เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้กระอักเลือดออกมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้ครั้งนี้อาการของชินอ๋องน่าเป็นห่วง อีกทั้งหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพักผ่อนน้อย ทั้งยังสู้รบ ทำให้ร่างกายและพละกำลังถดถอย
“เจ้า” ชินอ๋องไม่มีแม้กระทั่งแรงจะเรียกชื่อหลานชายเสียด้วยซ้ำ
“แต่ไม่ต้องห่วง เวลานี้บุตรชายที่รักของท่าน กำลังรออยู่ที่คุกหลวง โทษฐานลอบสังหารรัชทายาทเช่นข้า ท่านอาจจะคิดว่าเขานิสัยไม่เหมือนท่าน แต่ข้ากลับคิดว่า เขากล้าหาญกว่าท่านมากนัก เพราะกว่าที่ท่านจะกล้าลงมือก็นานนับสิบปี ตีเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อนเหมือนที่สวีเฮ่าทำ เพราะ ถ้ามัวแต่รอแบบท่าน สุดท้ายแล้ว เมื่อเหล็กเส้นนั้นหายร้อน นอกจากตีเป็นดาบไม่ได้ ปล่อยไว้นานวันเข้าสนิมก็เริ่มเกาะกิน เหมือนเช่นภายในใจท่านที่เกิดความลังเล” ดวงตาเซ่าหมิงหยวนฉายแววเหี้ยมโหดออกมา
“ฮ่า ๆ อ๋องอย่างข้า ไม่จำเป็นต้องให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้ามาชี้นำ หากพวกเจ้าสองพ่อลูกไม่ใช้แผนสกปรก มีหรือที่ข้าจะพ่ายแพ้ คนแพ้ไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดได้ ระหว่างข้ากับเจ้า ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้ วันนี้ข้าผู้เป็นอ๋องอยู่ไม่สู้ตาย”
พูดจบเซ่าเยี่ยนก็สั่งทหารที่ซุ่มอยู่โจมตีในทันที ทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้กันอย่างไม่ยอมแพ้ ผลัดกันรุกผลัดกันรับ น่าเสียดายที่ทหารติดตามชินอ๋องต่อสู้เป็นเวลานานเกินไป ทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ คนที่บาดแผลหายแล้ว แต่พละกำลังก็ยังไม่ฟื้นกลับคืนมาเต็มที่
ต่างจากทหารกล้าของเซ่าหมิงหยวน ที่ยังสดใหม่และกระหายเลือด ทำให้ฝ่ายของเขาได้เปรียบเป็นอย่างมาก
เซ่าหมิงหยวนกระโจนตัวลงจากอานอาชา แล้วพุ่งตรงไปที่ชินอ๋องในทันที อาหลานประมือกันอยู่เจ็ดกระบวนท่า สุดท้ายเป็นหลานชายที่สามารถบั่นคอของผู้เป็นอาลงได้
เสียงโห่ร้องเฮลั่นด้วยความดีใจ ม้าเร็วรีบวิ่งไปแจ้งข่าวให้ทาง เมืองหลวงได้ทราบ ต้นเดือนหกเซ่าหมิงหยวนนำหัวของชินอ๋องกลับมา พร้อมทั้งแห่รอบเมืองหลวง
ฮ่องเต้สั่งให้เสียบหัวของชินอ๋องประจานที่ประตูเมือง ก่อนที่จะมีการสำเร็จโทษคนในตระกูลชินอ๋องที่เหลือ
หลี่เจียวทราบข่าวถึงกับอดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ ที่สะเทือนใจมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ชินอ๋องเป็นชู้กับฮองเฮา จนให้กำเนิดสายเลือดต้องห้ามออกมา
“หม่อมฉันขอไปเยี่ยมพวกเขาได้หรือไม่เพคะ” หลี่เจียวอยากจะไปเห็นหน้าของชายที่นางเคยรักจนหมดใจครั้งสุดท้าย
ตั้งแต่กลับมาในชาตินี้ น่าแปลกที่นางไม่เคยเห็นหน้าเขาอีกเลย องค์หญิงเก้าที่ว่าพบยากแล้ว ก็ยังเคยเจอถึงสองครั้งด้วยกัน
