พวกเขาเดินออกมาจากนั้นไม่นาน องครักษ์คนหนึ่งของบุรุษหนุ่มที่นางได้ช่วยเหลือเดินมาเชิญนางไปที่ห้อง
“แม่นาง คุณชายขอเชิญท่านไปที่ห้องขอรับ”
“อืม ได้สิ”
“คุณหนูเจ้าคะ พวกเขา….”
“ไม่มีอะไรพวกเขามิใช่ศัตรูหรอกไม่ต้องห่วง”
“เจ้าค่ะ”
ไป๋ซูเม่ยเดินตามองครักษ์หนุ่มไปทันที เมื่อเข้าไปในห้องที่เขานั่งอยู่และมีองครักษ์อีกคนที่คอยทำแผลให้เขาอยู่
“แม่นาง คุณชายมีเรื่องจะคุยกับท่านขอรับ”
“เขาพักอยู่ที่นี่ได้จนกว่าจะหาย พวกท่านไม่ต้องห่วงเขาหรอกเพียงแต่ช่วงที่พวกท่านมาพบเขาที่นี่อย่านำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกข้าก็พอแล้ว”
“ท่านรู้!! ว่าพวกเรา…”
“คุณชายของเจ้าบาดเจ็บเคลื่อนไหวยังไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงลงจากเขาเลย แม้แต่เดินลงจากเตียงก็ยังไม่มีแรงมากพอหรอก เจ้าคงไม่คิดว่าจะแบกเขาลงเขาไปได้หรอกกระมัง”
“คุณหนู ท่านเข้าใจถูกต้องแล้วขอรับข้าน้อยจึงอยากขอร้องท่าน....”
“ได้สิไม่มีปัญหา ข้าไม่ใจร้ายกับคนป่วยหรอก”
“ส่วนเรื่องค่ารักษา…”
“คุณหนูข้ามิได้เดือดร้อนเรื่องเงิน นางเป็นถึงบุตรสาวของหมอหลวงไป๋เหลียน ไม่ได้ต้องการเงินมากขนาดนั้นพวกท่านทำตามที่นางพูดก็พอ”
“อาหยง…”
บุรุษหนุ่มมองหน้านางในทันทีเมื่อทราบว่านางคือผู้ใด เดิมทีคิดเอาไว้ว่านางต้องมิใช่คนธรรมดาอยู่แล้วเพราะท่าทางและความชำนาญเช่นนี้แม้จะบอกว่าเป็นท่านหมอเทวดาเขาก็คงเชื่อ แต่สตรีที่เก่งกาจและสามารถอยู่เพียงลำพังในป่ากับสาวใช้เพียงสองคนจะมีสักกี่คนที่ทำได้
“ที่แท้ก็คุณหนูไป๋บุตรีท่านหมอไป๋นี่เอง ล่วงเกินเจ้าแล้ว”
“ช่างเถอะ ข้ามิได้พูดในฐานะนั้นกับท่าน ข้าพูดในฐานะหมอที่รักษาคนหากว่าท่านหายแล้วพวกเราต่างคนก็ต่างไป”
“ขอบคุณ ข้าจะอยู่กับคุณชายที่นี่…”
“ไม่ต้อง…”
“ดีเลยเจ้าอยู่ก็ช่วยได้มาก อย่างน้อยช่วงนี้ที่คุณชายพวกเจ้ายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เจ้าก็ดูแลไปก็แล้วกันข้าจะให้อาหยงนำยามาให้ตามเวลา หากว่ามีอาการอื่นที่มากกว่านี้ก็เรียกข้าได้ ส่วนเจ้าหากว่าจะลงเขาให้เดินลัดออกไปอีกทาง ข้าจะให้อาหยงเดินไปส่งเจ้า เส้นทางนั้นจะถึงในเมืองเร็วกว่าและจะไม่มีผู้ใดพบเห็นเจ้าแน่นอน”
“ขอบคุณคุณหนูไป๋ขอรับ”
“อืม อาหยงรีบพาเขาไป”
“เจ้าค่ะ”
พวกเขาเดินออกไปหมดแล้วเหลือเพียงนางและบุรุษหนุ่มตรงหน้า ไป๋ซูเม่ยมองเห็นชามข้าวที่เขากินจนหมดนางจึงเก็บของใส่ถาด
“เช่นนั้น…ก่อนหน้านี้ผู้ที่เปลี่ยนชุดให้ข้า…”
“ใช่ ข้าเป็นคนเปลี่ยนให้ท่านเอง มีอะไรงั้นหรือ”
“ข้า…เจ้า….แคก ๆ เอ่อ…”
