“ข้าขอบคุณท่านมากที่นำเรื่องนี้มาบอกกับข้า แต่ข้ามั่นใจว่าหลี่เซิงไม่มีทางทำเรื่องไม่ดีกับข้าแน่นอน ท่านสบายใจได้” นางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเมื่ออู๋เจิงได้ฟังเช่นนั้น นางก็พิจารณาใบหน้าของหยางฉิง ถึงแม้นางจะไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางใด ๆ บนใบหน้า แต่ก็ยังดูงดงามสะกดตา ยิ่งเมื่อนึกเปรียบเทียบกับหลี่หยินแล้ว ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าทั้งสองแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลจริง ๆ“เจ้าพูดถูก” อู๋เจิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัวกลับบ้านก่อน จะได้ไม่รบกวนเจ้า”นางกล่าวลาหยางฉิงก่อนเดินกลับบ้านไปด้วยความสบายใจอีกด้านหนึ่ง ในขณะที่หญิงสาวทั้งสองกำลังพูดคุยกันด้วยความกังวล หลี่เซิงกลับไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น เพราะตอนนี้เขากำลังยุ่งกับการดูแลเด็กน้อยทั้งสอง จนแทบไม่ได้หลับได้นอนเขาให้แม่นมคอยสอนวิธีเลี้ยงเด็กเล็ก แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากและเหนื่อยมากกว่าที่คิด การมีลูกไม่ใช่เรื่องสบายเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เรียนรู้มันไปด้วยความเต็มใจโดยเฉพาะเมื่อเด็กน้อยทั้งสองแย้มยิ้มให้เขา ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันก็เหมือนจะมลายหายไปในพริบตา...หลี่เซิงอุ้มลูกน้อยเข
หลี่เซิงรับของจากผู้ใหญ่บ้านด้วยความเกรงใจ “ท่านมาเยี่ยมข้า ข้าก็ดีใจมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องลำบากนำของพวกนี้มาเลย”หลี่จงยิ้มพลางตอบกลับ “ข้ามาเยี่ยมหลานทั้งที จะให้มามือเปล่าได้อย่างไร”หลี่อี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นดังนั้นจึงพูดแทรกขึ้นมา “ของข้าก็มีเหมือนกัน”หลี่เซิงหันไปมองหลี่อี้ ชายหนุ่มที่บัดนี้ดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รับสินค้าจากบ้านหลี่เซิงไปขายตามหัวเมืองต่าง ๆ เช่นกันหลี่เซิงรับของมาจากหลี่อี้ก่อนเอ่ยล้อเลียน “ขอบใจเจ้ามาก เอาไว้เจ้ามีลูกเมื่อไหร่ ข้าจะไปแสดงความยินดีแน่”หลี่อี้รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เพราะเขาเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน “ได้ข่าวว่าร้านของเจ้าจำหน่ายยาช่วยให้มีบุตร เอาไว้ถ้าปีนี้ข้ายังไม่มีลูก ข้าคงต้องไปซื้อยาให้ภรรยาเสียแล้ว” เขาพูดพลางเหลือบมองสีหน้ามารดาตัวเอง ซึ่งดูจะไม่พอใจที่ภรรยาของเขายังไม่มีลูกหลี่เซิงมองสีหน้าของหลี่อี้อย่างเห็นใจ ก่อนเอ่ยอย่างใจกว้าง “หากไม่มีจริง ๆ ข้าจะมอบยาให้เจ้าโดยไม่คิดเงิน ดีหรือไม่?” เขาพูดพลางยักคิ้วให้หลี่อี้หานหยุนที่นั่งฟังอยู่ สีหน้าดูดีขึ้นมาทันที ใคร ๆ ก็รู้ว่ายาของร้าน เทียนเจินถัง มีชื่อเสียงโด
