‘หนิงเซียนหากลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ตัวพ่อคงไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่อขอโทษ ขอโทษเจ้าจากใจจริงโดยไม่ได้ถามความคิดเห็นจากเจ้า แต่พ่อเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พ่อคนนี้จะทำให้เจ้าได้ พ่อไม่อยากให้เจ้าเข้ามาในวังวนนี้อีกพ่ออยากให้มันจบตัวพ่อ
พ่ออยากจะให้เจ้าได้ใช้ชีวิตตามที่ต้องการ เรื่องคำทำนายลูกคงได้ยินจากซีฮันแล้ว จากนี้พ่อฝากซีฮันด้วยนะต่อจากนี้เขาจะเป็นองครักษ์ของลูก ตัวพ่อนั้นได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้กับลูกที่หุบเขาวิญญาณหมดแล้ว มันพอที่จะให้ลูกได้อยู่อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต อาจจะถึงลูกของลูก และยังมีครอบครัวของเหล่าทหารทมิฬพ่อฝากดูแลพวกเขาด้วยนะ… ‘
หลังจากที่หนิงเซียนอ่านจดหมายฉบับแรกจบ ก็กลั้นสะอื้นอย่างที่สุด ก่อนจะเปิดอ่านจดหมายฉบับที่สอง
’ ฝากถึงหนิงเอ๋อร์ลูกแม่ ถึงตอนที่ลูกอ่านจดหมายฉบับนี้ตัวแม่คงไม่ได้อยู่อีกแล้ว ตัวแม่รู้ดีกว่าหลังจากนี้ครอบครัวเราจะเป็นอย่างไร เหตุที่ทำเช่นนี้แม่ไม่ได้รังเกียจหรือไม่ได้รักเจ้า แต่แม่รักเจ้าตั้งแต่แรกพบจนสุดหัวใจ ต่อจากนี้แม่อยากให้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราอีกแล้ว แม่รักหนูนะหนิงเอ๋อร์…มา
หนิงเซียนเลือกที่จะเปิดจดหมายฉบับที่สามต่อไป
’ หนิงเอ๋อร์นี่พี่ใหญ่ของเจ้า แม้ตอนเด็กเราจะไม่ได้เล่นด้วยกันแต่พี่ยังรักและห่วงเจ้าเสมอ พี่คาดหวังว่าหนิงเอ๋อร์จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่มีท่านพ่อท่านแม่และท่านย่า หนิงเอ๋อร์อาจจะคิดว่าพี่เห็นแก่ตัว แต่มันถึงจุดนี้แล้วเป็นพี่เองที่จะไปพร้อมกับทุกๆ คน พี่ขอโทษที่ปล่อยให้หนิงเอ๋อร์ตัวคนเดียว พี่ขอโทษ ต่อจากนี้หากเจ้ามีลูกตัวน้อยๆ ฝากบอกหลานให้กับพี่ด้วยนะว่าท่านลุงคนนี้รักท่านแม่ของพวกหลานมากๆ ที่เรือนหุบเขาวิญญาณพี่ได้เตรียมของขวัญของหลานๆ ไว้ในหีบมีทั้งของหญิงและชาย เจ้าไม่ต้องน้อยใจพี่ยังเตรียมไว้ให้เจ้าด้วย อย่างสุดท้ายพี่ขอให้เจ้าพบเจอบุรุษที่รักเจ้าด้วยใจจริง รักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว…’
หลังจากอ่านจบทั้งสามฉบับ หนิงเซียนกอดจดหมายทั้งสามพร้อมทั้งน้ำตามันทำใจยากเกินที่จะบรรยายออกมา นางได้แต่ให้น้ำตาเล่าถึงความเจ็บปวด ความคิดถึงของนางในตอนนี้ได้ดีที่สุด
ซีฮันปล่อยให้หนิงเซียนใช้เวลาอยู่ตรงนั้นสักพักหนึ่ง รอจนหนิงเซียนเริ่มดีขึ้นเขาจึงพูดต่อ “หลังจากนี้พวกเราคงต้องเดินทางไปที่หุบเขาวิญญาณแล้วขอรับ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณหนูเอง” ซีฮันต้องการพาหนิงเซียนไปที่หุบเขาวิญญาณให้เร็วที่สุด เมื่อไปถึงที่นั่นเขาถึงจะมั่นใจได้ว่าหนิงเซียนได้ปลอดภัยแล้ว
