Share

ตอนที่ 53

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-06-22 21:59:04

หลังจากที่ผ่านเรื่องราวความวุ่นวายมากมาย ก็ใกล้จะถึงกำหนดการวันอภิเษกสมรส ระหว่างองค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ ซึ่งตอนหลังคนอื่นจะเรียกนางคุณหนูสกุลซู เนื่องจากหมอหลวงซูประกาศชัดเจนว่าหลี่เจียวเข้ามาเป็นคนของสกุลซู ชื่อของนางก็คือ ซูเจียว ซึ่งนางก็ชอบมากเช่นเดียวกัน

ราชครูหลี่รู้ตัวว่าหมดความสำคัญในราชสำนัก อีกทั้งยังถูกหักหน้าเช่นนั้น ไม่สามารถอยู่ต่อในราชสำนักได้อีก จึงเขียนฎีกาลาออกยื่นถวายแด่ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นไปตามคาด พระองค์ไม่ทรงคัดค้านเรื่องการลาออกของเขาเลยสักนิด

“เจ้าลูกโง่ ลาออกก็แล้วไปเถิด เหตุใดต้องออกจากเมืองหลวง   ไปด้วยเล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าสู้ฟันฝ่ามาจนถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางกลับไปตายที่บ้านเกิดให้คนอื่นหัวเราะเยาะเป็นอันขาด

ชื่อเสียงเงินทองที่สะสมมา ต้องพังพินาศเพราะสองแม่ลูกนั่น   บัดนี้นางเพิ่งหูตาสว่าง หากไม่ใช่เพราะถูกจางซื่อเป่าหู มีหรือผู้เฒ่าหูตาพร่ามัวเช่นนางจะหน้ามืดเพียงนี้

“ท่านแม่ เป็นเช่นนี้ถือว่าฮ่องเต้ทรงเมตตาแล้ว รัชทายาทแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบพวกเรา ขืนทู่ซี้อยู่มีแต่จะเจ็บตัวเปล่า ๆ อีกอย่างเจียวเอ๋อร์ก็มีใจออกห่างจากพวกเรานานแล้ว หลายเดือนมานี้ที่นางเข้าวัง ก็ไม่ยอมออกมาพบหน้าข้าผู้เป็นบิดาเลยสักครั้ง” ราชครูหลี่นึกถึงบุตรสาวคนโตก็รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ แต่เขาคงไม่โทษใครนอกจากความหลงใหลในลาภยศของตนเอง จนหลงลืมไปว่าผู้ใดกันที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขในยามที่ลำบาก

“แล้วอนาคตของจิ่นเอ๋อร์เล่า เขาเป็นผู้สืบทอด จำเป็นต้องมีตำแหน่งในราชสำนักนะ” ฮูหยินผู้เฒ่านึกถึงหลานชาย ปีนี้ก็อายุย่างสิบสี่ปีเต็มแล้ว จากไปเช่นนี้อนาคตเป็นต้องดับสูญแน่

“ให้เขารับตำแหน่งซิ่วไฉสักที่หนึ่งในหนานจิงก็แล้วกัน ไม่ต้อง    พูดแล้ว ท่านเร่งลงมือเก็บของเถิด ต้นเดือนแปดพวกเราจะออกเดินทาง” เวลานี้เป็นต้นเดือนเจ็ด ราชครูหลี่แจ้งข่าวกับมารดาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวให้ทันท่วงที

“กำหนดงานอภิเษกคือเดือนแปดไม่ใช่หรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าฉุกคิดอะไรได้

“สกุลหลี่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงาน หมอหลวงซูกราบทูลขอเรื่องนี้กับฮ่องเต้เอง พระองค์ทรงอนุญาตแล้ว” พูดจบก็เดินไปที่เรือนฝั่งตะวันตก ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ไม่เรียกร้องสิ่งใดอย่างอนุเฟิ่ง กลับกลายเป็นคนที่ทำให้เขาสบายใจมากที่สุด

