บทที่ 3 คนนี้สามีข้าเหรอ ตอนปลาย
ซ่งเจียวเจียวมีสีหน้ากระอักกระอ่วน กล่าววาจาเสียงเบากับเหรินหมิงอย่างเกรงใจ “ท่านพี่เหรินหมิง เจียวเจียวขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ ที่อุตส่าห์มาช่วยเลือกแท่นหมึก สำหรับมอบเป็นของขวัญให้ท่านพ่อของเจียวเจียว…เหรินฮูหยินน้อย ขอท่านโปรดอย่าเข้าใจข้ากับท่านพี่เหรินหมิงผิด พวกเราไม่ได้ทำสิ่งดะ...” แต่ก่อนที่ซ่งเจียวเจียวจะได้เอื้อนเอ่ยคำใดต่อ เสียงสั่นเครือของเสวี่ยหนิงพลันดังขึ้นตัดหน้าเสียก่อน “เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะคุณหนูซ่ง ข้ายังไม่ได้ทำ หรือกล่าวสิ่งใดพาดพิงเกี่ยวกับตัวท่านสักคำ ข้ายืนเจรจากับหลงจู๊อยู่ดีๆ พวกท่านสองคนก็เข้ามาหาเรื่องข้าก่อนแท้ๆ ฮึก สามีของข้า ที่มาด้วยกันกับท่าน ก็เข้ามาตำหนิข้าอย่างไร้สาเหตุ ฮึก หลงจู๊เจ้าคะ ท่านช่วยเป็นพยานให้ข้าด้วยเถิด ว่าข้าไม่ได้ทำสิ่งใดสักนิด จู่ๆคุณหนูซ่งก็มาเอ่ยวาจาปรักปรำข้าแบบนี้ ฮึก และที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย ฮืออ” เสวี่ยหนิงยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาราวสั่งได้ ขนตาหนาเป็นแพเปียกชุ่มราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ทั้งงดงามและบอบบางในครา ริมฝีปากแดงอิ่มน้ำเอื้อนเอ่ยวาจาตัดพ้อเสียงไม่เบานัก ดึงความสนใจลูกค้าคนอื่นๆในร้านอย่างได้ผล ‘เอาเซ่ คิดว่าเล่นบทเหยื่อเป็นคนเดียวหรือย่ะ เสวี่ยหนิงคนนี้หาใช่คนที่หล่อนจะมายืมมือ เพื่อทำให้ตัวเองเป็นเหยื่อดูน่าสงสารได้อีกต่อไป พอกันทีแม่นางเอกแมรี่ ซู*’ หลังจากพบนางเอกของเรื่องอยู่สองครั้ง เสวี่ยหนิงจึงจับทางอีกฝ่ายได้ ส่วนเชียนเสวี่ยหนิงเจ้าของร่าง ดันเป็นหญิงสาวเจ้าอารมณ์ ทำให้ตกหลุมพรางที่อีกฝ่ายขุดไว้ทุกครั้งไป ลูกค้าคนอื่นๆในร้าน หันมามองซ่งเจียวเจียวและเหรินหมิงเป็นตาเดียว หลายคนเห็นว่าตั้งแต่เชียนเสวี่ยหนิงเหยียบย่างเข้ามาที่นี่ นางก็มาติดต่อสั่งทำสินค้า จากนั้นก็มายืนเจรจาต่อรองราคาภาพวาดอักษรกับหลงจู๊ ไม่ได้หาเรื่องผู้ใดสักนิด แต่เป็นเหรินหมิงและซ่งเจียวเจียวที่เดินมาหาเรื่องนางก่อนแท้ๆ การที่สามีพาหญิงอื่นซึ่งไม่ใช่ภรรยามาซื้อของ อีกทั้งหายไปบนชั้นสองด้วยกันตามลำพัง โดยไม่มีสาวใช้เดินตามหลัง มองอย่างไรก็คิดในแง่ดีไม่ได้ ดูท่าว่าเรื่องที่เชียนเสวี่ยหนิงกล่าวหาซ่งเจียวเจียว ว่าชอบยั่วยวนสามีของนาง คงจะมีมูลความจริงอยู่หลายส่วน นอกจากสายตาที่มองซ่งเจียวเจียวและเหรินหมิงอย่างคลางแคลงใจแล้ว เสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ของคนในร้านเริ่มดังขึ้นตามมาเช่นกัน “เมื่อก่อนข้าเคยคิดว่าเชียนเสวี่ยหนิง ชอบตามราวีซ่งเจียวเจียวเพราะหึงหวงสามีอย่างไร้เหตุผล