เช้าวันอาทิตย์ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เจฟฟ์ก็ยังคงมาที่บ้านปวริศาแต่เช้า มาใส่บาตรด้วย ทั้งที่เมื่อวานกว่าเขาจะกลับบ้านก็เล่นเอาเสียมืด พอใส่บาตรเสร็จหลวงพ่อให้พร ทุกคนก็กรวดน้ำแล้วรับพร
“อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข สาธุ”
“ไปก่อนนะโยม พรุ่งนี้อาตมามีกิจนิมนต์ไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จะไม่ได้มารับบาตรนะ”
“เจ้าค่ะหลวงพ่อ”แล้วหลวงพ่อก็เดินออกไป ทั้งสามค่อยลุกขึ้น แล้วปวริศาก็เซไปนิดเจฟฟ์ที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคอง
“พี่แป้งเป็นอะไรไปครับ”
“ไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยได้แล้ว”
ปวริศาพยายามจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดนั้น แต่เจฟฟ์ก็ยังแข็งขืนดื้อดึงประคองไว้อยู่
“เห็นไหมละครับ พี่ยังเซอยู่เลย ให้ผมประคองแหละดีแล้ว”
เจฟฟ์ประคองปวริศามานั่งที่โต๊ะ
“เดี๋ยวพี่นั่งเฉยๆ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”
เจฟฟ์เดินไปกดน้ำเย็นจากเครื่องกรองน้ำในห้องครัว ส่วนปิ่นมณีมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
“พักผ่อนน้อยหรือเปล่าลูก”
“เมื่อคืนแป้งก็ไม่ได้นอนดึกนะคะแม่ แค่สี่ทุ่มครึ่งเอง”
“นี่น้ำเย็นครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมจัดโต๊ะอาหารให้นะครับ พี่แป้งนั่งเฉยๆ”เจฟฟ์เอาแก้วน้ำเย็นมาวางข้างๆ ปวริศา ปวริศาหันหน้าหนีพร้อมกับเบ้ปาก
“นี่นายใส่น้ำหอมยี่ห้ออะไรอ่ะ ฉุนชะมัด”
เจฟฟ์ทำหน้างง เขาก็ฉีดน้ำหอมยี่ห้อเดิมไม่ได้เปลี่ยนเสียหน่อย เขาคิดแล้วก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาดม
“ก็กลิ่นเดิมนี่ครับ แล้วผมก็ฉีดมานิดเดียวด้วย พี่แป้งลองดมใหม่สิ”
“อี้.. บอกว่าอย่าเข้ามาไง มันเหม็น มันฉุน จะอ้วก”
พูดจบปวริศาก็วิ่งพรวดไปที่ห้องน้ำแล้วอาเจียนออกมา เจฟฟ์รีบวิ่งตามไปดูก็ถูกปวริศาใช้มือยันไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้
“ก็บอกว่าอย่าเข้ามาใกล้ไง มันฉุน”
เจฟฟ์เดินคอตกออกมา แล้วจัดแจงบนโต๊ะอาหาร ปวริศาเดินออกมานั่งข้างแม่ของตน แล้วค่อยๆ ตักอาหารใส่ปากแต่ก็รู้สึกตัวว่าไม่เจริญอาหาร เห็นอะไรก็ไม่มีจานไหนน่ากินสักอย่าง
“อิ่มแล้วหรือพี่แป้ง พี่กินนิดเดียวเอง”
“วันนี้มันไม่หิว มันไม่อยาก” “พี่อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวผมไปหามาให้”“ก็บอกว่าไม่อยากกินไงล่ะ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
เจฟฟ์โดนดุเข้าไปถึงกับหน้าจ๋อย ปิ่นมณีผู้เป็นแม่มองลูกสาวที่ดูว่าวันนี้จะหงุดหงิดมากกว่าปกติกับว่าที่ลูกเขยจอมวอแวก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้
