เมื่อร่างหนาล้มตัวลงนอน ซูเจียวก็นอนลงบ้างเช่นเดียวกัน แม้จะเตรียมตัวมาบ้างแล้ว ทว่านางก็ยังรู้สึกเกร็งอยู่มากเลยทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าบุรุษผู้นี้จะยังเลือกนางอยู่
เห็นเขานอนสงบนิ่งไม่ไหวติง นางจึงใจกล้าขยับมือของตนเองไปสัมผัสฝ่ามือหยาบที่ร้อนผ่าว จากนั้นทั้งสองก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ซูเจียวรู้สึกพอใจไม่น้อยกับท่าทางเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันจะหลับตา ร่างหนาที่คิดว่าหลับไปแล้วก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของนางเอาไว้
“องค์รัชทายาท” ซูเจียวเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเบา
“ท่านพี่ อยู่ด้วยกันสองคนให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ดังเช่นฮูหยิน จวนอื่นเรียกขานกัน อยู่กับเจ้าสองคนข้าก็จะเรียกเจ้าว่าฮูหยินเช่นเดียวกัน” เซ่าหมิงหยวนสบดวงตาดอกท้อคู่นั้น ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงลมหายใจกั้นเท่านั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชา ทำให้สมองของนางกระจ่างแจ้ง
“เจ้าค่ะ ท่านพี่”
สิ้นคำนั้นริมฝีปากร้อนที่อยู่ด้านบนก็เข้ามาประกบริมฝีปากหวานในทันที ความเร็วในการรุกล้ำเข้ามานั้นเริ่มจากจังหวะช้าเนิบนาบ ผ่านไปสักพักก็เพิ่มความหิวกระหายเข้าไป จนทำเอาสตรีใต้ร่างหายใจแทบไม่ทัน
เมื่อเห็นว่านางเริ่มประท้วง เขาก็ผ่อนแรงลง ละริมฝีปากออก แทะเล็มความหอมจากพวงแก้ม ลามไปที่ซอกคอขาว ปล่อยให้นางได้สูดลมหายใจ จากนั้นก็เข้าไปดูดดึงความหวานในโพรงปากครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้สึกเบื่อ
ความใหญ่โตเริ่มขยายจนซูเจียวสัมผัสได้ ลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างห้ามไม่อยู่ ตอนนี้เขากำลังสนุกอยู่กับเนินเนื้อทั้งสองข้างของนาง ดูดดึงบีบเคล้นไปมา คล้ายกลัวว่าอีกข้างจะน้อยใจ จึงทำทั้งสองข้างอย่างตั้งใจ เต้าหนึ่งก็ใช้ปากร้อนครอบครองดูดดึงเหมือนทารกที่หิวกระหาย อีกข้างก็ถูกมือสากกอบกุมบีบเคล้นเอาไว้อย่างมันมือ
ความเสียวซ่านแผ่เข้าไปทั่วทั้งร่างจนขนลุกขนชัน เนื่องจากความรู้สึกแปลกใหม่เพิ่มเข้ามา “อือ” เสียงครางที่แสนน่าอาย ทว่าไม่สามารถกักเก็บได้อีกต่อไป
นางแอ่นรับสัมผัสที่แสนร้อนแรงอย่างเอียงอาย ทว่าลึก ๆ แล้วอยากจะให้เขาสัมผัสมากกว่านี้
“เจียวเจียว ช่างงดงามเหลือเกิน” ชายหนุ่มละริมฝีปากจากเนินเนื้อ เงยหน้าสบตาคู่หวาน เอ่ยชมความงามของนางไม่ขาดปาก
ผู้ใดจะคาดคิด ว่าท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรจะปากหวานมากถึงเพียงนี้ การกระทำที่แสนอ่อนโยนเป็นเพียงเปลือกนอก ที่หลอกล่อให้น้ำหวานไหลออกมามากเท่านั้น
ไม่มีผึ้งตัวไหน ที่เห็นน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ แล้วจะไม่มาตอม เขาก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน เลื่อนตัวลงไปเพื่อดูดเลียความหอมหวานแปลกใหม่ อยากจะสัมผัสมาเนิ่นนาน แม้ว่าจะดูในตำรามาบ้างแล้ว ทว่ากลับไม่เหมือนของจริงเลยสักนิด
“อื้อ” ซูเจียวยกเอวของนางขึ้นสูง ทันทีที่ลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพรง ทว่านั่นกลับทำให้เขาดูดเม้มเอาความหวานได้ง่ายขึ้น