“ไปทำไม” เซ่าหมิงหยวนตีหน้านิ่ง ไม่พอใจที่นางจะไปพบหน้า คนรักเก่าเมื่อชาติที่แล้ว หรือแท้จริงแล้วชาตินี้นางก็ยังมีสวีเฮ่าอยู่ในดวงใจ คิดได้เช่นนี้ความไม่พอใจก็ยิ่งทวีคูณ อยากจะจับนางกดเพื่อลงโทษให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
“ไปพบหน้าเป็นครั้งสุดท้ายเพคะ” หลี่เจียวไม่สามารถบอกความจริงกับเขาได้ ว่านางต้องการไปพบหน้าหญิงโฉดชายชั่ว ที่ทำร้ายตนเมื่อชาติก่อน
อยากจะไปดูให้เห็นกับตา ว่าแท้จริงแล้วสวรรค์ไม่ได้กลั่นแกล้งคนดี เข้าข้างคนชั่วดังเช่นที่นางเข้าใจมาโดยตลอด
เซ่าหมิงหยวนพยายามมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย กลับมีเพียงความเฉยชาที่แสดงออกมาเท่านั้น หาได้มีความห่วงหาอาดูรดังเช่นที่เขาเป็นกังวลไม่ จึงพยักหน้าตอบตกลง พรุ่งนี้จะเป็นวันตัดสินโทษประหารชีวิตของพวกเขา เพราะใช้ชีวิตบิดเบี้ยว ไม่ยอมรับต่อโชคชะตา จึงทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่ต้องจบลงเช่นนี้
ภายในคุกหลวงที่อับชื้น ฮองเฮากรีดร้องด้วยความไม่ยินยอม เซ่าหรงร้องไห้จนเหนื่อย รู้สึกอับอายในชาติกำเนิดของตนเอง อยู่ไม่สู้ตายกับความอัปยศที่นางไม่ได้ก่อ ในที่สุดนางก็ตายตาหลับเสียที ว่าเหตุใดนางกับเซ่าสวีเฮ่าถึงแต่งงานกันไม่ได้
ส่วนเซ่าสวีเฮ่าตอนนี้นิ่งเงียบ ยังรอคอยอย่างมีความหวังว่าบิดาจะต้องมาช่วยตนออกไปจากที่นี่ แน่นอนว่าเขาไม่รู้ข่าวคราวของบิดา รู้เพียงพรุ่งนี้จะเป็นวันตายของตนเองเท่านั้น แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกไม่ยินยอมก็ตาม
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ เรียกความสนใจของแต่ละคนที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองได้เป็นอย่างดี “องค์รัชทายาท พระชายาทรงระวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าผู้คุมขังคุกหลวงเป็นคนนำทางด้วยตนเอง
หลี่เจียวเดินตามหลังเซ่าหมิงหยวน มีเขาอยู่ข้าง ๆ ทำให้นางรู้สึกอุ่นใจ
“ในที่สุดเจ้าก็มา” หลี่เจียวหันไปมองตามเสียง พบว่าบุรุษที่เคยได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางในชาติก่อน กำลังจ้องมองมาที่นางอย่างยินดี
“พระชายามีจิตใจโอบอ้อมอารี อยากจะมากล่าวลาพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย” เซ่าหมิงหยวนพูดขึ้น จากนั้นเดินไปบังตัวของหลี่เจียวเอาไว้ ไม่ให้เซ่าสวีเฮ่ามองเห็นนางได้
“ฮึ นับว่าเป็นวาสนาของฮองเฮาเช่นข้าเสียจริง น่าเสียดาย ที่ครั้งแรกแม่สามีและลูกสะใภ้ได้พบหน้ากัน กลับกลายเป็นสถานที่อัปมงคลเช่นนี้ ฮ่า ๆ” ซุยฮองเฮาคล้ายคนเสียสติเข้าไปทุกวัน นางระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮองเฮา ไม่ต้องทรงน้อยพระทัยไปหรอกพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันตายของพระองค์ แต่หม่อมฉันรับรองว่าพระองค์จะไม่ทรงเดียวดายอีกต่อไป” เซ่าหมิงหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” ซุยฮองเฮาลนลาน รีบถาม เอาความกับอีกฝ่าย นางถูกขังในคุกหลวงมาหลายวันแล้ว รู้เพียงว่าเซ่าเยี่ยนพ่ายแพ้ศึก ทว่ายังไม่มีผู้ใดพบเขาไม่ใช่หรือ
