แชร์

06 พิชิตใจน้องสาวสามี

ผู้เขียน: ต้นไม้แห้ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-09 22:23:33

แสงอรุณแรกของวันสาดส่องเข้ามาทางรอยแตกของบานหน้าต่าง ปลุกให้หลินเสวี่ยหรงตื่นขึ้นจากการหลับใหลที่ไม่ได้สนิทดีนัก ทว่าเมื่อเธอลืมตาขึ้น ที่นอนฟางบนพื้นตรงมุมห้องก็ว่างเปล่าเสียแล้ว

เว่ยหลงคงจะตื่นและออกไปทำภารกิจของตนตั้งแต่เช้ามืด ไม่นานนัก เสียงกุกกักจากการทำครัวก็ดังแว่วมาจากด้านนอก เป็นสัญญาณว่าวันแรกในฐานะสะใภ้ตระกูลเว่ยของเธอได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

เธอลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไป

ภาพที่เห็นคือแม่สามีกำลังคนข้าวต้มในหม้อดินใบใหญ่ กลิ่นหอมจาง ๆ ของข้าวลอยมาปะทะจมูก แต่มันเป็นข้าวต้มที่ใสจนแทบจะมองเห็นก้นหม้อ มีเม็ดข้าวสารลอยอยู่เพียงน้อยนิด บนโต๊ะมีเพียงจานเล็ก ๆ ที่ใส่ผักดองเค็มสีคล้ำวางอยู่หนึ่งจาน นี่คืออาหารเช้าของครอบครัว ช่างเป็นภาพที่สะท้อนถึงความยากจนข้นแค้นได้ดีทีเดียว

“ตื่นแล้วเหรอ มากินข้าวก่อน” ชุนฮวาเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้หันมามอง น้ำเสียงยังคงราบเรียบเช่นเคย

เว่ยเหอหลาน น้องสาวสามีตัวน้อยรีบยกม้านั่งเตี้ย ๆ มาวางไว้ให้หลินเสวี่ยหรงอย่างเอาใจ “พี่สะใภ้ นั่งตรงนี้” เธอเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าเล็ก ๆ ยังคงเจือแววประหม่า

หลินเสวี่ยหรงนั่งลง แล้วรับถ้วยข้าวต้มที่แม่สามีตักส่งให้มาถือไว้ เธอกินอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจหรือพอใจใด ๆ ออกมา

หลังจากมื้อเช้าที่จบลงอย่างรวดเร็ว ชุนฮวาก็ไม่ได้สั่งหรือสอนงานเธอแม้แต่คำเดียว หล่อนเพียงแค่เริ่มทำงานของตนไปตามปกติ ปล่อยให้สะใภ้คนใหม่สังเกตและเรียนรู้เอาเอง

งานแรกคือการไปตักน้ำจากบ่อส่วนรวมท้ายหมู่บ้าน หลินเสวี่ยหรงรับหาบและถังไม้มาถือไว้ในมืออย่างงก ๆ เงิ่น ๆ เธอเคยเห็นภาพแบบนี้ในละครย้อนยุค แต่ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาทำด้วยตนเอง น้ำหนักของถังไม้เปล่า ๆ นั้นไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อเติมน้ำจนเต็ม มันกลับหนักอึ้งราวกับขุนเขา เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหาบมันกลับมา แต่ก็ทำน้ำหกเรี่ยราดไปกว่าครึ่งทาง

งานต่อมาคือการให้อาหารไก่ผอมโซสองสามตัวที่เลี้ยงไว้ในเล้าหลังบ้าน การซ่อมแซมเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น และการล้างผักที่เหี่ยวเฉาเพื่อเตรียมสำหรับมื้อกลางวัน ทุกอย่างล้วนเป็นงานที่เธอไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตทั้งสองชาติภพ มือที่เคยใช้แต่กับจอสัมผัสอัจฉริยะและเครื่องมือไฮเทค บัดนี้กลับต้องมาเปรอะเปื้อนดินโคลนและถูกเสี้ยนไม้ตำจนเจ็บระบม

