-สิบปีผ่านไป-
‘ล้อมจับแก๊งค้าอาวุธเถื่อนย่านอรัญประเทศ พบอาวุธสงครามและเครื่องกระสุนเป็นจำนวนมากเตรียมส่งออกมาเล บุกยึดของกลางได้จำนวนไม่ตำกว่าสามร้อยล้านบาท ตำรวจคาดการณ์ทายาทลูกชายตระกูลดังเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง’
พรึ่บ!
บุรินทร์เหลือบหางตามองเพียงนิดเมื่อถูกแผ่นเอกสารจำนวนมากฟาดเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง
ตอนนี้เขากำลังเป็นที่จับตามองจากสังคมหลังจากถูกตำรวจบุกค้นโกดังสินค้าจนไปเจอหลักฐานสำคัญ
“ของเฮียใช่ไหม”
“…..”
“ทำไมถึงยังไม่เลิกทำงานพวกนี้”
“…..” ไม่มีคำตอบจากปากของชายหนุ่ม ‘บุรินทร์’ ในวัยยี่สิบเก้าปี เขาเป็นถึงอดีตแพทย์ฝีมือดีที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจสืบทอดกิจการต่อจากผู้เป็นพ่อ
“ตอบคำถามป๊าด้วย”
“…..” บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่
บุรินทร์มองหน้าคนทั้งสองสลับกันเพียงนิด บุรินทร์ภัทร(แฟรงก์-แฝดพี่)คือพ่อผู้ให้กำเนิด ส่วนบุรินทร์วัชร์(ฟริน-แฝดน้อง) คือคนที่เลี้ยงมา ให้ความเคาคนับถือเสมือนพ่อแท้ๆ
“ต้องรอให้ป๊าตายก่อนใช่ไหมถึงจะคิดได้”
“เอาน่าไอ้แว่น แค่เรื่องเล็กน้อยมึงจะทำให้มีปัญหาทำไม” ผู้เป็นพ่อใบหน้าซีดเผือด หันซ้ายมองขวาอย่างร้อนรน นานมากแค่ไหนแล้วที่ไม่เห็นได้น้องชายโมโหจนฟิวส์ขาดเลือดขึ้นหน้าขนาดนี้
“เล็กน้อยอะไรไอ้แฟรงก์ ลูกเราทำเกินไปนะ”
“เดี๋ยวกูจัดการเรื่องนี้เอง มึงจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม”
“เพราะเฟยมีพ่อแบบมึงไง ให้ท้ายลูกจนไม่รู้อะไรถูกผิด”
“ถ้ามึงจะด่าก็ด่ากูคนเดียว แต่อย่าว่าเฮีย” แฟรงก์เดินเข้าไปขวางหน้าระหว่างคนทั้งสอง รีบออกหน้ารับแทนลูกชาย
“มึงจำคำกูไว้นะ ถ้ายังคุมลูกไม่ได้แบบนี้ อีกไม่นานมึงคงได้ฉิบหายทั้งหมดนี้แน่!” ฟรินถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า มองหน้าคนทั้งสองอย่างเอือมระอา มันเลี้ยงลูกตามใจให้ท้ายจนเสียผู้เสียคน บุรินทร์ถึงมีนิสัยก้าวร้าว หัวรุนแรงไม่ฟังใคร
ปึง! บานประตูห้องทำงานถูกปิดดังลั่นพร้อมกับบุรินทร์วัชร์ที่เดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์เดือดดาล ขืนทนอยู่ต่อไป คงอดไม่ไหวหยิบปืนขึ้นมาเป่าสมองสองพ่อลูกตรงนี้แน่
“หมดธุระหรือยัง ถ้าเสร็จจะได้กลับ” บุรินทร์ถามผ่านน้ำเสียงเรียบนิ่ง ล้วงหยิบมวนบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุดสูบต่อหน้าผู้เป็นพ่อ
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้ป๊าฟรินจะโกรธจริง เฮียรีบไปขอโทษเลยนะ” แฟรงก์รีบเดินเข้าไปหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่นั่งอยู่
บนตักของบุรินทร์มีตุ๊กตากระต่ายเก่าๆ ที่คอยถือไปไหนมาไหน เขาหวงมันมากคนรอบตัวต่างรู้ดี
“ขอโทษทำไม ผมทำอะไรผิด ที่พวกมันตายก็สมควรแล้ว”
“แต่ป๊าว่าครั้งนี้เฮียทำเกินไป” ผู้เป็นพ่อหันซ้ายมองขวา กระซิบบอกลูกชายข้างใบหู
“เป็นคนสอนเองไม่ใช่เหรอ ไม่ให้หายใจอยู่ร่วมโลกกับศัตรู” ฝ่ามือหนาลูบไล้ตุ๊กตาตัวโปรดราวกับหวงแหนมันนักหนา ก่อนจะคลี่ยิ้มบางเย็นยะเยือกจนทำให้ผู้เป็นพ่อรีบขยับตัวถอยห่าง “ใครที่มันทำให้เราผิดหวัง อย่าคิดจะเก็บมันไว้!”
