Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาพบรักกับเมน / บทที่ 11 ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้ว

Share

บทที่ 11 ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้ว

last update Last Updated: 2025-09-26 20:00:32

บทที่ 11

ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้ว

เมื่อลืมตาขึ้นมาหยางจื้อเจ๋อก็พบกับแสงสว่างอีกครั้งแต่เป็นแสงสว่างที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องที่นอนอยู่ เขากวาดตามองไปรอบห้องช้า ๆ ไม่สามารถหันหน้าได้ถนัดเนื่องจากรู้สึกเจ็บปวดที่ต้นคออยู่ไม่น้อย

        ห้องที่นอนอยู่นั้นมองแล้วรู้สึกไม่คุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างภายในห้องดูเหมือนจะไม่ใช่โลกปัจจุบันที่เขาเคยอยู่ ทั้งรูปแบบการตกแต่งห้องที่แปลกตา ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ดูแล้วนะจะเหมือนจวนของชนชั้นสูงในยุคโบราณมากกว่า

        แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือเหตุใดอยู่ ๆ เขามีมีอาการเหมือนคนได้รับบาดเจ็บ หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์รถชน พอคิดดูอีกครั้งก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าเขาเองก็ตายไปแล้วและร่างก็ถูกฝังไปเมื่อสักครู่นี้ซึ่งเขาเห็นมันด้วยตาของตัวเอง

หยางจื้อเจ๋อพยายามยามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่ทว่าความรู้สึกเจ็บจากแผลที่แขนทำให้ต้องอุทานออกมาคำหนึ่ง "โอ๊ย"

        สาวใช้สองคนที่เฝ้าอยู่ภายในห้องเมื่อได้ยินก็รีบมาตามเสียงนั้นทันที เมื่อมาถึงก็เห็นว่าผู้เป็นนายฟื้นขึ้นมาแล้วจึงดีใจกันยกใหญ่ สาวใช้นางหนึ่งวิ่งออกจากห้องไปประกาศเสียงดังลั่น

        "ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้ว ๆ" สาวใช้นางนั้นวิ่งไปตะโกนเสียงดังได้ยินไปจนถึงคนที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าจวน ในที่สุดนางก็วิ่งไปจนถึงห้องรับรองที่มีหมอและองครักษ์ข้างกายของท่านเจ้าเมืองนั่งคุยกันอยู่

        "ท่านหมอ ท่านหัวหน้าองครักษ์กู้ ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้วเจ้าค่ะ" สาวใช้กล่าว

        ทั้งสองได้ยินดังนั้นก็วิ่งมาที่ห้องนอนของเจ้าเมืองทันที เห็นเจ้าเมืองฟื้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ หัวหน้าองครักษ์กู้ก็ดีใจจนแทบจะร้องให้ออกมา ส่วนหมอหนุ่มนั้นไม่รอช้ารีบจับดูชีพจรของเขาทันที

        "ท่านเจ้าเมือง…ท่านฟื้นแล้ว" หัวหน้าองครักษ์กู้กล่าวอย่างดีใจ

        "อืม" หยางจื้อเจ๋อเล่นบทไปตามน้ำ เพราะว่าเมื่อสักครู่ก่อนที่หมอกับหัวหน้าองครักษ์จะเข้ามานั้นความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ได้พรั่งพรูเข้ามาในหัวของเขาแล้ว แม้จะเป็นเวลาเพียงชั่วครู่แต่ทว่าความทรงจำนั้นได้ถูกถ่ายทอดมาให้จนหมดรวมถึงสิ่งที่เขาจะต้องรับผิดชอบต่อจากนี้ด้วย

เจ้าของร่างเดิมแท้จริงแล้วเป็นชายที่เขาพบก่อนหน้านี้ตอนที่ยืนดูพิธีศพของตนเองอยู่ที่สุสานบรรพชนตระกูลหยาง เขาคือชายที่อยู่ในชุดนักรบที่เลือดอาบคนนั้น เป็นเจ้าเมืองถู่หยางนามว่าเซียวป๋อเหวิน ชายหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้มาเป็นเจ้าเมืองที่เมืองถู่หยางแห่งนี้ได้สองปีแล้ว

