประกาศนามจริง "ส่วนคนนี้เป็นหลานข้า ชื่อ ตงเทียน""ข้าน้อยตงเทียน คารวะฮูหยิน แม่นางจิง" เด็กชายรีบคุกเข่าคำนับจนหมิงเสวี่ยและจื่อหนี่ห้ามแทบไม่ทัน"ไม่ต้องๆๆ ข้ากับเจ้าอายุห่างกันไม่กี่ปีเอง" หมิงเสวี่ยว่า "ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องพิธีรีตองนักหรอก""ขอบคุณฮูหยิน ขอบคุณแม่นางจิง" ตงเทียนเอ่ย สีหน้าเรียบเฉยผิดกับเด็กชายทั่วไปชวนให้นึกถึงใครบางคน..."นี่ ตงเอ๋อร์ เจ้าอยากกินขนมหรือไม่ ข้าจะให้เด็กๆ เตรียมไว้ให้" หมิงเสวี่ยเสนอแนะ"ขอบคุณฮูหยินที่เมตตา แต่ข้าขอเพียงข้าวสามมื้อเช่นเดียวกับท่านปู่ก็พอขอรับ" ตงเทียนเอ่ยอย่างเกรงใจ "เท่านี้เราก็รบกวนฮูหยินกันมากแล้ว"หมิงเสวี่ยบุ้ยปาก "เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าเพิ่งทำตัวเป็นตาแก่เร็วนักเลย เด็กๆ เตรียมขนมให้ตงเอ๋อร์ด้วยนะ"เด็กชายขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทางจะไม่ชอบถูกปฏิบั
"อ๊ะ...!" จื่อหนี่ร้องทัก "ข้าเพียงบอกว่าข้าไม่มีอำนาจการตัดสินใจเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าจะไม่มีโอกาสนี่เจ้าคะ""หืม?" บุรุษทั้งสามหันมองนางเป็นตาเดียว"โอกาส?" เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว"ข้าขอเวลากลับไปขออนุญาตจากฮูหยินก่อน หากนางอนุญาต ข้าจะส่งคนมาเชิญพวกท่านไปดีหรือไม่เจ้าคะ?" จื่อหนี่ยิ้ม หากหมิงเสวี่ยไม่อนุญาต นางก็มีแผนเล็กๆ ที่จะบีบให้นางอนุญาต"เช่นนั้นต้องรบกวนแม่นางน้อยแล้วล่ะ" ชายชรายิ้มน้อยๆ"เช่นนั้นท่านลุงรอสักครู่นะเจ้าคะ" จื่อหนี่ยิ้มและหันไปส่งใบสั่งยาให้เถ้าแก่จัดเตรียมยาให้นาง จากนั้นจึงกลับไปที่บ้านจื่อหนี่ กลับมาแล้วเหรอ?" หมิงเสวี่ยที่เริ่มอุ้ยอ้ายเดินมาโดยมีสาวใช้ประคองเอ่ยทัก"ฮูหยิน ข้ามีเรื่องจะปรึกษาเจ้าค่ะ" จื่อหนี่รีบบอกทันที"เอ๋? อะไรเหรอ?" หมิงเสวี่ยว่า พลางรับห่อเกี๊ยวที่จื่อหนี่ซื้อมาฝากไว้ในมือ"ฮูหยินนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ" จื่อหนี่บอกและให้สาวใช้พยุงนางนั่งลง "เมื่อครู่ข้าแวะไปร้านขายยามา พอดีเจอกับปรมาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งถูกพิษมาจากนอกด่าน พิษนี้ค่อนข้างร้ายแรงต้องรักษาเร่งด่วน หมอทั่วซีหนิงไม่มีใครรักษาได้..." "แต่เจ้ารักษาได้ใช่หรือไม่?"จื่อหนี่เพียงพยักหน้ารับ
-ย้อนกลับไปยังซีหนิง-จื่อหนี่กับสาวใช้เดินเลือกซื้อของรวมทั้งซื้อเกี๊ยวจากร้านเทียนหมินที่หมิงเสวี่ยอยากกินเสร็จแล้ว พวกเขาก็แวะไปที่ร้านหมอเพื่อหาซื้อสมุนไพรเพิ่มเติม "ท่านหมอ ช่วยตรวจอาการของอาจารย์ปู่อีกทีเถอะขอรับ" เสียงเด็กชายวัยราวสิบสองสิบสามปีเอ่ยบอกกับหมอ"อาจารย์ของเจ้าถูกพิษประหลาด หมอธรรมดาอย่างข้าจนปัญญาแล้วจริงๆ" ชายเจ้าของร้านเอ่ยอย่างหนักใจ พลางมองชายชราผมขาวโพลน ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ"เช่นนั้นท่านพอจะแนะนำหมอที่พอจะรักษาได้บ้างหรือไม่ขอรับ" เด็กชายถามต่อ"จะว่ามีก็มีอยู่หรอกนะ" อีกฝ่ายว่า ก่อนไปเห็นจื่อหนี่เดินเข้ามาในร้าน "นั่นไง แม่นางคนนั้นไงล่ะ"เจ้าของร้านรีบลุกออกไปดักหน้าดักหลังจื่อหนี่ "แม่นางจิง ท่านมาพอดีเลย!""