Share

07 ตลาดมืด

last update Last Updated: 2025-08-09 22:23:42

เช้าวันหนึ่ง ขณะที่ชุนฮวากำลังนั่งปะชุนรองเท้าผ้าของเว่ยเหอหลานที่เก่าจนพื้นรองเท้าแทบจะทะลุ เธอก็ได้แต่ถอนหายใจยาว

“เฮ้อ.. อีกไม่นานก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว รองเท้าคู่นี้คงจะใส่ทนไปได้อีกไม่นาน”

หลินเสวี่ยหรงที่กำลังช่วยบดข้าวโพดอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินคำรำพึงนั้นก็ชะงักมือลง เธอมองไปยังคูปองปันส่วน และเงินจำนวนน้อยนิดที่เก็บไว้อย่างดีในหีบของตนแล้วก็เข้าใจในทันที

การหาของป่ามาประทังชีวิตนั้นไม่ต่างอะไรกับการดื่มยาพิษเพื่อดับกระหาย มันแก้ปัญหาได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่สามารถขจัดรากเหง้าของความยากจนไปได้ ครอบครัวนี้ต้องการเงินเพื่อซื้อหาปัจจัยที่จำเป็น และเงินทุนสามร้อยหยวนที่เธอมีติดตัวมานั้น หากใช้ไปโดยไม่มีรายรับเข้ามาเพิ่มก็ย่อมมีวันหมดไป

แววตาของหลินเสวี่ยหรงพลันแข็งกร้าวขึ้นด้วยความเด็ดเดี่ยว ถึงเวลาแล้วสินะที่เธอจะต้องเริ่มทำธุรกิจอย่างจริงจัง!

ค่ำคืนนั้น หลังจากที่ทุกคนหลับใหลกันหมดแล้ว หลินเสวี่ยหรงก็นั่งอยู่ข้างโต๊ะไม้ตัวเล็ก แสงจันทร์สาดส่องลงมาอาบไล้ใบหน้างามของเธอที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก

‘จะขายอะไรดี?’

การขายผักผลไม้สดในปริมาณมากนั้นเสี่ยงเกินไป ทั้งเรื่องการขนส่งและเป็นที่น่าสงสัย ของที่จะขายได้ต้องเป็นของที่มีมูลค่าสูง แต่น้ำหนักเบา

เธอไล่เรียงสมบัติในมิติของตนในใจ เมล็ดพันธุ์พืชล้ำยุค? ยังเร็วเกินไปที่จะนำออกมา เครื่องมือการเกษตร? ยิ่งเป็นไปไม่ได้ มันจะสร้างความแตกตื่นเกินไป

ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้

นั่นก็คือสมุนไพรล้ำค่า ในมิติของเธอมีโสมและเห็ดหลินจือที่ผ่านการเพาะเลี้ยงด้วยเทคโนโลยีชีวภาพชั้นสูง คุณภาพของมันย่อมเหนือกว่าของป่าตามธรรมชาติหลายเท่านัก ของสิ่งนี้ย่อมขายได้ราคางามในตลาดมืด และอย่างที่สองก็คือน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ในยุคนี้น้ำตาลเป็นของหายากและมีราคาแพง น้ำตาลทรายขาวที่ขาวสะอาดราวกับไข่มุกที่เธอมีอยู่ย่อมเป็นที่ต้องการของคนมีเงินอย่างแน่นอน

เมื่อได้สินค้าแล้ว คำถามต่อมาคือ ‘จะขายที่ไหนและเมื่อไหร่?’

ซึ่งคำตอบก็มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือตลาดมืดในเมืองอำเภอ

วันรุ่งขึ้น หลินเสวี่ยหรงจึงแสร้งทำเป็นเอ่ยขึ้นกับแม่สามีอย่างเป็นธรรมชาติขณะช่วยกันล้างผัก “แม่คะ ปกติแล้วคนในหมู่บ้านเราจะเข้าเมืองไปแลกเปลี่ยนของกันบ่อยหรือเปล่าคะ? แล้ววันไหนจะคึกคักเป็นพิเศษ?”