ชุนฮวาลอบสังเกตการกระทำทั้งหมดของเธออยู่เงียบ ๆ จากหางตา ในใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอคาดว่าสะใภ้ผู้บอบบางคนนี้คงจะร้องไห้ฟูมฟาย ปฏิเสธที่จะทำงาน หรืออย่างน้อยก็ต้องปริปากบ่นออกมาบ้าง

ทว่าหลินเสวี่ยหรงกลับไม่ได้ทำแบบนั้นเลย

เธอไม่ได้บ่นแม้แต่คำเดียว แม้จะเงอะงะและทำพลาดอยู่ตลอดเวลา แต่แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอทำมันราวกับกำลังเรียนรู้ทักษะใหม่ที่ท้าทาย ไม่ใช่ทำงานที่น่ารังเกียจ

‘เด็กสาวคนนี้ช่างไม่เหมือนกับที่ฉันคิดเลยจริง ๆ’ ชุนฮวายอมรับในใจ ความดื้อรั้นและไม่ยอมแพ้ที่ฉายออกมาจากร่างที่ดูอ่อนแอนั้น ทำให้เธออดจะรู้สึกทึ่งขึ้นมาไม่ได้

ขณะที่หลินเสวี่ยหรงกำลังพยายามจุดเตาไฟแต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะฟืนที่ชื้นเกินไป เว่ยเหอหลานก็วิ่งเข้ามาช่วยอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“พี่สะใภ้ ต้องวางฟางไว้ข้างใต้แบบนี้ก่อน แล้วค่อย ๆ เป่าลมเข้าไป” เด็กหญิงแสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง

หลินเสวี่ยหรงมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ตั้งอกตั้งใจนั้นแล้วก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เป็นรอยยิ้มแรกที่จริงใจนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้

“ขอบใจนะหลานเอ๋อร์”

วันอันยาวนานสิ้นสุดลงในยามเย็น หลินเสวี่ยหรงเหนื่อยล้าจนแทบจะหมดแรง ร่างกายปวดระบมไปทุกส่วน โดยเฉพาะฝ่ามือที่บัดนี้มีตุ่มน้ำใส ๆ พองขึ้นมาหลายจุดเพราะการเสียดสีกับหาบไม้

เธอนั่งลงอย่างหมดแรง มองดูผลงานอันน้อยนิดของตนตลอดทั้งวันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

ชุนฮวามองเห็นมือที่พุพองของเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว ในดวงตาที่กร้านโลกคู่นั้นปรากฏความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นมา มีทั้งความสงสารผสมปนเปไปกับความนับถือที่เริ่มจะก่อตัวขึ้น

หลายวันผ่านไป

หลินเสวี่ยหรงก็ค่อย ๆ คุ้นชินกับกิจวัตรประจำวันอันหนักหน่วงของคนตระกูลเว่ยบ้างแล้ว แม้มือจะยังคงเจ็บระบมและร่างกายจะยังคงอ่อนล้า แต่เธอก็ไม่เคยปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว ความอดทน และความพยายามของเธอนั้นอยู่ในสายตาของชุนฮวามาโดยตลอด กำแพงน้ำแข็งในใจของหญิงชราแม้จะยังไม่ทลายลงทั้งหมด แต่ก็เริ่มปรากฏรอยร้าวให้เห็นบ้างแล้ว

ทว่าหลินเสวี่ยหรงรู้ดีว่าการพิสูจน์ตนเองด้วยแรงงานเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตอันแร้นแค้นของครอบครัวนี้ได้ เธอจำเป็นต้องเริ่มแผนการขั้นต่อไป

บ่ายวันนั้น หลังจากช่วยงานบ้านจนเสร็จสิ้นแล้ว เธอก็เดินเข้าไปหาชุนฮวาที่กำลังนั่งสานตะกร้าอยู่หน้าบ้าน