เห็นทีว่าไม่ใช่แล้วล่ะ” “นั่นสินะ มีอย่างที่ไหนสามีพาหญิงอื่นมาซื้อของ แต่ปล่อยให้ภรรยามาเอง” “แล้วที่หายไปกันข้างบนสองต่อสองนั่นอีก” ซุบซิบๆๆๆ ซ่งเจียวเจียวที่ไม่เคยตกอยู่ในสภาพการณ์เช่นนี้มาก่อนถึงกับหน้าเสีย ทั้งที่ปกติเชียนเสวี่ยหนิงต้องอาละวาดใส่นางแล้ว และคนที่ได้รับความเห็นใจจากชาวบ้านก็คือนาง หากแต่วันนี้เชียนเสวี่ยหนิงกลับกลายเป็นผู้ถูกกระทำในสายตาของคนอื่น และตัวนางกลับกลายหญิงร้ายแทน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! หญิงสาวกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่นอย่างไม่ยินยอม ถึงกระนั้นก็ยังสามารถเก็บอาการไว้ได้ แต่กลับเผยสีหน้ารู้สึกผิดกึ่งละอายใจ ดูคล้ายว่านางกำลังจะร้องไห้ออกมาให้เหรินหมิงเห็น ร่างบางขยับปากเหมือนต้องการจะกล่าวบางสิ่ง หากแต่เปลี่ยนใจและยอบกายขอบคุณเขาอีกครั้งแทน ก่อนหมุนตัวเดินก้มหนาออกไปจากร้าน พร้อมแท่นหมึกราคาแพงที่ฝ่ายชายเป็นผู้มอบให้… สาวใช้ของซ่งเจียวเจียวที่ยืนรออยู่หน้าร้านตามคำสั่ง รีบก้าวมาหาคุณหนูของตนด้วยความเป็นห่วง “คุณหนู ท่านไม่เป็นไรอะไรนะเจ้าคะ” สีหน้าคล้ายกำลังจะร้องไห้ของซ่งเจียวเจียวก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงหลังเดินพ้นร้านตำรามาได้ไม่กี่อึดใจ ดวงตาที่เคยดูอ่อนโยนไร้เดียงสา เวลานี้ถูกแทนที่ด้วยความแข็งกร้าวและไม่ยินยอม “เชียนเสวี่ยหนิง แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!” ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ภายในรถม้าคันใหญ่ ซึ่งจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านขายตำราปล่อยผ้าม่านลง หันมากล่าวกับบุรุษอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันด้วยท่าทีเย้ยหยัน “เผิงชางหนาน เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ คุณหนูใหญ่ตระกูลซ่ง ผู้งดงามอ่อนหวาน จิตใจบริสุทธิ์ดีงามอย่างที่ผู้คนร่ำลือ หนึ่งในยอดพธูแห่งเมืองหลวง เปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วยิ่งกว่างิ้วเปลี่ยนหน้ากากเสียอีก แล้วแบบนี้จะให้ข้าไว้ใจสตรีผู้นี้ได้อย่างไร ไหนล่ะดอกบัวขาวที่เจ้าว่า เท่าที่ข้าเห็น น่าจะเป็นจิ้งจกเผือกเสียมากกว่า” “…” เผิงกั๋วกง เผิงชางหนาน “โธ่ ท่านอ๋อง ฝ่าบาททรงกดดันกระหม่อมมา จะให้กระหม่อมปฏิเสธอย่างไรล่ะพะย่ะค่ะ” เผิงกั๋วกงยกมือกุมขมับ ใครใช้ให้เขาเป็นสหายคนสนิทของบุรุษตรงหน้ากันเล่า ขืนคนอื่นมาพูดเรื่องแต่งงาน ได้ถูกเว่ยลี่หยางสั่งคนลากไปตัดลิ้นแล้ว “เฮอะ! น่ารำคาญจริงๆ” เว่ยลี่หยาง จวิ้นอ๋องแห่งแคว้นต้าเว่ย แค่นเสียงขึ้นจมูก ******************* *แมรี่ ซู หมายถึง