Share

เจ้าเหนื่อยที่ต้องดูแลข้าหรือ

Author: zuey
last update Last Updated: 2025-11-24 00:30:55

“คุณชายท่าน...มองเห็นข้าหรือเจ้าคะ”

กู้จิ่งเหยียนรีบมองไปด้านหน้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตน

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

ลู่หยวนซีเห็นสายตาที่เขามองไปด้านหน้า นางก็ยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อทดสอบดูว่าเขามองเห็นหรือไม่ แต่ดวงตากู้จิ่งเหยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ นางจึงถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง

“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าคงจะคิดมากไปเอง เห็นดวงตาของคุณชายกลับมาเป็นสีปกติ คิดว่าท่านอาจจะกลับมามองเห็นได้แล้วเสียอีก”

ท่าทางของนางทำให้กู้จิ่งเหยียนรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆ ในใจ หรือว่านางเบื่อที่จะดูแลคนพิการอย่างเขาแล้ว ร่างสูงที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางน้อยใจ

“เจ้าเหนื่อยอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไม่ต้องดูแลข้าแล้ว พาข้ากลับไปที่เตียงแล้วเจ้าก็ไปพักเถอะ”

ลู่หยวนซีมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ก็เห็นนั่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร พอมาตอนนี้กลับพูดเสียยาวเหยียด ทั้งยังแสดงท่าทางห่วงใยกลัวว่านางจะเหนื่อยอีก คนผู้นี้ยังใช่กู้จิ่งเหยียนคนเดิมอยู่หรือไม่ ท่าทางของเขาช่างดูแปลกตานัก

ลู่หยวนซีไม่กล้าขัดใจคุณชายผู้เอาแต่ใจของนาง หลังจากพาร่างสูงไปส่งยังเตียงนอนในห้องใหญ่ นางก็ออกมาข้างนอกเพื่อยกชามโจ๊กที่ทำเสร็จแล้วตามเข้าไปข้างใน

“ก่อนนอนคุณชายทานโจ๊กรองท้องสักหน่อยนะเจ้าคะ มื้อสุดท้ายของท่านผ่านไปนานแล้ว เดี๋ยวข้าป้อนให้เอง”

ลู่หยวนซียังไม่ลดละความพยายามของตน นางยื่นช้อนที่ตักโจ๊กไปด้านหน้าของกู้จิ่งเหยียนแล้วเอ่ยกับเขาอย่างเอาใจ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงนั่งเฉย เมื่อลู่หยวนซีรบเร้าหลายครั้งเข้าเขาก็ปัดช้อนที่อยู่ในมือของนางจนหลุดกระเด็นไป

ร่างบางชะงักไปเล็กน้อยแต่สีหน้าของนางก็ไม่ได้แปลเปลี่ยนนางมิได้ชักสีหน้าหรือแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา ลู่หยวนซีเดินไปเก็บช้อนกลับมาจากนั้นจึงยกชามโจ๊กออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

กู้จิ่งเหยียนรู้ว่านางมิได้ทำสิ่งใดผิดและตนเองกำลังเอาอารมณ์ความรู้สึกของตนไปลงที่นาง แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้เมื่อคิดว่าในอนาคตนางจะต้องจากเขาไป ความรู้สึกเช่นนี้มันคืออะไรกัน เหตุใดเขาถึงได้หวงแหนสตรีที่เขาเคยรังเกียจเข้ากระดูกดำเช่นนางมากมายเช่นนี้ ไม่ใช่สินางมิใช่สาวใช้ผู้นั้น นางก็คือนาง สตรีที่คอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด

ลู่หยวนซีเข้าใจว่าที่กู้จิ่งเหยียนอารมณ์เสียเช่นนั้นเป็นเพราะคำพูดของเถียนอวี้ซวน นางได้แต่เตะลมด่าฟ้าว่านางน่าจะทำให้เขาเป็นปุ๋ยอยู่ในป่านั่นซะ ไม่อย่างนั้นนางคงขาดทุนแน่ที่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว

ในระหว่างที่ลู่หยวนซีกำลังระบายอารมณ์อยู่ที่ลานเรือน ร่างสูงของเฮ่อเหวินเจ๋อก็เดินเข้ามาพอดี เขาทันได้ยินนางด่าใครบางคนที่จับใจความได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ร่างสูงยกยิ้มมุมปากให้กับท่าทางน่ารักของนาง ก่อนกระแอมไอนำทางไปเพื่อให้นางรู้ตัว

“คุณชาย ท่านมาที่นี่มีธุระกับข้าหรือ”

ลู่หยวนซีหันไปมองผู้มาใหม่ ก่อนที่จะเก็บอารมณ์โกรธของตนที่กำลังปะทุเองเอาไว้ เฮ่อเหวินเจ๋อพยักหน้าให้นางก่อนเอ่ยถึงธุระที่เขามาที่นี่

“ข้ามีสองสามเรื่องที่ต้องมาบอกกับเจ้า เราไปนั่งคุยกันในศาลาเถอะ”

เฮ่อเหวินเจ๋อเดินนำไปยังมุมหนึ่งของลานเรือนที่มีต้นอู๋ถงปลูกเอาไว้ ใกล้กันมีศาลาเล็กๆ ตั้งอยู่ ลู่หยวนซีก้าวตามร่างสูงไปด้วยความสงสัย เขามีธุระสำคัญอะไรกับนางกันแน่

“เรื่องแรกที่ข้าจะต้องพูดกับแม่นาง...เอ่อ”

“ลู่.....ไม่ใช่สิ ชื่อของข้าคือเฉียนฟางหนิงเจ้าค่ะ”

ลู่หยวนซียิ้มออกมาแหยๆ เพราะนางเกือบจะเอ่ยชื่อจริงๆ ของตนออกมา

“ออ แม่นางเฉียน เจ้าเรียกข้าว่าเฮ่อเหวินก็ได้ เอาล่ะเช่นนั้นเรามาเข้าเรื่องสำคัญเลยแล้วกัน เรื่องแรกที่ข้าอยากจะพูดกับเจ้าคือเรื่องของมือสังหารก่อนหน้านี้ คนของข้าเข้าไปพบศพหกศพอยู่ห่างออกไปจากจุดที่เราพบกับพวกเจ้า ศพพวกนั้น....ใช่ฝีมือของเจ้าหรือไม่”

ลู่หยวนซีไม่คิดปิดบังเพราะนางเองก็ได้เห็นพวกเขาฆ่าคนไปแล้วเช่นกัน ถือว่าทั้งสองเสมอกันดังนั้นนางจึงพยักหน้ารับ

“ใช่เจ้าค่ะ เป็นฝีมือของข้าเอง”

เฮ่อเหวินเจ๋อเริ่มมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อยว่านางจะต้องมิใช่สาวใช้ธรรมดาแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีมือสังหารมาตามฆ่านางเช่นนี้

“เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงได้มีคนต้องการให้เจ้าตาย อีกอย่างเรื่องที่เจ้ารักษาบาดแผลของข้าโดยที่ทิ้งเอาไว้เพียงรอยแผลเป็นเท่านั้นทั้งที่เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ต่อให้เป็นหมอเทวดาที่เก่งที่สุดในทวีปนี้ก็ไม่มีทางทำเช่นนั้นได้แน่ แม่นางเฉียน เจ้ากำลังปิดบังสิ่งใดอยู่ใช่หรือไม่”

ลู่หยวนซีไม่คิดว่าตนจะถูกถามออกมาตรงๆ เช่นนั้น นางอึ้งไปเล็กน้อยก่อนกระแอมไอเพื่อขับไล่ความอึดอัด เพราะนางมิได้เตรียมคำตอบสำหรับเรื่องเหล่านี้เอาไว้ ความจริงนางเองก็อยากรู้เช่นกันว่าเฉียนฟางหนิงเป็นใคร ทั้งที่นางเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่งที่เติบโตมาในจวนขุนนาง เหตุใดเลือดของนางถึงได้ช่วยชีวิตของกู้จิ่งเหยียนได้

ลู่หยวนซีลูบไปที่มือของตนที่มีรอยกัดของกู้จิ่งเหยียนหลงเหลืออยู่เบาๆ ก่อนมองไปยังบุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้าของตน