“แม่ ฉันขออนุญาตไปเดินเล่นในป่าสักหน่อยนะคะ เผื่อจะโชคดีเจอของป่าเหมือนคราวก่อน” เธอเอ่ยขออนุญาตด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เป็นการแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสที่สุดในบ้าน

ชุนฮวามองมือที่ยังมีร่องรอยตุ่มน้ำของสะใภ้แวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ

“ไปเถอะ แต่อย่าไปไกลนัก เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน” นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเอ่ยคำที่เป็นห่วงเป็นใยเธอออกมา

หลินเสวี่ยหรงรับคำแล้วหยิบตะกร้าใบเล็กเดินจากไป เมื่อถึงป่าลึกในบริเวณที่ลับตาคน เธอก็ไม่รอช้าที่จะเข้ามิติของตนเองทันที

เป้าหมายของเธอในวันนี้ก็คือโปรตีน!

เนื่องจากแม่สามีทำงานหนักมาทั้งชีวิต ร่างกายย่อมต้องการการบำรุง ส่วนเว่ยเหอหลานก็อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต การได้กินอาหารดี ๆ จะช่วยให้เธอเติบโตได้อย่างแข็งแรง

เธอเดินตรงไปยังส่วนที่เป็นโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อัตโนมัติ หยิบไข่ไก่สดใหม่จากแม่ไก่ที่ถูกเลี้ยงดูด้วยอาหารสูตรพิเศษออกมาสี่ฟอง ไข่แต่ละฟองมีขนาดใหญ่ เปลือกสีน้ำตาลนวลและหนักตึงมือ เป็นของดีที่หาไม่ได้จากไก่ผอมโซในหมู่บ้านอย่างแน่นอน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินเสวี่ยหรงไม่ได้นำไข่ไปเก็บในครัวทันที เธอเดินตรงไปยังแม่สามีที่ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เดิม เธอย่อตัวลงเล็กน้อย แล้วยื่นตะกร้าที่ภายในมีไข่ไก่สี่ฟองนอนรองอยู่บนใบไม้แห้งนุ่ม ๆ ส่งไปให้

“แม่ ดูนี่สิคะ”

ชุนฮวาชะงักมือจากงานที่ทำอยู่ เธอก้มลงมองในตะกร้าแล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“นี่! ขะ ไข่ไก่! เธอไปได้ไข่พวกนี้มาจากที่ไหนกัน?” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ในยุคที่อาหารขาดแคลนแบบนี้ ไข่ไก่ถือเป็นของบำรุงชั้นเลิศที่มีค่าไม่ต่างจากทองคำ

หลินเสวี่ยหรงคลี่ยิ้มบางเบา เอ่ยตอบด้วยเรื่องราวเดิมที่เตรียมไว้

“ฉันโชคดีไปเจอรังไก่ป่าที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ค่ะ” จากนั้นเธอก็กล่าวประโยคสำคัญที่ตั้งใจไว้ “ฉันนำมาให้แม่ ไว้บำรุงร่างกาย”

คำพูดนั้นราวกับค้อนที่ทุบลงบนกำแพงน้ำแข็งในใจของชุนฮวาจนแตกละเอียด!

หญิงชรานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เนิ่นนานเท่าไหร่แล้วที่เธอเป็นฝ่ายหยิบยื่น และเสียสละให้ครอบครัวมาโดยตลอด เนิ่นนานเท่าไหร่แล้วที่ไม่มีใครนำของดี ๆ มาให้เธอพร้อมกับบอกว่าเป็นของบำรุงร่างกายสำหรับเธอโดยเฉพาะ

ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากสะใภ้คนใหม่ที่เธอเคยตั้งแง่รังเกียจผู้นี้ กลับสัมผัสไปถึงส่วนที่อ่อนโยนที่สุดในหัวใจของเธอ

มือที่หยาบกร้านของเธอสั่นเทาเล็กน้อยขณะที่เอื้อมไปหยิบไข่ขึ้นมาดู

“อืม ดี.. ดีมาก” เธอเอ่ยออกมาได้เพียงเท่านั้น แต่หยาดน้ำใส ๆ ที่คลอขึ้นมาในดวงตากลับบ่งบอกความรู้สึกทั้งหมดได้อย่างชัดเจน

ขณะนั้นเอง เว่ยเหอหลานที่แอบมองอยู่ก็วิ่งออกมาด้วยความดีใจ

“พี่สะใภ้! เราจะได้กินไข่จริง ๆ หรือคะ?!”