ทางด้านบ้านสายรอง สวีซื่อรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง ทว่านางเป็นเพียงสะใภ้ อีกไม่กี่เดือนสามีก็จะสามารถย้ายกลับมาเมืองหลวงได้แล้ว อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น ทว่ากลับไม่สามารถรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้

“ท่านแม่ พวกเราจำเป็นต้องไปหนานจิงจริง ๆ หรือเจ้าคะ” หลี่ซูหยาลูกสาวคนเล็กของนางพูดขึ้นอย่างไม่ยินยอม

“ไม่ไปแล้วจะทำเช่นไร ในเมื่อท่านลุงใหญ่ของพวกเจ้าตัดสินใจ   ไปแล้ว ไปที่นั่นก็ดีเหมือนกัน จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที ต่อไปนี้คนที่มีอำนาจจากทางการ ก็จะมีเพียงท่านพ่อของพวกเจ้า จะได้มีหน้ามีตากับคนอื่นเขาบ้าง” นางคิดในแง่ดี

อย่างน้อยสามีของนางก็เป็นนายอำเภออยู่ที่หนานจิง นับว่ามีหน้ามีตามากที่สุดในอำเภอนั้น เมื่อไปถึงนางก็จะได้เป็นฮูหยินท่านนายอำเภอ ไม่ใช่สะใภ้สายรองในจวนราชครูหลี่อีกต่อไป

หลี่เจียว หรือ ซูเจียว ตอนนี้นางย้ายกลับไปอยู่ที่จวนสกุลซูได้ หนึ่งเดือนแล้ว ทุกคนต่างต้อนรับนางด้วยความอบอุ่น ท่านลุงท่านป้า   รวมไปถึงพี่ชาย พี่สาว ต่างให้การต้อนรับนางเป็นอย่างดี

“สินเดิมของเจียวเจียว ข้าว่าน่าจะเติมได้อีกสักหน่อย” ซุนซื่อ     ฮูหยินใหญ่ของสกุลซู หรือมีฐานะเป็นท่านป้าของซูเจียวเอ่ยขึ้น

“พอแล้วเจ้าค่ะท่านป้า เท่านี้ก็นับว่าสกุลซูเมตตาเจียวเจียวมากพอแล้วเจ้าค่ะ” ซูเจียวห้ามปราม ก่อนที่พี่น้องคนอื่น ๆ จะไม่เหลือสมบัติมีค่าไว้ให้ลูกหลาน

“ได้ที่ไหนกันล่ะเจียวเจียว ต่อไปนี้ห้ามพูดจาคล้ายว่าตนเองเป็นคนนอกอีก เจ้าคือเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลซู มีศักดิ์และศรีเทียบเท่าพี่น้องคนอื่น” ซุนซื่อเอ็ดหลานสาว

“ขอบคุณท่านป้าที่เอ็นดูเจ้าค่ะ” ซูเจียวรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น ถึงอย่างไรท่านป้าท่านยายก็ต้องเพิ่มสินเดิมให้นางอยู่ดี

เมื่อถึงวันงาน เจ้าสาวลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง คนที่ตื่นเต้นมากที่สุดเห็นจะเป็นฉินซิน สาวใช้คนสนิทที่ติดตามเจ้านายไปด้วยทุกที่ ไม่น่าเชื่อว่าเวลาไม่ถึงปี จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณหนูไปได้มากถึงเพียงนี้

“เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนั้น พี่ไม่ดีใจกับข้าหรอกหรือ ที่ข้าแต่งงาน” ซูเจียวพูดหยอกล้อสาวใช้ เวลานี้นางกำลังรอขบวนของเจ้าบ่าวมารับ

“ดีใจสิเจ้าคะ บ่าวกำลังคิดว่า ฮูหยินที่อยู่บนสวรรค์ก็คงกำลังยิ้มมองคุณหนูอยู่บนนั้นด้วยเจ้าค่ะ” ฉินซินพูดพร้อมทั้งเช็ดน้ำตาที่หางตา

ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้น ผูกพันลึกซึ้งเกินกว่าที่จะเป็นเจ้านายกับสาวใช้ได้ พวกนางร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งมากกว่าที่จะมีวันนี้ได้

“นอกจากท่านแม่แล้ว ก็มีพี่ที่อยู่เคียงข้างข้าด้วยใจจริง”

จากนั้นก็มีเสียงตะโกนว่าเจ้าบ่าวมาถึงแล้ว เซ่าหมิงหยวนมาในชุดแต่งงานสีแดง อยู่บนหลังอาชาสีขาวราวหิมะ ยิ่งขับให้เขาดูสง่า สมกับเป็นองค์รัชทายาท

ซูเจียวอยู่บนเกี้ยวแปดคนหาม แต่ละคนถูกคัดเลือกมาอย่างดี นอกจากเป็นคนหามเกี้ยวแล้ว พวกเขายังเป็นองครักษ์ฝีมือดีอีกด้วย     หากไม่บอกก็คงไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าองค์รัชทายาทกล้าให้พวกเขาเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง เพื่อมารับพระชายาในครั้งนี้

ซูเจียวอยู่ในชุดแต่งงานพิธีการของราชสำนัก บนศีรษะมีมงกุฎหงส์เพลิงที่แสนหนักอึ้ง ทว่านางกลับทำมันออกมาได้ดี ท่วงท่าสง่างาม เสวียนฮองเฮาที่ได้รับการแต่งตั้งได้ไม่นาน ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปีติยินดี

หลังจากเสร็จพิธีการ นางก็นั่งรอเจ้าบ่าวอยู่ที่ตำหนักบูรพา โดยมีบรรดาเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เข้ามาพูดคุยหยอกล้อ เพื่อสร้างความสนิทสนม

เดิมทีองค์ชายเจ็ดคิดจะขึ้นมาเป็นคู่แข่งในการช่วงชิงบัลลังก์      แต่ดูจากความสามารถของเซ่าหมิงหยวนแล้ว พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าหมดหวัง มีทั้งฮ่องเต้และเสวียนฮองเฮาคอยหนุนหลังเซ่าหมิงหยวน มีหรือที่ผู้ใดจะสามารถเทียบชั้นได้

“พระชายาเพคะ รัชทายาทเสด็จมาแล้วเพคะ” ฉินซินกระซิบบอก

“เจ้าบ่าวมาแล้ว พวกเราก็ควรจะออกไปข้างนอกกันเถอะ” สิ้นเสียงเหล่าเชื้อพระวงศ์ก็เดินตามกันออกไปเงียบ ๆ

เซ่าหมิงหยวนเดินเข้ามาในห้อง ซึ่งถูกประดับด้วยผ้ามงคลสีแดงเป็นสีมงคล มีเจ้าสาวที่ถูกคลุมหน้านั่งรอเขาอยู่บนเตียง หัวใจก็เต้นแรงราวกับจะกระเด็นออกมาข้างนอก

เขาใช้คันชั่งมังกรเพื่อเปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาว เสมือนว่ามังกรตัวนี้ได้เลือกหงส์ ให้อยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่าแล้ว

ใบหน้างดงามเงยขึ้นประสานสบสายตา ดวงตาดอกท้อคู่สวย   จ้องมองเขาอยู่เช่นกัน เซ่าหมิงหยวนกลืนน้ำลายอึกหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่

“เหนื่อยหรือไม่” เขาเอ่ยถามเจ้าสาวด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เหนื่อยเพคะ แต่หนักสิ่งนี้มากกว่า” ซูเจียวใช้นิ้วเรียวดุจลำเทียนชี้ไปที่เครื่องประดับบนหัว

“เช่นนั้นก็รีบดื่มสุรามงคลก่อน แล้วค่อยถอดพวกนี้ออก”       เซ่าหมิงหยวนพยักหน้าเข้าใจ เพราะมองเพียงสายตา เขาก็พอจะเดาได้ว่าสิ่งนั้นที่อยู่บนศีรษะของนางคงจะหนักน่าดู