ชุนฮวาตอบโดยไม่ได้สงสัยอะไร

“นาน ๆ จะไปกันทีน่ะสิ มันไกล ปกติจะไปกันทุกวันที่ 5 15 และ 25 ของเดือน วันนั้นคนจากทั่วทุกสารทิศจะมารวมตัวกันที่ตลาด ทำให้คึกคักที่สุด”

หลินเสวี่ยหรงลอบจดจำข้อมูลนั้นไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ เธอคำนวณวันในใจ ซึ่งอีกสามวันจะถึงวันที่ 15 พอดี!

เธอเริ่มวางแผนการเดินทางอย่างละเอียด เธอจะอ้างว่าเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อด้ายเย็บผ้า และของใช้จำเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอจะต้องเตรียมตะกร้าใบใหญ่ที่สามารถซ่อนของได้ และที่สำคัญที่สุดคือเธอต้องเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับโลกภายนอกที่อันตราย

ค่ำคืนก่อนวันเข้าเมือง

ดวงจันทร์กระจ่างลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า อาบไล้หมู่บ้านต้าซานที่หลับใหลให้กลายเป็นสีเงินยวงงดงาม แต่ในห้องนอนเล็ก ๆ ของบ้านตระกูลเว่ยนั้น กลับมีคนผู้หนึ่งที่ข่มตาให้หลับลงไม่สนิท

หลินเสวี่ยหรงพลิกกายไปมาบนเตียงดินแข็ง ๆ ในสมองของเธอเต็มไปด้วยแผนการเดินทางในวันรุ่งขึ้น ความตื่นเต้นและความวิตกกังวลปะปนกันจนทำให้เธอรู้สึกอึดอัด สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงอย่างแผ่วเบา สวมเสื้อคลุมทับแล้วเดินออกไปนอกบ้านเพื่อสูดอากาศเย็น ๆ

เธอยกม้านั่งตัวเล็กมานั่งลงที่ลานหน้าบ้าน ทอดสายตามองจันทร์ทรงกลดบนฟากฟ้า แสงจันทร์นวลใยทำให้ใจที่วุ่นวายของเธอสงบลงได้บ้าง ในความเงียบสงัดแบบนี้ ความรู้สึกโดดเดี่ยวของการเป็นคนแปลกหน้าในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยก็ถาโถมเข้ามาจับขั้วหัวใจอย่างรุนแรง

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

หลินเสวี่ยหรงหันไปมองก็พบว่าเป็นเว่ยหลง คืนนี้ดูเหมือนเขาเองก็คงจะนอนไม่หลับเช่นกัน

“นอนไม่หลับเหรอ?” เขาเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ น้ำเสียงนั้นทุ้มต่ำและอ่อนโยนกว่าปกติ

หลินเสวี่ยหรงพยักหน้าเบา ๆ “คุณก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ?”

เขาไม่ตอบ แต่เดินมาหยุดยืนพิงเสาไม้ของตัวบ้านอยู่ไม่ไกลนัก เป็นระยะห่างที่แสดงถึงการให้เกียรติแต่ก็ไม่ได้ห่างเหินจนเกินไป คนทั้งสองต่างเงียบไปครู่หนึ่ง ปล่อยให้ความสงบของค่ำคืนทำหน้าที่ของมัน

“เธอมีพี่น้องหรือเปล่า?” เว่ยหลงเอ่ยถามขึ้นมาลอย ๆ เป็นคำถามส่วนตัวที่ไม่ได้คาดคั้น

คำถามนั้นทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยหรงกระตุกวูบหนึ่ง ภาพของครอบครัวที่แท้จริงในโลกอนาคตก็แวบเข้ามาในความคิด เธอระงับความเจ็บปวดนั้นไว้แล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่สอดคล้องกับเรื่องราวของเจ้าของร่างเดิม

“เคยมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว”

ความเด็ดขาดและแววตาอันว่างเปล่าของเธอทำให้เว่ยหลงรู้ว่าไม่ควรถามต่อ เขารู้สึกได้ถึงความเศร้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีที่แข็งกร้าวนั้น

เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ หลินเสวี่ยหรงจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้าง

“แล้วคุณล่ะ การเป็นทหารเป็นยังไงบ้าง? ลำบากมากไหม?”