ตัวละครที่มีลักษณะอุดมคติ เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเต็มเติมความรู้สึก ความฝัน หรือจินตนาการบางอย่างของผู้เขียนและผู้อ่าน โดยไม่คำนึงถึงหลักเหตุผลและความเป็นจริงบทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนปลาย องครักษ์คนสนิทคิ้วกระตุก ท่าทางดูลังเล หากแต่ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตนคิดออกมา “หรือ…จะให้กระหม่อมพามันมาอยู่ด้วยกันที่นี่พะย่ะค่ะ” มือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อหยุดชะงัก เริ่มทบทวนภาพที่อาจเกิดขึ้นในหัว ~หลางจื่อผู้สง่างามตัวโต ขนฟูราวราชสีห์ เดินเล่นอยู่กลางสวนผักพร้อมสายตาเย่อหยิ่งปราดมองคนงาน ราวต้องการบอกให้พวกเขาตั้งใจทำงานให้ดีๆ เหมือนตอนเดินตรวจแถวในกองทัพกับเขา และมีบางครั้งอาจเผลอไปกัดเชือกกั้นแผงผัก แถมเห่าไล่คนงานเพราะต้องการแย่งขนมเปี๊ยะ! กัดค้างแตงกวา ขุดดินหาไส้เดือน ลากขอนไม้มาแทะแทนของเล่น และทำเสียงครางฮือ ๆ ทุกครั้งที่เจ้าของเดินคุยกับคนอื่น เพียงแค่นึกภาพเว่ยลี่หยางรีบสั่นศีรษะ “อย่าเลย…ข้ายังไม่พร้อมให้ทั้งสวนอรุณรักและคนในหมู่บ้าน รู้ความจริงว่าหมาตัวนั้นคือ ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน” คนฟังกลั้นหัวเราะอย่างสุดขีด “พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะกลับไปปลอบใจท่านอ๋องน้อยว่า จวิ้นอ๋องทรงมิได้ทอดทิ้งลูกรัก เพียงแต่ไปจีบสตรีผู้หนึ่งมาเป็นมารดาของท่านอ๋องน้อย” วันรุ่งขึ้น ณ สวนผักอรุณรัก เว่ยลี่หยางที่กำลังช่วยพานข่ายและคนงานอ
บทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนต้น ห้าวันก่อน ต้าเชินคือหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเย่หลิน เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ จึงอาสามาเป็นหัวหน้าคนงานให้เชียนเสวี่ยหนิง นอกจากดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของลูกน้องทุกคนแล้ว ต้าเชินยังมีหน้าที่คัดเลือกคนงานที่มาสมัครใหม่แทนเสวี่ยหนิงซึ่งติดธุระในวันนั้นอีกด้วย ในช่วงเช้าขณะที่เขาไปตั้งโต๊ะรับสมัครคนงานในหมู่บ้านหว่านเซิน ตามคำแนะนำของหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งคุ้นเคยกับเย่หลินเป็นอย่างดีอยู่นั้น บุรุษสามคนท่าทางน่าเกรงขามก็เดินเข้ามาหา “ข้ามาสมัครเป็นคนงานของสวนอรุณรัก” บุรุษในชุดผ้าไหมสีดำเนื้อดีรูปแบบเรียบง่ายเอ่ยขึ้น ต้าเชินพิจารณาบุรุษรูปงามราวหลุดออกมาจากภาพวาด ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ‘รูปร่างหน้าตามีสง่าราศีขนาดนี้ อยากมาเป็นคนงานในสวนผักเนี่ยนะ?‘ แต่ถึงกระนั้นก็ทำตามคำสั่งนายหญิงน้อย เรื่องที่ให้คนงานมีสิทธิ์เลือกทำในสิ่งที่ตนชอบและถนัด ผลงานจะได้ออกมาดี “พ่อหนุ่มทำอะไรเป็นบ้างล่ะ ชอบปลูกผักหรือปลูกดอกไม้มากกว่ากัน” ต้าเชินถามกลับอย่างเป็นมิตร “ข้าขอทำหน้าที่คุ้มกันนายหญิงเชียนเสวี่ยหนิงขณะทำงาน” ดวงตาคู่คมของเว่ยหลี่
