หลังจากที่เควินบอกกับซันไชน์ว่า จะพาเธอออกไปหาซื้อของ ตามที่เธออยากได้ โดยไม่ยอมให้หญิงสาวขับรถไปเอง เพราะเธอขับรถไม่เก่งอีกทั้งยังไม่คุ้นชินกับเส้นทางในกรุงเทพ
ซันไชน์จึงขอเวลาขึ้นมาอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ ในระหว่างที่รอให้ชายหนุ่มโทรไปสั่งงานกับลูกน้องของเขา ด้วยเหตุที่ว่าวันนี้บอสใหญ่จะไม่เข้าบริษัทเพราะติดธุระที่สำคัญกว่า
ซันไชน์ยืนมองรูปร่างของตัวเองในกระจก พร้อมกับยกมือเรียวบางวางแนบบนทรวงอกเปลือยเปล่า..พลันภาพเหตุการณ์ระหว่างเธอและเขาที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน ก็ได้ย้อนเข้ามาในสมองของเธออย่างเด่นชัด
...สัมผัสร้าย!
ของชายหนุ่มเมื่อคืนนี้ มันยังฝังอยู่ในหัวสมองของซันไชน์ โดยสลัดออกไปจากความทรงจำไม่ได้เลย...
ทั้งที่รู้ว่าเขากำลังเมามายและไม่ได้สติ แต่เธอก็ยอมเผลอตัวเผลอใจไปกับเขา เมื่อถูกโลมเร้าเคล้าคลึงด้วยริมฝีปาก พร้อมกับปลายลิ้นร้อนผ่าวและฝ่ามือของเขาที่แสนช่ำชอง ซึ่งมันทำให้สมองของเธอพร่าเบลอจนเผลอตามใจเขาไปทุกอย่าง หรืออาจเป็นเพราะหัวใจของเธอเองที่ต้องการเขาไม่ต่างกัน
เควินรั้งชายเสื้อเพียงตัวเดียวบนเรือนร่างของซันไชน์ออกไปอย่างง่ายดาย ซึ่งในตอนนี้ร่างกายของหญิงสาวไม่มีอะไรปกปิดเอาไว้
มือใหญ่ขยำเค้นคลึงหน้าอกของเธอเล่นอย่างชอบใจ พร้อมกับใช้ริมฝีปากหยักขบเม้มดูดดุนมันอย่างรุนแรง ราวกับว่ามันคือของโปรดของเขา ยิ่งเร้าอารมณ์ของหญิงสาวให้หวามไหว ถึงกับเผลอครางไม่เป็นภาษาออกมาอย่างน่าอาย
“ อ๊ะ! คะ..เค อื้อออ!”
ร่างหนาซุกซนกับหน้าอกของเธออยู่พักใหญ่ ก่อนจะชันกายลุกขึ้นจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วเหวี่ยงทิ้งไปอย่างไม่ใยดี
ดวงหน้าคมพรมจูบต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าท้องแบนราบ สร้างความรู้สึกวูบวาบและเสียวซ่าน จนเกิดอาการสั่นเกร็งไปทั้งตัว
“...เควิน...”
หญิงสาวครางเรียกชื่อเขาเสียงสั่นพร่า ขณะที่เขาทอดสายตามองตามเรือนร่างของหญิงสาวอย่างรู้สึกหวามไหว จนทำให้เธอเขินอายอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี
เขากำลังคิดอะไรอยู่เหรอ...ถึงได้มองเธอแบบนี้น่ะ?
ชายหนุ่มเผลอมองเธอเพียงชั่วอึดใจ ก่อนจะก้มลงจูบซุกไซร้หน้าท้องเนียนเรียบของซันไชน์อย่างแผ่วเบา แต่ในทุกสัมผัสของเขา มันทำให้หญิงสาวร้อนรุ่มจนทนไม่ไหว ยิ่งเขาแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางกายของเธอด้วยแล้ว มันทำให้เธอเผลอร้องครางออกมาอย่างลืมอาย ทั้ง ๆ ที่มันยังไปไม่ถึงไหนเลยด้วยซ้ำ
ร่างกายของเธอไวต่อสัมผัสของเขาขนาดนั้นเชียว?