“……” หนิงเซียนเงยหน้ามองซีฮันทั้งที่ยังมีน้ำตาอยู่
ทุกคนทำเพื่อนางขนาดนี้ แต่นางกลับไม่รู้ถึงมันเลย เป็นเพราะพวกมันที่ทำให้ครอบครัวของนางต้องเจอจุดจบเช่นนี้ เป็นเพราะพวกมันที่ชิงชังและอิจฉาในตระกูลหม่า ในเมื่อพวกมันทำเช่นนี้กับตระกูลของนาง นางก็จะเอาคืนพวกมันอย่างสาสม ให้แคว้นแห่งนี้ที่พวกมันต่างแย่งชิงกันไปมา นางผู้นี้จะทำให้มันพินาศย่อยยับไปกับมือของนางเอง
ซีฮันและลี่หลินที่เห็นแววตาของหนิงเซียนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้ภายในใจของทั้งสองต่างสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว แววตาที่พวกเขามองเห็นเต็มไปด้วยความโกรธ ความเกลียดที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้อีกแล้ว
“แม่นมพวกเราเก็บของกันเถิดเจ้าค่ะ พวกเราจะออกเดินทางหลังจากท่านซีฮันหายดีเจ้าคะ” หนิงเซียนหันมาบอกกับลี่หลิน แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับจดหมายในมือ ปล่อยให้ซีฮันและลี่หลินมองตากันปริบๆ
“ท่านคิดเหมือนข้าใช่หรือไม่” ลี่หลินหันไปถามความคิดเห็นจากซีฮัน ซึ่งซีฮันพยักหน้าให้ลี่หลิน ทั้งสองรู้สึกได้ว่าคุณหนูเปลี่ยนไปจากเมื่อสักครู่อย่างมาก
“เช่นนั้นข้าไปเก็บของช่วยคุณหนูก่อน ท่านก็รักษาตัวอยู่ในห้องนี้ไปก่อน” ลี่หลินกล่าวกับซีฮันแล้วออกไปช่วยหนิงเซียนเก็บของ
ระหว่างที่รอซีฮันหายดีหนิงเซียนก็ได้รู้ว่าหอโคมแดงนารีที่โด่งดังในเมืองหลวง เหล่าบุรุษต่างๆ ในเมืองไปใช้บริการ เป็นของท่านแม่ของนาง มันยิ่งทำให้นางรู้สึกดีอย่างมาก หลังจากที่รู้เกี่ยวกับหอโคมแดงของท่านแม่ หนิงเซียนใช้ช่วงเวลาที่ซีฮันกำลังรักษาตัว เข้าไปในห้องยาของนางปรุงยาขึ้นมาเพื่อเตรียมไว้ใช้ในแผนการของนาง
ในยามค่ำคืนหนึ่ง ร่างบางของใครบางคนแอบย่องเข้าทางด้านหลังของหอโคมแดงนารี กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปทางใน
“ผู้ใด” จู่ๆ ก็มีองครักษ์ปรากฏตัวออกมาตวัดดาบใส่ร่างบาง
“ข้าเอง” หนิงเซียนส่งเสียงร้องพร้อมกับยื่นตราตระกูลหม่าให้กับองครักษ์คนนั้นดู
“คุณหนู…ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ คุณหนูโปรดลงโทษข้าด้วยขอรับ” องครักษ์ที่เห็นหยกของบุคคลตรงหน้าถือก็รู้ว่าเป็นผู้ใด คุกเข่าลงด้วยความรู้สึกผิดเตรียมตัวรับโทษ
“ไม่เป็นอันใด ข้าไม่ถือโทษ เจ้าช่วยไปเรียกแม่นางเหมยฮวามาพบข้าที” หนิงเซียนรู้อยู่แล้วว่าหอโคมแดงแห่งนี้แข็งแกร่งเพียงใด เพราะแม้แต่ราชวงศ์ยังไม่สามารถควบคุมสถานที่แห่งนี้ได้เลย จนนางได้มารู้ว่าที่แห่งนี้เป็นของท่านแม่ของนาง