ทั้งสองคล้องแขนดื่มสุรามงคล ซูเจียวกินขนมรองท้องไปบ้างแล้วเล็กน้อยก่อนที่จะขึ้นเกี้ยว เวลานี้นางจึงไม่รู้สึกหิวสักเท่าไหร่

“ผู้ใดอยู่ข้างนอกบ้าง มาช่วยพระชายาหน่อย” หลังจากดื่มสุรามงคลแล้ว เซ่าหมิงหยวนยังต้องไปดื่มกับแขกทั้งหลายที่ยังรอเขาอยู่        จึงไม่สามารถอยู่ร่วมกับพระชายาได้ รู้สึกเบื่อพิธีการพวกนี้เสียเต็มทน อยากจะนอนกอดนางให้หายคิดถึงมากกว่าการไปร่ำสุรา

หลังจากที่ได้เปลี่ยนชุด ซูเจียวก็รู้สึกสบายตัวมากขึ้น นางเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วในชาติก่อน ทว่าไม่ได้มีขั้นตอนมากเท่านี้ แม้ว่าจะเตรียมตัวเตรียมใจมาเป็นอย่างดี ถึงอย่างไรก็รู้สึกเหนื่อย

“ยังพอมีเวลา พระชายาจะนอนพักเอาแรงก่อนหรือไม่เพคะ” ฉินซินเปลี่ยนสรรพนามเรียกใหม่ อยู่ในตำหนักกุ้ยเฟยเป็นเดือน ทำให้นางคุ้นชินกับคำพูดของคนในวังบ้างแล้ว

“อือ ก็ดีเหมือนกัน” ซูเจียวไม่ปฏิเสธ เพราะรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว เก็บแรงเอาไว้รับศึกหนักสำหรับคืนนี้ดีกว่า

ในช่วงดึกคืนนั้น เจ้าบ่าวก็เข้าห้องมา ซูเจียวยังคงหลับสนิท       เซ่าหมิงหยวนเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำเงียบ ๆ เพราะตัวเขานั้นคล้ายคนไปตกถังเหล้ามา ก่อนจะโบกมือไล่นางกำนัลที่กำลังจะเข้ามาปรนนิบัติ อยู่ค่ายทหารนานจนชินกับการดูแลตัวเอง ไม่ชินให้ใครเข้ามาวุ่นวายเสียด้วยซ้ำ

แม้ว่าจะอาบน้ำชำระร่างกายแล้ว ก็ยังรู้สึกว่ากลิ่นเหล้ายังแรงอยู่ จึงหยิบใบชาขึ้นมาเคี้ยวเพื่อดับกลิ่น หลังจากได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชาก็รู้สึกสดชื่นขึ้น

“กลับมาแล้วหรือเพคะ” เจ้าสาวหมาด ๆ ได้ยินเสียงสาบเสื้อของอีกคนจึงลืมตา

“อือ” เสียงตอบรับในลำคอ จากนั้นก็เดินไปหาเจ้าสาวที่นอนรออยู่บนเตียงท่ามกลางความมืด

“ดื่มน้ำแกงสร่างเมาแล้วหรือเพคะ” นางขยี้ตาเพื่อไล่ความง่วง นึกตำหนิตนเองที่นอนหลับจนลืมอยู่รอทำหน้าที่

“ดื่มแล้ว ดึกมากแล้วพระชายารีบนอนเถอะ” เมื่อพูดจบอีกฝ่ายก็ขยับตัวเข้าไปนอนด้านใน เพื่อที่จะได้เหลือพื้นที่ให้เขาได้นอนทางด้านนอก เวลาลุกไปไหนจะได้สะดวกสบายมากกว่านอนด้านใน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทวงคืน   ตอนที่ 54