        เซียวป๋อเหวินเป็นขุนนางน้ำดีที่ถูกส่งมาจากเมืองหลวง ที่ต้องมาที่เมืองถู่หยางก็เป็นเพราะว่าสถานการณ์ที่เมืองเหนือละแวกนี้ไม่ค่อยดีนัก ถูกรุกรานจากพวกโจรภูเขาอยู่บ่อยครั้ง เป็นปัญหาที่ต่อเนื่องมายาวนานหลายปี แต่ทว่าก็ไม่มีผู้ใดสามารถจัดการได้เสียที จนเซียวป๋อเหวินรู้สึกได้ว่าต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ไม่น้อยมิเช่นนั้นโจรภูเขาพวกนี้เหตุใดถึงได้เหิมเกริม มิหนำซ้ำยังอยู่มาได้ยาวนานถึงเพียงนี้

        แท้จริงแล้วเซียวป๋อเหวินเป็นถึงบุตรคนเล็กของชินอ๋องพระอนุชาของฮ่องเต้ มีความสามารถที่โดดเด่น เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ทั้งยังมีใจที่จงรักภักดีและทำเพื่อชาวเมืองอย่างแท้จริง ก่อนที่จะถูกส่งมาที่นี่ฮ่องเต้ทรงตรัสถามเขาแล้วว่าเขาไม่ต้องการตำแหน่งที่ใหญ่กว่านี้จริงหรือ นี่เป็นเพียงตำแหน่งเจ้าเมืองในเมืองชายแดนเล็ก ๆ เท่านั้นคงไม่สมเกียรติของเขา แต่เขาก็เป็นคนยืนยันเองว่าเขาจะมาที่นี่และจัดการกับปัญหาโจรภูเขาเหล่านี้ให้ได้

เมื่อมาอยู่ที่นี่แล้วเขาก็ดูแลเมืองถู่หยางเป็นอย่างดี สร้างกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะมีกำลังไม่มากแต่ทว่าก็มีฝีมืออยู่ไม่น้อย ตลอดสามปีที่ผ่านมาก็สามารถปกป้องเมืองถู่หยางกับเมืองในละแวกนั้นให้ปลอดภัยจากการรุกรานของพวกโจรภูเขาได้

แต่มาปีนี้พวกโจรภูเขามีมากมายหลายเท่าตัวจนกองกำลังของเขาไม่สามารถต้านทานไหว แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมแพ้นำกองกำลังบุกกำจัดพวกโจรภูเขาต่อไป จนครั้งนี้ถึงได้เสียทีกลับมาได้รับบาดเจ็บสาหัสหมดสติไปก็หลายวัน จนในที่สุดก็เสียชีวิตลงโดยที่มีวิญญาณของหยางจื้อเจ๋อมาเข้าร่างแทน

        "เป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านหมอหลิว" หัวหน้างองครักษ์กู้เอ่ยถาม

        หมอหนุ่่มถอนมือออกจากแขนข้างที่จับชีพจรก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอก "ชีพจรเต้นปกติแล้ว นอกจากอาการบาดเจ็บที่แผลภายนอกก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกอย่างปกติดี"

        "ท่านหมอหลิวจะเขียนเทียบยาเลยหรือไม่ขอรับ ข้าจะได้ออกไปซื้อ" หัวหน้าองครักษ์กู้กล่าวอย่างกระตือรือร้น

        หมอหลิวยกมือขึ้นห้าม "ไม่ต้องหรอกเรื่องดูแลเขาให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง รบกวนหัวหน้าองครักษ์กู้ไปบอกเด็กที่บ้านข้าว่าให้เขาปิดร้านต่อไป หากผู้ใดมาถามบอกว่าข้ายังไม่กลับมา"

        "รับทราบขอรับ" หัวหน้าองครักษ์กู้รับคำแล้วเดินออกไป

        "พวกเจ้าเองก็ออกไปเถอะ ข้ามีเรื่องสำคัญต้องพูดคุยกับท่านเจ้าเมือง" หมอหลิวหันไปบอกกับสาวใช้อีกสองคนที่ยืนอยู่ใกล้กับประตู สาวใช้ได้ยินคำสั่งแล้วก็เดินออกไปแต่โดยดีและปิดประตูให้อย่างมิดชิด