สองมือประคองเอวกลมยกขึ้น จากนั้นใช้ลิ้นสอดเข้าไปตามความต้องการ ดูดดึงเอาน้ำหวานที่ไหลเยิ้มออกมา นางทั้งหอม ทั้งหวานไปทั้งตัว จนไม่สามารถทนได้อีก
ปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเอง แท่งหยกร้อนผงาด ซูเจียวเผลอมองกึ่งกลางลำตัวของพระสวามี ใจเต้นแรง ไม่คิดว่ามันจะเข้าไปข้างในได้
“ท่านพี่” เกิดความลังเลชั่วขณะ เวลานี้เซ่าหมิงหยวนไม่อาจทน ได้อีก รีบประกบปากเพื่อมอมเมาให้นางเลิกกังวลถึงจุดนั้น มือไม่อยู่นิ่ง มือซ้ายกอบกุมความใหญ่โตของเนินเนื้อ นิ้วชี้เขี่ยยอดที่ชูชัน มือขวาควักแท่งหยกถูไถกับกลีบงามที่มีน้ำไหลเยิ้มเพื่อเปิดทาง
กึก ความคับแน่นบีบรัดจนเขาต้องหยุด เงยหน้าสูดลมหายใจด้วยรู้สึกปวดไม่ต่างกัน ซูเจียวกรีดร้อง แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น เมื่อได้รับการจูบปลอบโยนก็เริ่มผ่อนคลาย
ในคืนนั้นเสียงแปลก ๆ ดังออกมานอกห้อง นางกำนัลที่คอยอยู่เวรรับใช้ต่างก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ใบหูพวกนางแดงก่ำ เสียงร้องงอแง ปนแง่งอนของพระชายาดังออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า แว่วมาว่าคืนเดียวคนข้างในเรียกหาน้ำล้างตัวถึงสามรอบ
เช้าวันถัดมาซูเจียวตื่นขึ้น รู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง ไม่อยากจะลุกไปไหน ทว่านางยังต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้และฮองเฮา จึงเรียกสาวใช้ข้างกายเข้ามาดูแล
ฉินซินเข้ามาก็ไม่พูดไม่จา เซ่าหมิงหยวนมอบผ้าขาวให้ขันทีไปตั้งแต่ช่วงเช้ามืดแล้ว เวลานี้เขากำลังอยู่ที่ลานฝึกยุทธ์ สั่งนางกำนัลเอาไว้ ว่าหากพระชายาไม่เรียกใช้ ห้ามทุกคนรบกวน
เมื่อพระสวามีเข้ามา นางก็ทำตาเขียวใส่ ด้วยเวลานี้สายเกินกว่าจะขอเข้าเฝ้าได้ “เพราะท่านคนเดียวทำข้าเป็นเช่นนี้” ซูเจียวตำหนิเขาด้วยสีหน้าแง่งอน นางไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว ฉินซินสาวใช้คนสนิทก็มีสีหน้าเขินอายตอนเข้ามารับใช้นาง
“ฮูหยินอารมณ์เสียเรื่องอันใดหรือ” เซ่าหมิงหยวนเข้ามาในห้องด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่า ร่างกายได้รับการปลดปล่อยก็รู้สึกสบายตัว อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือเพคะ เพราะท่านกินมูมมามจนข้า ไม่มีแรง มิหนำซ้ำวันนี้ยังไม่ได้ไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ เสด็จแม่อีก” ซูเจียวโมโหจนอยากจะร้องไห้ พูดจามั่วไปหมด ยิ่งเห็นสีหน้ายียวนของเขานางก็ยิ่งโมโห คนหน้าหนา
“ที่แท้ฮูหยินก็กังวลเรื่องนี้นี่เอง เมื่อคืนนี้เสด็จพ่อไปที่ตำหนักฉงจื้อ กำชับมาว่าเช้านี้ห้ามผู้ใดรบกวน พรุ่งนี้เช้าถึงจะทรงอนุญาตให้พวกเราเข้าเฝ้าได้” เซ่าหมิงหยวนรู้แล้วว่าพระชายาโมโหด้วยเรื่องอันใด จึงอธิบายให้นางฟังอย่างใจเย็น
“เช่นนั้นหรือเพคะ หิวหรือยังเพคะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็วางใจลง รีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อเอาใจทันที
“หิว แต่ว่าหิวอย่างอื่นมากกว่า”
ซูเจียวทำหน้างุนงง หรือเขาจะอยากกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่ข้าว นางพยักหน้าเข้าใจ เตรียมตัวจะไปสั่งนางกำนัลให้เตรียมสำรับมาใหม่ แต่กลับถูกกอดจากทางด้านหลังเอาไว้เสียก่อน