เว่ยหลงทอดสายตามองไปยังทิวเขาที่มืดมิดเบื้องหน้า ราวกับกำลังมองไปยังอดีตของตน

“ลำบาก แต่ก็คุ้มค่า” เขาตอบสั้น ๆ แต่หนักแน่น “การฝึกฝนนั้นหนักหนาสาหัส แต่การได้ปกป้องประเทศชาติและประชาชน คือหน้าที่และเกียรติยศสูงสุดของเรา”

คำพูดของเขาเรียบง่ายแต่กลับเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและอุดมการณ์อันแรงกล้า ทำให้หลินเสวี่ยหรงมองเขาในแง่มุมที่ต่างออกไป

“ดึกแล้ว เข้าไปข้างในเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” เว่ยหลงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าลมกลางคืนเริ่มเย็นลง เป็นประโยคธรรมดาแต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใย

หลินเสวี่ยหรงพยักหน้ารับ “อืม”

ทั้งสองเดินกลับเข้าไปในบ้าน กลับไปยังที่นอนของตนที่อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าวเช่นเคย แต่ในค่ำคืนนี้ ระยะห่างนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ไกลอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว

 

ในคืนที่ดาวเต็มฟ้าก่อนถึงวันตลาดครั้งใหญ่ หลินเสวี่ยหรงแทบจะข่มตาให้หลับลงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เธอตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ ขณะที่ทั้งบ้านยังคงจมอยู่ในความเงียบสงัด นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเตรียมตัวสำหรับภารกิจครั้งสำคัญ

เธอเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเข้าไปในมิติชั่วครู่หนึ่งแล้วกลับออกมาพร้อมกับสินค้าล็อตแรกของเธอ มันคือห่อผ้าใบกันน้ำสองห่อ ห่อหนึ่งบรรจุน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์หนักราวครึ่งชั่ง ส่วนอีกห่อคือรากโสมชั้นดีสองสามรากที่ส่งกลิ่นหอมจรุงใจ ทั้งสองสิ่งนี้ถูกห่ออย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันกลิ่นและสายตาของผู้อื่น

จากนั้นเธอก็แสดงทักษะการพรางตาอันชาญฉลาด เธอนำห่อสมบัติทั้งสองวางลงที่ก้นตะกร้าสานใบใหญ่ ก่อนจะนำแผ่นฟางสานที่เตรียมไว้มาวางทับเป็นพื้นชั้นที่สอง แล้วจึงค่อย ๆ บรรจุผักป่าและฟืนที่หามาได้จริง ๆ วางทับไว้ด้านบนจนเต็ม แลดูเผิน ๆ แล้วมันก็ไม่ต่างจากตะกร้าของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปเลยแม้แต่น้อย

เมื่อแสงแรกของวันเริ่มจับขอบฟ้า ครอบครัวตระกูลเว่ยก็เริ่มตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวัน หลินเสวี่ยหรงผู้เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วจึงเดินเข้าไปหาชุนฮวาที่กำลังก่อไฟในครัว

“แม่ วันนี้เป็นวันตลาด ฉันว่าจะขออนุญาตเข้าเมืองไปซื้อด้ายกับเข็มซักหน่อยนะคะ ของที่บ้านเราใกล้จะหมดแล้ว” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เป็นเหตุผลของสะใภ้ที่ดีที่ใครได้ฟังก็ไม่อาจปฏิเสธได้ “แล้วก็จะลองเดินดูเผื่อมีผ้าชิ้นเล็ก ๆ ราคาถูกขาย จะได้เอามาทำรองเท้าให้หลานเอ๋อร์ใหม่ด้วยค่ะ”

