เมื่อเห็นว่าแขกเหรื่อมากันครบแล้ว เจ้าภาพจึงกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ จากนั้นจึงปล่อยให้หนุ่มสาวพบปะเสวนาทำความรู้จักกัน ภายใต้สายตาของผู้ใหญ่ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ซ่งเจียวเจียวยังคงนั่งอยู่ยังที่ของตน คอยเหลือบมองเผิงกั๋วกงเป็นระยะ ครั้นเห็นชายหนุ่มก้าวออกจากลานจัดงาน นางจึงลุกขึ้นทำทีว่าจะออกไปชมสวน โดยมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกับเผิงชางหนาน ซ่งซินเหวินเห็นว่าพี่สาวลุกออกไปแล้ว จึงเอ่ยขอมารดาไปเดินเล่นกับสหาย ระหว่างทางแอบสะกิดให้สาวใช้คนสนิทนาม อาอี๋ หรือนามจริงเชียนชิวอี๋ ให้หลบเลี่ยงสายตาคน แล้วรีบเดินไปกระซิบกระซาบกับคุณชายกู้จื่อฝาน ชายหนุ่มเจ้าสำราญผู้ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้ แต่ชอบทำตัวเป็นสุภาพบุรุษในที่สาธารณะ ดวงตาของกู้จื่อฝานวาวโรจน์ เมื่อได้ยินสิ่งที่สาวใช้ของซ่งซินเหวินกระซิบบอก ไม่นานนัก ทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องเบาๆ ตามด้วยเสียงถ้วยชากระทบพื้น ดังมาจากทางเดินก่อนถึงศาลาริมสระบัว “อ๊ะ!” สาวใช้คนหนึ่งที่ถือถาดใส่ถ้วยชา ซึ่งเย็นชืดแล้วเพื่อนำไปเปลี่ยน เกิดอาการเจ็บปลาบที่ข้อเท้าเมื่อซ่งเจียวเจียวเดินผ่านมาอย่างเร่งรีบ ร่างบางของคุณหนูใหญ่ตระกูลซ่ง ซวนเซเกือบล้
บทที่ 25 อย่านึกว่าข้าไม่รู้ว่าเป็นฝีมือเจ้า ตอนต้น ในระหว่างที่เสวี่ยหนิงและเว่ยลี่หยาง ช่วยกันปลูกผักและปลูกต้นรักไปด้วยนั้น ภายในจวนเจ้ากรมโยธา บุตรีทั้งสองต่างขับเคี่ยวฟาดฟันกันอยู่เนืองๆ จนทำให้ซ่งเจียวเจียว ไม่มีเวลาปลีกตัวไปวางแผนกลั่นแกล้งเชียนเสวี่ยหนิงอย่างที่ต้องการ ทางด้านเหรินหมิง ก็กำลังยุ่งอยู่กับงานวางแผนก่อสร้างฝายกักเก็บน้ำทางทิศบูรพาและอุดร ก่อนที่หน้าแล้งจะมาถึงตามพระบัญชาของฮ่องเต้เว่ยจินหยาง ฎีกาสำคัญนี้ จวิ้นอ๋องเว่ยลี่หยาง เป็นผู้ยื่นคำขอด้วยองค์เอง แม้ว่าจวิ้นอ๋องไม่ได้ระบุว่าต้องการให้เหรินหมิงดูแลรับผิดชอบ แต่ด้วยตำแหน่งรองเจ้ากรมโยธา อย่างไรก็หนีหน้าที่นี้ไม่พ้น… จึงเป็นผลให้เหรินหมิง ไม่มีเวลาปลีกตัวไปตามง้ออดีตภรรยาอย่างที่ตั้งใจไว้เช่นกัน กล่าวได้ว่าท่านแม่ทัพใหญ่วางแผนปกป้องนางในดวงใจ ให้ปลอดภัยจากคู่อริและสามีเก่าได้อย่างเฉียบขาด!!! งานเลี้ยงชมบุปผาจวนราชครูโกว เสียงพิณเจ็ดสายบรรเลงประสานเสียงขลุ่ยและผีผา ล่องลอยแผ่วเบาจากศาลากลางน้ำ สร้างบรรยากาศสุนทรีย์ให้กับงานเลี้ยง ดอกโบตั๋นและกุหลาบหลากสีสันบานสะพรั่งทั่วทั้งสวน ส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนให้เคลิบเ
