로그인หายไปไหน…”
ไนท์พึมพำออกมาเบา ๆ หลังวางสายโทรศัพท์ เขาใช้เวลาจัดการเรื่องส่วนตัวอยู่นอกร้านนานพอสมควร พอเดินกลับเข้ามาอีกที มุมชั้นหนังสือที่ทั้งเดย์กับแสงเหนือยืนอยู่เมื่อครู่ก็ว่างเปล่าไร้เงาของทั้งสองคนซะแล้ว
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันนิด ๆ ดวงตาคมกวาดมองไปรอบร้านอย่างเคยชิน ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกดโทรหาอีกฝ่าย ทว่าปลายนิ้วกลับหยุดชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นภาพบางอย่างตรงโซนของเล่นเด็กที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของร้านหนังสือ
ไนท์มองร่างสูงของเดย์กำลังยืนอยู่หน้าตู้คีบตุ๊กตา มือหนาจับคันบังคับแน่น สายตาจดจ้องทำอะไรสักอย่างแบบตั้งใจ ส่วนข้าง ๆ กันคือยัยเปี๊ยกของเขาที่ยืนมองด้วยท่าทีลุ้นระทึก ดวงตาเป็นประกายจนเห็นได้ชัดแม้ในระยะไกล
ไนท์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะก้าวเท้ามุ่งตรงไปทางนั้น เสียงมือหนาทุบปุ่มกดรัว ๆ ท่ามกลางเสียงโวยเบา ๆ ของฝาแฝดตัวเอง
“อ้าวเฮ้ย ๆ เดี๋ยวก่อนสิ!”
เสียงบ่นดังลั่น เมื่อกรงเล็บโลหะปล่อยตุ๊กตากระต่ายสีขาวให้ร่วงลงไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่อีกนิดเดียวก็จะถึงช่องปล่อยตุ๊กตาอยู่แล้ว
ไนท์หยุดยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งเอ็นดูคนตัวเล็ก ทั้งขำปนเอือมระอาพี่ชายตัวเอง ต่างกับแสงเหนือที่กำลังหัวเราะคิกคัก
มือเล็กยกขึ้นป้องปากด้วยท่าทีขำขัน ขณะที่ฝาแฝดของเขายืนทำหน้าขัดใจ แต่ก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้ ก้มหน้าหยอดเหรียญที่แลกมาเพิ่มลงไปอีก
“มึงว่างจนต้องมาแย่งเด็กเล่นที่คีบตุ๊กตาแล้วหรือไง”
“มึงอย่ากวน กูจะเอาตุ๊กตาให้เหนือ”
“…”
ทันทีที่ไนท์เดินเข้าไปใกล้ เสียงเหรียญที่หยอดลงช่องจ่ายตังค์ของตู้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ฝ่ามือของเดย์จะขยับจับคันบังคับอย่างตั้งใจ คราวนี้คนตัวเล็กข้าง ๆ เอียงตัวลุ้นตาม ดวงตากลมโตจ้องมองไม่กะพริบ
“สู้ ๆ ค่ะพี่เดย์ อีกนิดเดียวพี่เดย์! อย่าเพิ่งปล่อยนะคะ!”
“พี่ก็ไม่ได้อยากปล่อย แต่ไอ้นี่มันชอบหลุดเอง!”