“คุณชาย ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร เท่าที่ข้าจำได้ตัวข้าถูกเลี้ยงดูและเติบโตอยู่ภายในจวนสกุลกู้ เรื่องมือสังหารข้าก็ไม่รู้ว่าแท้จริงพวกมันต้องการฆ่าใครกันแน่ ระหว่างข้ากับคุณชายของข้า ท่านก็เห็นแล้วว่าอาการป่วยของเขาเป็นอย่างไร บางทีคงมีคนไม่ต้องการให้เขาอยู่เพื่อให้เนื้อเรื่องไม่ออกทะเลไปไกลก็เป็นได้”

เฮ่อเหวินเจ๋อขมวดคิ้วอย่างสงสัยในประโยคสุดท้ายของนาง

“ขะ...ข้าหมายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง”

ลู่หยวนซีลืมตัวพูดถึงเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย นางทำได้เพียงหาเรื่องพูดเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่าของตน แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้บอกเฮ่อเหวินเจ๋อว่าทั้งหมดเป็นเพราะฝีมือของผู้เขียน และนางเริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเริ่มไม่เหมือนเรื่องราวในนิยายเข้าไปทุกที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   รักษาคนอีกครั้ง

    ลู่หยวนซีมิได้ตอบคำถามของเขา นางพูดเรื่องอื่นขึ้นเพื่อเบี่ยงประเด็นคำถามของเขาออกไป และกู้จิ่งเหยียนรู้ว่านั่นเป็นเรื่องที่นางถนัดนัก เขาที่รู้ทันก็มิได้เปิดโปงหรือเอ่ยเซ้าซี้นางอีก เอาเถอะเอาไว้รอให้นางพร้อมเมื่อใดนางคงจะพูดออกมาเอง“ได้ เรื่องนี้ข้าให้เจ้าตัดสินใจ”ตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ทั้งสองคนพูดคุยกันมากขึ้น กู้จิ่งเหยียนเองก็เหมือนจะเปิดใจให้นางมากกว่าเดิม บางครั้งต่อให้นางยังไม่ได้พูดกับเขา เขาก็จะเป็นฝ่ายที่เริ่มประโยคสนทนาขึ้นมาก่อน เรื่องนี้ทำให้ลู่หยวนซีเบาใจลงไม่น้อยเพราะในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง นางอาจจะต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงคุณชายจากจวนขุนนาง หากวันหน้าเขาหายดีนางก็คงจะถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อเขาอยู่กระมัง“ข้าหิวแล้ว เจ้าทำอาหารง่ายๆ สักสองสามอย่างมาทานด้วยกันดีหรือไม่”กู้จิ่งเหยียนเองก็พยายามเพื่อนางเช่นกัน เขาไม่อยากให้สตรีผู้นี้รู้สึกไม่สบายใจหรือทุกข์ใจ หาอะไรให้นางทำเผื่อว่านางจะลืมเรื่องที่อยู่ในใจไปได้บ้าง“ท่านหิวแล้วหรือเจ้าคะ”ลู่หยวนซีมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเบี่ยงไปอีกด้านเล็

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อยู่ให้ห่างจากพวกเขา

    สิ่งที่ระบบยังไม่ทันได้บอกลู่หยวนซีก่อนที่เขาจะหายไปคือ การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเป็นตัวแปรอีกตัวแปรหนึ่งที่กำลังจะทำให้เนื้อเรื่องในนิยายเปลี่ยนไปลู่หยวนซีพูดคุยกับเฮ่อเหวินเจ๋ออยู่ภายในศาลาหน้าเรือนอยู่นาน นางพยายามพูดวกไปวนมาเพื่อให้เขาลืมเรื่องการรักษาของนาง และก็เป็นไปตามที่ลู่หยวนซีต้องการ เขาไม่เซ้าซี้ถามนางอีกว่าเหตุใดบาดแผลของเขาถึงได้หายดีในชั่วพริบตาแต่กลับมีบุคคลอีกคนหนึ่งที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ภายในห้อง การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเขาสามารถรับรู้ได้ก่อนลู่หยวนซีเสียอีก ฝีเท้าแผ่วเบาที่ก้าวอย่างมั่นคงเข้ามาในลานเรือน เขารู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีวรยุทธกู้จิ่งเหยียนสามารถจดจำเสียงฝีเท้าของบุรุษทั้งหกที่เข้าไปในป่าก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทั้งร่างกายและประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาเฉียบคมขึ้นทุกที ตั้งแต่......ตั้งแต่ที่เขาดื่มเลือดของนางเข้าไป ทุกอย่างที่ผ่านตาของและเสียงทั้งหมดที่ได้ยินเขาสามารถจดจำและรับรู้ได้ไม่ลืม ความรู้สึกนี้มันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก“ข้าสั่งให้พักผ่อนเหตุใดถึงได้ยังนั่งคุยกับผู้อื่นอยู่อีก”กู้จิ่งเหยียนเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิด สตรีผู้นี้ดูแล้วเห