ใบหน้างามของเสวี่ยหนิงร้อนฉ่าไปถึงใบหู! ผิวขาวแดงเรื่อประหนึ่งผลท้อสุก เผลอกำพัดจีบในมือแน่นจนพัดเกือบหัก! นางแทบอยากขุดหลุมฝังตัวเองหนีความเขิน เจ้าหมีบ้าจู่โจมนางอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว! คนตัวโตเห็นใบหูขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก็ลอบยิ้มอย่างพอใจ เอ่ยเย้าคนตัวเล็กหน้าตาใสซื่อต่ออีกนิด “นายหญิงล่ะขอรับ คิดถึงข้าบ้างไหม” ฉ่าาา เสวี่ยหนิงอยากวิ่งไปกรี๊ดมาก พ่อหยางหยางจะร้ายกาจเกินไปแล้ว เขินนะ คนบ้า! แต่ถึงจะเขินจนหน้าร้อนฉ่าอยากมุดดินเป็นตัวตุ่นมากแต่ไหน เสวี่ยหนิงก็ยึดถือคำว่า สติ (ยกเว้นเวลาเจองู) เป็นที่ตั้ง สายตาพลันเหลือบไปเห็นตะกร้าปิกนิกที่เอามาด้วย เลยยกมาเป็นเครื่องช่วยแก้เขินเสียเลย “นะ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เจ้า เจ้า หิวรึยังมากินข้าวกันก่อนเถิด ใต้ต้นไม้นั่น ข้า เอ่อ เอาข้าวกลางวันมาด้วยน่ะ “นางพูดตะกุกตะกัก พลางก้าวไปยังตะกร้าอาหารทันที ณ ใต้ร่มไม้ใหญ่ เสวี่ยหนิงปูผ้าปิกนิกง่ายๆบนผืนหญ้าใกล้โคนต้นไม้ใหญ่ ลมเย็นพัดเอื่อยเฉื่อยพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้และเปลือกของต้นสน พาให้บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปในฉากนิยายรัก “นั่งสิ พ่อหมีตัวโต” เว่ยลี่หยางยกยิ้มนั่งลงข้างหญิงสาวอย่างว่า
รถม้าไร้สัญลักษณ์เคลื่อนออกจากหน้าจวนสกุลเย่ มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านหว่านเซิน ระหว่างทางก็พบกับรถม้าของเผิงกั๋วกงที่มาจอดรอตามนัด ชายหนุ่มรูปงามหมดจดผู้ไม่ชอบกินผักกระโดดลงจากรถม้าคล่องแคล่ว เดินมาทักทายสหายสูงศักดิ์ของตน “ท่านอ๋อง อาชาเหงื่อโลหิตที่ทรงฝากกระหม่อมหาให้ได้มาแล้วพะย่ะค่ ขอทรงทอดเนตร” เผิงชางหนานผิวปากหนึ่งที องครักษ์ของเขาก็จูงอาชาสวรรค์สีน้ำตาลเข้มสง่างามสองตัวออกมาจากชายป่า เว่ยลี่หยางทอดพระเนตรอาชาสวรรค์รูปร่างกำยำองอาจด้วยความพอใจ “ดียิ่ง!” หลังจากทำความคุ้นเคยกับอาชาใหม่ของตน เรือนกายสูงก็โดดขึ้นไปนั่งอยู่บนอานด้วยท่วงท่าสง่างาม “ไปขี่ม้ากับข้าสักรอบ มีเรื่องต้องหารือกับเจ้า” “หารือหรือจะใช้งานกระหม่อมกันแน่พะย่ะค่ะ” ในฐานะสหายรู้ใจจวิ้นอ๋องตั้งแต่เด็ก เผิงชางหนานคาดเดาจากน้ำเสียงได้ทันที เว่ยลี่หยางไม่ตอบคำถามหากแต่ควบม้าเหยาะๆนำหน้าไป ทั้งคู่ไปหยุดอยู่บนเนินสูงที่สามารถมองเห็นสวนอรุณรักในมุมกว้าง และที่สะดุดตาที่สุดคือเสวี่ยหนิง ซึ่งวันนี้สวมผ้าคาดเอวสีส้มแปร๊ด จนสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในรัศมีหนึ่งลี้!! แววตาของเว่ยลี่หยางสั่นระริกด้วยความเอ็นดูสุดชีวิ