“ฮูหยินจะไปที่ใดหรือ” คนกอดถามเสียงกระเส่าข้างหู
“ไปเตรียมสำรับให้ใหม่เพคะ” ซูเจียวตอบอย่างใสซื่อ
“ข้าบอกว่าหิวอย่างอื่นที่ไม่ใช่ข้าว แต่เป็นเนื้อหวาน ๆ ของฮูหยิน มากกว่า”
สิ้นคำพูดนั้น เนื้อหวานก็ถูกอุ้มไปวางไว้บนเตียง ปล่อยให้หมาป่าเจ้าเล่ห์จับกินครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าจะอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ทว่านางก็เต็มใจให้เขาตักตวงความหวานจากร่างกาย ซูเจียวมองหน้าชายอันเป็นที่รัก ความทรงจำต่าง ๆ มากมายผุดขึ้นมา
“ยามเมื่อท่านอยู่ข้างกายข้า ความทรงจำต่าง ๆ ผุดขึ้นมามากมาย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวบทกวีที่งดงาม เรื่องราวในอดีตฉายชัดขึ้นมาอีกครา สะท้อนผ่านดวงตาของชายที่ข้าหลงลืม”
“บัดนี้ข้าเฝ้าภาวนา อ้อนวอนเพื่อจะได้พบท่านอีกครา เพื่อที่เรา ทั้งสองจะได้ดูท้องนภา พร่างพราวไปด้วยดวงดารา ข้าจะจับมือท่านเอาไว้ให้มั่น จักเป็นชายาที่ทำให้ท่านยิ้มได้ เฝ้ารอคอยให้ความรักของเราได้ ทวงคืน อีกครั้ง”
จบบริบูรณ์
เมื่อร่างหนาล้มตัวลงนอน ซูเจียวก็นอนลงบ้างเช่นเดียวกัน แม้จะเตรียมตัวมาบ้างแล้ว ทว่านางก็ยังรู้สึกเกร็งอยู่มากเลยทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าบุรุษผู้นี้จะยังเลือกนางอยู่เห็นเขานอนสงบนิ่งไม่ไหวติง นางจึงใจกล้าขยับมือของตนเองไปสัมผัสฝ่ามือหยาบที่ร้อนผ่าว จากนั้นทั้งสองก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ซูเจียวรู้สึกพอใจไม่น้อยกับท่าทางเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันจะหลับตา ร่างหนาที่คิดว่าหลับไปแล้วก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของนางเอาไว้“องค์รัชทายาท” ซูเจียวเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเบา“ท่านพี่ อยู่ด้วยกันสองคนให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ดังเช่นฮูหยิน จวนอื่นเรียกขานกัน อยู่กับเจ้าสองคนข้าก็จะเรียกเจ้าว่าฮูหยินเช่นเดียวกัน” เซ่าหมิงหยวนสบดวงตาดอกท้อคู่นั้น ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงลมหายใจกั้นเท่านั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชา ทำให้สมองของนางกระจ่างแจ้ง“เจ้าค่ะ ท่านพี่”สิ้นคำนั้นริมฝีปากร้อนที่อยู่ด้านบนก็เข้ามาประกบริมฝีปากหวานในทันที ความเร็วในการรุกล้ำเข้ามานั้นเริ่มจากจังหวะช้าเนิบนาบ ผ่านไปสักพักก็เพิ่มความหิวกระหายเข้าไป จนทำเอาสตรีใต้ร่างหายใจแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่านางเริ่มประท้วง เขาก็ผ่อนแรงลง ละริมฝีปากออก แทะเ
หลังจากที่ผ่านเรื่องราวความวุ่นวายมากมาย ก็ใกล้จะถึงกำหนดการวันอภิเษกสมรส ระหว่างองค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ ซึ่งตอนหลังคนอื่นจะเรียกนางคุณหนูสกุลซู เนื่องจากหมอหลวงซูประกาศชัดเจนว่าหลี่เจียวเข้ามาเป็นคนของสกุลซู ชื่อของนางก็คือ ซูเจียว ซึ่งนางก็ชอบมากเช่นเดียวกันราชครูหลี่รู้ตัวว่าหมดความสำคัญในราชสำนัก อีกทั้งยังถูกหักหน้าเช่นนั้น ไม่สามารถอยู่ต่อในราชสำนักได้อีก