เสียงทุ้มตอบกลับอย่างหงุดหงิดปนขำ ก่อนจะเงยหน้ามามองคนข้าง ๆ ที่กำลังหัวเราะจนตาหยี ยิ่งเห็นแบบนี้เขาก็ยิ่งอยากเอาตุ๊กตามาให้เธอให้ได้
“เหนืออย่าหัวเราะพี่สิ พี่กำลังจริงจังอยู่นะเนี่ย”
“พี่ก็อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ”
แสงเหนือยังคงยิ้มพร้อมกับพยายามกลั้นขำคนตัวโต จนกระทั่งเสียงอีกคนดังขึ้นข้างหลัง
“ทำไมมึงไม่ขอซื้อให้มันจบ ๆ”
เสียงทุ้มของไนท์ทำให้ทั้งคู่หันกลับไปมองอีกครั้ง ก่อนที่เดย์จะขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมกับใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเบา ๆ แล้วทำเสียงจิ๊ที่ปากเบา ๆ เพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวได้เผลอปล่อยมือจากตู้คีบทำให้ตุ๊กตาที่พวกเขาต้องการหลุดไปอีกครั้ง
“อ้าวเฮ้ย! ดูดิ พี่จะคีบได้อยู่แล้ว!”
“ก็ใครใช้ให้พี่ปล่อยมือละค่ะ” แสงเหนือกลั้นเสียงหัวเราะ พลางส่ายหน้าอย่างเอ็นดูผู้ชายตัวโตตรงหน้า
“โธ่เหนือ พี่เกือบจะทำคีบได้อยู่แล้วนะเนี่ย ถ้าไอ้ไนท์ไม่มาขัดเหนือก็คงได้ตุ๊กตาไปแล้ว”
ไนท์ที่ยืนดูอยู่นานยกแขนขึ้นกอดอก รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นอย่างขบขัน
“มีฝีมือแค่นี้ยังจะขี้โม้ แค่ตุ๊กตายังคีบไม่ได้”
“อ้าวพูดงี้ งั้นมึงกับกูมาแข่งกัน” เดย์เลิกคิ้วท้าทาย
“เอาสิ กูไม่มีทางแพ้มึงอยู่แล้ว”
แสงเหนือเงยหน้าขึ้นมองสองแฝดสลับกันอย่างงง ๆ จากตอนแรกที่แค่คีบตุ๊กตาฆ่าเวลา ระหว่างรอให้พี่ไนท์ทำธุระ ก่อนจะไปหาอะไรกินด้วยกัน กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งคู่ กำลังแข่งกันคีบตุ๊กตาอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อเจ้าขนนุ่มหูยาวที่นอนอยู่ในตู้กระจกใส
“แต่ มันก็แค่ตุ๊กตาเองนะคะ”
“จะอะไรก็ช่าง พี่จะเอาตุ๊กตามาให้เหนือก่อนมันเอง”
เดย์พูดพลางหยอดเหรียญที่แลกมาลงตู้อีกครั้ง ในขณะที่ไนท์เองก็เดินไปแลกเหรียญเพื่อมาหยอดตู้คีบไม่ต่างกัน
“คอยดูนะ แค่เหรียญเดียวกูก็เอาตุ๊กตามาให้เหนือได้แล้ว” ไนท์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดถากถางอีกคน ที่แลกเหรียญมาไว้เต็มตะกร้า
“เหอะ แล้วกูจะรอดู ไอ้คนเก่ง”
เดย์สวนกลับ ก่อนจะก้มตัวจับคันบังคับอีกครั้ง แสงเหนือยืนมองสองคนผลัดกันเล่นตู้คีบอย่างตั้งใจจนอดขำไม่ได้
“พี่เดย์ พี่ไนท์ สู้ ๆ ค่ะ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นในหมู่สามคน บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสนุกสนานจนคนผ่านไปมาหลายคนแอบอมยิ้ม ไม่นานกรงเล็บเหล็กก็เคลื่อนไปทางช่องปล่อยใส่ตุ๊กตา