“ฮองเฮาคงจะยังไม่ทรงทราบว่า เสด็จอากำลังรอพวกท่านอยู่ที่ปรโลก ข้าเป็นคนส่งเขาไปเองกับมือ ต่อไปนี้พวกท่านจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เสด็จพี่เองก็คงจะรอพวกท่านนานแล้วเช่นกัน”
คำพูดนี้หนาวลงไปในกระดูก ซุยฮองเฮากรีดร้องออกมาเหมือนคนขาดใจ องค์หญิงเก้าหลับตาลง นางไม่เหลือน้ำตาให้ไหลอีกต่อไป คิดไม่ถึงว่าพี่ชายที่ตนรักและเคารพ จะกลายเป็นคนเดียวกับคนที่เอาชีวิตบิดาแท้ ๆ ของตน
เซ่าสวีเฮ่ากลับไม่ได้ยินคำพูดใดอีก ตั้งแต่หลี่เจียวก้าวเข้ามา เขาก็ไม่สนใจสิ่งใด เอาแต่จ้องชายกระโปรงที่โผล่พ้นร่างออกมาเท่านั้น
“ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่พี่สวีเฮ่ากลายเป็นคนที่น่ากลัวสำหรับเจ้า เจียวเจียว ออกมาให้ข้าได้เห็นหน้าเจ้าก่อนตายได้หรือไม่” เซ่าสวีเฮ่าพูดออกมาเหมือนคนไม่มีหัวคิด คำพูดนี้คล้ายเป็นคมดาบ เร่งบั่นคอเขาให้เร็วขึ้น ทว่าอีกฝ่ายก็ยังยืนยันที่จะพูดมันออกมา ด้วยกลัวว่าจะไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไป
“ญาติผู้พี่” เซ่าหรงแทบไม่เชื่อหูของตนเอง แม้ว่านางจะรู้แล้วว่าชายที่นางรัก คือพี่ชายต่างมารดา แต่ความรักมันเปลี่ยนกันได้ง่ายเพียงนั้นเชียวหรือ แม้ว่าชาตินี้ไม่ได้ครองคู่ ทว่าความรักที่มีต่ออีกฝ่ายไม่เคยลดน้อยลง
“เซ่าสวีเฮ่า แม้ว่าชาตินี้ ข้ากับท่านเราจะไม่ได้พบหน้ากันอีก ทว่าข้ากลับให้อภัยกับสิ่งที่พวกท่านทำกับข้าไม่ได้ นับว่าสวรรค์ยังเมตตา ส่งคนชั่วกลับสู่ปรโลก นับแต่นี้ต่อไป ข้าและพวกท่าน อย่าได้พบเจอกันอีกเลย” หลี่เจียวพูดในสิ่งที่ตนอยากจะพูดออกมา แต่นางกลับไม่ยอมให้เขาได้เห็นใบหน้างดงามของนางแม้เพียงน้อย
พูดจบเซ่าหมิงหยวนก็จูงมือคนรักออกไป ปล่อยให้เซ่าสวีเฮ่า ร้องเอะอะโวยวายคนเดียวเพียงลำพัง ภาพแปลกใหม่มากมายเข้ามาในหัว มีทั้งภาพที่นางนั่งรถม้าของตำหนักชินอ๋อง ภาพที่นางขึ้นเกี้ยวแปดคนหามเข้าตำหนักชินอ๋อง ภาพที่นางใส่ชุดเจ้าสาว มีเขาใส่ชุดเจ้าบ่าว ร่วมกันคำนับฟ้าดิน
ภาพที่ทั้งสองร่วมหอ รวมไปถึงภาพที่นางร้องไห้แทบขาดใจ เมื่อรู้ว่าเขาไม่เลือกนางกลับเลือกสตรีอีกคน
“ฮ่า ๆ แท้จริงแล้วเจ้าก็เคยเป็นของข้า เจ้าเป็นสตรีของข้า เจ้าเป็นชายาซื่อจื่อเช่นข้า”
เซ่าหรงมองคนที่นางรักกลายเป็นคนบ้า ที่เอาแต่เอ่ยบอกคำพูดต่าง ๆ มากมาย แม้แต่นางเองก็แปลกใจ เขาไปแต่งงานกับหลี่เจียวตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่คิดว่าญาติผู้พี่จะเสียใจ จนกลายเป็นคนเสียสติไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ ไม่รู้เลยว่าเรื่องราวลงเอยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