เขาหล่อร้าย นัยน์ตาเซ็กซี่และร้อนแรงมากจนเธออยากจะบ้าตาย ไปกับสายตาของเขาที่แทบจะเผาร่างเธอให้มอดไหม้ พาลคิดอะไรไม่ออก
ยิ่งเขาเลื่อนใบหน้าต่ำลงมาคลุกเคล้าตรงจุดอ่อนไหวที่สุดของร่างกาย ซันไชน์ยิ่งหายใจหอบหนักจนแทบขาดใจ เมื่อได้รับสัมผัสจากปลายลิ้นอุ่นร้อนของเขา ทำเอาหญิงสาวครางลั่นแทบจะทันที
“อ๊า! เค..ซันเสียว...อื้อออ”
ซันไชน์พยายามหนีบขาเข้าหากัน และดันหัวเขาออก แต่ยิ่งขัดขืนเขามากเท่าไหร่ คนตัวใหญ่ก็ยิ่งกดปลายลิ้นอุ่นร้อนลงลึกมากกว่าเดิม
หญิงสาวบิดกายเร่า ๆ แทบขาดใจ อยากจะร้องครางออกมาแทบตายแต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะมีใครผ่านมาแล้วได้ยิน
ยิ่งเธอขืนตัวไม่ยอมให้เขาเอาแต่ใจมากแค่ไหน ก็เหมือนกับว่าอีกฝ่ายยิ่งรุกเร้าเธออย่างรุนแรง จนซันไชน์ฝืนตัวเองต่อไปไม่ไหว
เมื่อหญิงสาวกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง ด้วยริมฝีปากของเขาแล้วนั่นละ เขาจึงยอมผละออกมาได้ จากนั้นจึงเลียริมฝีปากของตัวเอง ขณะมองสบตาหญิงสาวด้วยนัยน์ตาฉ่ำวาว
ซันไชน์นอนหายใจหอบหนักราวกับคนหมดแรง ได้ยินเพียงเสียงหัวเข็มขัดที่ถูกถอดออก พร้อมกับกางเกงชั้นในและชั้นนอก ก็น่าจะถูกถอดออกตามมาหลังจากนั้น ก่อนที่ร่างหนาจะโน้มตัวลงมาทาบทับกับเธอไว้
เควินกำลังสอนบทเรียนรักครั้งแรกให้กับซันไชน์ และหญิงสาวก็หวังเอาไว้ว่า มันจะผ่านไปได้เหมือนกับใคร ๆ อีกหลายคน
“ อื้ออ..”
เธอครางอือ เมื่อเจ้าของริมฝีปากร้ายกาจบดจูบเธออย่างดูดดื่ม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเว้าวอนเชิงร้องขอ พอๆ กับที่ฝ่ามือหนาลูบไล้ด้านข้างลำตัวลงมาจนถึงเรียวขาด้านใน ก่อนจะแยกมันออกจากกัน และช้อนข้อพับขาตรงหัวเข่าขึ้นมาหลังจากนั้น นั่นทำให้คนใต้ร่างถึงกับสะดุ้งโหยง
เฮือก!
เพราะรู้สึกถึงตัวตนของอีกคน ที่กำลังสอดแทรกเข้ามาได้...
สิ่งที่เธอคิดไว้ กำลังจะเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ!
หยุดทุกอย่างไว้ตอนนี้แล้วมันจะทันไหมนะ?..
ไม่ทันละ..ในเมื่อเจ้าของร่างหนากำลังจะ...
“อ้ายยย...เค!...วิน!..อื้อออ!”
ซันไชน์จิกเล็บตะกายลงบนแผ่นหลังของร่างใหญ่ หลังจากที่เขาแทรกความเป็นชายเข้ามาในตัวเธอ อย่างไม่คิดจะยั้งนั่นเลยสักนิด เพราะความเมาและไม่มีสติพอจะแยกแยะหรือยั้งคิดอะไรได้เลยสักอย่าง ไม่รู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรลงไปบ้าง?...
กับครั้งแรกของเธอ!