เดย์จับกดปุ่มอย่างมั่นใจเพื่อเตรียมกดปล่อย แต่ตุ๊กตากระต่ายสีขาวก็ร่วงลงไปอีกครั้งต่อหน้าต่อตาทั้ง ๆ ทีอีกนิดเดียวเขาก็จะคีบมันได้สำเร็จ
“โธ่เว้ย! ทำไมมันไม่ตกในช่องสักทีวะ”
“เพราะมึงมันอ่อนไง ต้องอย่างกู เขาถึงจะเรียกว่าของจริง”
ไนท์หัวเราะเบา ๆ เขาก้มตัวบังคับที่คีบตู้หน้าตัวเองทันที สายตาจับจ้องที่ตุ๊กตาแบบเดียวกันกับตัวที่เดย์คีบพลาดไปถึงสองรอบติด
“พี่ไนท์…”
แสงเหนือพึมพำออกมาเบา ๆ พลางมองเขาอย่างลุ้นระทึกไม่แพ้กัน เพียงไม่นานกรงเล็บเหล็กก็เกี่ยวตุ๊กตาได้อย่างแม่นยำ และคราวนี้มันก็ค่อย ๆ เลื่อนมายังจุดหมายท่ามกลางความลุ้นระทึกของทุกคน
แต่ยังไม่ทันจะถึงช่องปล่อย กรงคีบเจ้ากรรมก็ทำเจ้าตุ๊กตากระต่ายหลุดลงกลางทางอีกครั้ง เรียกเสียงหัวเราะสะใจจากฝาแฝดอีกคนที่ยืนกอดอกมองอยู่ได้เป็นอย่างดี เหมือนว่าเขากำลังรอจังหวะที่จะได้เยาะเย้ยนี้โดยเฉพาะ
“คอยดูนะ แค่เหรียญเดียวกูก็เอาตุ๊กตามาให้เหนือได้แล้ว”
เดย์ที่กำลังหัวเราะฝาแฝดตัวเองร่วน พร้อมกับทำเสียงล้อเลียนคำพูดของไนท์ก่อนหน้านี้ ที่อีกฝ่ายคุยโตโอ้อวดว่าตัวเองสามารถคีบตุ๊กตานี้ได้ภายในเหรียญเดียว
“เอ่อ หัวเราะไปครั้งนี้กูแค่พลาด ครั้งต่อไปกูไม่พลาดแน่”
จากรอบแรกที่ตั้งใจแค่เป็นการแข่งกันเล่น ๆ อย่างไม่ตั้งใจ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทั้งสองคนก็ยังยืนอยู่หน้าตู้คีบตุ๊กตาเหมือนเดิม เสียงเหรียญตกลงในช่องดังแกร๊ก สลับกันไปมาซ้ำ ๆ พร้อมกับเสียงบ่นของสองแฝดที่ดังสะท้อนออกมาไม่หยุด
มือใหญ่จับคันบังคับแน่น สายตาจดจ่ออยู่ที่ตุ๊กตาอย่างไม่วางตา แสงเหนือที่ตอนแรกยังยืนลุ้นอยู่ข้าง ๆ ด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนมานั่งยอง ๆ ข้างตู้แทน
ดวงตากลมมองตามการเคลื่อนไหวของกรงคีบอย่างเหนื่อยอ่อนปนขำกับท่าทางหัวเสียของทั้งสองคนที่ไม่ต่างจากเด็กผู้ชายที่อยากเอาชนะ
“พี่เดย์ค่ะ… พี่ไนท์ค่ะ…”
“หืม?/ครับ” ทั้งคู่หันมาตอบแทบจะพร้อมกัน
“นี่มันนานชั่วโมงแล้วนะคะ คีบไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“แต่พี่จะได้อยู่แล้ว เหนือรอ…”
เดย์พูดเสียงอ่อย คำพูดที่ตั้งใจบอกขาดห้วงไปในจังหวะที่ตุ๊กตากระต่ายสีขาวร่วงลงไปอีกครั้ง
“กล้าพูด ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่ามึงคีบไม่ได้” ไนท์แซวเสียงนิ่งแต่ยกมุมปากนิด ๆ
“พูดมาก มึงก็ไม่ต่างจากกูหรอก”
“นั่นมันเป็นเพราะตู้มันไม่ดี ไอ้ที่คีบแมร่งหนีบอะไรก็ไม่ติด”
“ของกูก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“โธ่ พี่ ๆ อย่าทะเลาะกันสิคะ” แสงเหนือพูดพลางหัวเราะเบา ๆ ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบขณะมองสองคนตรงหน้า
“เหนือว่า เรากลับกันเหอะค่ะ ไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะคะ”
ทั้งเดย์และไนท์หันมามองหน้าเธอพร้อมกัน ดวงตาคมทั้งคู่ฉายแววความเหนื่อยผสมความขบขำ ก่อนจะมองหน้ากันเอง แล้วต่างก็หลุดหัวเราะออกมา
“เออ ก็ได้… ยอมแพ้ก็ได้” เดย์ยกมือขึ้นยอมแพ้อย่างเสียไม่ได้
“เอ่อ เอาไว้ครั้งหน้าพี่จะพาหนูมาใหม่” ไนท์พูดพลางหัวเราะเบา ๆ
“ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ ก่อนที่พี่สองคนจะทะเลาะกับตู้คีบอีก”
เสียงหัวเราะของสามคนดังขึ้นอีกครั้งขณะเดินออกจากโซนของเล่น แม้ไม่มีตุ๊กตาติดมือกลับไปสักตัว แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอและบรรยากาศอบอุ่นรอบตัวกลับเป็นสิ่งที่ทั้งสองรู้ดีว่าคุ้มค่าแล้วกับเงินที่เสียไป
“วันนี้สนุกมากเลยค่ะ”
แสงเหนือพูดพร้อมรอยยิ้มสดใส ก่อนจะเดินนำออกไปช้า ๆ โดยมีไนท์เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างเงียบ ๆ เดย์มองตามทั้งสองคนไป พลางหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะพากันเดินออกไป
เดย์ยืนอยู่ข้างตู้คีบอยู่ชั่วครู่ มองตุ๊กตากระต่ายสีขาวที่ยังคงนอนอยู่ในตู้เหมือนเดิม ก่อนที่สายตาของเขาจะเลื่อนขึ้นไปเห็นข้อความบนกระดาษเล็ก ๆ แปะอยู่
ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากทันที ฝ่ามือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก้มพิมพ์เบอร์และไอดีไลน์นั้นลงในโน้ตอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตามร่างของทั้งสองคนที่เดินห่างออกไปทุกที
“คราวหน้า พี่จะคีบให้ได้เลย รอก่อนนะ”
เขาเหลือบตามองเจ้าขนปุยหูยาวสีขาวอีกครั้ง พลางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แล้วรีบวิ่งตามทั้งคู่ไป เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังไล่หลังจนทันตอนที่แสงเหนือหันกลับมามองพอดี
“เหนือ รอพี่ด้วยครับ”
“พี่เดย์เดินเร็ว ๆ สิคะ เหนือหิวจะแย่”
แสงเหนือหัวเราะคิก ไนท์ส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับกำลังเหนื่อยระอา แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความเอ็นดู ก่อนทั้งสามจะเดินเคียงกันออกจากห้าง ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น เหมือนเวลานั้นมีเพียงความสบายใจและความผูกพันที่ค่อย ๆ เติบโตอย่างเงียบ ๆ