หลินเสวี่ยหรงหัวเราะเบา ๆ แล้วลูบศีรษะของเด็กหญิง “ใช่แล้ว คืนนี้พี่สะใภ้จะทำไข่ตุ๋นให้เธอกับแม่กินดีไหม?”

“ดีค่ะ! ฉันชอบไข่ตุ๋นที่สุดเลย!”

ภาพของหญิงชราที่กำลังมองไข่ในมือด้วยแววตาตื้นตัน และเด็กหญิงที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ทำให้หลินเสวี่ยหรงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างประหลาด

เธอรู้ดีว่าการซื้อใจคนนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองหรือของล้ำค่าเสมอไป บางครั้ง มันก็เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ อย่างไข่ไก่เพียงไม่กี่ฟองเท่านั้น

มื้อค่ำในวันนั้นมีไข่ตุ๋นเนื้อเนียนนุ่มหอมกรุ่นขึ้นโต๊ะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี บรรยากาศของครอบครัวตระกูลเว่ยจึงอบอุ่น และมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชุนฮวามีรอยยิ้มจาง ๆ ประดับบนใบหน้า ส่วนเว่ยเหอหลานก็เอาแต่ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ชวนพี่สะใภ้คนสวยของตนคุยไม่หยุดปาก

หลังจากเก็บกวาดถ้วยชามเสร็จสิ้น ทุกคนก็มานั่งรวมกันอยู่ในห้องโถงใต้แสงตะเกียงอันริบหรี่เพื่อประหยัดน้ำมันก๊าด เว่ยเหอหลานนั่งทำการบ้านอยู่บนโต๊ะไม้ตัวเตี้ย แต่ดูเหมือนเธอจะติดอยู่กับปัญหาข้อหนึ่งมานานแล้ว เด็กหญิงขมวดคิ้วมุ่น ดินสอก็ขีดเขียนลงบนกระดาษแล้วก็ลบออกอยู่หลายครั้งจนกระดาษแทบจะขาด

“หลานเอ๋อร์ ถ้าทำไม่ได้ก็พักก่อนเถอะ” ชุนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดของบุตรสาว “พรุ่งนี้ค่อยไปถามคุณครูที่โรงเรียนก็ได้”

“แต่ฉันอยากทำให้ได้นี่คะ” เว่ยเหอหลานตอบเสียงอ่อย “คุณครูบอกว่าถ้าใครทำโจทย์คณิตศาสตร์ข้อนี้ได้จะให้รางวัลเป็นสมุดเล่มใหม่”

สำหรับเด็กในชนบทที่ขาดแคลนแล้ว สมุดเล่มใหม่ถือเป็นของรางวัลล้ำค่าอย่างยิ่ง

หลินเสวี่ยหรงที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาน้องสาวสามีอย่างแผ่วเบา

“มีอะไรให้พี่สะใภ้ช่วยหรือเปล่า?”

เว่ยเหอหลานเงยหน้าขึ้นมองพี่สะใภ้ด้วยแววตาละห้อย

“มัน.. มันยากมากค่ะ พี่สะใภ้คงทำไม่ได้หรอก” เธอไม่ได้มีเจตนาดูแคลน แต่ในความคิดของเด็กหญิงแล้ว เรื่องเรียนหนังสือที่ซับซ้อนแบบนี้คงมีแต่คุณครูเท่านั้นที่จะเข้าใจ

หลินเสวี่ยหรงยิ้มบาง ๆ แล้วก้มลงมองโจทย์ในหนังสือเรียน มันเป็นเพียงโจทย์ปัญหาการหารยาวที่ธรรมดาที่สุดสำหรับคนในยุคของเธอ แต่สำหรับเด็กหญิงในยุค 70 ที่มีทรัพยากรการเรียนการสอนจำกัดแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับอักษรสวรรค์