“...เค!..ซันเจ็บ!” หญิงสาวหวีดร้องสุดเสียงพร้อมทั้งน้ำตา อย่างที่ไม่กลัวว่า จะมีใครผ่านไปผ่านมาแล้วได้ยิน
ดูเหมือนคนที่กำลังเมาอยู่ เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอเข้า เขาก็ได้สะบัดหน้า และมองสบตากับเธอแวบหนึ่ง ซึ่งมันเหมือนกับถูกตบหน้าเรียกสตินั่นละ ก่อนที่เธอจะผวาเข้ากอดคอเขา แล้วร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็กเล็กๆ อย่างไม่อาย
จนรู้สึกถึงวงแขนที่รัดร่างเธอไว้ข้างหนึ่ง ซึ่งมันได้เปลี่ยนเป็นฝ่ามือกว้างที่กำลังลูบไล้แผ่นหลังของเธอไปมาเบา ๆ ราวกับกำลังปลอบประโลมอยู่ชั่วอึดใจ เพื่อให้อีกฝ่ายได้คุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ที่ตอนนี้มันกำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่ และเต้นตุบตับอยู่ในช่องทางรักคับแน่นของคนด้านใต้
ริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบไปทั่วใบหน้า แล้วผละออกมาประสานนัยน์ตากับคนใต้ร่าง ก่อนจะกดจูบข้างขมับย้ำ ๆ พลางเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไป
“เธอ...เป็นใคร?”
“..!!..”
“ทำไม?..ฉันถึงคุ้นหน้าเธอ...”
เขา...หายเมาแล้วยังงั้นเหรอ?
ทำยังไงดีละ...ซันไชน์..?
“ลูกหลับแล้วเหรอคะ?”เสียงหวานเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างหนา เดินผ่านประตูออกมานั่งลงตรงข้ามกับเธอ โดยมีโต๊ะกระจกกั้นระหว่างกันเอาไว้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรนัก แต่ซันไชน์ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี เพราะแทนที่คนตัวใหญ่กว่าจะมานั่งอยู่ใกล้ๆ แต่ทำไมหญิงสาวถึงรู้สึกว่า เหมือนเขาต้องการจะเว้นระห่างกับเธอนัก แต่ก็ไม่อยากถาม“อืม...ถ้าเอรินไม่หลับพี่ก็คงจะหลับไปก่อนละ ไหนจะร้องเพลงกลับไปกลับมากล่อมพี่งี้ ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ อีกทั้งนิทานก็เล่าวนไปวนมาที่เดิมไม่ยอมจบนั่นซะที แต่ก็น่ารักดีนะ พูดยังกะต่อยหอย ตัวเท่านี้ไปหัดพูดที่ไหนมา” รอยยิ้มเกลี่ยไปทั่วใบหน้าในขณะที่เอ่ยถึงลูกสาว ที่บอกกับเขาว่าจะร้องเพลงกล่อมให้นอนหลับสบาย ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวตื่นเต้นที่ได้เห็นพ่อนั่นละ พูดจาเจื้อยแจ้วราวกับนกแก้ว แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเอาง่ายๆ นั่นอีกด้วยนะ จนเขาต้องแกล้งหลับนั่นละ เจ้าตัวถึงได้หลับตามๆ กันไป เพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟังแล้วไง ซันไชน์ทิ้งให้เขาอยู่กับลูกเพียงลำพัง ส่วนตัวเองก็มานั่งทอดอารมณ์ ที่ระเบียงหลังห้องเพื่อรอเขา“แกชอบคุยกับสัตว์ค่ะ สัตว์ทุกชนิด ชอบคุยอยู่คนเด
“คุณ!..หยุดอยู่ตรงนั้นนะ แล้วปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”ซันไชน์รีบตะโกนเสียงดังเชิงสั่งออกไป แล้วมันก็สามารถหยุดชายร่างใหญ่คนนั้นเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันมาประจันหน้ากับเธอ!!!ซันไชน์เบิกตากว้าง รู้สึกทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ดันทำให้ขาทั้งสองข้างของหญิงสาว ก้าวต่อไปไม่ได้ไปซะเฉยๆ อีกทั้งน้ำตา ก็พาลไหลออกมาไม่หยุดเลย นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวซะเอง นัยน์ตาคมกวาดมองใบหน้าของซันไชน์ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่ต่างกัน วงแขนแกร่งข้างที่ว่างโอบรั้งร่างบางให้เข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าต่อจากนั้น “ ชัน...