“…..”
…
-SBD Casino-
ตึกตัก…
เสียงฝีเท้านับสิบดังขึ้นอย่างรีบร้อน ลูกน้องชายฉกรรจ์ชุดดำที่อยู่บริเวณนั้น ต่างรีบพากันวิ่งวุ่นเข้ามาต้อนรับผู้เป็นนายที่เพิ่งมาถึง
ชายหนุ่มวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบ ก่อนจะก้าวขาลงจากรถตู้คันหรูราคาแพงที่กระจกรอบคันปิดทึบด้วยฟิล์มดำมืด ตัวรถถูกห่อหุ้มด้วยเกาะกันกระสุนชนิดพิเศษ
ความสูงของเขาราวๆ หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ริมฝีปากคาบมวนบุหรี่ สีหน้าเรียบนิ่งดูไร้อารมณ์กับสิ่งรอบข้าง ตัดผมทรงสกินเฮดจนเกือบจะติดหนังหัว ใบหน้าเข้มดุรับกับดวงตาเฉี่ยวคม ทำให้ดูน่าเกรงขามจนลูกน้องพากันก้มหน้าหลบสายตา
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง พ่นควันบุหรี่จนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ตามหลังมีลูกน้องคนสนิทคอยเดินประกบทั้งซ้ายและขวา
ใบหน้าคมคายเคลือบไปด้วยหยาดเหงื่อจนเงาวับ เหมือนคนที่เพิ่งผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนักหน่วง หุ่นหนาอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
‘บุรินทร์’ คือทายาทเพียงคนเดียวของบุรินทร์ภัทร เจ้าของกาสิโนแห่งนี้ อีกไม่นานเขาจะเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้บริหารเต็มตัวแทนผู้เป็นพ่อ
เขาถูกขนานนามกลายเป็นที่รู้จักและยกย่องมีอิทธิพลบารมีกว้างขวางอยู่แถวหน้าในแวดวงธุรกิจสีเทา
บุรินทร์ประสบความสำเร็จสร้างเม็ดเงินได้มหาศาลจนถูกขนานนามตั้งแต่อายุยังน้อยจากเส้นทางที่ผู้เป็นพ่อเตรียมไว้ให้ จนกลายเป็นที่ยอมรับทำให้มีผู้คนมากมายคอยก้มหัวให้ความเคารพนับหน้าถือตา
แต่ในเมื่อมีคนรักมากก็ย่อมมีคนเกลียดมากด้วยเช่นกัน นิสัยเด็ดขาดไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครหน้าไหน ทำให้บุรินทร์เป็นที่จับตามองของฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะทำอะไรจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นไปอีก
“กว่าจะเจอตัวเป็นๆ ได้ ยากเย็นเหลือเกินนะเสี่ย”
เสียงทักทายของเพื่อนสนิทช่วยดึงความสนใจจากชายหนุ่มอีกครั้ง
“พวกมึงพากันเสนอหน้าเข้ามาทำไม” บุรินทร์หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง มองคนทั้งสองด้วยความรำคาญใจ