เธอไม่เพียงบอกคำตอบ แต่กลับนั่งลงข้าง ๆ เด็กหญิงแล้วหยิบเอากิ่งไม้เล็ก ๆ ขึ้นมา

“ลองคิดดูนะหลานเอ๋อร์” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “สมมติว่ากิ่งไม้พวกนี้คือลูกอมที่เรามีอยู่สิบแท่ง แล้วเราต้องการจะแบ่งให้แม่กับเธอคนละเท่า ๆ กัน เธอคิดว่าแต่ละคนจะได้กี่แท่ง?”

เธอเริ่มอธิบายหลักการหารด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด เริ่มจากการใช้ของใกล้ตัวมาเป็นตัวอย่าง จากนั้นก็ค่อย ๆ นำไปสู่ตัวเลขที่ซับซ้อนขึ้นในโจทย์ปัญหา วิธีการสอนของเธอนั้นแปลกใหม่และเข้าใจง่ายอย่างน่ามหัศจรรย์

ไม่นานนัก ดวงตาที่เคยสับสนของเว่ยเหอหลานก็พลันสว่างวาบขึ้นมา

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ! ฉันเข้าใจแล้วค่ะพี่สะใภ้! ที่แท้มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!” เด็กหญิงร้องออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบก้มหน้าลงแก้โจทย์ข้อนั้นด้วยตนเองอย่างคล่องแคล่วจนเสร็จสิ้น

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจบนใบหน้าของน้องสาวสามี หลินเสวี่ยหรงก็รู้สึกเอ็นดูขึ้นมาจับใจ เธอหยิบเอาใบหญ้าคาที่เก็บมาระหว่างทางกลับจากป่าขึ้นมาสองสามใบ นิ้วเรียวที่เคยเจ็บระบมจากการทำงานหนัก บัดนี้กลับเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วและพลิ้วไหว สานใบหญ้าเหล่านั้นเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว

เพียงครู่เดียว ตั๊กแตนสานตัวน้อยที่ดูราวกับมีชีวิตก็ปรากฏขึ้นในมือเธอ

“นี่..ให้เธอเป็นรางวัลที่ตั้งใจเรียน” เธอยื่นของเล่นชิ้นเล็ก ๆ นั้นให้กับเว่ยเหอหลาน

ดวงตาของเด็กหญิงเบิกกว้างเป็นประกายระยิบระยับ เธอรับตั๊กแตนสานมาถือไว้อย่างทนุถนอมราวกับเป็นของล้ำค่าที่สุดในโลก เธอไม่เคยเห็นของเล่นที่น่ารักและประณีตแบบนี้มาก่อนในชีวิต

ทันใดนั้น เว่ยเหอหลานก็โผเข้ากอดหลินเสวี่ยหรงไว้แน่น

“ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้! พี่สะใภ้เก่งที่สุดในโลกเลย!”

คำพูดที่ไร้เดียงสา และจริงใจนั้นทำให้หลินเสวี่ยหรงหัวเราะออกมาเบา ๆ เธอยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน

ชุนฮวาที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่เงียบ ๆ บัดนี้บนใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มที่จริงใจ และอบอุ่นขึ้นเป็นครั้งแรก กำแพงน้ำแข็งที่เคยมีอยู่ในใจของเธอได้ละลายหายไปจนหมดสิ้นแล้วโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว

สะใภ้คนนี้ไม่เพียงแต่งดงามและขยันขันแข็ง แต่ยังทั้งฉลาดและมีน้ำใจ เธอคือของขวัญล้ำค่าที่สวรรค์ส่งมาให้ครอบครัวตระกูลเว่ยอย่างแท้จริง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   32 ภาพครอบครัวที่สมบูรณ์