“หึ หากท่านอายตอนนี้คิดว่าไม่ทันแล้วกระมัง ส่วนหากว่าท่านจะถามข้า ข้าก็จะตอบว่าข้าเป็นหมอ หน้าที่รักษาท่านให้หายเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำเช่นกัน”
“เช่นนั้น….ก็ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว”
“ข้าจะไปยกยามาให้ท่านรอสักครู่”
“แม่นางไป๋”
“มีสิ่งใดอีกงั้นหรือ….องค์ซื่อจื่อ”
“เจ้า…ได้ยินงั้นหรือ”
“แม้ว่าจะไม่อยากได้ยินแต่กระท่อมไม้แห่งนี้มิใช่ที่ที่ควรจะพูดคุยเรื่องลับ ๆ นักหรอกท่านว่าหรือไม่ อย่าห่วงเลยไม่ว่าท่านจะเป็นผู้ใดต่อให้เป็นองค์ชายข้าก็มิได้สนใจ”
“ข้า…ไม่ได้คิดจะโกหกเจ้า”
“ข้าเข้าใจ หากเป็นข้า…จนจากกันไปแล้วข้าก็ไม่คิดจะพูดหรอก เอาล่ะข้าจะยกชามไปเก็บท่านก็นอนพักดี ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน”
นางเดินถือถาดอาหารออกไปแล้วเขาจึงนึกขำกับท่าทางนั้นของนาง แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบเห็นบุตรของท่านหมอหลวงมาก่อนแต่คำร่ำลือต่าง ๆ เกี่ยวกับนางทั้งด้านความชำนาญศาสตร์ทั้งสี่ ความรู้ทางการแพทย์และยังรูปโฉมที่งดงามล่มบ้านล่มเมืองนั่นเมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเขาพบว่าที่รำลือกันนั่น ยังน้อยกว่านั้นมากนัก
“เย็นชาชะมัด หึ”
เขาเคยนึกดูแคลนสตรีเช่นนางมาก่อนเพราะเขาเป็นองค์ซื่อจื่อ เป็นทายาทเพียงคนเดียวของท่านอ๋องแห่ง หยางโจวที่จะขึ้นสืบทอดอำนาจและปกครองเมืองหยางโจว
เขาเป็นรองเพียงเหล่าองค์ชายไม่กี่พระองค์เท่านั้น และแน่นอนว่าหลาย ๆ พระองค์ก็เป็นคู่อริเก่ากับเขาและไม่อยากให้เขามีชีวิตอยู่เพื่อแย่งอำนาจในเมืองหลวง
“ท่านดื่มยานี้แล้วจะรู้สึกง่วงแต่ยานี้จะช่วยฟื้นฟูภายในได้ดีกว่า ท่านมีวิชายุทธ์พลังปราณของท่านจะฟื้นตัวเร็วขึ้นหากมีแรงก็…”
“คุณชาย…”
ต้าหมินเดินเข้ามาพอดีที่เขากำลังฟังนางพูด เมื่อเห็นว่าองครักษ์ของเขาเข้ามาแล้วนางจึงหันไปมองและหยุดพูดทันที
“เช่นนั้นพวกท่านก็พักผ่อนเถอะ ข้าจะให้อาหยงนำเครื่องนอนมาเพิ่มให้ข้าขอตัวก่อน”
แม้ว่าอยากจะคุยต่ออีกสักหน่อยแต่นางก็เดินออกไปแล้ว “เว่ยเฟิงหรง” ซื่อจื่อหนุ่มหันมามองค้อนให้กับองครักษ์อย่างเสียมิได้
“คุณชาย เหตุใดท่านมองข้าเช่นนั้นขอรับ”
“เจ้ามันไม่รู้ความจริง ๆ”
“ข้าน้อย…ทำสิ่งใดผิดหรือขอรับ”
“ช่างเถอะ ให้คนตามสืบหรือยังว่าเป็นฝีมือผู้ใดกันแน่ ข้าเพียงแค่ก้าวขาออกจากหยางโจวก็ถูกลอบทำร้ายที่ชายแดนจนระเห็จมาถึงที่นี่ หากไม่ได้นางช่วยไว้ละก็ข้าคงเป็นอาหารของเสือไปแล้ว”
“เรื่องนี้มีผู้ต้องสงสัยอยู่เพียงสองคนขอรับ องค์ชายสี่เสวียนอวี่และองค์ชายหกเสวียนฟง”