หลังจากนั้นวันถัดมา เพชฌฆาตก็ลงดาบ เลือดสีแดงเจิ่งนองไปทั่วลานประหาร ผู้คนต่างมามุงดูคนชั่ว เรื่องราวฉาวโฉ่ของชินอ๋องและอดีตฮองเฮา ต่างเป็นที่กล่าวขานทั่วทั้งเมืองหลวง รวมไปถึงประณามความชั่วของซื่อจื่อ ที่ลอบสังหารรัชทายาทจนได้รับบาดเจ็บสาหัส คำสาปแช่งดังไปทั่วลานประหาร ยากนักที่วิญญาณคนเหล่านั้นจะสามารถไปเกิดได้อย่างสงบสุข
เมื่อร่างหนาล้มตัวลงนอน ซูเจียวก็นอนลงบ้างเช่นเดียวกัน แม้จะเตรียมตัวมาบ้างแล้ว ทว่านางก็ยังรู้สึกเกร็งอยู่มากเลยทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าบุรุษผู้นี้จะยังเลือกนางอยู่เห็นเขานอนสงบนิ่งไม่ไหวติง นางจึงใจกล้าขยับมือของตนเองไปสัมผัสฝ่ามือหยาบที่ร้อนผ่าว จากนั้นทั้งสองก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ซูเจียวรู้สึกพอใจไม่น้อยกับท่าทางเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันจะหลับตา ร่างหนาที่คิดว่าหลับไปแล้วก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของนางเอาไว้“องค์รัชทายาท” ซูเจียวเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเบา“ท่านพี่ อยู่ด้วยกันสองคนให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ดังเช่นฮูหยิน จวนอื่นเรียกขานกัน อยู่กับเจ้าสองคนข้าก็จะเรียกเจ้าว่าฮูหยินเช่นเดียวกัน” เซ่าหมิงหยวนสบดวงตาดอกท้อคู่นั้น ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงลมหายใจกั้นเท่านั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชา ทำให้สมองของนางกระจ่างแจ้ง“เจ้าค่ะ ท่านพี่”สิ้นคำนั้นริมฝีปากร้อนที่อยู่ด้านบนก็เข้ามาประกบริมฝีปากหวานในทันที ความเร็วในการรุกล้ำเข้ามานั้นเริ่มจากจังหวะช้าเนิบนาบ ผ่านไปสักพักก็เพิ่มความหิวกระหายเข้าไป จนทำเอาสตรีใต้ร่างหายใจแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่านางเริ่มประท้วง เขาก็ผ่อนแรงลง ละริมฝีปากออก แทะเ
หลังจากที่ผ่านเรื่องราวความวุ่นวายมากมาย ก็ใกล้จะถึงกำหนดการวันอภิเษกสมรส ระหว่างองค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ ซึ่งตอนหลังคนอื่นจะเรียกนางคุณหนูสกุลซู เนื่องจากหมอหลวงซูประกาศชัดเจนว่าหลี่เจียวเข้ามาเป็นคนของสกุลซู ชื่อของนางก็คือ ซูเจียว ซึ่งนางก็ชอบมากเช่นเดียวกันราชครูหลี่รู้ตัวว่าหมดความสำคัญในราชสำนัก อีกทั้งยังถูกหักหน้าเช่นนั้น ไม่สามารถอยู่ต่อในราชสำนักได้อีก จึงเขียนฎีกาลาออกยื่นถวายแด่ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นไปตามคาด พระองค์ไม่ทรงคัดค้านเรื่องการลาออกของเขาเลยสักนิด“เจ้าลูกโง่ ลาออกก็แล้วไปเถิด เหตุใดต้องออกจากเมืองหลวง ไปด้วยเล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าสู้ฟันฝ่ามาจนถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางกลับไปตายที่บ้านเกิดให้คนอื่นหัวเราะเยาะเป็นอันขาดชื่อเสียงเงินทองที่สะสมมา ต้องพังพินาศเพราะสองแม่ลูกนั่น บัดนี้นางเพิ่งหูตาสว่าง หากไม่ใช่เพราะถูกจางซื่อเป่าหู มีหรือผู้เฒ่าหูตาพร่ามัวเช่นนางจะหน้ามืดเพียงนี้“ท่านแม่ เป็นเช่นนี้ถือว่าฮ่องเต้ทรงเมตตาแล้ว รัชทายาทแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบพวกเรา ขืนทู่ซี้อยู่มีแต่จะเจ็บตัวเปล่า ๆ อีกอย่างเจียวเอ๋อร์ก็มีใจออกห่างจากพวกเรานานแล้ว หลายเดือนมานี้ที่น
เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้กระอักเลือดออกมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้ครั้งนี้อาการของชินอ๋องน่าเป็นห่วง อีกทั้งหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพักผ่อนน้อย ทั้งยังสู้รบ ทำให้ร่างกายและพละกำลังถดถอย“เจ้า” ชินอ๋องไม่มีแม้กระทั่งแรงจะเรียกชื่อหลานชายเสียด้วยซ้ำ“แต่ไม่ต้องห่วง เวลานี้บุตรชายที่รักของท่าน กำลังรออยู่ที่คุกหลวง โทษฐานลอบสังหารรัชทายาทเช่นข้า ท่านอาจจะคิดว่าเขานิสัยไม่เหมือนท่าน แต่ข้ากลับคิดว่า เขากล้าหาญกว่าท่านมากนัก เพราะกว่าที่ท่านจะกล้าลงมือก็นานนับสิบปี ตีเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อนเหมือนที่สวีเฮ่าทำ เพราะ ถ้ามัวแต่รอแบบท่าน สุดท้ายแล้ว เมื่อเหล็กเส้นนั้นหายร้อน นอกจากตีเป็นดาบไม่ได้ ปล่อยไว้นานวันเข้าสนิมก็เริ่มเกาะกิน เหมือนเช่นภายในใจท่านที่เกิดความลังเล” ดวงตาเซ่าหมิงหยวนฉายแววเหี้ยมโหดออกมา“ฮ่า ๆ อ๋องอย่างข้า ไม่จำเป็นต้องให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้ามาชี้นำ หากพวกเจ้าสองพ่อลูกไม่ใช้แผนสกปรก มีหรือที่ข้าจะพ่ายแพ้ คนแพ้ไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดได้ ระหว่างข้ากับเจ้า ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้ วันนี้ข้าผู้เป็นอ๋องอยู่ไม่สู้ตาย”พูดจบเซ่าเยี่ยนก็สั่งทหารที่ซุ่มอยู่โจมตีในทันที ทั้งสองฝ่ายต่าง
ข่าวเรื่องอาการบาดเจ็บขององค์รัชทายาท ต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นานา เนื่องจากว่าฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งเสวียนกุ้ยเฟยและพระคู่หมั้นอย่างคุณหนูใหญ่สกุลหลี่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นประเด็นถกเถียงกันในราชสำนัก เหล่าขุนนางต่างหยิบยกถึงความมั่นคงของการสืบทอดบัลลังก์มาพูดกัน“เหลวไหล รัชทายาทบาดเจ็บ พวกเจ้าไม่เพียงไม่แสดงความภักดี แต่ยังแสดงออกว่าไม่เชื่อมั่นในสายตาของเราผู้เป็นฮ่องเต้ อีกอย่างเรายังไม่ตาย พวกเจ้าก็กังวลกันไปใหญ่โต เช่นนี้จะให้เราคิดเป็นอื่นได้อย่างไร” ฮ่องเต้ทรงพิโรธหนัก เหล่าขุนนางอกสั่นขวัญแขวนด้วยความกลัว รีบคุกเข่าขอความเมตตา ด้วยรู้ดีว่าโอรสสวรรค์ผู้นี้อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าสตรี“ขอฝ่าบาทอย่าทรงพิโรธ พวกเราเพียงแต่คิดเผื่อเอาไว้เท่านั้น พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายพูดขึ้น“ความหวังดีของพวกท่านเรารับรู้ เพียงแต่อยากขอให้พวกท่านอย่าได้กังวล รัชทายาทบาดเจ็บครั้งนี้ โทษของตำหนักชินอ๋องยากเกินให้อภัยได้ จำเป็นต้องรีบจับกุมตัวชินอ๋องเข้ามารับโทษไปพร้อมกับคนในตำหนัก”ทางด้านรัชทายาทเซ่าหมิงหยวน แท้จริงแล้วเขาออกจากวังตั้งแต่คืนที่ได้รับบาดเจ็บแ