บทที่ 12 พบชายในฝันกลางแปลงผัก ตอนปลาย ซูลี่กับซูฮวาหัวเราะคิกอย่างชอบใจ เมื่อได้ยินชื่อของคนงานหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่ “ในเมื่อแนะนำตัวกับข้าเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นก็กลับไปทำงานของพี่ชายต่อเถอะ” เสวี่ยหนิงพยักหน้ารับทราบต่อการมารายงานตัวของหยางหยาง “งานของข้า คือการมาปลูกผักใกล้ๆนายหญิงขอรับ หัวหน้าคนงานกลัวว่านายหญิงจะหักโหมจนลมจับ ล้มหน้าคะมำอยู่กลางแปลงผัก เลยส่งข้ามาคอยดูแลท่านขอรับ” เว่ยลี่หยางรายงานหน้าที่ของตนกับหญิงสาวเสียงเข้ม มือก็หยิบต้นกล้าคะน้ามาลงดินอย่างชำนาญ พยายามกลั้นเสียงหัวเราะจนไหล่สั่น หากแต่… กร๊ากกก!! อุ๊บ! ทั้งสาวใช้สองซู ทั้งพานข่ายหลุดขำ ยกมืออุดปากกันแทบไม่ทัน (*_*‘) เสวี่ยหนิงมุมปากกระตุกยิกๆ พ่อล่ำบึ้กหยางหยางนี่กวนใช้ได้เลยนะ! “หึ หึ! รอข้าไปถามท่านลุงต้าเชินก่อนเถอะพ่อหยางหยาง หากไม่จริงเจ้าโดนไล่ออกแน่!!” เสวี่ยหนิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยเสียงลอดไรฟันกลับมา รู้สึกอยากกลายร่างเป็นจระเข้ตะหงิดๆ เว่ยลี่หยางกระตุกยิ้มมุมปากรวดเร็วก่อนจางหายไปจนไม่มีใครทันสังเกตเห็น ช่วงพักเที่ยง บรรดาเกษตรกรของสวนอรุณรัก ต่างมานั่งกินข้าวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมแปลงผั
บทที่ 12 พบชายในฝันกลางแปลงผัก ตอนต้น จวนสกุลเชียนตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลวง อยู่ห่างจากประตูทางออกทิศเหนือราวสิบลี้ ซึ่งง่ายต่อการเดินทางไปยังหมู่บ้านหว่านเซินของเสวี่ยหนิง นางจึงตัดสินใจกลับมาพักอยู่กับมารดาระหว่างรอบ้านของนางสร้างเสร็จ ระหว่างนี้จึงเริ่มวางแผนจ้างคนงานสำหรับเรือกสวนไร่นาของนางอย่างจริงจัง ในขณะที่กำลังเขียนป้ายประกาศรับคนงานอยู่นั้น เย่หลินก็ถือจานขนมเข้ามาให้พอดี “หนิงเอ๋อร์ เจ้าต้องการคนงานเริ่มต้นจำนวนเท่าไหร่หรือ หากไม่มากเกินยี่สิบคน เจ้าพาพวกเด็กๆ ของแม่ไปช่วยงานก่อนได้นะ แม่ได้คนมาใหม่จำนวนหนึ่ง ดัดนิสัยแล้วเรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเด็กๆ พวกนั้นจะดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง” (0.0!) สุดยอด!!! เสวี่ยหนิงแอบอุทานในใจ หันไปกอดเอวมารดาอย่างออดอ้อน “ยังคงเป็นท่านแม่ที่ดีกับข้าและรักข้าที่สุด” “เด็กโง่ ถ้าแม่ไม่รักเจ้า แล้วจะให้แม่รักใครที่ไหน” เย่หลินลูบหัวทุยของบุตรีอย่างรักใคร่ ตั้งแต่หนิงเอ๋อร์ของนางฟื้นขึ้นมาจากการวิ่งเอาหัวโหม่งเสาครานั้นก็เปลี่ยนไปจริงๆ แบบนี้นางค่อยวางใจหน่อย “ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้เช้าพวกเราพาเด็กๆ ของท่านแม่ของเดิ