“หึ พระโอรสของฮองเฮาดูเหมือนว่าจะเกรงกลัวข้าที่เป็นเพียงพระนัดดา (หลานชาย) ของฝ่าบาทมากกว่าเหล่าองค์ชายที่อยู่ใกล้ตัวพวกเขาเสียอีก”
“มีผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าคุณชายเป็นขุนศึกที่มีความสามารถและเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าส่งข่าวไปในวังหลวงให้หานลั่วหรือยัง”
“ส่งไปแล้วขอรับ องค์ชายสามก็ส่งจดหมายกลับมาแล้วว่าหากว่าพบตัวท่านแล้วให้ซ่อนตัวก่อน หากพวกเขาไม่พบท่านพวกนั้นคงไม่มีทางหยุดแน่”
“เราอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานแล้ว มิเช่นนั้นพวกนางจะเดือดร้อนไปด้วย”
“คุณชาย ท่านเป็นห่วงคุณหนูไป๋หรือขอรับ”
“ว่าแต่ว่า เหตุใดบุตรสาวของท่านหมอไป๋ถึงมาปลีกวิเวกอยู่ที่นี่คนเดียวเล่า นางมิได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีอันดับหนึ่งของเมืองหยางโจวในตอนนี้หรอกหรือ”
“ใช่ขอรับ แต่เห็นว่านางทะเลาะกับท่านหมอเรื่อง…เอ่อ ที่ท่านอ๋องประทานอนุไปให้และบุตรสาวของอนุผู้นั้นทำให้นางเสียโฉม”
“เสียโฉมงั้นหรือ ข้าไม่เห็นว่านางจะมีรอยแผลใด ๆ เลยนี่ เจ้าเองก็เห็นรูปโฉมที่งดงามนั่นมิใช่หรือ”
“คุณชายท่านลืมไปหรือไม่ว่านางเป็นหมอนะขอรับ”
“อ่อ…นั่นสินะ”
ห้าวันถัดมา
เว่ยเฟิงหรงพักฟื้นจนหายดีแล้ว ตอนนี้เขาเริ่มกลับมาฝึกวิชาดาบแล้ว ช่วงเวลาที่พักอยู่ที่นี่เขาพบกับไป๋ซูเม่ยเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น นางจะแวะมาตรวจเขาเพียงแค่สองวันหนึ่งครั้งและหากไม่มีอาการอื่น ๆ เขาก็แทบจะไม่เห็นนางเลย
จนเมื่อกลางดึกคืนนี้ที่เขาเดินออกมารับลมด้านนอกและเดินไปยังเชิงเขาใกล้ ๆ เพราะได้ยินเสียงต้นไม้ไหวและบางอย่างระเบิด เขาจึงเดินเข้าไปอย่างใคร่รู้และพบกับนางอยู่ที่นั่น
“นอกจากวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว วรยุทธ์นางร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ”
ราวกับนางได้ยินเพราะไม่นานลมและกิ่งไผ่ตรงหน้าก็ถูกนางพัดและโจมตีเขา เว่ยเฟิงหรงม้วนตัวเพื่อหลบกิ่งไม้นั้นและไปยืนตรงหน้านาง ไป๋ซูเม่ยถอยหลังและตั้งท่าเพื่อต่อสู้แต่เมื่อนางเห็นว่าเป็นเขาจึงได้หยุด
“ท่านมาทำอะไรที่นี่”
“ข้าเคยได้ยินมาว่าเจ้ามีความชำนาญด้านศาสตร์ทั้งสี่ กลอนหมากอักษรและวาดภาพแต่นึกไม่ถึงว่าจะมีวรยุทธ์ที่เก่งกาจด้วย”