การอ้างถึงน้องสาวสามี ทำให้น้ำเสียงของเธอเจือปนไปด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง

ชุนฮวามองสะใภ้คนนี้ด้วยแววตาที่อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยทำตัวเป็นภาระ ทั้งยังขยันขันแข็งและรู้จักคิดถึงคนในครอบครัวเสมอ

“ดี ๆ ไปเถอะ เดินทางก็ระวังตัวด้วยนะ มันไกล”

หญิงชราไม่เพียงอนุญาต แต่ยังล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบห่อผ้าเล็ก ๆ ออกมา คลี่ออกเผยให้เห็นเงินจำนวนหนึ่ง เธอนับเหรียญสองสาม¹เหมายื่นส่งให้หลินเสวี่ยหรง

“นี่.. เอาติดตัวไปด้วย เผื่อเจอของที่จำเป็น”

แม้จะเป็นเงินเพียงน้อยนิด แต่มันก็เปรียบเสมือนความไว้วางใจและการยอมรับอย่างเต็มเปี่ยมจากแม่สามี

“ขอบคุณค่ะแม่” หลินเสวี่ยหรงรับเงินมาด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง

เธอสะพายตะกร้าที่หนักอึ้งขึ้นบ่า โบกมือลาแม่สามีและน้องสาวสามี แล้วจึงมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านไปตามเส้นทางดินลูกรังที่คุ้นเคย

การเดินทางด้วยเท้าเป็นระยะทางกว่าสามสิบ²ลี้นั้นเสมือนบททดสอบความอดทน แสงแดดที่เริ่มแผดจ้าทำให้เหงื่อไหลซึมไปทั่วร่าง ตะกร้าบนหลังหนักอึ้งราวกับแบกภูเขาลูกย่อม ๆ ไว้ แต่ในใจของหลินเสวี่ยหรงกลับไม่ได้รู้สึกท้อแท้แม้แต่น้อย

เวลาผ่านไปหลายชั่วยาม ในที่สุดกำแพงเมืองอำเภอที่สูงตระหง่านก็ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า

หลินเสวี่ยหรงหยุดยืนอยู่บนเนินดินเล็ก ๆ พลางทอดสายตามองไปยังจุดหมายปลายทาง เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมกำลังใจ ปรับสายสะพายบนบ่าให้กระชับ แล้วจึงก้าวเดินต่อไปด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว

เมื่อก้าวผ่านประตูเมืองอำเภอที่สูงตระหง่านเข้ามา โลกใบใหม่ก็คลี่คลายออกตรงหน้าหลินเสวี่ยหรง เสียงจอแจของผู้คน เสียงพ่อค้าแม่ค้าที่ตะโกนเรียกลูกค้า เสียงล้อที่บดไปบนพื้นหิน ทั้งหมดนี้ผสมปนเปกันบ่งบอกถึงความมีชีวิตชีวาที่เธอไม่ได้ยินมานาน มันช่างแตกต่างจากความเงียบสงบอันน่าอึดอัดของหมู่บ้านต้าซานราวกับเป็นคนละโลก

ทว่าหลินเสวี่ยหรงไม่ได้ตื่นตาตื่นใจไปกับภาพตรงหน้าแม้แต่น้อย เป้าหมายของเธอในวันนี้ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด เธอเดินตรงไปซื้อหมั่นโถร้อน ๆ จากรถเข็นข้างทางหนึ่งลูกเพื่อเติมพลังงานที่สูญเสียไป ก่อนจะแสร้งเอ่ยถามคุณลุงเจ้าของร้านด้วยท่าทีซื่อ ๆ

“คุณลุงคะ พอจะทราบหรือเปล่าว่าตรอกที่เงียบที่สุดในเมืองนี้อยู่แถวไหน? ฉันเดินทางมาไกล อยากจะหาที่นั่งพักสักครู่น่ะค่ะ”

คุณลุงมองเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยแต่เสื้อผ้าธรรมดาด้วยความเอ็นดู

“โอ้ เดินตรงไปทางนั้น เลี้ยวตรงหัวมุมโรงตีเหล็ก ก็จะเจอตรอกเก่า ๆ อยู่หลายสาย ที่นั่นไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านหรอกแม่หนู”

“ขอบคุณมากค่ะคุณลุง” หลินเสวี่ยหรงกล่าวขอบคุณแล้วเดินจากไปตามทิศทางที่ได้รับมา

เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ห่างจากถนนสายหลักที่สว่างไสว บรรยากาศรอบกายค่อย ๆ เปลี่ยนไป ตึกรามบ้านช่องเริ่มเก่าแก่และทรุดโทรมลง ผู้คนบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่มองมายังเธอก็เปลี่ยนจากความชื่นชมไปเป็นความระแวดระวัง

ในที่สุดเธอก็มาถึง

มันไม่ใช่ตลาดที่มีแผงลอยเป็นกิจจะลักษณะ แต่เป็นเพียงตรอกแคบ ๆ ที่มีเงาครึ้มทอดตัวยาว ผู้คนยืนจับกลุ่มกันเป็นหย่อม ๆ การซื้อขายเป็นไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ สินค้าจะถูกนำออกมาให้ดูเพียงแวบเดียวก่อนจะถูกซ่อนเก็บอย่างรวดเร็ว เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงกระซิบกระซาบต่อรองราคา บรรยากาศทั้งหมดตึงเครียดและอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความอันตราย

หลินเสวี่ยหรงไม่ได้ผลีผลามเข้าไปทันที สัญชาตญาณจากชาติก่อนบอกให้เธอต้องสุขุมเยือกเย็นที่สุด เธอหาที่เหมาะ ๆ วางตะกร้าลงแล้วแสร้งทำเป็นนั่งพักเหนื่อย แต่ดวงตาหงส์คู่งามกลับกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว

คนกลุ่มนั้นคือชาวบ้านที่สิ้นไร้หนทาง แอบนำไข่ไก่หรือผลผลิตส่วนเกินมาขายเพื่อแลกกับเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนชายร่างกำยำสองสามคนที่ยืนคุมอยู่ตามมุมตึกคือเจ้าถิ่น ที่คอยเก็บค่าคุ้มครองและหาเรื่องคนที่ดูอ่อนแอ เธอจะต้องอยู่ให้ห่างจากคนพวกนี้

ซึ่งเป้าหมายของเธอก็คือผู้คนในกลุ่มสุดท้าย พวกเขาแต่งกายดีกว่าคนอื่น ท่าทางดูเหมือนเหล่าแม่บ้าน พ่อบ้านจากตระกูลใหญ่ หรือเถ้าแก่จากร้านอาหารที่กำลังมองหาสินค้าพิเศษที่หาไม่ได้ในตลาดทั่วไป

‘คนนั้นดูมีอำนาจ แต่สายตาละโมบเกินไป คนนั้นท่าทางหลุกหลิกไม่น่าไว้ใจ ส่วนคนนั้น..’

สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่ชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขาสวมเสื้อผ้าเนื้อดี แต่กำลังยืนทำหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ดูท่าว่าเขาคงจะหาสินค้าที่ต้องการไม่สำเร็จเป็นแน่

หลินเสวี่ยหรงลอบยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เธอได้พบลูกค้ารายแรกของตนแล้ว

เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้า และความสงบเยือกเย็นของตนเอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   32 ภาพครอบครัวที่สมบูรณ์