เถ้าแก่เจ้าค่ะ นี่มันอะไรกันนี่?" จื่อหนี่เบิกตาน้อยๆ"แม่นางจิง เจ้าช่วยดูอาการท่านผู้นี้เถอะ ท่านกำลังต้องพิษประหลาดที่ไม่มีในจงหยวน เจ้ารอบรู้กว่าข้าน่าจะช่วยได้"จื่อหนี่ยิ้มกว้างและกระซิบบอกเถ้าแก่ "ไปคุยกันด้านในดีกว่าจ้ะ"นางไม่อยากให้ใครเห็นว่านางรักษาคนได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะแห่มาให้นางรักษาจนวุ่นวายแน่ๆ นางมีหน้าที่แค่ดูแลคนตระกูลไป
"เขายังไม่ออกมาตอนนี้หรอกน่า" หมิงเสวี่ยอมยิ้มหวาน "รีบไปรีบกลับเถอะ""เจ้าค่ะ" จื่อหนี่รับคำและเดินจากไปพร้อมถาดยาพระราชวังเว่ยหยาง ท่ามกลางเสียงอาวุธปะทะกันอย่างดุเดือด บุรุษในชุดสีขาวเปรอะเปื้อนด้วยโลหิตกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่มอีกคน"เจ้าไม่มีทางหนีแล้ว" ไป๋จิ้งเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ฉู่หลานเทียน"ร่างผึ่งผายเจ้าของนามฉู่หลานเทียนที่ยืน ณ ปลายกระบี่ของไป๋จิ้งเหอมองกลับมาพร้อมรอยยิ้ม"วันนี้ข้าพลาด แต่ข้าหาได้เสียใจไม่""แม้จะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่น่ะรึ?""แล้วอย่างไร อย่างน้อยข้าก็ได้แก้แค้นได้สำเร็จ" แววตายิ้มเยาะนั้นส่งให้ไป๋จิ้งเหอโดนเฉพาะ "เป็นอย่างไรบ้าง กับความร้าวฉานที่หลางหงเช่อทิ้งไว้ให้เจ้ากับแม่นางน้อยคนนั้น..."มือที่ถือกระบี่กำแน่นจนขึ้นข้อขาว แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเย็นชา "ของพรรค์นั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เจ้าควรห่วงชีวิตตัวเองก่อนดีกว่า""แต่ไม่เหมือนข่าวที่ข้าได้รับมาเลยนะ" ฉู่หลานเทียนยังคงไม่สะทกสะท้าน "ไป๋จิ้งเหอผู้สูงส่ง มิอาจกระทั่งรั้งใจสตรีนางหนึ่งไว้ได้ จำใจต้องปล่อยนางจากไปหลังจากที่นางคลอดบุตรฝาแฝดให้เจ้าแล้ว...น่าสงสารเด็กน้อยทั้งสองเหลือเกิน แม้ก
"ฮูหยินน้อย เชิญด้านในเถอะเจ้าค่ะ อยู่ข้างนอกรับลมนานไม่ดีกับคุณชายน้อยในครรภ์เจ้าค่ะ"น้ำตาเม็ดใหญ่รินร่วงเมื่อได้ยินคำพูดห่างเหิน ยิ่งได้ยินคำพูดพร่ำฝากรักบอกลาของเฉี่ยวเหมยและจื่อหนี่ก็ยิ่งเสียใจ เสียใจที่เอาแต่เอ่ยคำพูดผลักไสเขา ตัดรอนและไม่ถนอมน้ำใจเขา นางเอามือลูบครรภ์สามเดือนที่ใหญ่ราวครรภ์สี่เดือน "เข้าใจแล้ว ช่วยพยุงข้าที..."จื่อหนี่ถอนใจกับสภาพของหมิงเสวี่ยในตอนนี้ ตัวเองทำตัวเองแท้ๆ จะโทษใครได้ "มา ข้าจะช่วย""ข้า...อยากไปส่งเขา...""ข้าไม่ให้ไป" จื่อหนี่บอกเสียงเฉียบ"ขอร้องล่ะ แค่แอบดูก็ได้...ข้าอยากเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย"นางตวัดสายตาดุมอง "อย่าพูดจาส่งเดชสาปแช่งนายท่านนะ!""แต่...""เจ้าไป มีแต่จะทำให้นายท่านไม่สบายใจเสียเปล่าๆ"หมิงเสวี่ยก้มหน้างุด นางคงไม่อาจทำอะไรได้แล้วจริงๆ"เข้าห้องไปเถอะ เสวี่ยเอ๋อร์""อืม" คราวนี้หมิงเสวี่ยทำตามอย่างว่าง่าย เด็กสาวเดินกลับไปที่ห้องอย่างรู้สึกอ้างว้าง ยิ่งได้ยินเสียงผู้คนค่อยๆ ทยอยเดินออกจากบ้านยิ่งทำให้ใจร้าวระบมไม่นาน บ้านก็กลับมาเงียบเชียบ แต่มิอาจสู้ความว่างเปล่าในใจนางได้เลยสามเดือนต่อมา หมิงเสวี่ยอายุครรภ์หกเดือน เดินอุ