เว่ยลี่หยางหูแดง พยักหน้ารับเบาๆ “ท่วงท่าการปีนกำแพงของหนิงเอ๋อร์ในวันนั้น…ทำเปิ่นหวางหัวใจกระตุก“ ยิ่งเห็นตอนที่นางไปนอนค้างเติ่งอยู่บนขอบกำแพง ด้วยอาการเหนื่อยหอบจนลิ้นห้อย ทว่าดวงตาทั้งสองข้างของหญิงสาว กลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว มิต่างจากทหารหาญที่ต้องการเอาชนะข้าศึก! ช่างร้อนแรงสุดจะบรรยาย! องครักษ์สองหลิวกลั้นขำจนไหล่สั่น ท่านอ๋องทรงมีรสนิยมไม่เหมือนใครจริงๆ “คราแรกเปิ่นหวางก็ไม่ได้แน่ใจ ว่าความรู้สึกที่เกิดในวันนั้นคือสิ่งใด จนกระทั่งได้ข่าวว่านางหย่ากับสามีแล้ว เปิ่นหวางเกิดความรู้สึกปีติยินดีอย่างบอกไม่ถูก จึงได้ตัดสินใจปลอมตัวมาอยู่ในหมู่บ้านหว่านเซิน และมาขอเป็นคนสวน เพื่อทำตามความปรารถนาในส่วนลึกของจิตใจ หากเปิ่นหวางไม่สามารถพิชิตหัวใจของหนิงเอ๋อร์ได้ นั่นก็เป็นเพราะเปิ่นหวางไม่เอาไหนเอง แต่เมื่อทราบว่าหนิงเอ๋อร์มิได้รังเกียจหมีตัวโตหน้าปานนามหยางหยางทั้งยังมีไมตรีจิตให้ เปิ่นหวางจึงได้บากหน้าหนาๆ มาสู่ขอนางกับนายหญิงเย่ หวังว่าท่านจะกรุณาเห็นใจบุรุษหยาบกระด้างผู้นี้…และยอมยกบุตรีให้แต่งกับข้าด้วยเถิด” เย่หลินเงียบไปครู่หนึ่ง มองแม่ทัพใหญ่ของแคว้นที่ตอน
บทที่ 23 อย่างมากเปิ่นหวางก็แค่สละฐานันดร จนถึงตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบครบสามเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันเว่ยลี่หยางก็ต้องกลับไปเป็นจวิ้นอ๋อง แม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินตามเดิม หมดเวลาสวมบทหยางหยาง หนุ่มชาวสวนผู้คลั่งรักนายหญิงเจ้าของสวน ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ มิต่างจากเนื้อย่างที่วางไว้บนโต๊ะ เพียงหันหลังไปรินชา หันกลับมาอีกทีก็ถูกหลางจื่อขโมยกินหมด! เว่ยลี่หยางขอลางานช่วงเช้ากับเสวี่ยหนิง อ้างว่ามีธุระสำคัญต้องไปจัดการ จวนตระกูลเย่ เย่หลินนั่งทำบัญชีอยู่ในห้องทำงาน พ่อบ้านเย่หานเดินมารายงานว่ามีคนมาขอพบ หากแต่ท่าทางของเขาแปลกไปจากยามปกติ จนเย่หลินสังเกตเห็น “ใครมาขอพบข้าหรือพ่อบ้านเย่” “เอ่อ คนงานที่ชื่อหยางหยางจากสวนของนายหญิงน้อยขอรับ” “คนงานที่ชื่อหยางหยางอย่างนั้นหรือ ได้บอกหรือไม่ว่ามาเพราะอะไร” นางไม่คิดว่าเกิดเรื่องกับบุตรี เพราะฝีมือการต่อสู้ของลูกน้องที่นางฝึกเองกับมือแต่ละคนไม่อ่อนด้อย โดยเฉพาะต้าเชิน พ่อบ้านเย่หานฉีกยิ้ม หากแต่ไม่ตอบคำถามเพียงบอกให้นางออกไปดูเอง โถงรับรอง เว่ยลี่หยางนั่งแผ่นหลังเหยียดตรงในท่วงท่าสง่างาม แม้จะสวมอาภรณ์เรียบง่าย แต่กลิ่นอายความองอา