    วิสัยทัศน์ของเธอทำให้ทุกคนที่ได้ฟังต้องนิ่งอึ้งไปด้วยความทึ่ง พวกเขาคิดถึงแค่เพียงปากท้องในวันนี้ แต่เธอกลับมองการณ์ไกลไปถึงอนาคตของคนรุ่นต่อไปแน่นอนว่าข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ย่อมได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ไม่นานนัก โรงเรียนหลังเก่าที่ทรุดโทรมก็ได้ถูกแทนที่ด้วยอาคารเรียนอิฐแดงสองชั้นที่แข็งแรงและสว่างไสว เด็ก ๆ ทุกคนมีโต๊ะเรียนและหนังสือเล่มใหม่ เสียงอ่านหนังสือที่ดังกังวานของพวกเขาในทุก ๆ เช้า นับเป็นเสียงอนาคตที่สดใสของหมู่บ้านต้าซานแต่การลงทุนที่สำคัญที่สุดของหลินเสวี่ยหรงนั้น คือน้องสาวสามีของเธอเอง“หลานเอ๋อร์” วันหนึ่งเธอเอ่ยขึ้นกับเว่ยเหอหลานที่บัดนี้ได้เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่งดงามและเฉลียวฉลาด “เธอเป็นเด็กที่ขยันหมั่นเพียร ตอนนี้ทางการได้เปิดการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้งแล้ว เธออยากจะลองสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองหลวงดูหรือเปล่า?”แววตาของเว่ยเหอหลานเป็นประกายขึ้นมาด้วยความหวัง แต่ก็เจือปนไปด้วยความไม่มั่นใจ“ฉัน.. ฉันจะทำได้หรือคะพี่สะใภ้? การสอบแข่งขันนั้นยากมากนะ”“ทำไมจะไม่ได้?” หลินเสวี่ยหรงกล่าวให้กำลังใจอย่างหนักแน่น “ขอแค่เธอตั้งใจจริง เรื่องตำราเรียนและค

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   31 กำเนิดทายาท

    ความโกลาหลที่ถูกเตรียมการมาอย่างดีก็ได้เริ่มต้นขึ้น!เว่ยหลงผู้เคยตื่นตูม บัดนี้กลับมีสติและทำตามขั้นตอนที่หลี่ซินอี๋เคยซักซ้อมไว้เป็นอย่างดี เขารีบประคองภรรยาไปยังห้องนอนที่ถูกเตรียมไว้เป็นห้องคลอดโดยเฉพาะ ส่วนชุนฮวาก็รีบไปต้มน้ำและเตรียมผ้าสะอาด ในขณะที่เว่ยเหอหลานก็วิ่งหน้าตาตื่นไปตามหมอตำแยในหมู่บ้านมาเป็นผู้ช่วยเว่ยหลงถูกกันให้ออกมารออยู่หน้าห้องด้วยใจที่ร้อนรนราวกับไฟเผา เขาเดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูราวกับหนูติดจั่น ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของภรรยาดังเล็ดลอดออกมา หัวใจของเขาก็ราวกับถูกมีดกรีด เขารู้สึกไร้กำลังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตภายในห้องคลอด สถานการณ์ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน การคลอดติดขัดเล็กน้อยทำให้หมอตำแยเริ่มหน้าซีด“แย่แล้ว! เด็กไม่ยอมกลับหัว!”“ทุกคนอยู่ในความสงบ!” เสียงที่สงบนิ่งและเปี่ยมไปด้วยอำนาจของหลี่ซินอี๋ดังขึ้นมา “พี่สะใภ้ฟังฉันนะ หายใจเข้าลึก ๆ ทำตามที่ฉันบอก”แพทย์สาวผู้มีความรู้ที่ทันสมัยกว่า ใช้เทคนิคการนวดและการจัดท่าทางช่วยให้หลินเสวี่ยหรงผ่อนคลายและทำให้ทารกกลับเข้าสู่ตำแหน่งที่ถูกต้องได้ในที่สุด“เบ่งอีกครั้งค่ะพี่สะใภ้! ฉันเห็นหั