“มึงจะมายืนดูคลิปโป๊ เหี้ยอะไรตอนนี้”เดย์หันกลับไปถามแฝดของตัวเองที่กำลังขมวดคิ้วมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ในระหว่างที่พวกเขากำลังรอขนมและเครื่องดื่มอย่างชาเขียวปั่นกับเค้กแครอทของโปรดแสงเหนือที่ต้องมาซื้อเป็นประจำ“ดูคลิปเหี้ยอะไร กูดูพิกัดแสงเหนือ กูว่ามันแปลก ๆ ว่ะ”เดย์ที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของตัวเองขึ้นมาทันที ก่อนจะเปิดดูพิกัดและการเคลื่อนไหวของแสงเหนือที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ“เหนือไปทำอะไรที่ตึกนิเทศ”เรียวคิ้วหนาของเดย์และไนท์ ขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกสงสัยและความร้อนใจก่อตัวขึ้นมาทันที เพราะคนตัวเล็กไม่เคยไปไหนมาไหนโดยที่ไม่บอกพวกเขาแบบนี้สักครั้ง“ไอ้ซัน เครื่องดื่มกับขนมของแสงเหนือกูไว้ก่อนนะ เดียวมาเอา”“มีอะไรวะ”“กูจะรีบไปหาแสงเหนือ”ไนท์บอกกับเพื่อนสนิทตัวเองที่เป็นเจ้าของร้านคาเฟ่แห่งนี้ แม้ชื่อและกรรมสิทธิ์จะเป็นของหญิงสาวรุ่นน้องอย่างไอริสก็ตาม ก่อนจะพากันวิ่งออกไปด้วยท่าทางร้อนรน เพราะสัญชาตญาณของเขามันกำลังบอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับแสงเหนือแน่นอนตึกเก่าคณะนิเทศ“ยะ อย่าเข้ามานะ”“ชูว์ ไม่ต้องร้อง มันไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลยคนส
แสงเหนือยังคนก้มหน้าดูบางสิ่งบนหน้าจอไอแพดอย่างตั้งอกตั้งใจ หลังจากมีการแจ้งยกคลาสในช่วงบ่าย ทำให้เธอต้องมานั่งรอฝาแฝดที่ใต้ตึกพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่างน้ำอุ่นที่อาสามานั่งรอเป็นเพื่อน“เหนือกำลังดูอะไรอยู่เหรอ”“อ้อ เหนือดูสูตรน้ำแซนวิส ว่ามีแบบไหนน่าสนใจบ้าง เมื่อคืนพวกพี่เขาบอกว่าอยากทานนะ”หญิงสาวตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างไม่ได้ใส่ใจ แต่ใบหน้ากลับเห่อร้อนจนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ หลังจากพูดออกไปตามความคิดตัวเอง ก็อดจะนึกถึงตอนที่เขาร้องขอให้เธอทำแซนวิสให้ทานไม่ได้“แซนวิสเหรอ” “อือ”น้ำอุ่นที่ยังคงจ้องมองใบหน้าที่แดงระเรื่อของเพื่อนสนิท พร้อมความรู้สึกคับแค้นเต็มอก ที่ดูเหมือนว่าเธอจะทนไม่ไหวอีกต่อไป แค่ได้เห็นใบหน้านั่น เธอก็พอเดาออก ถึงที่มาคำขอนั่นว่ามันเกิดขึ้นในช่วงเวลาไหน เพราะไม่งั้นคนตรงหน้าเธอ คงไม่หน้าแดงระเรื่อแบบนี้หรอกหากแต่ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ ทำไมคนที่สมหวังต้องเป็นแสงเหนือเพียงแค่คนเดียว ทำไมคนนั้นถึงไม่ใช่เธอ ทำไมต้องเป็นหญิงสาวธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้พิเศษอะไร ไม่รู้แม้กระทั่งความหมายของคำคำนั้นสุดท้ายน้ำอุ่นจึงได้ตัดสินใจส่งข้อความออกไปหาใครบางคนแ