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   เจ้าเหนื่อยที่ต้องดูแลข้าหรือ

    “คุณชายท่าน...มองเห็นข้าหรือเจ้าคะ”กู้จิ่งเหยียนรีบมองไปด้านหน้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตน“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”ลู่หยวนซีเห็นสายตาที่เขามองไปด้านหน้า นางก็ยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อทดสอบดูว่าเขามองเห็นหรือไม่ แต่ดวงตากู้จิ่งเหยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ นางจึงถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าคงจะคิดมากไปเอง เห็นดวงตาของคุณชายกลับมาเป็นสีปกติ คิดว่าท่านอาจจะกลับมามองเห็นได้แล้วเสียอีก”ท่าทางของนางทำให้กู้จิ่งเหยียนรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆ ในใจ หรือว่านางเบื่อที่จะดูแลคนพิการอย่างเขาแล้ว ร่างสูงที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางน้อยใจ“เจ้าเหนื่อยอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไม่ต้องดูแลข้าแล้ว พาข้ากลับไปที่เตียงแล้วเจ้าก็ไปพักเถอะ”ลู่หยวนซีมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ก็เห็นนั่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร พอมาตอนนี้กลับพูดเสียยาวเหยียด ทั้งยังแสดงท่าทางห่วงใยกลัวว่านางจะเหนื่อยอีก คนผู้นี้ยังใช่กู้จิ่งเหยียนคนเดิมอยู่หรือไม่ ท่าทางของเขาช่างดูแปลกตานักลู่หยวนซีไม่กล้าขัดใจคุณชายผู้เอาแต่ใจของนาง หลังจากพาร่างสูงไปส่งยังเตียงนอนในห้องใหญ่ นางก็ออกมาข้างนอกเพื่อยกชามโจ๊กท

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อารมณ์ที่ไม่มั่นคงของกู้จิ่งเหยียน

    “โอ้ย!! หนิงเอ๋อเหตุใดเจ้าถึงทำร้ายข้า”ลู่หยวนซีส่งเสียงหึ!ออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนใช้สายตามองต่ำลงไปยังบัณฑิตชุดขาวที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น“กล้าเอ่ยวาจาล่วงเกินคุณชายของข้า ลองเป็นง่อยดูบ้างเป็นอย่างไร บางทีอาจจะทำให้เจ้าเลิกปากเสียแล้วเอาเวลาไปดูแลขาของเจ้าแทน”เอ่ยจบร่างบางที่แบกชายหนุ่มเอาไว้บนหลังก็เดินจากไป ทิ้งให้บุรุษอีกหกคนที่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ตกตะลึงกับการกระทำของนาง สตรีผู้นี้ฝีเท้ารวดเร็วเหลือเกิน ปากไม่พูดแต่กลับตีคนอย่างหน้าตาเฉย ลู่หยวนซีเดินไปได้สักพัก นางก็หันกลับไปมองพรรคพวกอีกหกคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม“พวกท่านไม่ไปหรือ”นางตะโกนถามพวกเขาก่อนออกเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ เฮ่อเหวินเจ๋อและคนของเขาได้สติกลับมาหลังจากเสียงเรียกของนางดังขึ้น ทุกคนรีบก้าวยาวๆ ตามไปเพื่อเดินให้ทันนาง“คุณชายท่านอย่าได้ใส่ใจคำพูดที่ออกมาจากปากเน่าๆ ของเจ้าบัณฑิตนั่นเลยนะเจ้าคะ เมื่อก่อนข้าอาจเลอะเลือนและดูแลท่านได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ข้าสัญญาว่าจะหาทางรักษาท่านให้หายดี ขอเพียงท่านเชื่อมั่นในตัวข้าก็พอ”ลู่หยวนซีเอ่ยเสียงเบากับคนที่นางกำลังแบกเอาไว้บนหลัง ไร้เสียงตอบกลับ