    วิสัยทัศน์ของเธอทำให้ทุกคนที่ได้ฟังต้องนิ่งอึ้งไปด้วยความทึ่ง พวกเขาคิดถึงแค่เพียงปากท้องในวันนี้ แต่เธอกลับมองการณ์ไกลไปถึงอนาคตของคนรุ่นต่อไปแน่นอนว่าข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ย่อมได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ไม่นานนัก โรงเรียนหลังเก่าที่ทรุดโทรมก็ได้ถูกแทนที่ด้วยอาคารเรียนอิฐแดงสองชั้นที่แข็งแรงและสว่างไสว เด็ก ๆ ทุกคนมีโต๊ะเรียนและหนังสือเล่มใหม่ เสียงอ่านหนังสือที่ดังกังวานของพวกเขาในทุก ๆ เช้า นับเป็นเสียงอนาคตที่สดใสของหมู่บ้านต้าซานแต่การลงทุนที่สำคัญที่สุดของหลินเสวี่ยหรงนั้น คือน้องสาวสามีของเธอเอง“หลานเอ๋อร์” วันหนึ่งเธอเอ่ยขึ้นกับเว่ยเหอหลานที่บัดนี้ได้เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่งดงามและเฉลียวฉลาด “เธอเป็นเด็กที่ขยันหมั่นเพียร ตอนนี้ทางการได้เปิดการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้งแล้ว เธออยากจะลองสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองหลวงดูหรือเปล่า?”แววตาของเว่ยเหอหลานเป็นประกายขึ้นมาด้วยความหวัง แต่ก็เจือปนไปด้วยความไม่มั่นใจ“ฉัน.. ฉันจะทำได้หรือคะพี่สะใภ้? การสอบแข่งขันนั้นยากมากนะ”“ทำไมจะไม่ได้?” หลินเสวี่ยหรงกล่าวให้กำลังใจอย่างหนักแน่น “ขอแค่เธอตั้งใจจริง เรื่องตำราเรียนและค

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   31 กำเนิดทายาท

    ความโกลาหลที่ถูกเตรียมการมาอย่างดีก็ได้เริ่มต้นขึ้น!เว่ยหลงผู้เคยตื่นตูม บัดนี้กลับมีสติและทำตามขั้นตอนที่หลี่ซินอี๋เคยซักซ้อมไว้เป็นอย่างดี เขารีบประคองภรรยาไปยังห้องนอนที่ถูกเตรียมไว้เป็นห้องคลอดโดยเฉพาะ ส่วนชุนฮวาก็รีบไปต้มน้ำและเตรียมผ้าสะอาด ในขณะที่เว่ยเหอหลานก็วิ่งหน้าตาตื่นไปตามหมอตำแยในหมู่บ้านมาเป็นผู้ช่วยเว่ยหลงถูกกันให้ออกมารออยู่หน้าห้องด้วยใจที่ร้อนรนราวกับไฟเผา เขาเดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูราวกับหนูติดจั่น ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของภรรยาดังเล็ดลอดออกมา หัวใจของเขาก็ราวกับถูกมีดกรีด เขารู้สึกไร้กำลังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตภายในห้องคลอด สถานการณ์ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน การคลอดติดขัดเล็กน้อยทำให้หมอตำแยเริ่มหน้าซีด“แย่แล้ว! เด็กไม่ยอมกลับหัว!”“ทุกคนอยู่ในความสงบ!” เสียงที่สงบนิ่งและเปี่ยมไปด้วยอำนาจของหลี่ซินอี๋ดังขึ้นมา “พี่สะใภ้ฟังฉันนะ หายใจเข้าลึก ๆ ทำตามที่ฉันบอก”แพทย์สาวผู้มีความรู้ที่ทันสมัยกว่า ใช้เทคนิคการนวดและการจัดท่าทางช่วยให้หลินเสวี่ยหรงผ่อนคลายและทำให้ทารกกลับเข้าสู่ตำแหน่งที่ถูกต้องได้ในที่สุด“เบ่งอีกครั้งค่ะพี่สะใภ้! ฉันเห็นหั

