ปลายฟ้าที่พึ่งเลิกเรียนก็รีบเรียกรถเพื่อไปให้ทันเวลาเข้างานในอีกครึ่งชั่วโมงนี้ ร่างเล็กรีบเข้ามานั่งในรถพร้อมกับบอกจุดหมายที่จะไปให้กับคนขับรถ
เมื่อรถมาจอดยังหน้าร้านที่เขาทำงานอยู่ เขาก็รีบควักเงินจ่ายแล้วรีบวิ่งลงจากรถหายเข้าไปในร้าน แต่ทว่าคนที่ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่เวลานี้อย่างต้นหนาวกลับอยู่ที่นี่และกำลังนั่งคุยอยู่กับชัตเตอร์ “พี่เตอร์สวัสดีครับ คุณหนาวสวัสดีครับ” ปลายฟ้าเดินเข้าไปยกมือไหว้คนทั้งสองด้วยความนอบน้อม “มาก็ดีเลยพี่กำลังจะกลับบ้านพอดี” ชัตเตอร์ว่าขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ “ครับ? พี่มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่า!?” “เปล่าๆ ฟ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” ชัตเตอร์บอกปัดไปก่อนจะเอ่ยลาคนทั้งสองเพื่อกลับไปหาต้นลมที่ตอนนี้น่าจะใกล้กลับถึงบ้านแล้ว ปลายฟ้าจึงทำเพียงพยักหน้า เขาปลายตามองร่างสูงอยู่สามวิก่อนจะหมุนตัวเดินหายเข้าไปในห้องพนักงาน Talk ต้นหนาว วันนี้ที่ผมมาที่นี่ตั้งแต่เย็นก็เป็นเพราะผมอยากจะคุยเรื่องของปลายฟ้านิดหน่อยและจากประวัติที่ผมให้คนไปสืบมาคืออีกคนอยู่คนเดียวในห้องพักนั้น ทั้งพ่อและแม่ยังแยกทางกันตั้งแต่ปลายฟ้าอยู่ช่วงมัธยมเองด้วยซ้ำ ปลายฟ้าก็ยังอยู่กับแม่จนถึงตอนที่แม่แต่งงานใหม่ แต่ที่ผมอยากรู้คือหลังจากนั้น การที่ผมมาถามชัตเตอร์ย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด ทว่าชัตเตอร์ดันรู้แค่ว่าอีกคนใช้ชีวิตคนเดียวมาหลายปีและหาเงินส่งตัวเองเรียน พอเวลาเงินไม่พอชัตเตอร์ก็จะเป็นคนให้ยืมเสมอ ตอนนี้ในหัวของผมกำลังมีแต่เรื่องของปลายฟ้าเต็มไปหมด ทั้งที่ผมไม่เคยจะสนใจใครและไม่คิดจะมีใครด้วย ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือผมควรต้องบอกอีกสักรอบ แล้วถ้าผมดันไม่เบื่อล่ะ โอ๊ย ปวดหัวยิ่งกว่าทำงานมูลค่าหลายพันล้านอีก “คุณหนาวจะรับอะไรดี” ผมแค่นึกถึง ไม่ต้องมายืนต่อหน้าผมแบบนี้ก็ได้ไหมล่ะ ผมว้าวุ่นใจกันพอดี “คุณได้ยินที่ผมถามไหมเนี่ย!?” สีหน้าเริ่มไม่พอใจ “เอาอะไรมาให้กินก่อนก็ได้ที่ไม่ใช่เหล้า” ผมตอบออกไปส่งๆ เพื่อให้ผมได้อยู่กับตัวเองสักพักก็คงดี ก็ใครจะคิดล่ะว่าผมจะอยู่คุยกับชัตเตอร์จนมาถึงเวลาเข้างานของปลายฟ้าพอดี ผมทำเพียงแค่นั่งเงียบๆ อยู่ที่โต๊ะของตัวเอง