“อ๊าา!! อ๊าา….ท่านพี่ ข้าบอกท่านไปแล้วว่าอย่าหักโหมอย่างไรเจ้าคะ อ๊ะ!!”“อีกรอบเดียวนะซูเม่ย อีกครั้งเดียวจะให้เจ้าพักแล้ว อาา…เม่ยเอ๋อร์!!!”ร่างหนาค่อย ๆ หย่อนกายลงข้าง ๆ พระชายาที่นอนหันหลังและหอบอยู่ข้าง ๆ เขา เมื่อบทรักครั้งสุดท้ายจบลงเว่ยเฟิงหรงหันมากอดนางที่นอนหันหลังให้เรือนผมนางยุ่งเหยิงเพราะเขา หลังที่เคยเนียนงดงามบัดนี้เต็มไปด้วยรอยจ้ำสีแดงเกือบทุกแห่งที่เขาจะฝากรอยเอาไว้ “เจ้าอยากอาบน้ำหรือไม่”“ข้า….ลุกไม่ไหว”“ข้าเองก็ลุกไม่ไหวแล้วเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นก็นอนพักผ่อนก่อนเถิดเอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยไปอาบด้วยกันแล้วค่อยขึ้นไปที่เขาลั่วซาง”“เฟิงหรง”“หืม”“ท่านคิดว่าข้าเอาแต่ใจตัวเองหรือไม่เจ้าคะที่…ขอให้ท่าน….”เขาหันมาดึงนางเข้ามากอดกับแผงอกกว้าง เขาดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาและนางก่อนจะพูดกับนาง“เจ้าน่ะหรือจะเอาแต่ใจตัวเอง ข้าไม่เคยเห็นว่าเจ้าจะทำสิ่งใดที่ทำให้ข้าลำบากใจเลยสักครั้ง หากไม่นับเรื่องที่เจ้าแอบไปทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายในเมืองหลวงนั่น”“ข้า….จะไม่ทำ….”เขาใช้นิ้วปิดปากนางเอาไว้เพื่อมิให้นางพูดออกมา“ไม่ต้องพูดและไม่ต้องสัญญาอะไรอีกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะไปอีกข้าก็จะติดตาม
งานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทและงานอภิเษกสมรสผ่านไปได้สองวัน ไป๋ซูเม่ยและเว่ยเฟิงหรงก็ต้องกลับมาเตรียมของเพื่อเตรียมตัวเข้ารับพระราชพิธีสมรสพระราชทานทั้งคู่กราบทูลขอเพียงแค่พิธีรับราชโองการและงานเลี้ยงในวังเท่านั้นส่วนงานอภิเษกทั้งคู่ทูลขอฝ่าบาทกลับไปจัดที่หยางโจว“ซูเม่ย เมื่อใดเจ้าจะได้กลับมาที่เมืองหลวงอีกกันนะข้าหรือว่าให้ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่หยางโจวดีล่ะ”“เฟยหย่าเจ้าอย่ามัวแต่นึกอยากเที่ยวสิ เจ้าเป็นพระชายาองค์รัชทายาทแล้วนะ ยังจะห่วงเที่ยวอีกงั้นหรือ”“เสด็จพี่เพคะ น้องซูเม่ยมาเมืองหลวงกว่าข้าจะรู้จักกับนางและได้สนิทกันก็แทบจะมิได้พานางไปเที่ยวที่ใดเลยเพราะมีแต่เรื่องเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันจนถึงวันอภิเษกก็ต้องเตรียมการวุ่นวายเช่นนี้”“พี่หญิงเพคะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกเพคะหม่อมฉันกับซื่อจื่อจะแวะมาเยี่ยมพวกพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ เสด็จพ่อเองก็ต้องเข้าวังหลวงอีกสี่เดือนข้างหน้าเพื่อมาเยี่ยมฝ่าบาทและร่วมงานพระราชพิธีคล้ายวันพระราชสมภพอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเราจากกันไม่นานหรอกเพคะ”“เจ้าพูดจริง ๆ นะ น้องหญิงเจ้ากลับไปที่หยางโจวก็ดูแลตัวเองให้ดีนะ”“เพคะพี่หญิง ไม่สิพระชายาเองก็มีองค์