“แม่ว่าแป้ง กินยาหอมเสียหน่อยดีกว่านะ เดี๋ยวแม่ไปเตรียมให้จะได้รู้สึกดีขึ้น”
แม่เดินไปที่ตู้ยาแล้วหยิบกระปุกยาหอมมาละลายในน้ำเย็นแล้วส่งให้ลูกสาว ปวริศารับแก้วยามายกขึ้นดื่มจนหมด คนเป็นแม่เอามือลูบศีรษะคนลูกอย่างอ่อนโยน
“ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง”
“มันรู้สึกโหวงเหวงเวียนหัวพะอืดพะอมไปหมดเลยค่ะแม่”
เจฟฟ์ก็ยื่นมือเข้าไปกุมมือของปวริศาเอาไว้แต่ก็โดนหญิงสาวดึงมือออกแล้วหันมาทำตาดุใส่เจฟฟ์ทำให้คนที่หน้าง๋อยจ๋อยอยู่แล้ว ง๋อยหนักไปอีก
ผมว่าไปหาหมอหน่อยดีไหมครับ
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร แค่เวียนหัวนอนพักก็หาย แล้วนายจะมานั่งเกะกะทำไมเนี่ย กลับไปได้แล้วเหม็นขี้หน้า”
“ผมเป็นห่วงพี่แป้งนะครับ ผมว่าไปหาหมอสักหน่อยดีกว่า เดี๋ยวผมพาไปแล้วถ้าคุณหมอบอกว่าโอเคพี่ไม่เป็นอะไรเดี๋ยวผมค่อยกลับ นะนะ”
“แม่ว่าหนูไปหาหมอหน่อยก็ดีนะจ๊ะ จะได้รู้ว่าเป็นอะไรคนที่เขาเป็นห่วงเขาจะได้สบายใจ”
“แต่หนูไม่ได้เป็นอะไรนะคะแม่ หนูแค่เวียนหัวแล้วก็หงุดหงิดเพราะไม่อยากเห็นหน้าใครบางคน”
“เชื่อแม่ให้เจย์เดนพาไปหาหมอนะ”
“แป้งไปกับแม่สองคนก็ได้ค่ะ”
“ให้เจย์เดนไปด้วยอ่ะดีแล้วจะได้รับรู้พร้อมกัน เขาจะได้หายเป็นห่วง”
ปิ่นมณีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วหันมายิ้มให้กำลังใจว่าที่ลูกเขย เจฟฟ์ยังคงทำหน้าง๋อยอยู่แต่ก็ยิ้มให้คุณแม่เชิงขอบคุณ
“ไปก็ไปจะได้จบจบไปซะ”
ปวริศาบ่นกระปอดกระแปด แล้วเตรียมไปหยิบกระเป๋า
ที่โรงพยาบาล
ปวริศาเข้าไปในห้องตรวจ ส่วนผู้เป็นแม่และคนรักยืนรออยู่หน้าห้อง เจฟฟ์เดินงุ่นง่านเป็นหนูติดจั่นด้วยความกังวลอยู่หน้าห้องคุณหมอ ส่วนปิ่นมณีนั่งนิ่งยิ้มสบายใจมองคนที่ทำตัวกระสับกระส่ายเดินไปเดินมา
“นี่เจย์เดนแป้งไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกเชื่อแม่สิมานั่งตรงนี้มา”
เจย์เดนหันหน้าไปมองปิ่นมณีแล้วทำตาโต
“เอ่อ..เมื่อกี้คุณน้าพูดว่าอะไรนะครับ”
“แล้วเจย์เดนได้ยินว่าอะไร ก็พูดแบบนั้นแหละ หรืออยากจะเรียกอะไรก็เรียก”
เจฟฟ์ยิ้มกว้างเดินตรงรี่เข้ามากอดปิ่นมณี เขานั่งคุกเข่ากับพื้นโรงพยาบาลโดยไม่สนใจว่าพื้นจะเปื้อนเปอะหรือไม่ เขาสวมกอดปิ่นมณีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องคุณหมอพร้อมกับยกมือกราบที่ตัก
“ขอบคุณครับคุณแม่”
สักพักประตูห้องคุณหมอก็ถูกเปิดออกมาพร้อมด้วยปวริศาที่มีสีหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ภาพที่ปวริศาเห็นในตอนนี้คือเจฟฟ์ก้มกราบลงที่ตักแม่ของตน โดยผู้เป็นแม่ก็เอื้อมมือไปกอดเอามือลูบหลังอย่างเอ็นดู จนเธอเองที่เห็นก็ยิ้มออกมายังไม่รู้ตัว เจฟฟ์ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกก็หันไปมองแล้วรีบลุกขึ้นไปจับมือปวริศา