เดรกซ์และน็อกซ์ คือเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกัน รู้จักมาตั้งแต่สมัยหัวเกรียนเรียนมัธยมชายล้วน
“คิดถึงเสี่ยน่ะสิ ไม่เจอเกือบครึ่งปี เป็นยังไงบ้าง” กว่าจะเจอเพื่อนรักอย่างตัวเป็นๆ แบบนี้ได้ลำบากลำบนยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร บุรินทร์เข้าถึงยากแถมยังต้องนัดล่วงหน้าเป็นเดือนๆ
“ไม่ต้องบ้าน้ำลาย มีอะไรก็พูดมา”
“เดือนหน้าผมมีธุรกิจที่กำลังจะเปิดใหม่ เลยอยากมาอาศัยบารมีของเสี่ยคุ้มกะลาหัวสักหน่อย” เดรกซ์มองหน้าเพื่อนสนิทก่อนจะยิ้มให้อย่างรู้ใจกัน หยิบเช็คเงินสดจำนวนถึงแปดหลักวางลงบนโต๊ะ “จำนวนตัวเลขเล็กๆ น้อยๆ พอจะเป็นค่าเสียเวลาให้เสี่ยได้ไหม”
“ก็ตามนั้น”
“ขอบคุณมากครับที่กรุณา”
“…..” บุรินทร์ไม่ได้ตอบคำถาม ชำเลืองมองไปยังคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ทางด้านหลังของเพื่อนสนิท
“พวกผมกลัวเสี่ยจะเหงา ผมเลยหาคนมาเล่นเป็นเพื่อน”
นายแบบหุ่นแน่นผิวขาวหน้าตาจัดเข้าขั้นว่าหล่อเหลาไม่ใช่เล่น ส่วนอีกคนเป็นถึงนักแสดงสาวสวยดาวรุ่งสัดส่วนอวบอั๋น
“เด็กใหม่ผมเอง อยากพามาฝากเนื้อฝากตัวกับเสี่ย” เพราะรู้ว่าบุรินทร์มีรสนิยมเป็นไบเซ็กชวลที่ชอบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ถ้าพบเจอใครที่ถูกชะตาต้องใจ มันจัดได้หมดไม่มีติด “วันนี้เสี่ยอยากได้แบบไหนเลือกเอาสิ หรือถ้าถูกใจ…เสี่ยจะเอาทั้งหมดก็ย่อมได้”
“บอกคนของมึงไปรอในห้อง เดี๋ยวกูตามไป”
“แต่ช่วยเบามือกับน้องมันหน่อยนะ พอดีคนของผมมีงานต่อ”
“คนของมึงมันกระจอกเอง จะมาโทษกูฝ่ายเดียวไม่ได้”
“เชิญตามสบายเลยเสี่ย เดี๋ยวพวกผมกินเหล้านั่งเฝ้าน้องไข่เน่าให้เอง” เดรกซ์ได้แต่มองตามแผ่นหลังของเพื่อนสนิทที่เดินหายเข้าไปในห้องพักส่วนตัว
“…..”
“ว่าไงไอ้เน่า ไม่เจอกันนานแกดูเก่าขึ้นเยอะเลยนะ” เดรกซ์หยิบตุ๊กตาตัวโปรดของบุรินทร์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาจับ ก่อนจะขยี้มันเบาๆ แล้วโยนเล่นไปมา “ตุ๊กตาเก่าราคาถูก ทำไมพ่อแกถึงหวงนักหนา”
ตุบ! กำปั้นหนักๆ ของไอ้น็อกซ์ทุบลงบนหลังของเขาอย่างแรงแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
“ไอ้น็อกซ์ ไอ้เวร! หลังกูแทบหัก”
“ไปจับของมันทำไม อยากตายหรือไง รีบวางลง!”
