แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องปลุกให้หนิงเซียนตื่นขึ้น
“ท่านแม่!!” หนิงเซียนสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้าย ดวงตาสวยคลอไปด้วยน้ำตา ภาพเมื่อวานที่ท่านแม่ส่งยิ้มให้นาง ภาพที่ท่านแม่ถูกประหารยังคงเก็บมาฝัน หนิงเซียนซบลงหมอนแล้วร้องไห้ออกมา มันอยากเสียเหลือเกินอยากที่จะทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“คุณหนู…คุณหนูเป็นอันใดเจ้าค่ะ” ลี่หลินได้ยินเสียงหนิงเซียนตะโกน นางรีบวางสิ่งที่ทำอยู่แล้วเข้ามาหาหนิงเซียนโดยเร็ว
“แม่นม….ฮึก…ท่านแม่จากข้าไปแล้ว” หนิงเซียนเห็นลี่หลินเข้ามานางพุ่งเข้าไปกอดแล้วซบลงที่อกของลี่หลิน
“เจ้าค่ะ…หยุดร้องไห้เถิดเจ้าค่ะ หากคุณหนูยังเป็นเช่นนี้นายท่าน นายหญิงจะเป็นห่วงเอานะเจ้าคะ ยังมีคุณชายใหญ่ คุณชายเล็ก และท่านย่าอีก” ลี่หลินเอ่ยปลอบ
“แม่นม…ฮึก..” หนิงเซียนเงยหน้าขึ้นมอง
“เชื่อนมนะเจ้าคะ ไม่ร้อง…ตอนนี้มีใครบางคนต้องการพบคุณหนูเจ้าค่ะ” ลี่หลินซับน้ำตาให้กับหนิงเซียนด้วยเสื้อของนาง
“ใครหรือเจ้าคะ” หนิงเซียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย น้ำเสียงติดสะอื้นเล็กน้อย เพราะในบ้านหลังนี้มีเพียงนางและแม่นมสองคนแล้วยังมีใครอีก หรือว่ามีชาวบ้านมารักษาอาการป่วยกับนาง
“ตามข้ามาเจ้าค่ะ” ลี่หลินช่วยหนิงเซียนจัดชุดให้เรียบร้อย แล้วพาออกไปหาคนผู้นั้น
ลี่หลินพาหนิงเซียนเข้ามาในห้องที่พวกนางทำไว้สำหรับชาวบ้านที่มาให้นางรักษา เปิดประตูเข้าไปหนิงเซียนพบกับชายหนุ่มวัยกลางคนนอนคว่ำหน้าอยู่ มีผ้าพันแผลที่กลางหลังและช่วงไหล่ดูเหมือนลี่หลินจะเป็นคนทำแผลให้กับชายผู้นี้
“แม่นม…ใครหรือเจ้าคะ” หนิงเซียนหันมาถามด้วยความสงสัย
“ซีฮัน ข้าพาคุณหนูมาแล้ว” ลี่หลินเลือกจะไม่ตอบหนิงเซียนแต่กลับไปปลุกชายตรงหน้า ทำให้หนิงเซียนได้รู้ว่าชายผู้นี้ชื่อซีฮัน
ชายวัยกลางคนที่ชื่อซีฮันเมื่อได้ยินว่าบุคคลที่ต้องการพบมาแล้ว ก็พยายามลุกขึ้นโดยมีลี่หลินคอยประคอง
“คุณหนู…” ซีฮันเห็นใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า ขอบตาเริ่มแดงออกมาเมื่อนึกถึงผู้เป็นบิดาของหญิงสาว ผู้ที่ชุบชีวิตเขาขึ้นมาจากขุมนรก
“ท่านเป็นใคร” หนิงเซียนเอ่ยถาม ดูเหมือนซีฮันจะรู้จักนางแต่นางกลับไม่รู้จักซีฮัน
“คุณหนูคงไม่รู้จักข้า ข้าซีฮันเป็นองครักษ์เงาของนายท่าน… “
” ท่านพ่อหรือท่านเป็น…” หนิงเซียนได้รู้ว่าชายตรงหน้าเป็นคนของท่านพ่อก็เอ่ยถามด้วยความดีใจ แต่นางก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนึกได้ว่าท่านพ่อและท่านพี่ของนางไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