“เป็นยังไงบ้างครับพี่แป้ง คุณหมอบอกว่าพี่เป็นอะไร”
“ไม่รู้สิ คุณหมอให้มาตามญาติเข้าไปฟังพร้อมๆกัน”
ปวริศาพูดเสียงเรียบทำหน้านิ่งใส่เจฟฟ์ที่ตอนนี้กำลังเป็นกังวลกับอาการของเธอ แล้วปวริศาก็สบตากับปิ่นมณีเธอส่งร้อยยิ้มผ่านสายตาด้วยความเขินอาย คนเป็นแม่ก็ยิ้มตอบ
“ไม่เป็นไรนะครับพี่แป้ง ไม่ว่าพี่จะเป็นป่วยเป็นอะไรผมก็พร้อมที่จะดูพี่นะครับ พี่แป้งทำใจดีดีไว้นะครับ”
คนตัวโตพยายามพูดปลอบใจหญิงสาวแต่ตัวเองก็น้ำตาเริ่มคลอที่เบ้าตาแล้ว เขาได้แต่คิดในใจว่า
‘ปวริศาจะต้องไม่เป็นโรคร้ายอะไร เขาภาวนาเช่นนั้น แต่ก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่โรคร้ายคุณหมอคงไม่เรียกให้ญาติเข้าไปฟังอาการหรอก หรืออาจจะเหลือเวลาอีกไม่นาน’
เจฟฟ์คิดและกังวลไปมากมาย แต่ก็เดินตามทุกคนเข้าไปในห้องตรวจ
คุณหมอผู้ทรงคุณวุฒิหันมามอง
“มากันครบแล้วใช่ไหม”
ปวริศายิ้มพยักหน้ารับ
“ค่ะคุณหมอ”
เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย ส่วนเจฟฟ์ที่ตอนนี้แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกแต่ก็พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้นไว้
“คุณหมอครับ พี่แป้งเป็นอะไรหรือครับ”
คุณหมอขยับแว่นตามองชายหนุ่มรูปหล่อที่เดินตามคนไข้เข้ามาแล้วก็ถามไปว่า
“แล้วคุณเป็นอะไรกับคนไข้ล่ะครับ”
เจฟฟ์ทำหน้าเลิ่กลั่กอึกอักไม่กล้าตอบเพราะเขาไม่รู้ว่าตอนนี้สถานะของเขาที่ปวริศามอบให้นั้นอยู่ในสถานะอะไร
“เอ่อ.. คือผม”
“ถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไรกับคนไข้ผมก็คงบอกอาการของคนไข้ให้ฟังไม่ได้หรอกนะครับ งั้นคุณออกไปจากห้องก่อนดีกว่า”
“เอ่อ.. คุณหมอครับคือผมเป็นห่วงพี่แป้ง เอ่อ..หมายถึงคนไข้ของคุณหมอนะครับ ให้ผมอยู่ฟังอาการด้วยนะครับ”
“คนไข้ หมอบอกให้คนไข้ไปตามสามีเข้ามาไงครับ ผมจะแจ้งข่าวดีให้ฟังพร้อมกัน”
เจฟฟ์ทำหน้างง
“สามี.. หรือครับ”
ปวริศาได้แต่นั่งนิ่งแอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยกลั้นขำเอาไว้
“ว่าไงล่ะครับ หมอว่าเรื่องดีดีแบบนี้เราควรให้คุณพ่อของน้องรู้พร้อมกันนะครับ แต่ถ้าเป็นคนอื่นให้รู้ทีหลังก็ได้”
เจฟฟ์อ้าปากค้างทำตาโต
“หมายความว่าไงนะครับพี่แป้ง.. พ่อของน้อง... หรือว่าคุณหมอกำลังจะบอกว่าพี่แป้งท้องใช่ไหมครับ”
เจฟฟ์หันไปมองหน้าคุณหมอแล้วหันมามองหน้าคนรักแล้วเข้าไปจับมือเขย่า
“พี่แป้งผมดีใจที่สุดเลย เรากำลังจะมีลูกด้วยกันใช่ไหมครับ ลูกของผมอยูในนี้ใช่ไหมครับคุณหมอ”