หลายเดือนผ่านไป“ปู่…” เด็กชายฟาเรนตะโกนร้องเรียกด้วยความดีใจเมื่อเห็นหน้าคนที่เฝ้ารอมานานแสนนาน ไม่ใช่แค่ปู่แฟรงก์ที่มาหาแต่ปู่ฟรินก็มาด้วยเหมือนกัน“แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ของพวกเอ็งไปไหน”“แด๊ดดี้ไปทำงานที่ภูเก็ตกับหม่ามี๊” ฟรานตอบด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วพักหลังมานี้พ่อกับแม่ชอบทำตัวติดกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าพ่อจะไปไหนมักจะบังคับเอาแม่ติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ“แล้วพวกเอ็งอยู่บ้านกับใคร ทำไมไม่โทรหาปู่”“พวกเราอยู่กับลุงครามและแนนนี่ค่ะ”ครามรีบก้มหน้าอย่างเจียมตัวเมื่อเห็นสายตาของนายใหญ่ที่ใช้มอง“หลบหน้าหลบตากูทำไม” แฟรงก์เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อลูกน้องตัวดี“เปล่าครับนาย”“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่ามึงกับลูกสาวกูทำอะไรกันมา” ถึงแม้จะเป็นความลับแต่เขารู้ว่าดาวศุกร์และครามมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง “กูไม่มีวันรับคนอย่างมึงมาเป็นลูกเขย จำใส่หัวสมองของมึงไว้เลย”“ผมรู้ตัวครับ ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”“ไปทำท่าไหนมาล่ะ ลูกกูถึงรักถึงหลงมึงจนหัวปักหัวปำ”“ลุงครามเป็นแฟนอานตี้นะ ฟรานจะฟ้องอานตี้ว่าปู่ดุลุงคราม” เด็กหญิงยืนเท้าเอวพูดเสียงแข็งตอบกลับ ลุงครามมีท่าทางซึมลงจนน่าสงสารพวกเด็ก
โรงพยาบาล“น้องจิ๋วมาแล้ว”“ไหนๆ ขอดูบ้าง”“ทำไมน้องไม่ลืมตา”“ตัวนิ่มมากเลย ลองจับดูสิ”เสียงบทสนทนาของพวกเด็กน้อยกำลังพูดคุยกันอย่างไร้เดียงสา ยืนล้อมวงจ้องมองสมาชิกใหม่ที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน“ตัวเป็นอะไร ทำไมไม่มาดูน้องคนใหม่” ฟรานเดินเข้าไปถามแฝดน้องที่เอาแต่นั่งกอดอกทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมพูดจา“เบื่อ! เค้าไม่อยากได้น้องผู้ชาย เค้าอยากมีน้องผู้หญิง” เด็กชายบ่นพึมพำพลางเบือนหน้าหันหนี“ผู้ชายก็ดีนะ ตัวจะได้ไม่เหงา จะได้มีเพื่อนเล่นไง”“เล่นแต่ฟุตบอลกับปั่นจักรยานจนเบื่อแล้ว อยากเล่นอย่างอื่นบ้าง”“แล้วอย่างอื่นที่แฝดว่ามันคืออะไร อยากเล่นขายของหรือเล่นตุ๊กตาเหรอ” ใบหน้าน้อยๆ ของฟรานเอียงคอมองน้องชายฝาแฝดอย่างไม่เข้าใจ “เพราะหม่ามี๊เลือกน้องให้เราไม่ได้”“แล้วทำไมแด๊ดดี้ถึงมีแต่ลูกผู้ชาย ทำไมถึงไม่มีลูกผู้หญิงบ้าง” เด็กชายตัดพ้อทำสีหน้าเศร้า ถ้ามีน้องผู้ชายเพิ่มขึ้นมาอีกคนคงได้ปวดหัวกว่าเดิม“เพราะแด๊ดดี้ทำผู้หญิงไม่เป็น ทำเป็นแต่ผู้ชายไง”“เค้าขอเปลี่ยนแด๊ดดี้ได้ไหม อยากได้แด๊ดดี้คนใหม่ เค้าอยากลองมีน้องผู้หญิงดูบ้าง”“เปลี่ยนไม่ได้หรอก พวกเราเกิดมาจากปิ๊กาจูของแด๊ดดี้นะ ต