“เหนือจะมีความสุขมากกว่าเดิมครับ พี่สัญญา”“อ่าส์ พี่เดย์ขามันเสียว”เรียวนิ้วแกร่งขยับเข้าออกช้า ๆ จากหนึ่งเปลี่ยนมาเป็นสองนิ้ว เพื่อค่อย ๆ ให้คนตัวเล็กได้ปรับตัว รับแก่นกายที่มีขนาดใหญ่ของเขาสายตาคมมองสบตาอย่างรู้กัน ไนท์ถอดถอนตัวตนแกร่งของตัวเองออก แล้วทาบริมฝีปากหนาประกบเข้ามาแทนที่ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนตัวเล็กขณะมือหนายังทำหน้าที่กอบกุมก้อนเนื้อนุ่มนิ่มแล้วบีบเคล้นอย่างเพลินมือ ก่อนจะปรายตามองคู่แฝดของตัวเองที่บีบชโลมลำแกร่งด้วยเจลหล่อลื่นจนเปียกชุ่ม“อื้มมมมมมมมมม”เสียงหวีดร้องดังออกมาในลำคอ แม้ในขณะที่ริมฝีปากยังถูกทาบปิดอยู่ หยาดน้ำตาลเอ่อคลอทันที เมื่อร่างสูงดันแท่งเอ็นร้อนเข้าไปในรูรักด้านหลังที่ปิดสนิทช้า ๆ จนสุดลำ“อ่า ตอดเอ็นพี่แทบขาดแล้วยัยตัวเล็ก”“…”ร่างแกร่งเป่าผ่อนลมหายใจออกทางปาก เพื่อระบายความเสียวกระสันที่ทำเอาขนลุกไปทั้งตัว แล้วปล่อยในรูรักตอดรัดเอ็นร้อนที่กดแช่ค้างไว้จนปวดหนึบ“พี่อยากให้เหนือเห็นหน้าตัวเองตอนนี้จัง ว่ามันยั่วเอ็นพี่แค่ไหน”ไนท์ผละริมฝีปากออกช้า ๆ หลังจากที่เห็นร่างบางเริ่มปรับตัวได้ ก่อนจะกดจูบซับน้ำตาที่เอ่อคลอ เพื่อปลอบประโลมอย่างอ่
“ถ้างั้น พี่ ๆ ช่วยเหนือเปลี่ยนชุดนี้ให้หนูหน่อยได้ไหมคะ หนูอยากใส่มันกับพี่สองคน”เสียงเธอสั่นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งที่เธอก็พยายามบังคับน้ำเสียงพูดให้ดูเป็นปกติ แต่คนฟังกับยกยิ้มที่มุมปากอย่างถูกใจ“งั้นพี่คงต้องขอดูแล้วละ ว่าในกล่องนั้นนอกจากชุดแล้วมันมีอะไรให้พี่เล่นบ้าง”น้ำเสียงต่ำของไนท์ลากยาว จนคำสุดท้ายคล้ายคำล้อเลียน สายตาของเขามันเต็มไปด้วยอารมณ์และความต้องที่ฉายออกมาอย่างชัดเจนแสงเหนือกลืนน้ำลายเฮือก รู้สึกถึงจังหวะการบีบรัดตัวของหัวใจตัวเอง ที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอกเธอขยับตัวถอยหลังช้า ๆ ด้วยความประหม่าจนแผ่นบางติดชิดขอบเตียง เพราะมันคือครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายเชิญชวนพวกเขาก่อน“เหนือรู้ไหม ว่าพอพูดแบบนี้ มันเหมือนเหนือกำลังยั่วพี่”เสียงทุ้มต่ำราบเรียบ แต่แฝงแรงปรารถนาในทุกถ้อยคำ ทำให้หัวใจเธอสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ“รู้ค่ะ แล้วพวกพี่ไม่อยากรักหนูเหรอ”“เปลี่ยนชุดค่ะ แล้วหนูก็คลานมาหาพี่”คนตัวเล็กลุกขึ้นยืน ก่อนจะค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกทีละชิ้น ทั้งที่ดวงตากลมโตยังคงมองไปยังร่างสูงอย่างไม่คิดจะหลบสายตาในเมื่อเธออยากมัดใจเขา ถึงมันจะน่าอา