จึงเขียนฎีกาลาออกยื่นถวายแด่ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นไปตามคาด พระองค์ไม่ทรงคัดค้านเรื่องการลาออกของเขาเลยสักนิด“เจ้าลูกโง่ ลาออกก็แล้วไปเถิด เหตุใดต้องออกจากเมืองหลวง ไปด้วยเล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าสู้ฟันฝ่ามาจนถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางกลับไปตายที่บ้านเกิดให้คนอื่นหัวเราะเยาะเป็นอันขาดชื่อเสียงเงินทองที่สะสมมา ต้องพังพินาศเพราะสองแม่ลูกนั่น บัดนี้นางเพิ่งหูตาสว่าง หากไม่ใช่เพราะถูกจางซื่อเป่าหู มีหรือผู้เฒ่าหูตาพร่ามัวเช่นนางจะหน้ามืดเพียงนี้“ท่านแม่ เป็นเช่นนี้ถือว่าฮ่องเต้ทรงเมตตาแล้ว รัชทายาทแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบพวกเรา ขืนทู่ซี้อยู่มีแต่จะเจ็บตัวเปล่า ๆ อีกอย่างเจียวเอ๋อร์ก็มีใจออกห่างจากพวกเรานานแล้ว หลายเดือนมานี้ที่น
เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้กระอักเลือดออกมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้ครั้งนี้อาการของชินอ๋องน่าเป็นห่วง อีกทั้งหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพักผ่อนน้อย ทั้งยังสู้รบ ทำให้ร่างกายและพละกำลังถดถอย“เจ้า” ชินอ๋องไม่มีแม้กระทั่งแรงจะเรียกชื่อหลานชายเสียด้วยซ้ำ“แต่ไม่ต้องห่วง เวลานี้บุตรชายที่รักของท่าน กำลังรออยู่ที่คุกหลวง โทษฐานลอบสังหารรัชทายาทเช่นข้า ท่านอาจจะคิดว่าเขานิสัยไม่เหมือนท่าน แต่ข้ากลับคิดว่า เขากล้าหาญกว่าท่านมากนัก เพราะกว่าที่ท่านจะกล้าลงมือก็นานนับสิบปี ตีเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อนเหมือนที่สวีเฮ่าทำ เพราะ ถ้ามัวแต่รอแบบท่าน สุดท้ายแล้ว เมื่อเหล็กเส้นนั้นหายร้อน นอกจากตีเป็นดาบไม่ได้ ปล่อยไว้นานวันเข้าสนิมก็เริ่มเกาะกิน เหมือนเช่นภายในใจท่านที่เกิดความลังเล” ดวงตาเซ่าหมิงหยวนฉายแววเหี้ยมโหดออกมา“ฮ่า ๆ อ๋องอย่างข้า ไม่จำเป็นต้องให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้ามาชี้นำ หากพวกเจ้าสองพ่อลูกไม่ใช้แผนสกปรก มีหรือที่ข้าจะพ่ายแพ้ คนแพ้ไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดได้ ระหว่างข้ากับเจ้า ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้ วันนี้ข้าผู้เป็นอ๋องอยู่ไม่สู้ตาย”พูดจบเซ่าเยี่ยนก็สั่งทหารที่ซุ่มอยู่โจมตีในทันที ทั้งสองฝ่ายต่าง
ข่าวเรื่องอาการบาดเจ็บขององค์รัชทายาท ต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นานา เนื่องจากว่าฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งเสวียนกุ้ยเฟยและพระคู่หมั้นอย่างคุณหนูใหญ่สกุลหลี่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นประเด็นถกเถียงกันในราชสำนัก เหล่าขุนนางต่างหยิบยกถึงความมั่นคงของการสืบทอดบัลลังก์มาพูดกัน“เหลวไหล รัชทายาทบาดเจ็บ พวกเจ้าไม่เพียงไม่แสดงความภักดี แต่ยังแสดงออกว่าไม่เชื่อมั่นในสายตาของเราผู้เป็นฮ่องเต้ อีกอย่างเรายังไม่ตาย พวกเจ้าก็กังวลกันไปใหญ่โต เช่นนี้จะให้เราคิดเป็นอื่นได้อย่างไร” ฮ่องเต้ทรงพิโรธหนัก เหล่าขุนนางอกสั่นขวัญแขวนด้วยความกลัว รีบคุกเข่าขอความเมตตา ด้วยรู้ดีว่าโอรสสวรรค์ผู้นี้อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าสตรี“ขอฝ่าบาทอย่าทรงพิโรธ พวกเราเพียงแต่คิดเผื่อเอาไว้เท่านั้น พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายพูดขึ้น“ความหวังดีของพวกท่านเรารับรู้ เพียงแต่อยากขอให้พวกท่านอย่าได้กังวล รัชทายาทบาดเจ็บครั้งนี้ โทษของตำหนักชินอ๋องยากเกินให้อภัยได้ จำเป็นต้องรีบจับกุมตัวชินอ๋องเข้ามารับโทษไปพร้อมกับคนในตำหนัก”ทางด้านรัชทายาทเซ่าหมิงหยวน แท้จริงแล้วเขาออกจากวังตั้งแต่คืนที่ได้รับบาดเจ็บแ
เซ่าหมิงหยวนแม้ว่าจะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจนได้ หนำซ้ำยังเป็นธนูที่อาบยาพิษอีกด้วยฮ่องเต้ทราบข่าวทรงพิโรธหนัก เร่งส่งองครักษ์เสื้อแพรพร้อมทั้งทหารในวังเข้าล้อมตำหนักชินอ๋องในทันที ไม่มีผู้ใดสามารถออกมาได้ ซื่อจื่อถูกขังไว้ในคุกหลวงรอวันลงอาญาจากนั้นออกราชโองการแต่งตั้งองค์ชายแปดเป็นองค์รัชทายาท พร้อมทั้งออกประกาศติดไปทั่วทั้งเมืองหลวง ตำหนักชินอ๋องก่อกบฏ ลอบสังหารองค์รัชทายาท มีโทษประหารเก้าชั่วโคตรข่าวนี้ค่อนข้างเป็นที่ฮือฮาของชาวเมืองหลวง ทุกคนต่างเก็บตัวเงียบ ปิดประตูบ้านเรือน ไม่มีแม้กระทั่งสัตว์สักตัวเดินอยู่บนถนนมีเพียงทหารเวรยามเดินสวนไปสวนมา เพื่อรักษาความสงบเท่านั้นทางด้านจวนราชครูต่างอกสั่นขวัญแขวนไปกับข่าวที่ได้ยิน ด้วยไม่คิดว่าซื่อจื่อจะกล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้ แม้กระทั่งชินอ๋องยังไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน“สวรรค์ นับว่าสกุลหลี่ยังพอมีวาสนาอยู่บ้าง หากเกี่ยวดองกับตำหนักอ๋อง มีหวังได้ถูกประหารเก้าชั่วโคตรไปด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวจนตัวสั่นเมื่อได้ยินข่าวจากบุตรชาย“ข้ายังต้องเร่งเข้าวัง ครั้งนี้ฝ่าบาททรงพิโรธหนัก องค์รัชทายาท ถูกพิษบาดเจ็บสาหัส น่าแปล
พริบตาเดียวอีกเพียงสามวัน ก็ถึงวันงานอภิเษกสมรสระหว่าง องค์หญิงเก้าและซื่อจื่อ ทว่าที่ตำหนักชินอ๋องกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆหลายวันที่ผ่านมานี้ พ่อบ้านอยากจะกรอกยาพิษใส่ปากตัวเอง วันละหลายร้อยรอบ ทว่ากลับทำไม่ลง เนื่องจากสงสารซื่อจื่อ อยู่ไม่สู้ตาย หลายวันที่ผ่านมาเขาจึงเป็นคนจัดการเตรียมงานทุกอย่าง ดีที่มีคนจากในวังเข้ามาช่วยจัดการ ทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบมากขึ้นงานอภิเษกองค์หญิงออกนอกวัง ไม่ยุ่งยากเท่ากับการรับพระชายาเข้าวัง เนื่องจากแต่งออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนของตำหนักชินอ๋อง ถึงอย่างนั้นขั้นตอนและพิธีการต่าง ๆ ก็ถือว่าซับซ้อนมากกว่าคนทั่วไปมากนัก“ซื่อจื่อ องค์ชายแปดมาขอรับ” ต้าหลางลนลานเข้ามารายงาน“อืม” เขาไม่แปลกใจที่เห็นเซ่าหมิงหยวนมาที่นี่ ด้วยความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว ย่อมสามารถหลบหลีกสายตาของเหล่าองครักษ์เงาได้เป็นอย่างดีเซ่าหมิงหยวนเดินเข้ามาในห้องหนังสือ แท้จริงแล้วภายในห้องนี้ ยังมีเส้นทางลับสำหรับออกไปข้างนอก ซึ่งเขาก็ใช้ทางลับนี้เข้ามายังที่นี่ด้วยเช่นกัน เดิมทีคิดว่าญาติผู้น้องคนนี้ต้องหาทางติดต่อกับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายเก็บตัวเงียบ ยอมทำตามคำสั่งของชิน