หลายเดือนผ่านไป“อาการของคุณฟาเรนดีขึ้นมากเลยค่ะ วันนี้ทำกายภาพได้หลายอย่างเลย”เดมี่ยิ้มกว้างพร้อมกับหัวใจที่พองโตหลังจากได้ยินข่าวดีจากพยาบาลที่ดูแลลูกชายตั้งแต่ได้รับตัวยาชนิดใหม่จากบุรินทร์ อาการของฟาเรนก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ จากกล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแรงค่อยๆ ขยับได้มากขึ้น กลายเป็นช่วยเหลือตัวเองได้ดีและเดินเองได้ในที่สุด“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยดูแลฟาเรนให้เป็นอย่างดี”“คุณฟาเรนใจสู้มากค่ะ อีกไม่นานคงวิ่งเล่นกับพวกพี่ๆ ได้อย่างแน่นอน”“มี่รักแด๊ดดี้นะ รักที่สุดในโลก” หญิงสาวเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มไว้แน่นแทนคำขอบคุณ ใบหน้าจิ้มลิ้มซบลงบนแผงอกแกร่งอย่างออดอ้อน“อะไรของเธอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองการกระทำเหล่านั้น ถึงแม้จะดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจแต่หัวใจของเขายังคงเต้นแรงกับผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอดต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมเสมอมา“เพราะมีแด๊ดดี้ ฟาเรนถึงมีอาการดีขึ้นในทุกวัน ถ้าไม่ได้แด๊ดดี้ช่วยดูแล ลูกคงแย่แน่เลยค่ะ”บุรินทร์อุทิศและทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อคิดหาวิธีการรักษาลูกชาย จนในที่สุดเขาก็ทำมันได้สำเร็จ“ฟาเรนเป็นลูกฉันเหมือนกัน ยังไงก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”“…..
“ฟาเรน!” เด็กชายหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย ไปหน้าน้อยๆ เอียงคอมองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นพี่สาววิ่งเข้ามากอด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าบอกว่าปู่จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ“ไหนบอกว่าปู่จะพาไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่นไง”“ไม่อยากไปแล้ว เอาไว้ให้ฟาเรนหายป่วย พวกเราค่อยไปด้วยกัน” ฟรานโผกอดน้องชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นวิลแชร์ด้วยความคิดเด็กหญิงไม่ได้คิดเสียใจหรือเสียดายเลยสักนิด พวกเขาสามคนตกลงกันแล้วว่าจะไม่ขอไปเที่ยวถ้าเกิดไม่มีฟาเรนหรือถ้าจะไปก็ต้องไปพร้อมกัน“ไปวิ่งเล่นกัน แด๊ดดี้ทำสนามเด็กเล่นให้พวกเราอันใหม่ใหญ่เบ้อเริ่มเลย”“แต่แด๊ดดี้ไม่ให้ออกจากบ้านนะ เดี๋ยวไม่สบาย” ฟาเรนพูดเสียงเบา สีหน้าดูซึมลงอย่างน่าสงสาร เขารู้ตัวเองเสมอว่าไม่ใช่เด็กปกติเหมือนคนทั่วไป“ตอนนี้แด๊ดดี้ไม่อยู่ ทางสะดวกแล้วนะ อยากไปไหม”“ยะ…อยากไป” พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะวาดสายตาหันซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้“งั้นก็รีบขี่หลังพี่เลย”“จะไม่โดนแด๊ดดี้ตีใช่ไหม”“ถ้าแด๊ดดี้โมโห ให้ตีฟาโรห์แทนก็ได้”“เอ้าแฝด…คะ…เค้าไม่อยากโดนแด๊ดดี้ตีนะ” แค่นึกเห็นหน้าผู้เป็นพ่อก็รู้สึกกลัวจนฉี่แทบราด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยโดนตี แต่กลับรู้สึกก