“คุณหนู” ลี่หลินเห็นอาการของหนิงเซียนรีบเข้ามาประคอง
“ฮึก…ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะแม่นม เชิญท่านเล่าต่อเถิดเห็นแม่นมบอกว่าท่านอยากพบข้า…” หนิงเซียนหันมาบอกลี่หลิน นางหลับตาลงเพื่อตั้งสติแล้วหันไปมองซีฮัน
“ยามนั้นตอนที่นายท่านกำลังออกสำรวจตามแนวชายแดนจู่ๆ ก็มีลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้าใส่นายท่านโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว คุณชายใหญ่ที่เห็นอย่างนั้นจึงจะเข้าไปช่วย แต่ก็โดนพวกมันใช้ดาบฟันไปที่แขนของคุณชายใหญ่จนเป็นแผลเหวอะ ทำให้ตอนนั้นนายท่านรู้แล้วว่านี่มันไม่ใช่การตรวจชายแดนธรรมดา แต่มันเป็นการฆ่าปิดปากทั้งสอง นายท่านจึงเข้าไปช่วยคุณชายใหญ่ ด้วยความที่ท่านเองก็บาดเจ็บอยู่แล้วจึงไม่สามารถต้านพวกมันได้…”
“ตัวข้าเองก็หมายจะเข้าไปช่วยทั้งสองเช่นกัน แต่นายท่านและคุณชายใหญ่ห้ามไว้ พร้อมกับสกัดกั้นพวกนั้นไว้ให้ข้าหนีออกมาทำตามแผนที่วางไว้ หลังจากที่ข้าหนีออกมาก็โดนพวกมันตามล่า กว่าจะหนีพวกมันมาได้ก็ลำบากไม่น้อย พอข้ามาถึงที่นี่ก็ได้ข่าวว่านายท่านและคุณชายใหญ่ก่อกบฏ และคนตระกูลหม่า…” ซีฮันเลือกที่จะไม่พูดคำว่าถูกประหารออกไป
“ถูกประหาร ใช่ท่านแม่ ท่านยายและน้องเล็กถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ฮึก…ว่าแต่แผนการที่ท่านพ่อบอกคือสิ่งใด” หนิงเซียนที่ได้ยินเรื่องจากซีฮันก็สะเทือนใจไม่น้อย เป็นเพราะพวกมันที่ทำให้ครอบครัวของนางต้องเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะพวกมันรวมหัวกันทำลายครอบครัวของนาง
“เมื่อยี่สิบห้าปีก่อนมีคำทำนายว่าในรอบหลายพันปี ในคืนดวงจันทร์สีเลือดจะถือกำเนิด นารีผู้ซึ่งที่มีพลังวิญญาณเหลือล้น สามารถชุบชีวิตคนให้ฟื้นจากความตายได้และหากบุรุษผู้ใดได้ครอบครองนารีผู้นี้จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งใดทั้งปวง… “
” แผนการเกี่ยวอันใดกับคำทำนายนั้นเจ้าคะ “หนิงเซียนเอ่ยถามซีฮันอย่างไม่เข้าใจ
” นารีผู้นั้นจะมีดอกบัวสีแดงที่กลางหน้าผากเจ้าคะ “เป็นลี่หลินที่เอ่ยขึ้นมา
” ดอกบัวสีแดง… “หนิงเซียนที่ได้ยินอย่างนั้นก็ทวนคำของลี่หลิน ดอกบัวสีแดงที่กลางหน้าผาก นั้นเป็นนางนี่
” ตามคำทำนายหญิงสาวที่ตรงกับคำทำนายจะมีรูปดอกบัวสีแดงที่กลางหน้าผาก หลังจากที่คำทำนายนี้กระจายออกไปต่างได้รับความสนใจอย่างยิ่ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาชายผู้นั้นยังสั่งให้คนสืบหาเด็กหญิงผู้นี้อยู่เงียบๆ ซึ่งหลังจากผ่านมาแล้วห้าปีนายหญิงก็ตั้งท้องคุณหนู ในคืนก่อนวันที่นายหญิงจะทราบว่าตนเองนั้นท้องนางฝันว่ามีหญิงสาวรูปงามดังเทพธิดาจำนวนเก้านางได้มอบดอกบัวสีแดงให้กับนาง จากความฝันของนายหญิงทำให้นายท่านนึกถึงคำทำนาย นายท่านจึงสั่งให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจนกว่าคุณหนูจะคลอดออกมา ตลอดเก้าเดือนนายท่านกระจายข่าวว่านายหญิงตระกูลหม่าป่วยด้วยโรคจึงต้องพักรักษาตัว… “