มองดูร่างเล็กที่ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้มราวกับรักงานที่ทำอยู่มากขนาดนั้นแหละ และอาจจะเป็นด้วยความที่อีกฝ่ายหน้าตาสวยหวานตาแบบฉบับโอเมก้าจึงทำให้มักจะมีพวกอัลฟ่าชอบให้ดื่มเหล้าเพื่อแลกกับทิปอยู่บ่อยๆ แต่ผมว่าถ้าปลายฟ้าลองเอ่ยปากขอผมดู ผมคงจะรีบเซ็นเช็คให้อีกฝ่ายอย่างไม่ต้องคิดเลยล่ะ นี่ผมกำลังหลงเด็กอยู่ใช่ไหมเนี่ย? ทว่าเหมือนผมจะมั่วแต่เอาเวลาคิดเรื่องไร้สาระมากเกินไป พอผมหันไปอีกทีก็พบกับร่างเล็กที่น่าจะกำลังเมาจนหน้าแดงระเรื่อ ผมจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะแต่ไม่ใช่เพื่อจะพาร่างเล็กกับบ้านตอนนี้หรอกนะ ผมจะนั่งเฝ้ามันที่หน้าบาร์เนี่ยแหละ “เหล้าแก้วหนึ่ง” ชายหนุ่มว่าเสียงห้วน จากคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายแต่ในตอนนี้กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าที่มักจะมีคนเดินไปเดินมาอยู่บ่อยๆ “คุณหนาว ทำไมไม่เรียกพนักงานในไปเสิร์ฟล่ะครับ” ปลายฟ้าว่าพรางยื่นแก้วเหล้าสีอำพันไว้เบื้องหน้าของร่างสูงที่เขารู้จักพอสมควร ถามมากจริงๆ เดี๋ยวก็ลากกลับบ้านมันตั้งแต่ตอนนี้ “อย่าถามมากแล้วก็ทำงานของนายไป” ผมที่เห็นว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ใกล้ที่คนตัวเล็กจะเลิกงานแล้ว ผมรออีกสักหน่อยคงจะไม่เป็นอะไรหรอก ผมรอได้ ผมที่เห็นว่าคนอื่นๆ กำลังช่วยกันเก็บร้านอยู่ ผมก็ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิม อย่างไม่ได้ต้องการจะดื่มเหล้าเพิ่มอีก “ช่วงนี้มาร้านเหล้าบ่อยจังเลยนะต้นหนาว” ต้นลมที่เดินจับมือเข้ามากับชัตเตอร์เอ่ยทักทายผู้เป็นน้องด้วยความหยอกเย้า โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้น้องชายของตัวเองกำลังติดเด็กในร้านของตัวเองอยู่ “อืมม์” ผมทำเพียงแค่ตอบออกไปสั้นๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อออกไปรอปลายฟ้าที่รถแทน “นั่นนายจะกลับแล้วหรือยังไง” “ใช่ครับ พวกพี่สองคนเชิญอยู่ด้วยกันไปเถอะ” เขาว่าอย่างประชดประชัน ผมที่แยกออกมาจากสองคนนั้นที่ขนาดเจอหน้ากันทุกวันแต่ยังหวานกันได้ จนผมนี่เอียนมากเลย เอาตรงก็ อิจฉานั่นแหละครับ “คุณหนาวทำไมยังไม่กลับอีกครับ” ปลายฟ้าที่เดินออกมาเห็นชายหนุ่มกำลังยืนอยู่ที่รถของตัวเอง เขาจึงเดินเข้ามาถามร่างสูงเผื่อรถอาจจะเป็นอะไร “รอนายอยู่ เดี๋ยวไปส่ง” ผมพูดไปอย่างงั้นแหละครับสภาพนี้ต่อให้ส่งถึงหน้าหอก็ต้องลากขึ้นห้องอยู่ดี สู้ไปห้องผมดีกว่ามีค่าเท่ากัน “แต่ผมไม่ได้อยากกลับกับคุณนะครับ” ร่างเล็กว่าด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ “นายนี่มันดื้อเหมือนเด็ก” ถึงปากผมจะบ่นแต่ก็ยังคว้ามือดึงร่างเล็กเข้าไปด้วยกันด้านในรถอยู่ดี “ผมจะลงครับ” ร่างเล็กเนิ่มโวายวายเมื่อถูกขัดใจ “นั่งเฉยๆ” เขาว่าเสียงขรึมมือข้างหนึ่งจับข้อมือร่างเล็กรวบเข้าไว้ด้วยกัน ผมเริ่มสตาร์ทรถก่อนจะขับออกสู่ท้องถนนด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด เพราะวันนี้ผมไม่ได้รู้สึกรีบร้อนอะไรทั้งวันนี้ยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์อีกต่างหากผมมีเวลาเล่นกับลูกกระต่ายน้อยทั้งวันปลายฟ้าที่ได้รับอ้อมกอดจากคนที่เขารู้ตัวแล้วว่าเขารักอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเพราะอย่างน้อยลูกที่จะเกิดออกมาในอีกไม่กี่เดือนนี้ก็เกิดขึ้นจากความรักของเขา ทว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เดินเข้าไปในลิฟท์เพื่อกลับห้องของตัวเอง ก็ดันพบกับคุณหญิงโรสสรินยืนกอดอกอยู่เบื้องหน้าของทั้งสองคน ปลายฟ้าที่พึ่งจะนึกออกตอนที่เห็นคนเบื้องหน้าอยู่ตรงหน้าของเขาแล้วในตอนนี้ เพราะก็คือผู้หญิงที่เคยแหกอกพี่เตอร์ไปเมื่อสองปีก่อนนั้นเอง แบบนี้เขาก็คงจะถูกแหกปากใส่หน้าเหมือนตอนรุ่นพี่ของเขาโดนแน่นอน “แม่มาทำอะไรที่นี่ครับ!?” ต้นหนาวเอ่ยถามพลางเอื้อมมือไปจับมือเล็กไว้แน่นเพื่อเป็นการปลอบใจ “แม่ก็ให้คนสืบนะสิ ว่าทำไมแกถึงกลับไทยก่อนกำหนด” เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าลูกชายแอบซุกคนเอาไว้ “แล้วแม่มามีธุระอะไรครับ!?” เขายังคงถามต่อด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ขึ้นไปคุยกันบนห้องเถอะ!” “ฟ้าจะถูกแม่พี่แหกอกก่อนไหม!?” ร่างเล็กกระชับถามคนร่างสูงให้ได้ยินกันแค่สองคนเมื่อเข้ามายืนในรถแล้วเรียบร้อย “มีพี่อยู่ แม่ไม่กล้าทำอะไรฟ้าหรอก” เขาพูดปลอบใจคนตัวเล็ก ทั้งสามคนที่เข้
ต้นหนาวที่ตอนนี้เข้ามานั่งในร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางเป็นที่เรียบร้อยก็ทำสีหน้าเอื้อมระอากับตัวเอง ที่แต่อีกฝ่ายอ้อนนิดเดียวเขาก็ทำตามอย่างว่าง่ายแล้ว แล้วแบบนี้เขาจะไม่กลายเป็นคนกลัวเมียไปแล้วหรือยังไงกันนะ “เดี๋ยวฟ้าสั่งให้เองครับรับรองอร่อยแน่นอน” “ฟ้าเคยมากินแล้วเหรอ?” ร่างสูงว่าขึ้นด้วยความสงสัย “ยังครับ แต่คิดว่าคนเยอะต้องอร่อยแน่นอน” ร่างเล็กยิ้มอ่อนพลางเกาหัวแก้เก้อเขิน “งั้นก็กินเถอะ จะได้รีบกลับห้องกัน” ร่างสูงว่าพลางขยับคอเสื้อเล็กน้อยเพราะอากาศที่ร้อนจนเขาเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าและตามตัว ปลายฟ้าที่เห็นเหงื่อบนหน้าหล่อเหลาของร่างสูงก็หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นออกมาเช็ดเหงื่อที่หน้าให้ร่างสูงอย่างใจเย็น “คราวหลังสั่งไปกินบนห้องแทนแล้วกันครับ” ร่างเล็กเอ่ยขึ้นและเริ่มก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่คิดจะพูดอะไรอีก หลังจากทั้งสองทานอาหารกันจนเสร็จก็เดินข้ามถนนเพื่อกลับขึ้นคอนโดไปด้วยกัน เมื่อมาถึงในห้องทั้งสองก็เริ่มหาอะไรทำร่วมกันอย่างเช่นการนั่งดูซีรีย์ด้วยกันหนึ่งเรื่อง ก่อนที่ร่างสูงจะต้องไปเรียนในตอนบ่ายนี้ “วันนี้ฟ้าโดดเรียนอยู่เล่นกับพี่ไม่ได้เห
ทางด้านปลายฟ้าที่เริ่มตั้งสติได้มากขึ้นก็เช็ดน้ำตาตัวเองออกจากใบหน้าสวยลวกๆ ก่อนจะปรายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “ถ้ามันเหนื่อยมากฟ้าก็แค่วางมันลง แล้วไม่ต้องคิดว่าฟ้ากับต้นหนาวจะรักกันได้นานแค่ไหนหรืออยู่ด้วนกันได้นานแค่ไหน!?” “พี่หมายความว่ายังไง!?” ปลายฟ้าถามออกไปอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่คนพี่ต้องการจะสื่อ “ถึงสักวันนายสองคนอาจจะเลิกกัน แล้วนายคิดจะทิ้งลูกนายเหมือนที่แม่ทิ้งนายเหรอ?” ชัตเตอร์ลองพูดให้อีกฝ่ายเห็นภาพตาม ปลายฟ้าได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ เพราะเขาจะไม่มีวันทิ้งลูกตัวเองอย่างแน่นอน “ผมจะไม่มีวันทิ้งเขา” “เห็นไหม ฟ้าก็รู้คำตอบของตัวเองอยู่แล้ว แล้วฟ้ายังจะต้องกลัวอะไรอีก ทำตามที่ใจฟ้าอยากทำเถอะ” ชัตเตอร์พูดเตือนสติ เพราะถ้าคนน้องไม่ได้มีใจให้กับต้นหนาวจะยอมให้คนที่ตัวเองไม่ได้รักทำแบบนั้นได้ยังไง “แล้วผมจะผิดหวังไหม!?” “คนที่นายควรถามไม่ใช่พี่ แต่เป็นตัวนายและต้นหนาว” ชัตเตอร์ว่าจบก็ลุกขึ้นออกไปเมื่อเห็นว่าคนที่ควรจะคุยกันควรจะได้ใช้เวลาปรับความเข้าใจให้ตรงกัน “เรามาคุยเรื่องของเราสักหน่อยไหม!?” ต้นหนาวเอ่ยถามขึ้นเมื่ออยู่ด้วยกันเพียงลำพัง