เมื่อใดที่ลูกชายทั้งสองร้องหิวนม บ่าวก็จะนำพวกเขาออกไปให้แม่นมป้อนนมจนกระทั่งรุ่งเช้า หยางฉิงจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา นางกระพริบตาสองถึงสามครั้ง ก่อนมองไปรอบ ๆ ห้อง ก็พบว่าหลี่เซิงนอนอยู่ข้างเตียง นางเหลือบมองไปที่เปลนอนสองอัน และได้ยินเสียงอ้อแอ้ดังออกมาจากในนั้น หยางฉิงพยายามลุกขึ้นนั่ง แม้จะยังรู้สึกเจ็บแผลอยู่บ้าง แต่นางก็ค่อย ๆ พยุงตัวไปที่เปลนอนของลูกชายเมื่อนางก้มลงมอง ก็พบเด็กน้อยสองคนลืมตาดูของเล่นที่นางทำแขวนไว้ให้พวกเขา“ลูกใครกันนะ ทำไมน่ารักเช่นนี้” นางเอ่ยพลางหยอกล้อกับลูกชายไม่นานก็ได้ยินเสียงขยับตัวของหลี่เซิง“หยางฉิง เจ้าตื่นแล้วหรือ หิวหรือไม่?” เขาถามด้วยความเป็นห่วง กลัวว่านางจะยังคงเจ็บแผลอยู่“ข้าหิวอยู่บ้าง แล้วทำไมท่านมานอนที่นี่ ท่านหิวหรือไม่?” นางถามกลับเมื่อเห็นสีหน้าอิดโรยของเขา“ก็ข้าเป็นห่วงเจ้า เดี๋ยวข้าจะให้คนเตรียมอาหารมาให้เจ้า” พูดจบเขาก็เดินออกไปเรียกบ่าวให้นำอาหารและน้ำแกงบำรุงร่างกายเข้ามาไม่นาน พี่สะใภ้ใหญ่ก็เข้ามาพร้อมอาหารที่ช่วยจัดเตรียมตั้งแต่เช้าอู๋เจิงเห็นหยางฉิงตื่นขึ้นมาจึงเอ่ยด้วยความยินดี “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง นี่เป็นน้ำแกงบำรุงร่าง
“หลี่เซิง...ข้าปวดท้อง!” นางเอื้อมมือไปปลุกสามีที่นอนอยู่ข้าง ๆหลี่เซิงสะดุ้งตื่นขึ้นทันที เขารีบอุ้มนางขึ้นมา ก่อนจะตะโกนเรียกคนดูแลให้รีบไปตามหญิงทำคลอดเสียงของเขาทำให้ทุกคนในบ้านตกใจรีบร้อนออกมาทำหน้าที่ของตนหญิงทำคลอดรีบถืออุปกรณ์แล้ววิ่งตรงไปยังห้องคลอดทันที ขณะเดียวกัน บ่าวดูแลแต่ละคนต่างวิ่งวุ่น เร่งต้มน้ำให้เดือดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด“โอ๊ย! ปวดท้อง!”เสียงร้องของหยางฉิงดังก้องไปทั่วห้องคลอด“หยางฉิง เจ้ายังทนไหวหรือไม่?” หลี่เซิงถามนางด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่านางกำลังเจ็บปวดทรมานเพียงใด“นายท่าน ออกไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ หากท่านอยู่เช่นนี้ นายหญิงจะไม่มีแรงเบ่งคลอด” หญิงทำคลอดรีบบอกเขา“ข้าจะอยู่กับภรรยาของข้า!” เขาไม่อยากปล่อยให้นางเผชิญความเจ็บปวดเพียงลำพังหยางฉิงกัดฟันกลั้นความเจ็บ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “หลี่เซิง...ท่านออกไปก่อนเถิด ข้าไม่เป็นไร อย่าลืมเรื่องที่ข้าบอก” หลังจากพูดจบ นางก็ยื่นมือไปคว้าผ้าผืนยาวที่ห้อยลงมาจากเพดานเพื่อช่วยพยุงตัวขณะเบ่งคลอดหลี่เซิงเห็นดังนั้นจึงจำต้องส่งขวดยาให้พี่สะใภ้ใหญ่ พร้อมบอกวิธีใช้ จากนั้นจึงหันไปมองหยางฉิงเป็นครั้ง