“ทำอะไรอยู่ตัวเล็ก”“ก่อประสาททรายอยู่ครับ”ฟาเรนเด็กชายวัยห้าขวบหันไปตอบผู้เป็นพ่อ ก่อนจะหันกลับมาสนใจสิ่งตรงหน้าดังเดิม“เล่นคนเดียวเหงาไหม” บุรินทร์ยืนมองลูกน้อยที่นั่งเล่นอยู่ไม่ไกล ข้างกายของฟาเรนมีรถเข็นวิลแชร์ประตำแหน่งและพยาบาลพิเศษมากถึงสามคนคอยประคบประหงมอยู่ไม่ห่างถึงแม้ว่าฟาเรนจะมีอายุห้าขวบ แต่น้ำหนักและสัดส่วนค่อนข้างตกเกณฑ์ต่ำกว่าเด็กปกติทั่วไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลข้างเคียงมาจากการคลอดก่อนกำหนด“หนูอยากมีเพื่อน” เด็กชายบอกผ่านน้ำเสียงเศร้าสร้อยท่าทางซึมลงจนสังเกตได้ตั้งแต่จำความได้ เขาถูกเลี้ยงดูแตกต่างจากเด็กทั่วไป ในขณะที่พวกพี่ได้วิ่งเล่นแต่ฟาเรนทำได้แค่นั่งมองอยู่ในห้องพักปลอดเชื้อต้องให้ยาทุกสี่ชั่วโมง“อย่านั่งตากแดดนาน เดี๋ยวไม่สบาย”“คุณปู่ไม่รักฟาเรนเหรอครับแด๊ดดี้ ทำไมถึงไม่พาหนูไปเที่ยวด้วย”คำถามของลูกชายทำเอามาเฟียหนุ่มหยุดชะงักนิ่งไป หัวอกคนเป็นพ่อสั่นไหวค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงข้างเด็กน้อย“เพราะฟาเรนไม่ค่อยสบาย”“แล้วเมื่อไหร่จะหาย หนูอยากไปเที่ยวเหมือนคนอื่นบ้าง”“เดี๋ยวก็หายแล้ว”“…..”“เอาไว้ถ้าหายดีเมื่อไหร่ แด๊ดดี้จะพาไปเที่ยวทุกที่ที่ลูก
“แฟรงก์มา!”เด็กน้อยที่นั่งอยู่ต่างหันขวับกันอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าน้อยๆ ของหลานฉีกยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นปู่ที่เดินเข้ามาหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายเดือน“แฟรงก์…แฟรงก์!” เด็กหญิงตะโกนเรียกซ้ำๆ กระโดดโลดเต้นดีใจรีบวิ่งเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงวันนี้ในมือปู่มีขนมแถมยังหิ้วของเล่นมาฝากหลานเยอะแยะ ตามใจกว่าแด๊ดดี้และหม่ามี๊ก็คงจะเป็นผู้ชายคนนี้“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกปู่ ข้าไม่ใช่เพื่อนเล่นของพวกเอ็งนะ” คนเป็นปู่ถอนหายใจมองหน้าไอ้พวกเด็กฝรั่งที่ไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนแต่ได้พอสบสายตาอันไร้เดียงสาเหล่านั้น หัวใจแกร่งก็ยอมโอนอ่อนให้โดยดี“ปู่คืออะไร” ฟาโรห์ตัวป่วนเอียงคอถามอย่างสงสัย“คือพ่อของพ่อไง”“แล้วพ่อคือใคร” พอได้ยินแบบนั้นยิ่งทำให้งงไปกันใหญ่“พ่อก็คือแด๊ดดี้ไง ภาษาไทยเขาเรียกว่าพ่อ”“เข้าใจแล้ว”“เดี๋ยวนี้ลืมกันแล้วสิ ทำไมพวกเอ็งถึงไม่ไปหาปู่บ้างเลย” บุรินทร์ภัทรแสร้งทำท่าทางตัดพ้อน้อยใจ อยู่ที่บ้านก็เอาแต่ชะเง้อคอคอยมองทางหลานน้อยอยู่ทุกวัน“ไม่ได้ลืมสักหน่อย แต่แด๊ดดี้ไม่ให้ไป” เด็กหญิงพูดแทรกน้ำเสียงเจื้อยแจ้วแต่สีหน้ากลับดูซึมลงอย่างเห็นได้ชัด“อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปเที่ยว