บทที่ 11 มารดาของนางเป็นมาเฟียเจ้าข้าเอ้ย ตอนปลาย “โฮ นายหญิงใหญ่ อาอวี่สำนึกผิดแล้วขอรับ นายหญิงใหญ่ตีข้าเถิด แต่อย่าส่งข้ากลับไปตลาดค้าทาสเลยนะขอรับ” ชายหนุ่มที่ชื่ออาอวี่ ปรี่เข้ามากอดขาของเย่หลินร้องไห้คร่ำครวญสำนึกผิด เขาไม่อยากกลับไปที่ตลาดค้าทาสอีก “สำนึกผิดแล้วแน่นะ” เย่หลินถามเสียงเย็น “ฮึก สำนึกผิดแล้วจริงๆ ขอรับ” อาอวี่พยักหน้ารัวเป็นไก่จิกข้าวสารทั้งน้ำตา “ดี ถ้าเช่นนั้นไปขอโทษอาเฟิงเสีย แล้วต่อไปห้ามล้อเลียนเรื่องความชอบส่วนตัวของผู้อื่นอีกเข้าใจหรือไม่” เย่หลินหรี่ตามองลูกหมาตัวน้อย ที่เกาะแข้งเกาะขานางร้องห่มร้องไห้ด้วยแววตาคมปลาบ “ขอรับนายหญิงใหญ่” หลังจากรับปากเย่หลินเป็นมั่นเหมาะ ชายหนุ่มจึงหันไปขอโทษสหายทันที “อาเฟิงข้าขอโทษ อย่าโกรธข้าเลยนะ” ครั้นเรื่องราวยุติลงได้ด้วยดี เย่หลินจึงหันมาถามอาเฟิงบ้าง “อาเฟิง เจ้าบอกข้ามาที ไฉนอาอวี่ถึงมาล้อเจ้าเรื่องนี้ได้” “เรียนนายหญิงใหญ่ เพราะข้าชอบปลูกและดูแลไม้ดอกขอรับ” อาเฟิงบอกความชอบของตนออกมาอย่างไม่ปิดบัง การได้ปลูกและดูแลไม้ดอกช่วยให้จิตใจของเขาสงบและผ่อนคลาย เย่หลินยกยิ้มอย่างพอใจ ดูท่าว่านางหาคนงานที่ดีให้บุต
บทที่ 11 มารดาของนางเป็นมาเฟียเจ้าข้าเอ้ย ตอนต้น หลังหย่าร้าง เสวี่ยหนิงยังคงพักอยู่ในจวนอันตงป๋ออีกหลายวัน เพื่อรอให้หน้าหายบวม ระหว่างนี้นางได้ส่งซูลี่ไปแจ้ง เย่หลิน มารดาของเชียนเสวี่ยหนิงเรื่องที่นางหย่าร้างกับเหรินหมิงแล้ว เย่หลินประหลาดใจไม่น้อยที่บุตรีตัดสินใจหย่าหลังแต่งงานได้ไม่ถึงปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเคยท้วงติงว่าเหรินหมิงพึงใจซ่งเจียวเจียวอยู่ ทว่าเชียนเสวี่ยหนิงกลับดื้อรั้น วางแผนตกน้ำในงานเลี้ยงน้ำชาของจวนสกุลโกว จนเหรินซื่อจื่อที่ลงไปช่วยเหลือต้องแต่งบุตรีของนางเข้าจวนอย่างจำใจ สุดท้ายก็ไปกันไม่รอดจนได้ “เฮ้อ! สิ่งที่ข้ากังวลเกิดขึ้นจริงๆสินะ ซูลี่ แล้วคุณหนูของเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อนางได้บอกเจ้าหรือไม่” “นายหญิงกำลังสร้างบ้านอยู่บนที่ดินในหมู่บ้านหว่านเซิน ตั้งใจจะทำสวนปลูกผักรูปแบบผสมผสาน พร้อมสร้างมินิรีสอร์ทที่นั่นเจ้าค่ะ นายหญิงใหญ่” พรวดดด! แค่กๆๆ เย่หลินสำลักน้ำชายามได้ยินว่าบุตรีจะไปทำสวน หนิงเอ๋อร์ของนางไม่เคยจับแม้กระทั่งไม้กวาด แล้วจะไปทำสวนปลูกผักเนี่ยนะ! หลังหายจากอาการสำลัก จึงถามไถ่ซูลี่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “หนิงเอ๋อร์ของข้าจะไปทำสวน แล้วจ