หลี่เซิงยิ้มมุมปากเล็กน้อย คิดจะเลียนแบบน้ำพริกของเขางั้นหรือ? มันคงไม่ง่ายดายเช่นนั้น เพราะสูตรพิเศษที่แท้จริงคือพลังวิเศษของหยางฉิง ซึ่งสามารถทำให้อาหารทุกชนิดมีรสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์ ไม่แปลกที่เมื่อขายดีขึ้น ก็จะมีคนอยากเลียนแบบเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจและเงินทองหนุนหลัง พวกนั้นล้วนอยากข่มเหงรังแกเพื่อช่วงชิงสูตรไปจากพวกเขาทว่าคนเหล่านั้นกลับต้องพ่ายแพ้ไปตาม ๆ กัน เพราะพวกเขามีทั้งท่านแม่ทัพและท่านอ๋องสามคอยสนับสนุนอยู่ยิ่งไปกว่านั้น ยาที่หยางฉิงนำมาวางขายก็ทำให้สองบุรุษผู้มีอำนาจให้ความสำคัญกับนางมากขึ้น ทุกสิ่งที่นางทำจึงราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อเรือนผลิตน้ำพริกที่หยางฉิงสร้างขึ้นถูกแบ่งสัดส่วนอย่างเป็นระเบียบ คนงานส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านอันเหอ ซึ่งปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น บ้านเรือนหลายหลังได้รับการสร้างใหม่ และผู้คนในหมู่บ้านต่างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากวันนั้น หยางฉิงซึ่งตั้งครรภ์ท้องโต เดินทางมาตรวจดูโรงเรือนน้ำพริกด้วยตนเอง นางรู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อต้องอยู่บ้านเฉย ๆ จึงให้พี่สะใภ้ใหญ่อู๋เจิงช่วยพยุงเดิน“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่ต้องมา เ
“เจ้าตั้งราคานั้นก็ดีแล้ว คนอื่นจะทำอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา เพียงแต่ตอนนี้เจ้ายุ่งมากจนแทบไม่มีเวลาอยู่กับข้าเลย” หลังจากเปิดร้านค้าได้ไม่นาน นางก็แทบไม่ได้หยุดพัก ทำให้หลี่เซิงรู้สึกว่านางทำงานหนักเกินไปจนเกรงว่านางจะล้มป่วยหยางฉิงเหลือบมองสามีที่มีสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย“ที่ข้าทำงานหนักเช่นนี้ เป็นเพราะอยากสร้างทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่ข้าจะคลอด ท่านก็รู้ดีว่าหลังคลอด ข้าต้องอยู่ไฟอีกเป็นเดือน หลังจากนั้นข้าก็อยากอยู่บ้านเลี้ยงลูกเอง ข้าทำเพื่อท่านและเพื่อลูกของเรา”นางยิ้มพลางอธิบายเหตุผลของตนเองหลี่เซิงได้ฟังเช่นนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนดึงนางเข้ามากอด “เราไม่จำเป็นต้องเร่งรีบถึงเพียงนั้น พวกเราค่อย ๆ สร้างไปพร้อมกับเลี้ยงลูกก็ได้ ข้าไม่ได้จะหนีเจ้าไปไหนเสียหน่อย”“ตอนนี้เจ้ายังมีข้า ถึงแม้ว่าข้าจะยังป่วยบ่อยอยู่ แต่ข้าเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป อาการแพ้ท้องแทนเจ้าของข้าต้องหายไปแน่นอน เมื่อนั้น เจ้าสามารถวางภาระทั้งหมดให้ข้าจัดการได้”เขากล่าวพลางลูบศีรษะของหยางฉิงเบา ๆหยางฉิงสูดกลิ่นกายของสามีที่นางคุ้นเคย เป็นกลิ่นที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก นางเชื่อว่าเมื่อนางคลอดแล้