ไม่ร้องสิ” บอกเธอว่าอย่าร้องไห้ แต่เขาก็กลั้นมันไว้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งเขายังกลัวว่าเมื่อลูกสาวเห็นคนเป็นแม่ร้องไห้หนักเข้าเจ้าตัวอาจจะร้องไห้ตาม แต่ทว่าเอรินเข้มแข็งมากกว่าที่เควินคิดไว้เสียอีก นอกจากเจ้าตัวจะไม่ร้องไห้แล้ว ยังยื่นมือเล็กๆ เข้าไปเช็ดน้ำตา พร้อมกับคำพูดปลอบใจให้อีกว่า“โอ๋..คุณแม่ขาไม่ร้องนะคะ...อึ๊บค่ะๆ” เควินอยากจะหัวเราะขำ แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้นได้ ตอนนี้สิ่งที่ชายหนุ่มควรทำมากที่สุด ก็ค
เอรินอุทานเรียกชายร่างสูงที่ยื่นถุงขนมส่งมาให้เธอตรงหน้าว่า พ่อ นั่นแหละ แล้วมันก็ทำให้เจ้าของร่างใหญ่เลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงข้างหนึ่ง เชิงถามอย่างรู้สึกแปลกใจ ก็ในเมื่อทั้งสองคนเพิ่งจะเคยได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก เอรินก้มเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีชมพูเข้ากับชุดคิตตี้ที่ใส่ แล้วหยิบรูปถ่ายที่เคลือบเอาไว้อย่างดี ออกมาเทียบกับใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายย่อตัวลงนั่ง เพื่อให้สายตาของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายที่นั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้า ก็ยังสูงกว่าเอรินอยู่ดี คิ้วเรียวเล็กเลื่อนเข้าหากันทันทีอย่างสงสัยระคนแปลกใจ ว่าทำไมชายคนนี้ถึงมีใบหน้าคล้ายกับบิดาของเธอได้กริยาอาการรวมไปถึงการกระทำราวกับเจ้าตัวเป็นผู้ใหญ่ มันทำให้อีกฝ่ายต้องยิ้มขำออกมาก่อนจะเอ่ยถามเอรินออกไปว่า“หน้าเหมือนกันมั้ยครับ?”“......”ใบหน้าน่ารักไม่ตอบกลับ เพราะสมองน้อยๆ ของเอรินในตอนนี้กำลังใช้ขบวนการทางความคิดค่อนข้างมากนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตมองชายในรูปภาพ สลับกับมองใบหน้าของชายร่างสูงใหญ่สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น เมื่อตอบตัวเองไม่ได้นั่นแหละ เจ้าตัวจึงเปลี่ยนเป็นตั้งคำถามกลับไปแทน“คุณลุงเ
ตั้งแต่เควินได้พาตัวเองหายไปจากชีวิตของทุกคน โดยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวไปอยู่ที่ไหน นอกเสียจากเพื่อนสนิททั้งสี่คนนั่นแล้ว นอกนั้นต่างก็รู้แค่ว่าชายหนุ่มได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกระทั่งผู้ให้กำเนิดหรือแม้แต่ตัวซันไชน์เอง ได้รู้เหตุผลทุกอย่างจากเพื่อนๆ ของเขา ที่ต่างก็ช่วยกันเล่าเรื่องราว ก่อนหน้าที่หญิงสาวจะฟื้นขึ้นมาให้เธอฟัง ทั้งยังบอกเหตุผลอีกว่า การที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นั่นย่อมไม่มีใครคอยไปรบกวน และทำให้ชายหนุ่มปฏิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างเต็มที่จากเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดา ยังไม่ทันได้ก่อตัวเป็นรูปร่างเท่าไหร่ คนเป็นพ่อก็ต้องมาจากไปไกล โดยทิ้งอีกฝ่ายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ภายใต้สายระโยงระยาง ที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวเต็มไปหมดถึงแม้หญิงสาวจะได้รับข่าวร้ายที่ทำให้ปวดหัวใจ จนแทบไม่อยากตื่นขึ้นมามีลมหายใจไปวันๆแต่ถึงอย่างนั้นซันไชน์ก็ยังมีเพื่อนๆ ของสามีคอยช่วยเตือนสติ และบอกข่าวดีต่อจากนั้นอีกว่า ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของหญิงสาว ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของเขายังปลอดภัยดี นั่นจึงทำให้คนที่กำลังนอนทอดอาลัย ถึงกับมีแรงฮึดขึ้นมาสู้ต่อ เพื่อรอวันที่จะได้อยู่