        เจ้าของร่างเดิมกับหมอหลิวนั้นเป็นสหายกันตั้งแต่ก่อนที่เขาจะย้ายมาอยู่ที่เมืองถู่หยางแล้ว หมอหลิวเข้าไปร่ำเรียนวิชาแพทย์ที่เมืองหลวงพบกับเซียวป๋อเหวินที่โรงเตี้ยมที่เขาพักอยู่ และด้วยอายุที่ไล่เรี่ยกัน ความคิดความอ่านที่คล้าย ๆ กัน ทั้งยังสามารถปรึกษาปัญหากันได้ทุกเรื่องจึงทำให้เซียวป๋อเหวินกับหลิวซ่างเอินสนิทสนมกัน ทั้งสองไม่ได้คบสหายมากมาย สำหรับเซียวป๋อเหวินนอกจากทหารของเขาแล้วก็มีหมอหลิวนี่แหละที่เขาสนิทที่สุด ส่วนหมอหลิวนั้นไม่ได้มีสหายผู้อื่นเลยนอกจากเซียวป๋อเหวิน ดังนั้นพอได้ยินว่าเซียวป๋อเหวินจะย้ายมาเป็นเจ้าเมืองที่เมืองถู่หยางนั้นเขาก็ดีใจเป็นอย่างมาก

และครั้งนี้ตอนที่เซียวป๋อเหวินได้รับบาดเจ็บนั้นหมอหลิวที่เดินทางไปรักษาผู้ป่วยอยู่ที่หมู่บ้านไกลออกไปก็รีบกลับมา แต่กว่าจะเดินทางกลับมาถึงเมื่อถู่หยางก็กินเวลาไปสามวัน หากชาวบ้านไม่ลือกันว่าท่านเจ้าเมืองได้รับบาดเจ็บเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องเป็นแน่

        "หากข้าไม่กลับมาเจ้าก็ไม่ฟื้นอย่างนั้นหรือ ช่างเป็นคนเอาแต่ใจเสียนี่กระไร" หมอหลิวกล่าวเป็นเชิงหยอกล้อ

        "ข้าเอาแต่ใจที่ไหนกัน ผู้ใดจะไปรู้เล่าว่าตนเองจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด" เซียวป๋อเหวินกล่าวพร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

        "เอาเถอะ เจ้าคงจะขยับตัวไปไม่ได้อีกหลายวัน ช่วงนี้ข้าจะเป็นคนดูแลแผลของเจ้าเอง เจ้าวางใจได้" หมอหลิวกล่าว

        "ขอบคุณมาก ลำบากเจ้าแล้ว" เซียวป๋อเหวินพยักหน้าที่ขยับได้เพียงน้อยนิดให้เขา

คำพูดของเซียวป๋อเหวินทำเอาหมอหลิวชะงักไปครู่หนึ่ง "ขอบคุณอย่างนั้นหรือ ปกติแล้วเจ้าน่าจะพูดว่า แน่นอนอยู่แล้วมันเป็นหน้าที่ของเจ้า เช่นนี้มิใช่หรือ"

"เจ้าอย่าได้ถือสาเลยน่า" เซียวป๋อเหวินรีบบ่ายเบี่ยงเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าคำพูดเมื่อสักครู่มิใช่แบบที่เจ้าของร่างเดิมเคยพูดกับสหาย

"สงสัยว่าที่ศีรษะคงจะได้รับการกระทบกระเทือนถึงได้ไม่เหมือนเดิม เอาเป็นว่าเจ้าพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะกลับไปที่บ้านเตรียมยามาให้" หมอหลิวว่า พลางลุกขึ้นจัดแจงเครื่องแต่งกายของตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องไป

"อืม" เซียวป๋อเหวินส่งเสียงตามหลัง

บรรยากาศในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง เซียวป๋อเหวินเริ่มคิดพิจารณาตนเอง ภารกิจที่เขาได้รับจากเจ้าของร่างเดิมนั้นยิ่งใหญ่นัก ไม่ใช่เพียงแค่เป็นเจ้าเมืองดูแลเมืองถู่หยางเท่านั้นแต่ทว่านี่หมายถึงการทำสงคราม ยิ่งเมื่อทบทวนสิ่งที่เจ้าของร่างสืบมาได้นั้นยิ่งแน่ใจเข้าไปอีกว่าแคว้นของศัตรูมีส่วนร่วมกับโจรภูเขา อีกไม่นานต้องมีสงครามอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไร เขาเป็นเพียงแค่นักแสดงคนหนึ่งไม่ใช่นักรบเสียหน่อย

"เซียวป๋อเหวิน เหตุใดท่านไม่ไปเลือกผู้อื่นเล่า เหตุใดจึงต้องเป็นข้าด้วย" เขาบ่นพึมพำ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 14 แม่สื่อแม่ชัก