เซ่าหมิงหยวนแม้ว่าจะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจนได้ หนำซ้ำยังเป็นธนูที่อาบยาพิษอีกด้วยฮ่องเต้ทราบข่าวทรงพิโรธหนัก เร่งส่งองครักษ์เสื้อแพรพร้อมทั้งทหารในวังเข้าล้อมตำหนักชินอ๋องในทันที ไม่มีผู้ใดสามารถออกมาได้ ซื่อจื่อถูกขังไว้ในคุกหลวงรอวันลงอาญาจากนั้นออกราชโองการแต่งตั้งองค์ชายแปดเป็นองค์รัชทายาท พร้อมทั้งออกประกาศติดไปทั่วทั้งเมืองหลวง ตำหนักชินอ๋องก่อกบฏ ลอบสังหารองค์รัชทายาท มีโทษประหารเก้าชั่วโคตรข่าวนี้ค่อนข้างเป็นที่ฮือฮาของชาวเมืองหลวง ทุกคนต่างเก็บตัวเงียบ ปิดประตูบ้านเรือน ไม่มีแม้กระทั่งสัตว์สักตัวเดินอยู่บนถนนมีเพียงทหารเวรยามเดินสวนไปสวนมา เพื่อรักษาความสงบเท่านั้นทางด้านจวนราชครูต่างอกสั่นขวัญแขวนไปกับข่าวที่ได้ยิน ด้วยไม่คิดว่าซื่อจื่อจะกล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้ แม้กระทั่งชินอ๋องยังไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน“สวรรค์ นับว่าสกุลหลี่ยังพอมีวาสนาอยู่บ้าง หากเกี่ยวดองกับตำหนักอ๋อง มีหวังได้ถูกประหารเก้าชั่วโคตรไปด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวจนตัวสั่นเมื่อได้ยินข่าวจากบุตรชาย“ข้ายังต้องเร่งเข้าวัง ครั้งนี้ฝ่าบาททรงพิโรธหนัก องค์รัชทายาท ถูกพิษบาดเจ็บสาหัส น่าแปล
พริบตาเดียวอีกเพียงสามวัน ก็ถึงวันงานอภิเษกสมรสระหว่าง องค์หญิงเก้าและซื่อจื่อ ทว่าที่ตำหนักชินอ๋องกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆหลายวันที่ผ่านมานี้ พ่อบ้านอยากจะกรอกยาพิษใส่ปากตัวเอง วันละหลายร้อยรอบ ทว่ากลับทำไม่ลง เนื่องจากสงสารซื่อจื่อ อยู่ไม่สู้ตาย หลายวันที่ผ่านมาเขาจึงเป็นคนจัดการเตรียมงานทุกอย่าง ดีที่มีคนจากในวังเข้ามาช่วยจัดการ ทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบมากขึ้นงานอภิเษกองค์หญิงออกนอกวัง ไม่ยุ่งยากเท่ากับการรับพระชายาเข้าวัง เนื่องจากแต่งออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนของตำหนักชินอ๋อง ถึงอย่างนั้นขั้นตอนและพิธีการต่าง ๆ ก็ถือว่าซับซ้อนมากกว่าคนทั่วไปมากนัก“ซื่อจื่อ องค์ชายแปดมาขอรับ” ต้าหลางลนลานเข้ามารายงาน“อืม” เขาไม่แปลกใจที่เห็นเซ่าหมิงหยวนมาที่นี่ ด้วยความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว ย่อมสามารถหลบหลีกสายตาของเหล่าองครักษ์เงาได้เป็นอย่างดีเซ่าหมิงหยวนเดินเข้ามาในห้องหนังสือ แท้จริงแล้วภายในห้องนี้ ยังมีเส้นทางลับสำหรับออกไปข้างนอก ซึ่งเขาก็ใช้ทางลับนี้เข้ามายังที่นี่ด้วยเช่นกัน เดิมทีคิดว่าญาติผู้น้องคนนี้ต้องหาทางติดต่อกับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายเก็บตัวเงียบ ยอมทำตามคำสั่งของชิน