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อย่าเข้าใกล้นางอีก

    ชายชุดดำที่หายจากอาการตกตะลึง รีบออกคำสั่งให้พวกของตนรีบตามคนทั้งสองไป ลู่หยวนซีออกวิ่งเต็มกำลังแต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นสี่คนที่ใช้วิชาตัวเบาทะยานตามมาได้ กระบี่สีขาววาววับที่สะท้อนแสงแดดส่องกระทบดวงตาของนาง ร่างบางที่แบกกู้จิ่งเหยียนเอาไว้ ด้านหลังหลับตาลงคิดว่าตนเองคงจะหลบการแทงนี้ไม่พ้นแล้วแต่เสียงเคร้ง!!ก็ดังขึ้นข้างหูของนาง อาวุธลับสีนิลลอยกระเด็นไปปักอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป ลู่หยวนซีที่เตรียมใจตายเอาไว้แล้วหรี่ตาขึ้นมองเหตุการณ์ตรงหน้า พบว่าชายชุดดำทั้งสี่ถูกปลิดชีพลงอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของใครบางคน และเมื่อลู่หยวนซีได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“เป็นท่านเองหรือ”กู้จิ่งเหยียนขมวดคิ้วอย่างสงสัย สายตาจับจ้องไปยังชายร่างสูงใหญ่ในชุดอาภรณ์สีนิลพร้อมกับผู้ติดตามทั้งหก พลางคิดในใจว่านางไปรู้จักกับคนน่าสงสัยเหล่านี้ได้อย่างไร“แม่นางข้าให้คนตามหาเจ้าตั้งหลายวัน หากไม่ได้ยินเสียงร้องของมือสังหารเหล่านั้นคงตามมาที่นี่ไม่ทันการณ์เป็นแน่”ลู่หยวนซียิ้มรับคำพูดของเขาอย่างยินดี นางไม่คิดว่าที่ระบบสั่งให้นางช่วยชีวิตเขา จะทำให้นางได้รับการตอบแทนเป็นความช่วยเ

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มดีขึ้น

    ลู่หยวนซีถามกู่จิ่งเหยียนอย่างหน้าตาเฉย เมื่อก่อนเขามองไม่เห็นก็แล้วไป แต่ตอนนี้ดวงตาของเขากลับมามองเห็นเป็นปกติแล้วจะให้นางช่วยเรื่องนั้นได้อย่างไร กู้จิ่งเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธถึงแม้เขาจะเริ่มรู้สึกปวดเบาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยต่อหน้านางเป็นแน่ ลู่หยวนซีพยักหน้ารับรู้ก่อนวางกระโถนเอาไว้มุมหนึ่งของถ้ำ จากนั้นจึงหันไปล้มตัวลงนอนบนที่นอนของตนที่ปูเอาไว้คนละฟากของกองไฟเสียงลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่านางนั้นได้หลับไปแล้ว กู้จิ่งเหยียนกำลังจะคลานไปที่กระโถนใบนั้นแต่แล้วลู่หยวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง นางหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังค้างอยู่ในท่าจับขอบกระโถนเอาไว้ด้วยสายตามึนงง ก่อนจะถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย“คุณชายท่านปวดเบาหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านไม่ปลุกข้า ข้าเองก็ลืมว่ายังมิได้เปลี่ยนชุดให้ท่านเลย มาเถอะข้าช่วย”กู้จิ่งเหยียนยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากปฏิเสธ ลู่หยวนซีก็ถึงตัวเขาเสียแล้ว ความอับอายที่มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้มันถูกอัดแน่นอยู่ภายในอก นางช่วยเขาถ่ายเบาทั้งยังจับเขาเปลื้องผ้าและเช็ดตัวให้ หญิงผู้นี้ไม่รู้จักคำว่าอายหรืออย่างไร นางเป็นสตรีนะหลังเปลี่ยนชุดให

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status