    บทที่ 14 แม่สื่อแม่ชัก ออกจากเหลาสุราก็เดินตรงไปยังร้านขายหมูของต้าเป่าทันที ที่ร้านขายหมูตอนนี้วุ่นวายมากเพราะใกล้จะถึงงานเทศกาลตวนอู่แล้ว ผู้คนจึงออกจากบ้านมาจับจ่ายซื้อของไปทำบ๊ะจ่างกันมากมายเต็มตลาดไปหมด กว่าที่ฟางหนิงฮวาจะเบียดฝ่าฝูงชนเข้าไปในร้านขายหมูได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกเช่นกัน เทศกาลตวนอู่หรือเทศกาลบ๊ะจ่างเป็นเทศกาลสำคัญ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 เดือน 5 บรรยากาศของเทศกาลอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของวัฒนธรรมและประเพณี ผู้คนจะเริ่มเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่ หญิงสาวช่วยกันห่อบ๊ะจ่างด้วยใบไผ่หรือใบหญ้าเรียวยาว ภายในห่อข้าวเหนียวสอดไส้ด้วยหมูแดง ถั่ว หรือไข่แดงเค็ม กลิ่นหอมของบ๊ะจ่างลอยคลุ้งไปทั่วลานบ้านชายฉกรรจ์จะนำเรือมังกรออกมาเพื่อเตรียมแข่งในแม่น้ำ เสียงกลองกระหึ่มกึกก้อง ผสมกับเสียงร

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 13สุราที่นี่ก็ไม่เท่าไร

    บทที่ 13 สุราที่นี่ก็ไม่เท่าไร หนึ่งเดือนผ่านไปฟางหนิงฮวาก็เริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในเมืองถู่หยางแล้ว ถึงแม้ว่าจะคิดถึงที่ที่จากมาอยู่บ้างแต่ว่าที่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หนักใจอะไร คนที่คิดถึงก็เห็นจะมีแค่เสี่ยวปิงกับคนที่ร้านอาหารเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรพวกเขาย่อมต้องมีชีวิตของตนเองต่อไป ถึงนางไม่จากตายก็ต้องมีวันใดวันหนึ่งจากเป็นอยู่ดี การที่ได้มาเกิดใหม่ที่นี่ก็ดีไม่น้อย นางมีทั้งพ่อแม่ทั้งอารองที่รักและคอยดูแลนาง เมื่อเทียบกับชาติที่แล้วที่ไม่มีญาติเลยแม้แต่คนเดียวนั้นก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นกว่ามาก การได้อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัวเป็นอะไรที่มีความสุขยิ่งซึ่งนางไม่เคยสัมผัสมาก่อนชีวิตที่นี่ก็เรียบง่ายไม่ต้องทำงานแข่งกับเวลาหรือว่าแข่งขันกันเพื่อความก้าวหน้า อาจจะมีบ้างในคนระดับสูงแต่ไม่ใช่บุตรสาวร้านขายซาลาเปาเช่นนาง งานที่ต้องทำก

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 12 ข่าวดีของเมืองถู่หยางที่มาพร้อมกับซิกแพค

    บทที่ 12 ข่าวดีของเมืองถู่หยางที่มาพร้อมกับซิกแพค ข่าวของท่านเจ้าเมืองถูกติดประกาศตามพื้นที่ต่าง ๆ รอบเมืองถู่หยาง ชาวเมืองต่างก็มาดูประกาศกันอย่างตื่นเต้น ในเมื่อประกาศจากจวนเจ้าเมืองยืนยันเป็นที่แน่ชัดว่าท่านเจ้าเมืองของพวกเขาฟื้นแล้วทุกคนต่างก็ดีใจมาก ถึงขั้นจัดฉลองกันใหญ่ โดยเฉพาะบรรดาหญิงสาวที่ชื่นชอบท่านเจ้าเมือง พวกนางดีใจจนถึงกับน้ำตาไหล ต่างจับมือกันอย่างปลาบปลื้ม บ้างกราบไหว้ฟ้าดินไม่หยุดพร่ำพูดว่าขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา พวกนางยังคงไปยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูจวนเจ้าเมืองเช่นเคย คราวนี้เหมือนว่าพวกนางจะรวมตัวกันเยอะกว่าเดิมเสียอีก ของเยี่ยมต่าง ๆ ถูกนำมาให้เหล่าองครักษ์ขนกลับเข้าจวนไปนับไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างไรพวกนางก็ยังคงไม่ได้เข้าไปเยี่ยมท่านเจ้าเมืองอยู่ดีเพ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 11 ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้ว