” จนถึงวันที่คุณหนูคลอด ในคืนนั้นเป็นวันที่พระจันทร์สีเลือด และยามที่คุณหนูคลอดออกมาก็มีรูปดอกบัวสีแดงที่กลางหน้าผาก เพื่อไม่ให้คุณหนูไม่ได้ลำบากในภายภาคหน้าจึงให้แม่นมลี่พาท่านออกมาอยู่ห่างจากตระกูลเพื่อความปลอดภัย… “
” ฮือ…ท่านพ่อ “หนิงเซียนที่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตนร้องไห้ออกมา ท่านพ่อท่านแม่และทุกๆ ทำเพื่อนาง ทุกคนรักนาง แต่ทำไมไม่บอกให้นางได้รู้ปล่อยให้นางคิดเองอยู่คนเดียว
” คุณหนู… “
” แม่นมท่านก็รู้มาโดยตลอดใช่หรือไม่ “หนิงเซียนหันมาถามลี่หลินทั้งน้ำตา เพราะตลอดเวลาที่นางจะต้องออกไปข้างนอกหรือไม่เจอผู้คนลี่หลินก็ชอบให้นางปิดหน้าหรือใส่หน้ากากปิดรอยกลางหน้าผากของนางไว้ ตัวนางเองก็ไม่ได้สงสัยมากนักและจนนางมารู้เรื่องในวันนี้
“……” ลี่หลินเลือกที่จะพยักหน้าแทนการพูดให้กับหนิงเซียน
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมานายท่านรู้ตัวว่าพวกมันต้องการอำนาจในมือของตนและกองทัพทมิฬที่ตนได้สร้างขึ้นมา ซึ่งขุนนางพวกนั้นก็พยายามปลุกปั้นและใส่ร้ายต่างๆ นานา แต่นายท่านก็สามารถรอดมาได้ แม้จะรอดมาได้ทุกครั้งนายท่านก็ไม่ไว้วางใจ เชื่อว่าสักวันจะต้องมีวันที่พลาดและมันก็มาถึงวันที่นายท่านได้กล่าวไว้… “
” ตลอดเกือบยี่สิบปีที่นายท่านได้สร้างกองทัพทมิฬขึ้นมา ก็เพื่อเป็นกองกำลังให้กับคุณหนูในวันที่ตัวท่านและคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว ณ หุบเขาวิญญาณนายท่านได้เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ให้ท่าน ทั้งกองทัพทมิฬที่จะเชื่อฟังคำสั่งสายเลือดหลักของตระกูลหม่าเท่านั้น ในจดหมายฉบับนี้เป็นนายท่านที่เขียนถึงท่านและคนอื่นๆ … “กล่าวจบซีฮันก็ยืนจดหมายจำนวนสามฉบับให้กับหนิงเซียน
หนิงเซียนรับจดหมายจากซีฮันมาเปิดอ่านโดนเร็ว
‘หนิงเซียนหากลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ตัวพ่อคงไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่อขอโทษ ขอโทษเจ้าจากใจจริงโดยไม่ได้ถามความคิดเห็นจากเจ้า แต่พ่อเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พ่อคนนี้จะทำให้เจ้าได้…