“สรุปคุณคือสามีของคนไข้”
“ครับ ครับ ผมเอง ผมเป็นสามีของคนไข้คุณหมอ แล้วผมก็เป็นพ่อของเด็กในท้องนี้ด้วย”
“ทีเมื่อกี้ถามแล้วไม่ตอบ สรุปเขาคือสามีของคนไข้ใช่ไหมครับ”
ปวริศาพยักหน้าด้วยความเขินอาย ใบหน้าของโชว์เลือดฝาดที่ตอนนี้เส้นเลือดทุกเส้นต่างพร้อมใจกันฉีดขึ้นมาบนใบหน้า
“หมอขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณปวริศาตั้งครรภ์ได้หกสัปดาห์แล้ว”
“ผมจะได้เป็นพ่อคนแล้ว ผมรักพี่แป้งที่สุดเลย”
เจฟฟ์เข้าไปกอดและหอมแก้มปวริศา
“ปล่อยก่อน อย่ามาทำอะไรรุ่มร่ามแบบนี้สิ อายคุณหมอเขาบ้าง”
“ช่วงนี้ท้องอ่อนก็ระวังตัวหน่อยนะครับ อย่าทำงานหนัก อย่ายกของหนักการเคลื่อนไหวร่างกายก็อย่าเคลื่อนไหวให้เร็วเกินไป สำหรับช่วงนี้คุณแม่อาจมีอาการแพ้บ้าง ก็ให้พักผ่อนเยอะๆนะครับ ซึ่งอาการแพ้ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความแสบของเจ้าตัวเล็กนะครับ มีอะไรจะถามหมอไหม ถ้าไม่มีก็ไปรับยาที่ห้องยาได้เลยครับ”
“ขอบคุณครับคุณหมอ”
หลังจากที่เดินออกจากห้องไป เจฟฟ์ก็พยายามมาประคับประคองเอากระเป๋าของปวริศามาถือเสียเอง
“นี่ไม่ต้องทำอะไรขนาดนั้นก็ได้ เราเดินเองได้”
“คุณแม่อย่าดื้อสิครับ นี่คุณพ่อกำลังดูแลคุณแม่กับคุณลูกอยู่นะครับ”
ตอนพิเศษ 2 บทเรียนรัก เจย์เดนเอามือไล้ไปตามเรียวขาขาว แล้วพรมจูบตั้งแต่ปลายเท้า ปลีน่อง ต้นขา แล้วเน้นสัมผัสไปที่โคนขาด้านใน ส่วนเนินสามเหลี่ยมที่อวบอูมมีไรขนบางๆ ถูกตัดแต่งไว้ดูสะอาดตา เขาใช้มือทั้งสองข้างประคองเนินนุ่มแล้วค่อยๆ รั้งให้แยกทำให้กลีบกุหลาบด้านในค่อยผลิบานออกมายั่วยวนสายตา เจย์เดนบรรจงจูบที่กลีบกุหลาบสวยอย่างแผ่วเบาละเลียดชิมความหวานทุกซอกทุกมุม มีหลายครั้งที่เรียวลิ้นอุ่นชื้นเร่งดูดดึง แหย่ล้วงลึก ส่งผลให้คุณแม่มือใหม่เสียวสะท้านไปทั้งครางเสียงหวานไม่ได้หยุดพัก มือน้อยทั้งหยุมไปที่หัวคนพ่อ เอวบางก็เด้งรับความเสียวซ่านโดยไม่รู้ตัว “อ๊ะ.. ผัวขา เมียเสียวจังเลยค่ะ อ่าห์” ไม่บ่อยนักที่ปวริศาจะหลุดคำแบบนี้ออกมา ยิ่งฟัง ก็ยิ่งกระตุ้นให้คนทำได้ใจเร่งรัวปลายลิ้นเบิร์นไม่ได้หยุด สักพักร่างขาวก็กระตุกเล็กน้อยพร้อมปลดปล่อยน้ำรักออกมา คนตัวโตก็เลียเช็ดกลืนกินจนหมดโดยไม่รังเกียจ ปรวิศามองภาพที่ชายคนรักก้มเลียน้ำรักของตนอยู่ตรงหว่างขาก็เกิดความเขินอาย เลือดสาวในกายสูบฉีดพุ่งขึ้นมาเต็มใบหน้า ทำให้ทั้งใบหน้าลำคอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเร
ตอนพิเศษ 1 ลูกชายพ่อมันดื้อ มันฟังแม่คนเดียวที่คอนโด เจย์เดนเปิดประตูเข้ามาเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปที่โซนที่ถูกจัดเป็นห้องครัวที่ตอนนี้ดูมีชีวิตชีวาไม่ปล่อยว่างเหมือนแต่ก่อน เขายืนมองดูหญิงสาวคนรักที่ตอนนี้กำลังตั้งใจทำอาหารตรงหน้าเลยไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนมาลอบมอง ปวริศามาอยู่คอนโดกับเขาตามที่เขาร้องขอและก็จะมีบางวันที่ปวริศากลับไปอยู่กับแม่ที่บ้าน วันนี้ปวริศาอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงผ้าใส่สบาย เนื่องจากอายุครรภ์ยังน้อยถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้เลยว่าเธอกำลังท้องอยู่ ผมยาวสวยวันนี้ถูกรวบไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นคอขาว นี่สินะคือภาพความสุขที่เจย์เดนวาดฝันมาตลอดคือการกลับจากทำงานแล้วมีคนรักรออยู่ที่บ้าน ยิ่งมองก็ยิ่งหลงรัก เขาไม่รู้เลยว่าเขาตกหลุมรักคนรักของตัวเองไปรอบที่เท่าไหร่แล้ว ภาพของปวริศาที่หยิบจับโน่นนี่นั่น ผัดอาหารในกะทะดูคล่องแคล่วชวนมองไปหมด เขายืนกอดอกหลังพิงกำลังแพงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ปวริศาวันนี้เธอวางแผนทำอาหารง่ายๆ มีต้มข่าไก่ของโปรดของเด็กดื้อตัวโต ผัดผักรวมมิตรกุ้ง และยำไข่ต้ม อาหารธรรมดารสไ
“เอ... ทุกคนมีเรื่องสงสัยอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องจะแจ้งคนะรับ พร้อมรับฟังเรื่องสำคัญของผมแล้วหรือยัง”ทุกคนหันหน้าไปมองหน้าเจฟฟ์ด้วยความสงสัย และปนกับความหวาดระแวงเล็กน้อย เจฟฟ์เดินมายืนหลังเก้าอี้ที่ปวริศานั่ง แล้วเอื้อมไปจับมือปวริศาพร้อมประคองให้ลุกยืนขึ้นข้างๆ เขา“บอสจะทำอะไรคะ”ปวริศาร้องทัก เจฟฟ์ยิ้มหวานแล้วโอบกระชับที่ไหล่ของปวริศาดึงเข้ามาให้แนบชิดกับไหล่ของเขา ทุกคนในห้องประชุมต่างมองมาที่คนทั้งคู่ด้วยสายตาที่สงสัยและแปลกประหลาดใจ“ผมก็จะประกาศข่าวดีของเราให้ทุกคนได้ทราบอย่างไรล่ะครับพี่แป้ง”ปวีณาทำตาโตอ้าปากค้าง ส่วนศศิวิมลเห็นแล้วยิ้มกว้างออกมาเพราะเป็นไปอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ ส่วนปรียาพรก็งงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มตามไปทั้งที่คราบน้ำตาบนใบหน้าเธอยังไม่แห้งดี“อีกไม่นานเราสองคนจะมีข่าวดีนะครับ ผมเลยอยากมาบอกทุกคนไว้ก่อน จะได้เตรียมตัวกันอย่างเนิ่นๆ เผื่อใครอยากจะปั้นหุ่นไว้ใส่ชุดสวยๆ เรื่องธีมของงานต้องรอเจ้าสาวของผมบอกอีกทีนะครับ” “ฮะ.. อะไรนะคะ เจ้าสาวเหรอ บอสกับยายแป้ง ..... อุ๊ยตายว้ายกรี๊ดดดดดดดดดด” ปวีณากรี๊ดดีใจดังลั่น