“ได้ขอรับ คุณหนูโปรดรอข้าสักครู่ ข้าจะไปตามแม่นางเหมยฮวามาให้ขอรับ” องครักษ์ผู้นั้นตอบรับคำของหนิงเซียนก่อนจะพลิ้วตัวหายไปต่อหน้านาง
รอไม่ถึงหนึ่งเค่อก็มีหญิงสาวหน้าตาสะสวย สวมชุดสีแดงตัดกับสีผิวสีขาวนวลของนางเดินนำองครักษ์ผู้นั้นออกมา
“คุณหนู ขอประทานอภัยที่ข้าไม่สามารถช่วยนายหญิงออกมาได้” เหมยฮวามาคุกเข่าต่อหน้าหนิงเซียนอย่างรู้สึกผิด เป็นนางที่ไม่สามารถช่วยคนที่มีพระคุณต่อนางได้เลย
“ท่านลุกขึ้นเถอะ มันไม่ใช่ความผิดท่าน” หนิงเซียนประคองให้เหมยฮวาลุกขึ้นมา นางมองไปหน้าของเหมยฮวาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ทุกคนเสียใจที่ไม่อาจช่วยท่านพ่อและท่านแม่ของหนิงเซียนได้เช่นเดียวกับนาง
“แต่หากวันนั้น…” เหมยฮวากำลังจะเอ่ยแต่ก็ถูกหนิงเซียนเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ไม่มีแต่…แม้ข้าจะเสียใจที่ไม่อาจช่วยท่านแม่ท่านย่าและน้องเล็กของข้าในวันนั้นได้ แต่ในเมื่อพวกท่านเตรียมมาให้ข้าถึงขนาดนี้แล้ว ข้าจะไม่สานต่อได้อย่างไร เลือดต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้น” หนิงเซียนเอ่ยด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมา
ทำให้เหมยฮวารู้สึกอดจะหวาดกลัวหนิงเซียนไม่ได้ นี่นับเป็นครั้งแรกที่พวกนางได้เจอกัน ยามที่พบกับนายหญิงก็จะบอกว่าให้ดูแลคุณหนูให้ดีอย่าให้ได้รับอันตรายใดๆ ซึ่งนางก็รับปากอย่างดี
“คุณหนูต้องการที่จะทำอันใดเจ้าคะ”
“นี่เป็นยาที่ข้าคิดค้นขึ้นมา ให้ท่านนำยาชนิดนี้ไปผสมกับสุราให้เหล่าเดนพวกนั้นได้ดื่ม… “หนิงเซียนยื่นถุงยาที่นางได้ปรุงขึ้นมาให้กับเหมยฮวา
” มันคือสิ่งใดเจ้าคะ “เหมยฮวารับถุงยามาจากหนิงเซียนแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
” เป็นยาที่ข้าคิดค้นขึ้นมาเองเจ้าคะ มันจะทำให้บุรุษที่ดื่มเข้าไปจะไม่สามารถมีบุตรได้ “
” จริงหรือเจ้าคะ “เหมยฮวาที่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกทึ่งในตัวของหนิงเซียนอย่างมาก แม้นางจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นก็ตาม
” พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง ยาชนิดนี้ไม่มีผลกับเหล่าสตรี “
เช้าวันรุ่งขึ้น…ในตำหนักของหนิงเซียนต่างวุ่นวายตามหาหมอหลวงอย่างเร่งรีบ เมื่อพบว่าหนิงเซียนโดนทำลายร้ายตอนนี้ทั้งวังหลวงต่างอยู่ในความตื่นตระหนก เหตุใดเมื่อคืนถึงบังอาจมีผู้ลักลอบเข้ามาทำลายว่าที่ฮองเฮาได้“ฝ่าบาทหมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ” เข่อซิงวิ่งมาพร้อมกับหมอหลวง เข้ามาในห้องของที่มีร่างของหนิงเซียนนอนเจ็บอยู่ที่แขนของนางนั้นยังมีเลือดซึมอยู่ตลอดหมอหลวงเข้ามาแล้วก็รีบจัดการกับแผลของหนิงเซียน “ฝ่าบาทพระองค์โปรดออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้าต้องใช้สมาธิอย่างมากในการรักษาคุณหนูหนิงเซียน” หมอหลวงหันมาบอกจางหมิงที่ยังยืนอยู่ในห้องดู“ข้า…” ทีแรกจางหมิงมีท่าทียึกยัก แต่พอคิดว่าจะต้องรีบรักษาหนิงเซียนให้เร็วที่สุดจึงตัดสินใจออกจากห้องไปพอหมองหลวงเห็นว่าฝ่าบาทออกไปแล้วก็หันมารักษาให้กับหนิงเซียน หยิบยาขึ้นมาก่อนจะป้อนให้กับหนิงเซียน ดวงตาที่หลับอยู่ของหนิงเซียนเปิดขึ้นทันทีคว้ายาในมือของหมอหลวงก่อนจะป้อนใส่ปากของหมอหลวงอย่างรวดเร็วนางตวัดร่างขึ้นก่อนจะล็อกร่างของหมอหลวงไว้ให้กลืนยาเม็ดนั้นลงไป ด้วยความที่ร่างหมอหลวงบอบบางเกือบเท่านางทำให้หมอหลวงไม่สามารถขัดขืนได้เลยทำใจต้องกลืนยาเม็ดนั้นลงไป“เจ
“เจ้าหัวเราะอันใด” ซูเม่ยมองไปที่หนิงเซียนอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดมันจึงไม่เป็นไปตามที่นางคาดไว้“ข้าแค่เพียงชื่นชมในบทละครที่คุณหนูซูเม่ยตั้งใจเล่นเป็นอย่างมาก แต่เพียงคุณหนูบทของท่านกลับไม่เป็นจริงสักเรื่อง”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ท่านยังต้องถามข้าอีกหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่าคนที่ไปสืบเรื่องนี้มาเหตุใดจึงสืบมาได้เพียงแค่นี้ เรื่องราวที่เหตุขึ้นที่ซีฉินออกจะใหญ่โต งั้นตัวข้าหนิงเซียนจะเล่าให้ทุกคนฟังในเรื่องที่ถูกต้อง จะได้เล่าเรื่องของตระกูลข้าได้อย่างตรงไปตรงมาไม่บิดเบือน” หนิงเซียนไล่สายตาไปหาผู้คนในงานนี้ ผู้ที่เผลอสบสายตากับนางก็รีบหลบสายตาหนีทันที“เรื่องที่ตระกูลหม่าของข้าถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏนั้นเป็นความจริง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ตระกูลข้าถูกใส่ร้ายเท่านั้น พวกบ้าหลงระเริงอยู่ในอำนาจหวาดกลัวต่อตระกูลของข้าที่ย่อมสละเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดิน คุณหนูซูเม่ยต่อจากนี้ท่านจงตั้งใจฟังให้ดี… “หนิงเซียนจ้องเข้าไปในดวงตาของซูเม่ยที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก” ตัวข้ากองทัพทมิฬของท่านพ่อข้าและยังมีกองทัพหนันเหลียงร่วมจัดการโค่นบัลลังก์ตระกูลราชวงศ์องค์ก่อนนั้นคือสิ่งที่คุณหนูซูเม่ยขาดหายไป” หลังจาก