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   30 ว่าที่คุณพ่อมือใหม่

    ในการพบปะกันครั้งล่าสุดที่โรงน้ำชาผิงอัน บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองจึงได้เปลี่ยนไป มันไม่ใช่การเจรจาซื้อขายระหว่างผู้ผลิตและผู้รับซื้อ แต่เป็นการประชุมทางธุรกิจที่จริงจัง“คุณลุงคะ ขอบคุณคุณลุงเสมอมาที่คอยช่วยเหลือและให้การสนับสนุนกิจการของหมู่บ้านของฉัน” หลินเสวี่ยหรงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ “วันนี้ฉันมีข้อเสนอทางธุรกิจที่ใหญ่กว่าเดิมมานำเสนอ”เธอได้อธิบายถึงโครงการโรงงานแปรรูปอาหาร วิสัยทัศน์ และศักยภาพในการเติบโตของตลาดให้เขาฟังอย่างละเอียด ก่อนจะเข้าสู่ประเด็นสำคัญ“แต่โครงการนี้ใหญ่เกินกว่าที่หมู่บ้านของเราจะทำได้เพียงลำพัง ฉันจึงอยากจะเรียนเชิญคุณลุงมาร่วมเป็นหุ้นส่วนกับเราอย่างเป็นทางการค่ะ”พ่อค้าจ้าวผู้มีสายตาแหลมคมดุจสุนัขจิ้งจอก เมื่อได้ฟังข้อเสนอของเธอก็ยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก เขารอคอยประโยคนี้จากเธอมานานแล้ว“แม่หนู ในที่สุดเธอก็เอ่ยปากเสียที” เขากล่าวอย่างอารมณ์ดี “ว่ามาสิ เธอต้องการจะแบ่งหุ้นส่วนกันยังไง?”นี่คือช่วงเวลาที่หลินเสวี่ยหรงจะได้แสดงทักษะการเจรจาธุรกิจจากศตวรรษที่ยี่สิบห้า ของเธอออกมาอย่างเต็มที่“ทางสหกรณ์หมู่บ้านต้าซานจะรับผิดชอบในส่วนของก

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   29 งานมงคลสมรส

    เธอเรียกประชุมทีมงานหลักอีกครั้งที่บ้านของตนเอง ในครั้งนี้มีพ่อค้าจ้าวเข้าร่วมด้วยในฐานะที่ปรึกษาด้านการตลาด“สหายทุกคนตอนนี้เรามีสินค้าที่ดีที่สุด แต่เราจะทำยังไงให้คนอื่นรู้ว่าสินค้าของเราแตกต่างและดีกว่าของคนอื่นอย่างไร?” เธอเริ่มต้นด้วยคำถามที่กระตุ้นความคิดทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ ของดีก็คือของดี จะต้องทำอะไรอีกเล่า?“เราต้องสร้างตราสินค้า หรือที่คนในเมืองใหญ่เรียกว่าแบรนด์ขึ้นมา” เธออธิบายแนวคิดที่ล้ำยุคนี้ “มันเป็นสัญลักษณ์ที่จะทำให้ทุกคนจดจำได้ว่าเห็ดที่ดีที่สุด มาจากที่ไหน”เธอเสนอแนวคิดเรื่องการออกแบบโลโก้ และบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและถูกสุขลักษณะ“โลโก้ของเราจะเป็นรูปภูเขาต้าซานที่มียอดเป็นรูปเห็ดที่กำลังงอกงาม” เธอร่างภาพคร่าว ๆ ให้ทุกคนดู “ส่วนเห็ดตากแห้งของเรา แทนที่จะขายแบบกองรวมกัน เราจะนำมันมาบรรจุในถุงกระดาษที่สะอาดและปิดผนึกอย่างดี บนถุงจะมีตราสินค้าของเราพิมพ์อยู่”พ่อค้าจ้าวผู้คร่ำหวอดในวงการค้าขายมาทั้งชีวิต เมื่อได้ฟังความคิดของเธอก็ถึงกับตาโตเป็นประกาย“แม่หนู! เธอช่างเป็นอัจฉริยะ! ฉันค้าขายมาทั้งชีวิต ยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน!” เขากล่าวด้วยความต