“อ๊าา หานลั่ว!!”ลิ้นของเขาเริ่มคลี่ร่องกลีบชื้นฉ่ำตรงหน้าออก ร่างของเฟยหย่าเอนขึ้นตามสัมผัสลิ้นและนิ้วของเขา มือนางจับที่ผ้าห่มเอาไว้แน่นเมื่อถูกเขาล่วงล้ำเข้ามาทั้งลิ้นและนิ้วจนนางทนไม่ไหว“อ๊าาา หานลั่ว ไม่ไหวแล้ว ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันจะ อ๊าา!!!!”ร่างน้อย ๆ นั้นเกร็งกระตุกจนเกิดเสียง จวินหานลั่วรวบขาของนางและยังใช้ลิ้นปรนเปรอนางไม่หยุด เมื่อเห็นว่านางพร้อมแล้วเขาจึงค่อย ๆ สอดใส่แท่งแกร่งของเขาที่ปวดตึงหนึบอยู่นานแล้วเข้าไป เขาอ่อนโยนจนนางรู้สึกถึงความห่วงใยที่เขามีให้นาง “หานลั่ว อ๊าา ช่างดียิ่งนัก รู้สึก อ๊าา ดียิ่งนัก อ๊าา…”“เฟยหย่า ข้าจะ…เร่งได้อีกนิดได้หรือไม่”“เร็วอีกหน่อยเจ้าค่ะ อ๊าา หานลั่วเร็วขึ้นอีก อื้อ…”เขาพยายามรักษาความเร็วเอาไว้เพราะเกรงว่านางจะเจ็บ ลิ้นหนาค่อย ๆ จูบไปที่ยอดปทุมสีสวยเพื่อให้นางคลายความเจ็บแต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เจ็บมากเพราะเขาอ่อนโยนกับนางมากกว่าที่จะทำให้นางเจ็บได้“อาา เฟยหย่าเปลี่ยนท่านะ”“อื้อ อ๊าา!! หานลั่ว ท่านี้ลึกมากเพคะ เสียวมากจริง ๆ อ๊าา กระแทกเข้ามาอีก อ๊าาา”จวินหานลั่วรู้ว่าเขาจะทนได้อีกไม่นานแล้วเมื่อด้านในนางทั้งคับแน่นและบีบรัดเข
สนามชู่จวี“อะไรกัน เล่นสกปรกงั้นหรือ แย่แล้ว องค์ชายสาม!!”“พี่หญิง ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”เหยียนเฟยหย่าวิ่งไปยังห้องที่มีคนหามจวินหานลั่วเข้ามา นางวิ่งเข้ามาทันทีเมื่อเห็นเขาถูกหามออกมานอกสนาม“องค์ชายสาม!!”“เฟยหย่า!! เจ้ามา…ได้เช่นไรกัน”องค์ชายสั่งให้ทุกคนออกไปเมื่อเห็นว่าเฟยหย่าวิ่งพรวดพราดเข้ามา ประตูห้องพักปิดลงเมื่อนางหันมาจับมือเขาเอาไว้“องค์ชาย เหตุใดท่านจึงบาดเจ็บเช่นนี้ พวกนั้นเล่นนอกกติกา”“เฟยหย่า อย่าพึ่งพูดนี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“หม่อมฉันเห็นพระองค์ถูกทำร้าย คนพวกนั้น…”“เฟยหย่า คนพวกนั้นมิใช่คนต่างแคว้นแต่เป็นนักฆ่าที่เสวียนอวี่ส่งเข้ามา”“อะไรนะ!! นี่เขา….ตั้งใจจะเล่นงานท่านงั้นหรือ”“เฟยหย่า!! เจ้าจะทำสิ่งใด อย่าพึ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น เว่ยเฟิงหรงกับพี่ใหญ่เจ้ารู้แล้วพวกเขาอยู่ในสนาม ทันทีที่ข้าถูกเล่นงานเว่ยเฟิงหรงก็ให้คนพาข้าออกมาเกรงว่าพวกมันจะทำร้ายข้า เจ้าอย่าได้ทำสิ่งใดพวกเขาจัดการกันเองได้ คนของพวกเราอยู่ในสนามแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มจัดการพวกที่เหลือแล้ว”“ก็ได้จวินหานลั่วครั้งนี้ข้าจะเชื่อท่าน”“เจ้าก้มลงมานี่หน่อยสิ”เหยียนเฟยหย่าก้มลงมา จวินหานลั่วจับนางลงมาและจู