ภายในท้องพระโรง“ฝ่าบาทมีม้าเร็วจากซีฉินส่งสารมาว่าเหล่าคณะขุนนางของซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนหนันเหลียงในอีกห้าวันข้างหน้าขอรับ” สิ้นสุดเสียงของนางกองทำให้เหล่าขุนนางในท้องพระโรงต่างถกเถียงกันกับการมาเยือนของคณะซีฉินในครั้งนี้ เพราะทั้งสองแคว้นนั้นก็นับว่าไม่ได้ปรองดองกันถึงขนาดที่ว่าจะไปมาหาสู่กันได้แต่ข้อถกเถียงก็ข้อถกเถียงเมื่อจางหมิงสั่งให้ขุนนางทุกคนเตรียมความพร้อมให้ดีในการมาเยือนของคณะซีฉินอีกห้าวันข้างหน้า“คุณหนูเจ้าคะ คณะจากซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนที่นี่ในอีกห้าวันข้างหน้า” เหมยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ท่านลุงจะมาที่นี่หรือ” หนิงเซียนแปลกใจเหตุใดนางถึงไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับซีฮัน“ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทสั่งให้เหล่าขุนนางเตรียมความพร้อมต่างๆ ท่านซ่งเสี่ยนเองก็เริ่มสั่งให้นางกำนัลเตรียมการสถานที่วังหลวงรอแล้วเจ้าค่ะ”หนิงเซียนพยักหน้าเข้าใจ นางก็อยากรู้ว่าที่ซีฮันมาเยือนหนันเหลียงครั้งนี้ด้วยเหตุอันใด “คงจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว”ห้าวันผ่านไปตลอดเวลาที่ซีฉินส่งมาแล้วมาว่าจะมาเยี่ยมเยือนให้อีกห้าวันข้างหน้า คนในวังหลวงต่างมีหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ให้พร้อม และวันนี้เป็นวันที่คณะของ
“คุณหนูเกิดเรื่องใหญ่เข้าเจ้าค่ะ” เสียงของเข่อซิงดังมาตั้งแต่หน้าตำหนัก ทำให้หนิงเซียนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องยาต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นหรือเข่อซิง” ท่าทีของเข่อซิงดูร้อนรนไม่น้อย“ข่าวเกี่ยวกับท่านเจ้าค่ะ ตอนนี้ในเมืองต่างกล่าวถึงตัวท่านอย่างสนุกเลยเจ้าค่ะ เกี่ยวกับที่ตระกูลหม่าของท่านเป็นตระกูลแม่ทัพที่ก่อกบฏร้ายแรงสังหารชาวบ้านไม่เว้น แต่ดีที่ราชวงศ์ของตงหยางสั่งประหารได้ทัน พวกเขายังเล่นกันอีกกว่าเป็นท่านที่หนีรอดมาได้” เข่อซิงที่ออกไปซื้อของให้กับลี่หลิน นางจึงบังเอิญได้ยินเข้าหนิงเซียนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปมากนัก” งั้นหรือเจ้าจะตกใจไม่ใย “ทำให้เข่อซิงสงสัยไม่น้อยตอนนี้ตระกูลของท่านกำลังถูกมองไม่ดีอยู่นะเจ้าคะ” แต่… “” มันไม่ใช่ความจริง เหตุใดข้าต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องพวกนั้นด้วยล่ะ“เรื่องที่กล่าวมาไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เหตุใดจึงไม่บอกไปด้วยละว่านางคนนี้ที่เป็นคนล้มราชวงศ์ซีฉินกับมือเอง” เจ้าค่ะ “เข่อซิงพยักหน้าตอบรับ ในเมื่อหนิงเซียนไม่ดูเดือดร้อนกับข่าวที่เกิดขึ้นเลยนางก็หาได้เดือดร้อนไม่“ขบวนองค์หญิงสามเสด็จ” เสียงของใครบางคนดัง