เช้าวันรุ่งขึ้น…ในตำหนักของหนิงเซียนต่างวุ่นวายตามหาหมอหลวงอย่างเร่งรีบ เมื่อพบว่าหนิงเซียนโดนทำลายร้ายตอนนี้ทั้งวังหลวงต่างอยู่ในความตื่นตระหนก เหตุใดเมื่อคืนถึงบังอาจมีผู้ลักลอบเข้ามาทำลายว่าที่ฮองเฮาได้“ฝ่าบาทหมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ” เข่อซิงวิ่งมาพร้อมกับหมอหลวง เข้ามาในห้องของที่มีร่างของหนิงเซียนนอนเจ็บอยู่ที่แขนของนางนั้นยังมีเลือดซึมอยู่ตลอดหมอหลวงเข้ามาแล้วก็รีบจัดการกับแผลของหนิงเซียน “ฝ่าบาทพระองค์โปรดออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้าต้องใช้สมาธิอย่างมากในการรักษาคุณหนูหนิงเซียน” หมอหลวงหันมาบอกจางหมิงที่ยังยืนอยู่ในห้องดู“ข้า…” ทีแรกจางหมิงมีท่าทียึกยัก แต่พอคิดว่าจะต้องรีบรักษาหนิงเซียนให้เร็วที่สุดจึงตัดสินใจออกจากห้องไปพอหมองหลวงเห็นว่าฝ่าบาทออกไปแล้วก็หันมารักษาให้กับหนิงเซียน หยิบยาขึ้นมาก่อนจะป้อนให้กับหนิงเซียน ดวงตาที่หลับอยู่ของหนิงเซียนเปิดขึ้นทันทีคว้ายาในมือของหมอหลวงก่อนจะป้อนใส่ปากของหมอหลวงอย่างรวดเร็วนางตวัดร่างขึ้นก่อนจะล็อกร่างของหมอหลวงไว้ให้กลืนยาเม็ดนั้นลงไป ด้วยความที่ร่างหมอหลวงบอบบางเกือบเท่านางทำให้หมอหลวงไม่สามารถขัดขืนได้เลยทำใจต้องกลืนยาเม็ดนั้นลงไป“เจ
“เจ้าหัวเราะอันใด” ซูเม่ยมองไปที่หนิงเซียนอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดมันจึงไม่เป็นไปตามที่นางคาดไว้“ข้าแค่เพียงชื่นชมในบทละครที่คุณหนูซูเม่ยตั้งใจเล่นเป็นอย่างมาก แต่เพียงคุณหนูบทของท่านกลับไม่เป็นจริงสักเรื่อง”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ท่านยังต้องถามข้าอีกหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่าคนที่ไปสืบเรื่องนี้มาเหตุใดจึงสืบมาได้เพียงแค่นี้ เรื่องราวที่เหตุขึ้นที่ซีฉินออกจะใหญ่โต งั้นตัวข้าหนิงเซียนจะเล่าให้ทุกคนฟังในเรื่องที่ถูกต้อง จะได้เล่าเรื่องของตระกูลข้าได้อย่างตรงไปตรงมาไม่บิดเบือน” หนิงเซียนไล่สายตาไปหาผู้คนในงานนี้ ผู้ที่เผลอสบสายตากับนางก็รีบหลบสายตาหนีทันที“เรื่องที่ตระกูลหม่าของข้าถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏนั้นเป็นความจริง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ตระกูลข้าถูกใส่ร้ายเท่านั้น พวกบ้าหลงระเริงอยู่ในอำนาจหวาดกลัวต่อตระกูลของข้าที่ย่อมสละเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดิน คุณหนูซูเม่ยต่อจากนี้ท่านจงตั้งใจฟังให้ดี… “หนิงเซียนจ้องเข้าไปในดวงตาของซูเม่ยที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก” ตัวข้ากองทัพทมิฬของท่านพ่อข้าและยังมีกองทัพหนันเหลียงร่วมจัดการโค่นบัลลังก์ตระกูลราชวงศ์องค์ก่อนนั้นคือสิ่งที่คุณหนูซูเม่ยขาดหายไป” หลังจาก