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   30 ว่าที่คุณพ่อมือใหม่

    ในการพบปะกันครั้งล่าสุดที่โรงน้ำชาผิงอัน บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองจึงได้เปลี่ยนไป มันไม่ใช่การเจรจาซื้อขายระหว่างผู้ผลิตและผู้รับซื้อ แต่เป็นการประชุมทางธุรกิจที่จริงจัง“คุณลุงคะ ขอบคุณคุณลุงเสมอมาที่คอยช่วยเหลือและให้การสนับสนุนกิจการของหมู่บ้านของฉัน” หลินเสวี่ยหรงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ “วันนี้ฉันมีข้อเสนอทางธุรกิจที่ใหญ่กว่าเดิมมานำเสนอ”เธอได้อธิบายถึงโครงการโรงงานแปรรูปอาหาร วิสัยทัศน์ และศักยภาพในการเติบโตของตลาดให้เขาฟังอย่างละเอียด ก่อนจะเข้าสู่ประเด็นสำคัญ“แต่โครงการนี้ใหญ่เกินกว่าที่หมู่บ้านของเราจะทำได้เพียงลำพัง ฉันจึงอยากจะเรียนเชิญคุณลุงมาร่วมเป็นหุ้นส่วนกับเราอย่างเป็นทางการค่ะ”พ่อค้าจ้าวผู้มีสายตาแหลมคมดุจสุนัขจิ้งจอก เมื่อได้ฟังข้อเสนอของเธอก็ยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก เขารอคอยประโยคนี้จากเธอมานานแล้ว“แม่หนู ในที่สุดเธอก็เอ่ยปากเสียที” เขากล่าวอย่างอารมณ์ดี “ว่ามาสิ เธอต้องการจะแบ่งหุ้นส่วนกันยังไง?”นี่คือช่วงเวลาที่หลินเสวี่ยหรงจะได้แสดงทักษะการเจรจาธุรกิจจากศตวรรษที่ยี่สิบห้า ของเธอออกมาอย่างเต็มที่“ทางสหกรณ์หมู่บ้านต้าซานจะรับผิดชอบในส่วนของก

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   29 งานมงคลสมรส

    เธอเรียกประชุมทีมงานหลักอีกครั้งที่บ้านของตนเอง ในครั้งนี้มีพ่อค้าจ้าวเข้าร่วมด้วยในฐานะที่ปรึกษาด้านการตลาด“สหายทุกคนตอนนี้เรามีสินค้าที่ดีที่สุด แต่เราจะทำยังไงให้คนอื่นรู้ว่าสินค้าของเราแตกต่างและดีกว่าของคนอื่นอย่างไร?” เธอเริ่มต้นด้วยคำถามที่กระตุ้นความคิดทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ ของดีก็คือของดี จะต้องทำอะไรอีกเล่า?“เราต้องสร้างตราสินค้า หรือที่คนในเมืองใหญ่เรียกว่าแบรนด์ขึ้นมา” เธออธิบายแนวคิดที่ล้ำยุคนี้ “มันเป็นสัญลักษณ์ที่จะทำให้ทุกคนจดจำได้ว่าเห็ดที่ดีที่สุด มาจากที่ไหน”เธอเสนอแนวคิดเรื่องการออกแบบโลโก้ และบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและถูกสุขลักษณะ“โลโก้ของเราจะเป็นรูปภูเขาต้าซานที่มียอดเป็นรูปเห็ดที่กำลังงอกงาม” เธอร่างภาพคร่าว ๆ ให้ทุกคนดู “ส่วนเห็ดตากแห้งของเรา แทนที่จะขายแบบกองรวมกัน เราจะนำมันมาบรรจุในถุงกระดาษที่สะอาดและปิดผนึกอย่างดี บนถุงจะมีตราสินค้าของเราพิมพ์อยู่”พ่อค้าจ้าวผู้คร่ำหวอดในวงการค้าขายมาทั้งชีวิต เมื่อได้ฟังความคิดของเธอก็ถึงกับตาโตเป็นประกาย“แม่หนู! เธอช่างเป็นอัจฉริยะ! ฉันค้าขายมาทั้งชีวิต ยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน!” เขากล่าวด้วยความต

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   28 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย

    ‘บ้านหลังนี้เคยเป็นทั้งกรงทองและขุมนรกของฉัน’ เธอคิดในใจ ‘แต่วันนี้ มันจะเป็นเพียงเวทีสำหรับละครฉากสุดท้ายเท่านั้น’เว่ยหลงเป็นผู้ที่เคาะประตูเมื่อประตูเปิดออก หญิงรับใช้ผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เธอมองหลินเสวี่ยหรงด้วยความตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปรายงานนายหญิงของตนไม่นานนัก ร่างของแม่เลี้ยงก็รีบวิ่งออกมาด้วยท่าทีที่เสแสร้ง “ใครมา อ๊ะ! หรงเอ๋อร์!” เธอทำท่าจะโผเข้ามาสวมกอดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาจอมปลอม “เธอกลับมาแล้ว! ในที่สุดเธอก็กลับมาช่วยแม่กับน้อง!”แต่เธอก็ต้องชะงักงัน เมื่อได้เห็นหลินเสวี่ยหรงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเด็กสาวที่เคยผอมแห้งและมีแววตาหวาดกลัวอยู่เสมอ บัดนี้กลับกลายเป็นสตรีที่สง่างามและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แม้เธอจะสวมเพียงเสื้อผ้าผ้าฝ้ายธรรมดา ๆ แต่มันกลับดูดีและสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณของเธอเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และที่สำคัญที่สุดคือดวงตาของเธอ มันไม่ได้มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเย็นชาและเฉยเมยที่มองมายังเธอราวกับเป็นเพียงคนแปลกหน้าและที่ข้างกายของเธอยังมีบุรุษร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบทหารยืนค้ำตระหง่านอยู่ แววตาของเขาคมกริบและเย็นชา

  • ทะลุมิติทั้งทีขอเป็นเศรษฐีนียุค 70   27 จดหมายจากเมืองใหญ่

    “มันหนีไปแล้ว! รีบจับมันไว้!”เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับที่ชาวบ้านกรูกันไล่ตามไปทันที การวิ่งหนีของเขานั้นคือคำสารภาพที่ชัดเจนที่สุดทว่าคนขี้ขลาดที่ตื่นตระหนกจนเสียสติจะไปสู้แรงของเหล่าเกษตรกรที่ทำงานหนักมาทั้งชีวิต และทหารผู้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีได้ยังไง?เพียงไม่นาน เว่ยหลงก็วิ่งตามไปทันและใช้เท้าเตะเข้าที่ข้อพับของหลี่กังจนเขาล้มหน้าคะมำลงไปกองกับพื้น ชาวบ้านคนอื่น ๆ รีบกรูกันเข้าไปจับตัวเขาไว้แล้วใช้เชือกมัดอย่างแน่นหนา“ปล่อยฉัน! ปล่อยฉัน!” เขาดิ้นรนอย่างน่าสมเพชชาวบ้านลากตัวหลี่กังกลับมาที่ลานหมู่บ้าน ท่ามกลางสายตาที่เคียดแค้นของทุกคนที่เขาพยายามจะทำร้าย“สารภาพมา! ทำไมนายถึงได้กล้าทำเรื่องเลวทรามแบบนี้?!” ผู้ใหญ่บ้านสือตวาดถามเมื่อจนมุมอย่างสิ้นเชิงแล้ว ความกล้าทั้งหมดของหลี่กังก็มลายหายไป เหลือไว้เพียงความหวาดกลัว“ฉะ ฉันผิดไปแล้ว! ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย!” เขาร้องไห้ฟูมฟายน้ำมูกน้ำตาไหล “ฉันแค่อิจฉา ฉันไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใคร ฉันแค่.. ฉันแค่อยากจะสั่งสอนนังหลินเสวี่ยหรงเท่านั้น!”แม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ยังคงพยายามจะป้ายความผิดให้ผู้อื่นขณะนั้นเอง หลินเสวี่ยหรงก็ได้เดิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status