เควินชักสายตากลับมามองหน้ากรรวีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง มนต์พยัคฆ์เองยังไม่อยากจะมอง เขาต้องเบี่ยงองศาไปที่กรรวีอย่างต้องการคำตอบด้วยเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม เมื่อมีเสียงของชนธัญดังนำหน้ามาก่อนเจ้าตัวชายหนุ่มกำลังประคองร่างของเมียรัก ในขณะที่บ่นตามมาต่อจากนั้นว่า“ทำไมเดี๋ยวนี้เธอถึงได้ดื้อกับพี่จังฮะ ให้นั่งรถเข็นก็ไม่เอา พี่จะอุ้มก็ไม่ยอมอีก ถ้าลูกของเราหลุดออกมาตอนเธอเดินจะทำไง?”“พี่ม่อนจะเว่อร์ไปไหนคะเนี่ย ท้องเฌอร์เล็กแค่นี้เอง ไม่เห็นจะหนักเลยสักหน่อย แล้วเฌอร์ก็เดินเองได้ค่ะ เพื่อนๆ ของพี่กับลูกกวางยืนรอเราอยู่นั่นแล้วไงคะ เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ มัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ”เฌอร์ลีนต่อว่า พลางส่ายหน้าอย่างระอาสามี ที่กลัวนั่นกลัวนี่จนเกินเหตุ ก่อนจะเดินนำหน้าเข้ามาหาคนที่ยืนรอพวกเธออยู่ก่อนแล้ว ดูคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงมากกว่าคนที่เดินตามหลังกันมานั่นซะอีกเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนต่างทักทายและปลอบใจกันพอเป็นพิธีกรรวีรู้ว่าเวลามีไม่มากนัก เธอจึงบอกให้ทุกคนมานั่งพัก เพื่อจะได้รอฟังผลการผ่าตัดของซันไชน์ จากหมอใหญ่ได้ตลอดเวลาทุกคนที่เหลือต่างพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัว
มนต์พยัคฆ์รีบบึ่งรถลงใต้ โดยใช้คนขับรถของเขาเป็นคนขับให้ เพราะหากว่าเขาเป็นคนขับเอง มันคงไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น มนต์พยัคฆ์ต้องการซักถามคนที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างถนัด ๆ มากกว่า เพราะกรรวีไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากบ้านมา นั่นเลยต่างหากละ“ลูกกวาง”“....คะ”กรรวีขานรับทันทีหลังจากที่ได้ยิน จากนั้นเธอจึงพูดต่อเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังรอฟัง“ลูกกวางรู้ตั้งแต่วันที่พี่เคพาพี่ซันมาบ้านของเราก่อนแต่งงานวันนั้นไงคะ พี่เสือจำได้มั้ยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขก”กรรวีอธิบายหลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดทาง พลางถามกลับไป และรอให้ชายหนุ่มคิดก่อนจะย้ำถามเขาอีกครั้ง“พี่เสือจำได้รึยังคะ?”“มีแก้วตกลงมาแตกนั่นนะเหรอ”“ใช่ค่ะ”“ มันเกี่ยวข้องกันยังไง ถ้าเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วจะเข้ามาในบ้านของเราได้เหรอ?”“เขาอยู่กับพี่เค...เขาปักหมุดเอาไว้ตั้งแต่แรก”“เจ้ากรรมนายเวรของมันงั้นสินะ..เธอเห็น?”กรรวีพยักหน้ารับแทนการตอบกลับมาด้วยเสียง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังอยากจะรู้อะไรมากกว่านั้นอีก“เห็นเป็นยังไง?...หน้าตาละ? ท่าทาง?..ทำไมแก้วนั่นถึงตกลงมาได้?” มนต์พยัคฆ์เอ่ยถามคนตรงหน้า ด้วยน้ำเสียงที่