ภายในท้องพระโรง“ฝ่าบาทมีม้าเร็วจากซีฉินส่งสารมาว่าเหล่าคณะขุนนางของซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนหนันเหลียงในอีกห้าวันข้างหน้าขอรับ” สิ้นสุดเสียงของนางกองทำให้เหล่าขุนนางในท้องพระโรงต่างถกเถียงกันกับการมาเยือนของคณะซีฉินในครั้งนี้ เพราะทั้งสองแคว้นนั้นก็นับว่าไม่ได้ปรองดองกันถึงขนาดที่ว่าจะไปมาหาสู่กันได้แต่ข้อถกเถียงก็ข้อถกเถียงเมื่อจางหมิงสั่งให้ขุนนางทุกคนเตรียมความพร้อมให้ดีในการมาเยือนของคณะซีฉินอีกห้าวันข้างหน้า“คุณหนูเจ้าคะ คณะจากซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนที่นี่ในอีกห้าวันข้างหน้า” เหมยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ท่านลุงจะมาที่นี่หรือ” หนิงเซียนแปลกใจเหตุใดนางถึงไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับซีฮัน“ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทสั่งให้เหล่าขุนนางเตรียมความพร้อมต่างๆ ท่านซ่งเสี่ยนเองก็เริ่มสั่งให้นางกำนัลเตรียมการสถานที่วังหลวงรอแล้วเจ้าค่ะ”หนิงเซียนพยักหน้าเข้าใจ นางก็อยากรู้ว่าที่ซีฮันมาเยือนหนันเหลียงครั้งนี้ด้วยเหตุอันใด “คงจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว”ห้าวันผ่านไปตลอดเวลาที่ซีฉินส่งมาแล้วมาว่าจะมาเยี่ยมเยือนให้อีกห้าวันข้างหน้า คนในวังหลวงต่างมีหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ให้พร้อม และวันนี้เป็นวันที่คณะของ
“คุณหนูเกิดเรื่องใหญ่เข้าเจ้าค่ะ” เสียงของเข่อซิงดังมาตั้งแต่หน้าตำหนัก ทำให้หนิงเซียนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องยาต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นหรือเข่อซิง” ท่าทีของเข่อซิงดูร้อนรนไม่น้อย“ข่าวเกี่ยวกับท่านเจ้าค่ะ ตอนนี้ในเมืองต่างกล่าวถึงตัวท่านอย่างสนุกเลยเจ้าค่ะ เกี่ยวกับที่ตระกูลหม่าของท่านเป็นตระกูลแม่ทัพที่ก่อกบฏร้ายแรงสังหารชาวบ้านไม่เว้น แต่ดีที่ราชวงศ์ของตงหยางสั่งประหารได้ทัน พวกเขายังเล่นกันอีกกว่าเป็นท่านที่หนีรอดมาได้” เข่อซิงที่ออกไปซื้อของให้กับลี่หลิน นางจึงบังเอิญได้ยินเข้าหนิงเซียนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปมากนัก” งั้นหรือเจ้าจะตกใจไม่ใย “ทำให้เข่อซิงสงสัยไม่น้อยตอนนี้ตระกูลของท่านกำลังถูกมองไม่ดีอยู่นะเจ้าคะ” แต่… “” มันไม่ใช่ความจริง เหตุใดข้าต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องพวกนั้นด้วยล่ะ“เรื่องที่กล่าวมาไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เหตุใดจึงไม่บอกไปด้วยละว่านางคนนี้ที่เป็นคนล้มราชวงศ์ซีฉินกับมือเอง” เจ้าค่ะ “เข่อซิงพยักหน้าตอบรับ ในเมื่อหนิงเซียนไม่ดูเดือดร้อนกับข่าวที่เกิดขึ้นเลยนางก็หาได้เดือดร้อนไม่“ขบวนองค์หญิงสามเสด็จ” เสียงของใครบางคนดัง