    เมื่อร่างหนาล้มตัวลงนอน ซูเจียวก็นอนลงบ้างเช่นเดียวกัน แม้จะเตรียมตัวมาบ้างแล้ว ทว่านางก็ยังรู้สึกเกร็งอยู่มากเลยทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าบุรุษผู้นี้จะยังเลือกนางอยู่เห็นเขานอนสงบนิ่งไม่ไหวติง นางจึงใจกล้าขยับมือของตนเองไปสัมผัสฝ่ามือหยาบที่ร้อนผ่าว จากนั้นทั้งสองก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ซูเจียวรู้สึกพอใจไม่น้อยกับท่าทางเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันจะหลับตา ร่างหนาที่คิดว่าหลับไปแล้วก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของนางเอาไว้“องค์รัชทายาท” ซูเจียวเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเบา“ท่านพี่ อยู่ด้วยกันสองคนให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ดังเช่นฮูหยิน จวนอื่นเรียกขานกัน อยู่กับเจ้าสองคนข้าก็จะเรียกเจ้าว่าฮูหยินเช่นเดียวกัน” เซ่าหมิงหยวนสบดวงตาดอกท้อคู่นั้น ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงลมหายใจกั้นเท่านั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชา ทำให้สมองของนางกระจ่างแจ้ง“เจ้าค่ะ ท่านพี่”สิ้นคำนั้นริมฝีปากร้อนที่อยู่ด้านบนก็เข้ามาประกบริมฝีปากหวานในทันที ความเร็วในการรุกล้ำเข้ามานั้นเริ่มจากจังหวะช้าเนิบนาบ ผ่านไปสักพักก็เพิ่มความหิวกระหายเข้าไป จนทำเอาสตรีใต้ร่างหายใจแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่านางเริ่มประท้วง เขาก็ผ่อนแรงลง ละริมฝีปากออก แทะเ

  • ทวงคืน   ตอนที่ 53

    หลังจากที่ผ่านเรื่องราวความวุ่นวายมากมาย ก็ใกล้จะถึงกำหนดการวันอภิเษกสมรส ระหว่างองค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ ซึ่งตอนหลังคนอื่นจะเรียกนางคุณหนูสกุลซู เนื่องจากหมอหลวงซูประกาศชัดเจนว่าหลี่เจียวเข้ามาเป็นคนของสกุลซู ชื่อของนางก็คือ ซูเจียว ซึ่งนางก็ชอบมากเช่นเดียวกันราชครูหลี่รู้ตัวว่าหมดความสำคัญในราชสำนัก อีกทั้งยังถูกหักหน้าเช่นนั้น ไม่สามารถอยู่ต่อในราชสำนักได้อีก จึงเขียนฎีกาลาออกยื่นถวายแด่ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นไปตามคาด พระองค์ไม่ทรงคัดค้านเรื่องการลาออกของเขาเลยสักนิด“เจ้าลูกโง่ ลาออกก็แล้วไปเถิด เหตุใดต้องออกจากเมืองหลวง ไปด้วยเล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าสู้ฟันฝ่ามาจนถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางกลับไปตายที่บ้านเกิดให้คนอื่นหัวเราะเยาะเป็นอันขาดชื่อเสียงเงินทองที่สะสมมา ต้องพังพินาศเพราะสองแม่ลูกนั่น บัดนี้นางเพิ่งหูตาสว่าง หากไม่ใช่เพราะถูกจางซื่อเป่าหู มีหรือผู้เฒ่าหูตาพร่ามัวเช่นนางจะหน้ามืดเพียงนี้“ท่านแม่ เป็นเช่นนี้ถือว่าฮ่องเต้ทรงเมตตาแล้ว รัชทายาทแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบพวกเรา ขืนทู่ซี้อยู่มีแต่จะเจ็บตัวเปล่า ๆ อีกอย่างเจียวเอ๋อร์ก็มีใจออกห่างจากพวกเรานานแล้ว หลายเดือนมานี้ที่น