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   28 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย

    ‘บ้านหลังนี้เคยเป็นทั้งกรงทองและขุมนรกของฉัน’ เธอคิดในใจ ‘แต่วันนี้ มันจะเป็นเพียงเวทีสำหรับละครฉากสุดท้ายเท่านั้น’เว่ยหลงเป็นผู้ที่เคาะประตูเมื่อประตูเปิดออก หญิงรับใช้ผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เธอมองหลินเสวี่ยหรงด้วยความตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปรายงานนายหญิงของตนไม่นานนัก ร่างของแม่เลี้ยงก็รีบวิ่งออกมาด้วยท่าทีที่เสแสร้ง “ใครมา อ๊ะ! หรงเอ๋อร์!” เธอทำท่าจะโผเข้ามาสวมกอดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาจอมปลอม “เธอกลับมาแล้ว! ในที่สุดเธอก็กลับมาช่วยแม่กับน้อง!”แต่เธอก็ต้องชะงักงัน เมื่อได้เห็นหลินเสวี่ยหรงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเด็กสาวที่เคยผอมแห้งและมีแววตาหวาดกลัวอยู่เสมอ บัดนี้กลับกลายเป็นสตรีที่สง่างามและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แม้เธอจะสวมเพียงเสื้อผ้าผ้าฝ้ายธรรมดา ๆ แต่มันกลับดูดีและสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณของเธอเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และที่สำคัญที่สุดคือดวงตาของเธอ มันไม่ได้มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเย็นชาและเฉยเมยที่มองมายังเธอราวกับเป็นเพียงคนแปลกหน้าและที่ข้างกายของเธอยังมีบุรุษร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบทหารยืนค้ำตระหง่านอยู่ แววตาของเขาคมกริบและเย็นชา

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   27 จดหมายจากเมืองใหญ่

    “มันหนีไปแล้ว! รีบจับมันไว้!”เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับที่ชาวบ้านกรูกันไล่ตามไปทันที การวิ่งหนีของเขานั้นคือคำสารภาพที่ชัดเจนที่สุดทว่าคนขี้ขลาดที่ตื่นตระหนกจนเสียสติจะไปสู้แรงของเหล่าเกษตรกรที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต และทหารผู้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีได้ยังไง?เพียงไม่นาน เว่ยหลงก็วิ่งตามไปทันและใช้เท้าเตะเข้าที่ข้อพับของหลี่กังจนเขาล้มหน้าคะมำลงไปกองกับพื้น ชาวบ้านคนอื่น ๆ รีบกรูกันเข้าไปจับตัวเขาไว้แล้วใช้เชือกมัดอย่างแน่นหนา“ปล่อยฉัน! ปล่อยฉัน!” เขาดิ้นรนอย่างน่าสมเพชชาวบ้านลากตัวหลี่กังกลับมาที่ลานหมู่บ้าน ท่ามกลางสายตาที่เคียดแค้นของทุกคนที่เขาพยายามจะทำร้าย“สารภาพมา! ทำไมนายถึงได้กล้าทำเรื่องเลวทรามแบบนี้?!” ผู้ใหญ่บ้านสือตวาดถามเมื่อจนมุมอย่างสิ้นเชิงแล้ว ความกล้าทั้งหมดของหลี่กังก็มลายหายไป เหลือไว้เพียงความหวาดกลัว“ฉะ ฉันผิดไปแล้ว! ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย!” เขาร้องไห้ฟูมฟายน้ำมูกน้ำตาไหล “ฉันแค่อิจฉา ฉันไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใคร ฉันแค่.. ฉันแค่อยากจะสั่งสอนนังหลินเสวี่ยหรงเท่านั้น!”แม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ยังคงพยายามจะป้ายความผิดให้ผู้อื่นขณะนั้นเอง หลินเสวี่ยหรงก็ได้เดิ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status