หนิงเซียนที่ได้ฟังเรื่องราวของก็รู้สึกสงสารจางหมิงไม่น้อย เป็นถึงเชื่อราชวงศ์ใช่ว่าจะสุขสบาย ต้องคอยระวังภัยกันเอง“แล้วฝ่าบาทจะตื่นจากบรรทมเมื่อใด”“หากไม่มีดอกไม้นั้นแล้ว กว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของจางหมิงจะหายหมด ข้าคิดว่าอย่างต่ำสี่ถึงห้าวัน”ซ่งเสี่ยนพยักหน้าอย่างโล่งใจ คิดว่าจางหมิงจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้เสียอีกเมื่อจัดการตรงนี้เสร็จรีบร้อยนางจึงลาซ่งเสี่ยนกลับตำหนักวันนี้นางคิดที่จะไปเยี่ยมพวกเสี่ยวเปาเสียหน่อย นางเดินมาถึงทางออกเห็นว่ามู่เฉินยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ” มีอันใดหรือมู่เฉิน “” คุณหนูท่านจะกลับตำหนักแล้วหรือขอรับ “” ใช่ ว่าแต่เกิดอันใดขึ้น “” ตอนนี้เหล่าขุนนางต่างหมายจะเข้ามาเยี่ยมฝ่าบาทขอรับ “ตอนนี้มีเหล่าขุนนางประมาณหกเจ็ดคนยืนรออยู่หน้าตำหนักของจางหมิงเพื่อหวังจะเข้ามาดูอาการ” มีทางออกอื่นหรือไม่ “หนิงเซียนเองก็ไม่อยากปะทะขุนนางพวกนั้นในตอนนี้หรอกมู่เฉินได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า ทางลับของตำหนักของฝ่าบาทย่อมมีอยู่แล้ว” ตามข้ามาขอรับ “หนิงเซียนเดินตามมู่เฉินออกไปทางลับที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตำหนัก” ทางเดินไปทางนี้แล้วเลี้ยวซ้าย ท่านจะไปออกหลังน้ำตกใ
ทันทีที่นางเข้ามาในห้องบรรทมของจางหมิง สิ่งที่ทำให้นางขมวดคิ้วอย่างแรกก็คือกลิ่นของกำยานนางรู้สึกว่าในกลิ่นของกำยานนี้มีบางอย่างแอบแฝงอยู่ แต่นางปล่อยผ่านมองไปที่เตียงก็เห็นร่างอันคุ้นเคยนอนแน่นิ่งอยู่กับเตียง ผิวกายซีดขาวราวกับคนตายระหว่างนั้นนางก็ยืนรอเพราะตอนนี้กำลังมีหมอหลวงคอยตรวจอาการของจางหมิงอยู่“หมอหลวงอาการของฝ่าบาทเป็นเช่นไรบ้าง” หลังจากที่หมอหวังเหว่ยตรวจเสร็จแล้วก็เข้าไปถามหมอหลวงหันมาพบว่ามีหญิงสาวผู้หญิงยื่นจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเรียบนิ่งก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบหวังเหว่ย “อาการฝ่าบาทคล้ายคนปกติ ชีพจรเต้นมั่นคงดูเหมือนคนแข็งแรงทั่วไปแต่ที่ข้าสงสัยคือผิวที่ซีดราวกับคนตายของฝ่าบาท ข้าคงต้องขอไปปรึกษาหารือกลับหมอหลวงคนอื่นๆเสียก่อน ท่านองครักษ์หวังเหว่ยท่านโปรดวางใจ” หมองหลวงเอ่ยตอบพลางเหลือบตาไปมองหญิงสาวที่ยืมอยู่ในห้องนี้อีกคน“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก คุณหนูเชิญท่านตรวจดูอาการของฝ่าบาทได้เลย” หวังเหว่ยเอ่ยขอบคุณหมอก่อนจะหันมาบอกกับหนิงเซียน“ไม่ได้ ท่านหวังเหว่ยนางเป็นใครกล้าดีอย่างไรถึงให้นางมาจับตัวฝ่าบาทท่านไม่รู้หรือว่าตอนนี้ฝ่าบาทกำลังจะประชวรอยู่” หมอหลวง