ปลายฟ้าที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ไม่พบกับร่างสูงที่เล่นรังแกเขาเกือบทั้งคืน แต่ตอนนี้กับไม่รู้ว่าหายหัวไปไหนอีกแล้ว “ทำหน้าตาแบบนั้นหมายความว่ายังไง!?” เขาที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เปล่าครับ” ร่างเล็กทำท่าจะลงจากเตียงแต่ถูกร่างสูงบังเอาไว้ไม่ให้ไปไหนเสียก่อน “คุยเรื่องของเราก่อน แล้วถึงจะไปได้” “แต่ผมว่ามันไม่มีเรื่องของเราตั้งแต่แรกแล้วนะครับ” ร่างเล็กว่าขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “นายอย่าพูดอะไรให้ฉันอารมณ์เสียแต่เช้านะ” “แล้วคุณจะให้ผมพูดอะไรถึงคุณจะพอใจ” ร่างเล็กเถียงกลับทันควัน ไม่มีการโอนอ่อนให้กันแม้สักนิดเดียว “เล่าเรื่องครอบครัวนายให้ฟังหน่อยสิ” “ผมไม่มีอะไรจะเล่าครับ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “แต่เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะฟ้า นายควรให้โอกาสฉันได้ดูแลลูกและก็ดูแลนาย” แววตาของเขาสะท้อนถึงความจริงใจตอนพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะการที่ปลายฟ้าคิดว่าตัวเองไม่สามารถเป็นแม่ที่ดีได้มันย่อมมีเหตุผลรองรับ “เด็กในท้องเป็นลูกของคุณก็จริง แต่ผมไม่ได้อยากให้คุณต้องมารับผิดชอบชีวิตผมและลูก” ปลายฟ้าตวาดลั่
ต้นหนาวที่มาถึงไทยก็รีบตรงไปที่บ้านของผู้เป็นพี่ชายทันที เขาไม่คิดจะเอ่ยทักทายใครทั้งนั้น เพราะคนที่เขาต้องลงโทษต้องนอนอยู่ที่ห้องไหนสักห้อง “คุณหนาว มาซะดึกเลยนะครับ” ชัตเตอร์เอ่ยทักทายอีกฝ่ายเพราะถ้าได้เห็นหน้ากันตอนนี้บ้านของเขาคงได้ลุกเป็นไฟกันพอดี “ฟ้าอยู่ห้องไหนครับ” เขากดเสียงถาม “ไม่เห็นจะต้องดุเมียฉันเลย อยู่ชั้นบนห้องทางซ้ายมือห้องแรก” ต้นลมว่าด้วยรอยยิ้มพลางโอบเอวผู้เป็นภรรยาเอาไว้หลวมๆ “คุณจะเข้าไปในห้องปลายฟ้าทำไม!?” ชัตเตอร์ที่ไม่อยากให้ใครทำร้ายจิตใจน้องชายเขาอีก “ฉันเคยทำเป็นไม่เห็นตอนที่นายหนีพี่ชายฉันนะ” เขาเริ่มขุดเรื่องตอนที่ชัตเตอร์หนีพี่ชายเขาไป “อ๋อ นายนี่เองผู้สมรู้ร่วมคิด” ต้นลมพูดคาดโทษคนทั้งสอง “อึก นายจะคุยหรือเคลียร์อะไรกันก็แล้วแต่นาย” ชัตเตอร์ที่ยังไม่อยากต้องปวดเอวไปมากกว่านี้รีบไล่ให้ต้นหนาวเข้าไปในห้องของปลายฟ้าได้เลย “ส่วนนายมานี่ชัตเตอร์” ต้นลมว่าพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้าไปในห้องของตัวเองและนับว่าโชคดีที่ช่วงนี้ลูกของเขาไปนอนกับแม่เขาบ่อยๆ จึงให้การทำอะไรมาก็สะดวก แกไม่รอดแน่ไอ้เตอร์เอ้ย!! ทางด้านต้นหนาวที่รู้ว่
ปลายฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณคนทั้งสองที่เป็นธุระมาส่งเขา ก่อนที่เขาจะแยกตัวไปหารุ่นพี่ที่เขาเคารพด้วยสีหน้าซีดเซียว “ไม่สบายหรือเปล่าฟ้า แล้วมาหาพี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ชัตเตอร์ที่เป็นห่วงอีกฝ่ายรัวคำถามออกมาอีกหลายคำถาม แต่ทว่าคนตัวเล็กก็ยังเอาแต่นั่งนิ่ง “พี่เตอร์ ตอนที่พี่รู้ว่าตัวเองท้องพี่เคยคิดจะเอาออกบ้างไหม” ปลายฟ้ากลั้นใจถามออกไป เพราะในหัวเขาตอนนี้ตีกันไปหมด ว่าเขาควรจะทำยังไงกับเด็กที่อยู่ในท้องดี “ฟ้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง ฟ้าท้องเหรอ” ชัตเตอร์ยังคงถามต่อ เพราะเขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ “ผมท้อง แต่ผมไม่อยากมีลูก ผมไม่รู้ว่าผมจะเลี้ยงเขาออกมาได้ดีหรือเปล่า แล้วผมจะทำหน้าที่แม่ได้ดีไหม!?” ปลายฟ้าเริ่มพูดพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เรื่องน่าปวดหัวเต็มหัวไปหมดแล้ว “ฟ้า ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่” ชัตเตอร์เรียกเตือนสติ “….” “พี่ไม่รู้ว่าเราเจออะไรมา หรือเจอคนแบบไหนมา แต่พี่เชื่อว่านายจะเลี้ยงเขาออกมาได้ดีแน่นอน” “แต่ผมไม่ได้อยากที่จะให้พ่อของลูก ต้องมารับผิดชอบชีวิตผมและลูก” ร่างเล็กงึมงำ เขาไม่อยากที่จะต้องฝืน
ปลายฟ้าที่ยังคงใช้ชีวิตปกติดังเดิม แต่เขาก็ไม่ได้เจอกับต้นหนาวมาเกือบอาทิตย์แล้ว เขาได้แต่อยากรู้ว่าอีกคนหายไปไหน แล้วทำไม่ถึงไม่บอกกล่าวอะไรกันบ้างเลย “ฟ้า ฟ้า” ชัตเตอร์ที่เข้ามาดูความเรียบร้อยก่อนเปิดร้านเอ่ยเรียกคนที่ยืนเช็ดแก้วใบเดิมมาเป็นสิบนาทีแล้ว “ห้ะพี่เตอร์ มีอะไรหรือเปล่าครับ!?” ปลายฟ้าที่ตัวเล็กกว่าชัตเตอร์เอ่ยถามอีกฝ่ายพลางวางแก้วลง “ฟ้านะสิเป็นอะไร ทำไมถึงเหม่อล่ะ?” “….” “เงินไม่พอใช้เหรอ?” ชัตเตอร์ยังคงถามต่อด้วยสีหน้าเป็นห่วงคนที่เขาเห็นเป็นน้องชายมาตลอด “ไม่ใช่ครับ ไม่มีอะไรหรอกพี่” ปลายฟ้าบอกปัดไปก่อนที่จะทำงานต่อ ชัตเตอร์ที่รู้จักนิสัยของรุ่นน้องดีว่าถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ไม่มีทางเล่าอะไรให้เขาได้รู้แน่นอน เขาคงทำได้แค่รอให้อีกฝ่ายมาเล่าให้ฟังเองเท่านั้น ปลายฟ้าที่ถึงช่วงนี้จะไม่ค่อยมีสติสักเท่าไหร่แต่เขาก็ยังคงตั้งใจทำงานเหมือนเดิมอีกทั้งเหลืออีกแค่สองเดือนเขาก็จะเรียนจบแล้ว เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของเขาที่จะต้องไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อนอีก ทว่าในตอนที่เขาพึ่งเรียนเสร็จและกำลังจะกลับห้องไปนอนพักต่อ เขาก็เจอเข้ากับผู้เป็นแม่ท