“ลูกจ๋า.. บอกพ่อสิครับว่าอยากเที่ยงหนูอยากกินอะไรครับ”เจฟฟ์เอื้อมมือไปวางแปะบนพุงน้อยๆ ของปวริศา“อย่ามาเวอร์นักเลยน่ะ เอามือออกไปไม่ต้องมาจับ”ปวริศาพยายามจะดึงมือเจฟฟ์ออกจากหน้าท้องของตนแต่กลับถูกเจฟฟ์กอบกุมไว้แน่นกว่าเดิม“ลูกจ๋าดูแม่ของหนูสิ หงุดหงิดใส่พ่ออีกแล้ว”เจฟฟ์เอามือของปวริศามาแนบที่แก้มของตนเอง และเอียงคอมองปวริศาด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก“พี่แป้งรู้ไหมครับว่าคุณย่าผมท่านตื่นเต้นมากเลยนะที่รู้ว่าผมจะมีหลานสะใภ้ให้ท่าน วันก่อนคุณย่าบอกว่าจะบินมาไทยเพราะอยากมาเจอหน้าหลานสะใภ้ เนี่ยเดี๋ยวผมต้องกลับไปอัปเดตมูลใหม่ว่า กลับมาครั้งนี้จะเจอทั้งหลานสะใภ้พร้อมกับเจ้าตัวเล็ก รับรองว่าท่านต้องดีใจมากแน่เลย” เจฟฟ์จบก็หันไปทางปิ่นมณี“คุณแม่ครับคุณแม่หาฤกษ์แต่งงานให้เราหน่อยสิครับ”“จะมาหาฤกษ์แต่งงานอะไร ใครเขาจะแต่งด้วย”“เลิกงอนได้แล้วนะครับคุณแม่คนสวย ตอนนี้เรามีเจ้าก้อนน้อยที่ผมตั้งใจปั้นขึ้นมาอยู่ในนี้แล้วนะ”เจฟฟ์เอามือจิ้มจิ้มไปที่หน้าท้องของปวริศา“งอนนานไป เดี๋ยวเจ้าก้อนน้อยตัวโตขึ้น คุณแม่จะใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวยนะครับ เอ.. หรือว่าจะรอให้เจ้าก้อน
เช้าวันอาทิตย์ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เจฟฟ์ก็ยังคงมาที่บ้านปวริศาแต่เช้า มาใส่บาตรด้วย ทั้งที่เมื่อวานกว่าเขาจะกลับบ้านก็เล่นเอาเสียมืด พอใส่บาตรเสร็จหลวงพ่อให้พร ทุกคนก็กรวดน้ำแล้วรับพร“อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข สาธุ”“ไปก่อนนะโยม พรุ่งนี้อาตมามีกิจนิมนต์ไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จะไม่ได้มารับบาตรนะ” “เจ้าค่ะหลวงพ่อ”แล้วหลวงพ่อก็เดินออกไป ทั้งสามค่อยลุกขึ้น แล้วปวริศาก็เซไปนิดเจฟฟ์ที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคอง“พี่แป้งเป็นอะไรไปครับ”“ไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยได้แล้ว”ปวริศาพยายามจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดนั้น แต่เจฟฟ์ก็ยังแข็งขืนดื้อดึงประคองไว้อยู่“เห็นไหมละครับ พี่ยังเซอยู่เลย ให้ผมประคองแหละดีแล้ว”เจฟฟ์ประคองปวริศามานั่งที่โต๊ะ“เดี๋ยวพี่นั่งเฉยๆ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”เจฟฟ์เดินไปกดน้ำเย็นจากเครื่องกรองน้ำในห้องครัว ส่วนปิ่นมณีมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง“พักผ่อนน้อยหรือเปล่าลูก”“เมื่อคืนแป้งก็ไม่ได้นอนดึกนะคะแม่ แค่สี่ทุ่มครึ่งเอง” “นี่น้ำเย็นครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมจัด
ภายในห้องเช่าขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ปรียาพรกำลังนั่งร้องไห้ฟูมฟาย และพร่ำกล่าวคำว่าขอโทษเจฟฟ์ ขอโทษปวริศา สาเหตุทั้งหมดเกิดความโง่ของตนเอง ปวริศาเข้าไปโอบกอดใช้ฝ่ามือลูบหลังปลอบโยนเพื่อน“ฉันขอโทษเธอนะแป้ง เป็นเพราะฉันโง่เอง ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จแล้วเขาจะรักฉัน ฉันมันโง่เอง แป้ง ฉันขอโทษ ฮือ ฮือ”“โอเค ฉันเข้าใจเธอนะ แต่เธอก็ใจร้ายไปหน่อยนะ เธอก็น่าจะรู้ว่าถ้าทำแบบนี้คนที่จะมารับเคราะห์ก็จะเป็นฉัน เธอไม่คิดห่วงฉันบ้างเลยหรือไง”“ตอนนั้นฉันยอมรับนะ ว่าฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จเขาจะรักฉันจะขอฉันเป็นแฟน แต่ความจริงแล้วมันกลับเฉดหัวฉันทิ้ง ฮือ ฮือ”ปวริศาหันไปสบตากับเจฟฟ์ ปรียาพรก็เงยหน้ามองเจฟฟ์เช่นกัน“บอสคะ หม่อนขอโทษ หม่อนผิดไปแล้ว บอสอย่าไล่หม่อนออกเลยนะคะ”ปรียาพรพนมมือไหว้ขอให้เจฟฟ์ยกโทษให้ทั้งน้ำตา“ครั้งก่อนตอนที่คุณปวริศาตกเป็นผู้ต้องสงสัย เขาไม่เคยมาขอให้ผมไม่ไล่ออก แต่เป็นตัวเขาเองต่างหากที่แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกเอง ซึ่งผมก็ยังไม่อนุมัติเอกสารนั้น เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าปวริศาไม่มีทางทำหักหลังผมแน่นอน คุณมาขอแบบนี้มันจะไม่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ ความจริงเ
บรรยากาศในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้มีคนให้ความสนใจกับคู่ของแพทริกและปวริศาเป็นอย่างมาก แพทริกนั้นดูจะมีความสุขและยิ้มกว้างกว่าใครเพื่อน เขาเดินควงปวริศาพาทักทายพูดคุยกับคนไปทั่วงาน จนมีหลายคนถามเขาว่าคนข้างกายของเขาคนสวยคนนี้คือใคร เขาก็ตอบไปเพียงว่า“เธอคือเป็นคนพิเศษสำหรับผมคืนนี้” “หิวมั้ยครับคุณแป้ง ผมเห็นคุณแป้งทานไปนิดหน่อยเองหรือว่าอาหารที่นี่ไม่ถูกปากให้ผมพาไปกินข้างนอกไหมครับ”เขาถามด้วยความใส่ใจหญิงสาวข้างกาย“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งกินไปหลายอย่างแล้ว ถ้ากินเยอะไปกว่านี้เดี๋ยวจะพุงป่อง น่าเกลียดแย่เลย” “อย่างคุณแป้งเอาตรงไหนมาน่าเกลียดครับ ผมเห็นแต่ความน่ารัก และความสวยเต็มไปหมด” แพทริกพูดไปส่งสายตาหวานให้หญิงสาว แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋าของหญิงสาวก็สั่นไม่หยุด จนปวริศาต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก็เห็นว่ามีใครบางคนกดส่งข้อความมาให้เธอไม่ได้หยุด เธอเงยหน้าขึ้นก็รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ถูกส่งพุ่งตรงมาที่เธอ ใช่แล้วเป็นเจฟฟ์ที่กำลังมองมาที่เธออย่างตาไม่กะพริบซึ่งเขาก็เป็นคนส่งข้อความหาเธอแล้วส่งสายตาจ้องเขม็งเชิงบังคับและขอร้องให้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน
เจฟฟ์นั่งมองโทรศัพท์ที่ตอนนี้เขาพยายามจะโทรไปหาใครบางคน โทรยังไงเขาก็ไม่รับ ไลน์ไปเขาก็ไม่เปิดอ่าน “ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะพี่แป้ง”เขาหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจะดื่มแต่ก็พบกับความว่างเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะกดโทรศัพท์แล้วให้ใครบางคนขอให้ชงกาแฟเข้ามาให้ แล้วก็แอบหาเศษหาเลยนิดหน่อยให้พอชื่นใจ แค่นี้ก็มีแรงทำงานต่อแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว เฮ้อ... เจฟฟ์เอามือกุมหัวจากการที่เขาตามแกะรอยเรื่องงานประกวดราคาที่เขาแพ้ให้กับคู่แข่งอย่างแพทริกแบบที่มีเงื่อนงำให้ชวนคิด ทำให้เขาต้องมาไล่เจาะข้อมูลซึ่งมันก็ไม่ยากเกินกว่าที่เขาจะหาตัวต้นเหตุเจอ ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของปวริศาเขาจึงอยากบอกให้ปวริศารู้และเป็นผู้ร่วมในการตัดสินใจที่จะลงโทษคนผิด แต่ปัญหาคือตอนนี้เขาติดต่อปวริศาไม่ได้เลย ความจริงเขาก็อยากจะพุ่งเข้าไปหา แต่ติดว่าช่วงนี้คิวงานเขาก็แน่นมาก เขาตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยววันเสาร์นี้เขาจะรีบไปเฝ้าหาปวริศาแต่เช้าตรู่เลย มันเลยทำให้เขาหงุดหงิดที่เห็นคนผิดยังคนลอยหน้าลอยตาทำงานอยู่ก๊อก ก๊อก ก๊อก ศศิวิมลเดินเข้ามาแล้วนำเอกสารมาวางที่ชั้นเอกสารนำเข้ารอเซ็นบนโต๊ะ เจฟฟ์พยักหน้
หลังจากที่เจฟฟ์คลาดกับปวริศาไปเพียงเสี้ยวนาที เขาก็พยายามครุ่นคิดอยู่ว่าคนที่พาปวริศาออกไปคือใคร“น้าขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม พอมีเวลาคุยกับน้าไหมจ๊ะ”เจฟฟ์รีบพยักหน้ารับ“ได้ครับคุณน้าวันนี้ผมตั้งใจจะมาหาพี่แป้ง จะมาขอโทษและอธิบายความจริงให้ฟังครับ”“น้าเองก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเราสองคนนะ แต่น้ามีลูกคนเดียว ไม่ว่าเขาเป็นอย่างไรน้าก็รักของน้า น้าจะไม่มากล่าวหาว่าใครผิดใครถูกหรืออย่างไร แต่น้าแค่อยากบอกว่า ตั้งแต่น้าเลี้ยงลูกน้ามา น้าเห็นเขาเสียใจหนักๆ สองครั้ง ครั้งแรกก็ตอนที่เจย์เดนย้ายไปอเมริกา ครั้งที่สองก็เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และน้าก็ไม่อยากเห็นลูกสาวน้าต้องเสียใจอีก น้าพูดแค่นี้หวังว่าเจย์เดนจะเข้าใจนะ”เจฟฟ์ก้มหน้า“ครับผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับคุณน้า”“น้าไม่รู้ว่าอนาคตของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไร ทั้งคู่รักกันมากน้อยแค่ไหน”“ผมรักพี่แป้งจริงๆ นะครับ คุณน้า”“เจย์เดนก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่า แค่คำว่ารักมันอาจจะไม่เพียงพอ แต่มันจะต้องมีความไว้ใจและเชื่อใจกันด้วย” เจฟฟ์สบตากับปิ่นมณีแล้วทั้งคู่ก็พูดคุยกันไปเกือบสองชั่วโมงทำให้เจฟฟ์คิดอะไรได้หลายอย่าง“น้าว่าเจย์