หลายวันต่อมา สายฝนโปรยบาง ๆ เคล้ากับสายลมเย็นของปลายเดือน แสงเหนือยังคงใช้ชีวิตเหมือนปกติ ตื่นแต่เช้า ออกไปเรียน กลับมาทำอ่านหนังสือ จิบชาเขียวแก้วโปรด และพูดเสียงหวานนุ่มทุกครั้งที่ฝาแฝดโทรมาหา แต่ถึงอย่างนั้น เดย์กับไนท์ก็เริ่มจับสังเกตได้ถึงบางอย่างที่ ไม่ปกติ อย่างเช้าวันนี้ เมื่อนิติบุคคลโทรขึ้นมาแจ้งว่ามีพัสดุมาส่งดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม เพื่อขออนุญาตนำของขึ้นไปส่ง ก่อนที่เดย์จะเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย“พัสดุของคุณแสงเหนือครับ เซ็นรับตรงนี้เลยครับ”เด็กส่งของยื่นกล่องกระดาษสีน้ำตาลขนาดกลางมาให้ พร้อมใบเซ็นชื่อ เพียงแต่สิ่งที่เขาเห็นทำเอาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจทันที ก่อนจะรับของสิ่งนั้นมา“ขอบคุณครับ”เดย์เลิกคิ้ว สายตากวาดมองกล่องพัสดุสีน้ำตาลที่รับมาใบตรงหน้า เป็นอีกครั้งที่พัสดุปริศนาชิ้นนี้ที่ไม่มีชื่อร้านหรือสัญลักษณ์อะไรทั้งนั้น มีเพียงสติ๊กเกอร์เขียนตัวเล็ก ๆ ว่า ของใช้ส่วนตัว โปรดอย่าเปิดโดยพลการ“ของเหนืออีกแล้ว?”เขาพึมพำในลำคอ ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดมาก แต่ช่วงหลายวันมานี้ที่คอนโดของเขามีพัสดุมาส่งแทบทุกวัน ทั้งตอนเช้า และตอนเย็น และทุกครั้งมันจะไ
เสียงเครื่องยนต์ต่ำของ Porche Panamera 4E ดังสะท้อนก้องในลานจอดรถหลังคณะวิศวะฯ ขณะที่ทุกสายตาพากันหันมามองตามด้วยความสนใจรถยนต์หรูราคาเกือบสิบล้านที่ใครหลายคนหมายปองและใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของ หากแต่ครั้งนี้มันกลับไม่ใช่แค่รถที่ทุกคนกำลังสนใจ แต่กลับพ่วงด้วยเจ้าของรถ อย่างฝาแฝดแห่งวิศวะแสงเหนือในชุดนิสิตเรียบร้อยสะอาดตา เธอก้าวลงอย่างระมัดระวัง ข้าง ๆ แฟนหนุ่มทั้งสองคนเดย์ และ ไนท์ เปิดประตูลงมายืนรออยู่ก่อนพร้อมเอกสารเรียนของเธอ ทว่าในมือของทั้งคู่ยังถือถุงใส่รองเท้าคัทชูและแก้วชาเขียวที่เธอชอบติดมือมาให้อย่างใส่ใจท่ามกลางสายลมยามเช้า พัดผ่านสนามหญ้าเบา ๆ ขณะที่ทั้งสามคนเดินเคียงข้างกันไปยังตึกคณะแพทย์“เดียวเลิกเรียนพี่มารับนะครับ”ไนท์พูดเสียงเรียบแต่แฝงความอบอุ่น ก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าเธอ แล้ววางรองเท้าคัทชูสีดำคู่เล็กตรงปลายเท้า ให้เธอเปลี่ยนจากรองเท้าผ้าใบเป็นรองเท้าคู่ที่เหมาะกับชุดนิสิตมากกว่า“ขอบคุณค่ะ”เสียงหวานของคนตัวเล็กเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ด้วยความเขินอาย ทำให้หัวใจคนมองอ่อนยวบกับความน่ารักสดใสนั้น“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นหอมแก้มพี่สักทีได้ป่ะ”เดย์พูดแทรกขึ้นด้