ต้นหนาวที่เปิดประตูออกไปรับอาหารที่สั่งมาเสร็จก็ทำการปลุกปลายฟ้าที่ยังคงนอนหลับอยู่ที่เตียงให้ลุกขึ้นมากินข้าว “ฟ้า ตื่นขึ้นมากินข้าวได้แล้ว” เขากระซิบบอกข้างหูพร้อมกับใช้มือสะกิดเรียกอีกฝ่ายเบาๆ ปลายฟ้าที่เป็นคนตื่นง่ายอยู่แล้ว เมื่อถูกต้นหนาวที่นั่งอยู่ด้วยกันเรียกเขาจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าพลางปรับสายตาให้ชินกับแสงไฟในห้อง “อื้อ” ร่างเล็กเสียงในลำคอก่อนที่จะยันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าสะลึมสะลือ “ลุกไปกินข้าวแล้วค่อยกลับมานอนต่อ” อัลฟ่าหนุ่มเอ่ยสั่ง “แต่ผมอยากกลับห้องแล้วนะครับ” “เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง ตอนนี้มันดึกมากแล้ว” เขาเลือกที่จะใช้ข้ออ้างในการรั้งปลายฟ้าไว้ให้อยู่ด้วยกันกับเขาในวันนี้ “ก็ได้ครับ” ปลายฟ้าที่ไม่ใช่คนเรื่องมากและชอบเซ้าซี้อะไรให้ใครต้องรำคาญใจเขาจึงไม่คิดจะงอแงกลับห้องอีก ต้นหนาวว่าจบก็จูงมือเล็กให้เดินไปที่โต๊ะกินข้าวด้วยกัน เพราะถึงร่างสูงจะเป็นพวกพูดจาปากหมา เอ่อ หมายถึง พูดไม่เพราะแต่อีกฝ่ายก็มักจะคอยใส่ใจคนรอบข้างเสมอ หลังจากที่ทั้งสองนั่งทานข้าวกันเสร็จ ร่างเล็กจึงเก็บจานไปล้างแต่ทว่าในตอนที่เขากำลังยืนร่างจานอยู่ก็มีม
ปลายฟ้าที่เขินอายเกินกว่าจะตอบรับออกไปทำเพียงแค่พยักหน้างึกงักพลางหลับตาพริ้มด้วยความเสียวจนช่องทางด้านหลังผลิตน้ำหล่อลื่นออกมา “อ๊ะ ลึกเกินไปแล้วครับ” ร่างเล็กร้องบอกเมื่อถูกท่อนเอ็นร้อนขนาดใหญ่เข้ามาลึกเกินไป “นายก็อย่าตอดฉันขนาดนี้สิ ฉันยังไม่อยากเสร็จตอนนี้หรอกนะ” เขาว่าด้วยเสียงลอดไรฟันก่อนจะเริ่มกระแทกเข้าไปในผนังอุ่นนุ่มแรงๆ ในตอนที่ชายหนุ่มกำลังกระแทกจุดอ่อนไหวอยู่นั้นเขาก็ใช้มือดึงแขนร่างเล็กให้ขึ้นมานั่งบนหน้าขาของเขาทั้งที่จุดเชื่อมโยงยังไม่หลุดออกจากกัน ร่างเล็กที่ถูกกระแทกเข้ามาในตัวลึกขึ้นก็ถึงกับแหงนหน้ามองเพดานดวงตาเหลือกลอยด้วยความเสียวจนแทบจะแตกออกมาอีกรอบ “อื้อ อ๊ะ อ๊ะ ผมจะเสร็จ” ร่างเล็กเกาะบ่ากว้างไว้แน่นก่อนจะเป็นคนช่วยเร่งจังหวะส่วนกลับอยู่ด้านบนด้วยแรงอารมณ์ปราถนา “ถ้านายทำแรงขนาดนี้ของฉันมันก็หักพอดีหรอก” เขาว่าพลางลูบผมคนตัวเล็กเป็นการให้รางวัล “อึก อย่าพูดนะ” ร่างเล็กงึมงำใบหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินอาย ต้นหนาวที่ไม่ได้อยากเอาอีกฝ่ายแค่บนเตียงแต่เขาอยากเอาคนตัวเล็กหลายๆ มุมห้อง เขาอุ้มร่างเล็กขึ้นก่อนจะเปิดประตูกระจกที่เป็นริมระ