  • ทวงคืน   ตอนที่ 52

    เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้กระอักเลือดออกมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้ครั้งนี้อาการของชินอ๋องน่าเป็นห่วง อีกทั้งหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพักผ่อนน้อย ทั้งยังสู้รบ ทำให้ร่างกายและพละกำลังถดถอย“เจ้า” ชินอ๋องไม่มีแม้กระทั่งแรงจะเรียกชื่อหลานชายเสียด้วยซ้ำ“แต่ไม่ต้องห่วง เวลานี้บุตรชายที่รักของท่าน กำลังรออยู่ที่คุกหลวง โทษฐานลอบสังหารรัชทายาทเช่นข้า ท่านอาจจะคิดว่าเขานิสัยไม่เหมือนท่าน แต่ข้ากลับคิดว่า เขากล้าหาญกว่าท่านมากนัก เพราะกว่าที่ท่านจะกล้าลงมือก็นานนับสิบปี ตีเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อนเหมือนที่สวีเฮ่าทำ เพราะ ถ้ามัวแต่รอแบบท่าน สุดท้ายแล้ว เมื่อเหล็กเส้นนั้นหายร้อน นอกจากตีเป็นดาบไม่ได้ ปล่อยไว้นานวันเข้าสนิมก็เริ่มเกาะกิน เหมือนเช่นภายในใจท่านที่เกิดความลังเล” ดวงตาเซ่าหมิงหยวนฉายแววเหี้ยมโหดออกมา“ฮ่า ๆ อ๋องอย่างข้า ไม่จำเป็นต้องให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้ามาชี้นำ หากพวกเจ้าสองพ่อลูกไม่ใช้แผนสกปรก มีหรือที่ข้าจะพ่ายแพ้ คนแพ้ไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดได้ ระหว่างข้ากับเจ้า ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้ วันนี้ข้าผู้เป็นอ๋องอยู่ไม่สู้ตาย”พูดจบเซ่าเยี่ยนก็สั่งทหารที่ซุ่มอยู่โจมตีในทันที ทั้งสองฝ่ายต่าง

  • ทวงคืน   ตอนที่ 51

    ข่าวเรื่องอาการบาดเจ็บขององค์รัชทายาท ต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นานา เนื่องจากว่าฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งเสวียนกุ้ยเฟยและพระคู่หมั้นอย่างคุณหนูใหญ่สกุลหลี่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นประเด็นถกเถียงกันในราชสำนัก เหล่าขุนนางต่างหยิบยกถึงความมั่นคงของการสืบทอดบัลลังก์มาพูดกัน“เหลวไหล รัชทายาทบาดเจ็บ พวกเจ้าไม่เพียงไม่แสดงความภักดี แต่ยังแสดงออกว่าไม่เชื่อมั่นในสายตาของเราผู้เป็นฮ่องเต้ อีกอย่างเรายังไม่ตาย พวกเจ้าก็กังวลกันไปใหญ่โต เช่นนี้จะให้เราคิดเป็นอื่นได้อย่างไร” ฮ่องเต้ทรงพิโรธหนัก เหล่าขุนนางอกสั่นขวัญแขวนด้วยความกลัว รีบคุกเข่าขอความเมตตา ด้วยรู้ดีว่าโอรสสวรรค์ผู้นี้อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าสตรี“ขอฝ่าบาทอย่าทรงพิโรธ พวกเราเพียงแต่คิดเผื่อเอาไว้เท่านั้น พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายพูดขึ้น“ความหวังดีของพวกท่านเรารับรู้ เพียงแต่อยากขอให้พวกท่านอย่าได้กังวล รัชทายาทบาดเจ็บครั้งนี้ โทษของตำหนักชินอ๋องยากเกินให้อภัยได้ จำเป็นต้องรีบจับกุมตัวชินอ๋องเข้ามารับโทษไปพร้อมกับคนในตำหนัก”ทางด้านรัชทายาทเซ่าหมิงหยวน แท้จริงแล้วเขาออกจากวังตั้งแต่คืนที่ได้รับบาดเจ็บแ