    บทที่ 11ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้วเมื่อลืมตาขึ้นมาหยางจื้อเจ๋อก็พบกับแสงสว่างอีกครั้งแต่เป็นแสงสว่างที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องที่นอนอยู่ เขากวาดตามองไปรอบห้องช้า ๆ ไม่สามารถหันหน้าได้ถนัดเนื่องจากรู้สึกเจ็บปวดที่ต้นคออยู่ไม่น้อย ห้องที่นอนอยู่นั้นมองแล้วรู้สึกไม่คุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างภายในห้องดูเหมือนจะไม่ใช่โลกปัจจุบันที่เขาเคยอยู่ ทั้งรูปแบบการตกแต่งห้องที่แปลกตา ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ดูแล้วนะจะเหมือนจวนของชนชั้นสูงในยุคโบราณมากกว่า แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือเหตุใดอยู่ ๆ เขามีมีอาการเหมือนคนได้รับบาดเจ็บ หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์รถชน พอคิดดูอีกครั้งก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าเขาเองก็ตายไปแล้วและร่างก็ถูกฝังไปเมื่อสักครู่นี้ซึ่งเขาเห็นมันด้วยตาของตัวเองหยางจื้อเจ๋อพยายามยามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่ทว่าความ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 10 คำสั่งเสียจากวีรบุรุษ

    ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หยางจื้อเจ๋อที่ประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทาง เขาเสียชีวิตบนรถฉุกเฉินระหว่างที่นำตัวส่งโรงพยาบาล วิญญาณของเขาออกจากร่างแล้วนั่งมองตนเองนอนอยู่ในรถอย่างสิ้นหวัง เขาเพิ่งอายุเพียงแค่สามสิบต้น ๆ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและใกล้ถึงจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต อีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะถอนตัวจากเบื้องหน้าแล้วมาทำเบื้องหลังเป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัว ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดสวรรค์ถึงไม่ให้เขามีโอกาสนั้น พยาบาลที่อยู่ในรถฉุกเฉินต่างก็พยายามช่วยชีวิตเขาอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเสียงของเครื่องวัดสัญญาณชีพในรถพยาบาลดังยาวเป็นสัญญาณบอกว่าผู้ป่วยได้หมดลมหายใจ เมื่อร่างของเขาถึงที่โรงพยาบาลได้ไม่นาน พ่อกับแม่ของเขาก็บินตรงมาจากต่างเมืองเพื่อมาดูอาการของลูกชาย พวกเขามีลูกชายเพียงคนเดียวและคาดหวังว่าเขาผู้นี้จะเป็นผู้สืบท

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 9 ว่าที่คู่หมั้น อะไรกันเนี่ย

    เมื่อทำหน้าที่ของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้วฟางหนิงฮวาก็กลับมาที่ร้านอย่างสบายใจ หลังจากนั้นจึงทำหน้าที่ปั้นแป้งซาลาเปาต่อ ร้านนี้ไม่ได้ขายดีเพียงแค่ช่วงเช้าหรือว่าช่วงที่ผู้คนพักกินข้าวกันเท่านั้นแต่ทว่าขายดีทั้งวัน เพราะเมืองถู่หยางนั้นมีผู้คนมากมาย แต่ละคนทำงานไม่เหมือนกันเวลาพักกินข้าวบางครั้งก็ไม่ตรงกัน ดังนั้นซาลาของร้านสกุลฟางจึงขายได้ทั้งวัน ที่ร้านไม่ได้มีเพียงแค่ซาลาเปาอย่างเดียวยังมีหมั่นโถวขายด้วย ฟางหนิงฮวาไม่คิดว่าสวรรค์จะเข้าข้างตนเองถึงเพียงนี้ ชาติที่แล้วได้ทำงานที่ตัวเองรักนั่นก็คือการเป็นเชฟ พอตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ยังได้เกิดเป็นบุตรสาวร้านขายซาลาเปาอีก ช่างมีความสุขจริง ๆ นางคิดเล่น ๆ ว่าในภายภาคหน้าหากคุ้นเคยกับเมืองนี้และรู้เรื่องลู่ทางการทำมาหากินแล้วก็อยากจะขยายร้านซาลาเปาให้เป็นร้านอาหารที่โด่งดังที่สุดในเมืองถู่หยางพูดถึงร้านอาหารแล้วที่เมือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status