หนิงเซียนที่ได้ฟังเรื่องราวของก็รู้สึกสงสารจางหมิงไม่น้อย เป็นถึงเชื่อราชวงศ์ใช่ว่าจะสุขสบาย ต้องคอยระวังภัยกันเอง“แล้วฝ่าบาทจะตื่นจากบรรทมเมื่อใด”“หากไม่มีดอกไม้นั้นแล้ว กว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของจางหมิงจะหายหมด ข้าคิดว่าอย่างต่ำสี่ถึงห้าวัน”ซ่งเสี่ยนพยักหน้าอย่างโล่งใจ คิดว่าจางหมิงจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้เสียอีกเมื่อจัดการตรงนี้เสร็จรีบร้อยนางจึงลาซ่งเสี่ยนกลับตำหนักวันนี้นางคิดที่จะไปเยี่ยมพวกเสี่ยวเปาเสียหน่อย นางเดินมาถึงทางออกเห็นว่ามู่เฉินยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ” มีอันใดหรือมู่เฉิน “” คุณหนูท่านจะกลับตำหนักแล้วหรือขอรับ “” ใช่ ว่าแต่เกิดอันใดขึ้น “” ตอนนี้เหล่าขุนนางต่างหมายจะเข้ามาเยี่ยมฝ่าบาทขอรับ “ตอนนี้มีเหล่าขุนนางประมาณหกเจ็ดคนยืนรออยู่หน้าตำหนักของจางหมิงเพื่อหวังจะเข้ามาดูอาการ” มีทางออกอื่นหรือไม่ “หนิงเซียนเองก็ไม่อยากปะทะขุนนางพวกนั้นในตอนนี้หรอกมู่เฉินได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า ทางลับของตำหนักของฝ่าบาทย่อมมีอยู่แล้ว” ตามข้ามาขอรับ “หนิงเซียนเดินตามมู่เฉินออกไปทางลับที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตำหนัก” ทางเดินไปทางนี้แล้วเลี้ยวซ้าย ท่านจะไปออกหลังน้ำตกใ
ทันทีที่นางเข้ามาในห้องบรรทมของจางหมิง สิ่งที่ทำให้นางขมวดคิ้วอย่างแรกก็คือกลิ่นของกำยานนางรู้สึกว่าในกลิ่นของกำยานนี้มีบางอย่างแอบแฝงอยู่ แต่นางปล่อยผ่านมองไปที่เตียงก็เห็นร่างอันคุ้นเคยนอนแน่นิ่งอยู่กับเตียง ผิวกายซีดขาวราวกับคนตายระหว่างนั้นนางก็ยืนรอเพราะตอนนี้กำลังมีหมอหลวงคอยตรวจอาการของจางหมิงอยู่“หมอหลวงอาการของฝ่าบาทเป็นเช่นไรบ้าง” หลังจากที่หมอหวังเหว่ยตรวจเสร็จแล้วก็เข้าไปถามหมอหลวงหันมาพบว่ามีหญิงสาวผู้หญิงยื่นจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเรียบนิ่งก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบหวังเหว่ย “อาการฝ่าบาทคล้ายคนปกติ ชีพจรเต้นมั่นคงดูเหมือนคนแข็งแรงทั่วไปแต่ที่ข้าสงสัยคือผิวที่ซีดราวกับคนตายของฝ่าบาท ข้าคงต้องขอไปปรึกษาหารือกลับหมอหลวงคนอื่นๆเสียก่อน ท่านองครักษ์หวังเหว่ยท่านโปรดวางใจ” หมองหลวงเอ่ยตอบพลางเหลือบตาไปมองหญิงสาวที่ยืมอยู่ในห้องนี้อีกคน“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก คุณหนูเชิญท่านตรวจดูอาการของฝ่าบาทได้เลย” หวังเหว่ยเอ่ยขอบคุณหมอก่อนจะหันมาบอกกับหนิงเซียน“ไม่ได้ ท่านหวังเหว่ยนางเป็นใครกล้าดีอย่างไรถึงให้นางมาจับตัวฝ่าบาทท่านไม่รู้หรือว่าตอนนี้ฝ่าบาทกำลังจะประชวรอยู่” หมอหลวง