  • ทวงคืน   ตอนที่ 50

    เซ่าหมิงหยวนแม้ว่าจะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจนได้ หนำซ้ำยังเป็นธนูที่อาบยาพิษอีกด้วยฮ่องเต้ทราบข่าวทรงพิโรธหนัก เร่งส่งองครักษ์เสื้อแพรพร้อมทั้งทหารในวังเข้าล้อมตำหนักชินอ๋องในทันที ไม่มีผู้ใดสามารถออกมาได้ ซื่อจื่อถูกขังไว้ในคุกหลวงรอวันลงอาญาจากนั้นออกราชโองการแต่งตั้งองค์ชายแปดเป็นองค์รัชทายาท พร้อมทั้งออกประกาศติดไปทั่วทั้งเมืองหลวง ตำหนักชินอ๋องก่อกบฏ ลอบสังหารองค์รัชทายาท มีโทษประหารเก้าชั่วโคตรข่าวนี้ค่อนข้างเป็นที่ฮือฮาของชาวเมืองหลวง ทุกคนต่างเก็บตัวเงียบ ปิดประตูบ้านเรือน ไม่มีแม้กระทั่งสัตว์สักตัวเดินอยู่บนถนนมีเพียงทหารเวรยามเดินสวนไปสวนมา เพื่อรักษาความสงบเท่านั้นทางด้านจวนราชครูต่างอกสั่นขวัญแขวนไปกับข่าวที่ได้ยิน ด้วยไม่คิดว่าซื่อจื่อจะกล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้ แม้กระทั่งชินอ๋องยังไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน“สวรรค์ นับว่าสกุลหลี่ยังพอมีวาสนาอยู่บ้าง หากเกี่ยวดองกับตำหนักอ๋อง มีหวังได้ถูกประหารเก้าชั่วโคตรไปด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวจนตัวสั่นเมื่อได้ยินข่าวจากบุตรชาย“ข้ายังต้องเร่งเข้าวัง ครั้งนี้ฝ่าบาททรงพิโรธหนัก องค์รัชทายาท ถูกพิษบาดเจ็บสาหัส น่าแปล

  • ทวงคืน   ตอนที่ 49

    พริบตาเดียวอีกเพียงสามวัน ก็ถึงวันงานอภิเษกสมรสระหว่าง องค์หญิงเก้าและซื่อจื่อ ทว่าที่ตำหนักชินอ๋องกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆหลายวันที่ผ่านมานี้ พ่อบ้านอยากจะกรอกยาพิษใส่ปากตัวเอง วันละหลายร้อยรอบ ทว่ากลับทำไม่ลง เนื่องจากสงสารซื่อจื่อ อยู่ไม่สู้ตาย หลายวันที่ผ่านมาเขาจึงเป็นคนจัดการเตรียมงานทุกอย่าง ดีที่มีคนจากในวังเข้ามาช่วยจัดการ ทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบมากขึ้นงานอภิเษกองค์หญิงออกนอกวัง ไม่ยุ่งยากเท่ากับการรับพระชายาเข้าวัง เนื่องจากแต่งออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนของตำหนักชินอ๋อง ถึงอย่างนั้นขั้นตอนและพิธีการต่าง ๆ ก็ถือว่าซับซ้อนมากกว่าคนทั่วไปมากนัก“ซื่อจื่อ องค์ชายแปดมาขอรับ” ต้าหลางลนลานเข้ามารายงาน“อืม” เขาไม่แปลกใจที่เห็นเซ่าหมิงหยวนมาที่นี่ ด้วยความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว ย่อมสามารถหลบหลีกสายตาของเหล่าองครักษ์เงาได้เป็นอย่างดีเซ่าหมิงหยวนเดินเข้ามาในห้องหนังสือ แท้จริงแล้วภายในห้องนี้ ยังมีเส้นทางลับสำหรับออกไปข้างนอก ซึ่งเขาก็ใช้ทางลับนี้เข้ามายังที่นี่ด้วยเช่นกัน เดิมทีคิดว่าญาติผู้น้องคนนี้ต้องหาทางติดต่อกับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายเก็บตัวเงียบ ยอมทำตามคำสั่งของชิน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status