งานเลี้ยงประจำปี“เจ้าว่าอย่างไรนะ เสด็จพ่อจะประทานสมรสงั้นหรือ เช่นนั้นข้าไม่เข้าร่วมจะดีกว่าข้าไม่สนใจเรื่องงานเลี้ยงกับพวกขุนนางขี้ประจบเหล่านั้นหรอก”“องค์ชายสาม ครั้งนี้มีสตรีบุตรขุนนางหลายคนเข้าร่วม พระองค์ไม่สนใจจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินกงกง ท่านอยากให้ข้าแต่งงานมากขนาดนี้เชียวหรือ ท่านขี้เกียจดูแลข้าแล้วสินะ”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะเพียงแต่เรื่องการแต่งงานฝ่าบาทต้องเห็นชอบพระองค์เองก็มิควรเก็บตัวเช่นนี้”“ว่าแต่ครั้งนี้เสด็จพ่อจะประทานสมรสคู่ใดเป็นพิเศษเล่า”เฉินกงกงบอกกล่าวไป ทั้งเรื่องขององค์ชายที่จะแต่งบุตรสาวขุนนางและท่านหญิงเข้ามาในวังหลวง รวมถึงบรรดาองค์หญิงที่ต้องแต่งงานกับแม่ทัพและ….“อีกคู่น่าจะเป็นองค์ชายสี่กับคุณหนูรองสกุลเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”ตำราพิชัยยุทธ์หล่นจากมือของ “จวินหานลั่ว” โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาเหม่อลอยเมื่อได้ยินชื่อนั้นเข้าหูจนฉินกงกงตกใจ“องค์ชาย….องค์ชายสาม!!”“หา…เอ่อ อ้อ อะไรนะ สกุลเหยียนกับ…น้องสี่ พวกเขาไปรู้จักกันเมื่อใดงั้นหรือ”“เห็นว่าฮองเฮาเป็นผู้สู่ขอแทนองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ…ฮองเฮางั้นหรือ ดูท่าแล้วไม่เกี่ยวกับความรู้สึกสินะ”หลังจากนั้นเขาเองก็
เว่ยเฟิงหรงอุ้มไป๋ซูเม่ยลงจากรถม้า พักหลัง ๆ คนในจวนอ๋องที่เมืองหลวงมักจะชินตากับการที่เว่ยซื่อจื่ออุ้มนางลงมาเช่นนี้แล้ว แต่ละคนคิดไปเองว่าเพราะไป๋ซูเม่ยนั่งรถม้ามาแล้วหลับซื่อจื่อไม่อยากให้นางตื่นจึงอุ้มลงมา และบางคนก็คิดว่าไป๋ซูเม่ยเป็นสตรีที่อ่อนแอ เพียงแค่นั่งรถม้ากระเทือนก็จะเดินไม่ไหว แต่ไม่มีผู้ใดเลยที่ล่วงรู้ความจริงนอกจากอาหยงและต้าหมิน องครักษ์ของซื่อจื่อและสาวใช้ของนาง“เฟิงหรงท่านจะเกินไปแล้วนะเจ้าคะข้าเอวแทบหักทุกครั้งเลย จากนี้ไปข้าจะแยกรถม้ากับท่าน!!”“เม่ยเอ๋อร์เจ้าจะทำเช่นนี้หาได้ไม่ ผู้อื่นก็คุ้นชินกับการที่ข้าทำเช่นนี้แล้วเจ้าจะใส่ใจไปทำไมกัน เจ้าก็มิใช่ผู้ที่จะสนใจสายตาคนอื่นเสียเมื่อไหร่เล่า ไม่เอาน่าอย่าทำหน้างอเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาไปกินเกี๊ยวน้ำร้านประจำของเจ้าดีหรือไม่”“ไม่ต้องเอาเกี๊ยวมาล่อข้าให้ตายใจ ก่อนจะไปกินเกี๊ยวท่านมิกินข้าก่อนจนหมดแรงสุดท้ายก็ต้องให้คนซื้อมาให้ข้าถึงเตียงหรอกหรือ ข้ารู้จักท่านดีเว่ยเฟิงหรง คนเจ้าเล่ห์”“เช่นนั้นไหน ๆ เจ้าก็รู้ทันข้าแล้ว…ก็อย่าเสียเวลาเลยนะไปอาบน้ำกันเถอะคนดี”“หยุด!! ข้าไม่อาบกับท่านแน่นอน เว่ยเฟิงหรง!! ไม่นะ ออก