Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาพบรักกับเมน / บทที่ 3 การจากไปของไอดอล

Share

บทที่ 3 การจากไปของไอดอล

last update Last Updated: 2025-09-05 20:00:18

หลังจากจบการแสดงเหล่านักแสดงก็ลงจากเวที พวกเขาจำเป็นต้องออกจากพื้นที่โรงละครก่อนที่ผู้คนที่มาชมการแสดงจะหลั่งไหลกันออกมา ดังนั้นนักแสดงทุกคนจึงต้องออกทางประตูหลัง

        เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อจบการแสดงแล้วทั้งเหล่านักแสดงและทีมงานก็จะมีงานเลี้ยงเล็ก ๆ เพื่อเป็นการขอบคุณของผู้จัดและฉลองในความสำเร็จ เป็นที่แน่นอนว่าหยางจื้อเจ๋อเองก็ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย จะขาดเขาไปได้ยังไงในเมื่อเขาเป็นนักแสดงนำที่มีบทบาทสำคัญ

        งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงละครมากนัก บรรยากาศของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างสนุกสนาน งานนี้ทุกคนต่างก็กินดื่มกันอย่างเต็มที่ยกเว้นก็แต่หยางจื้อเจ๋อที่จิบไวน์พอเป็นพิธีเพราะพรุ่งนี้ต้องบินแต่เช้าเพื่อไปถ่ายทำซีรี่ย์ที่เหิงเตี้ยนต่อ

        หยางจื้อเจ๋อเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของจีน ตอนนี้อายุสามสิบสองปีแล้ว หากจะเทียบดาราคนอื่นที่อายุน้อยกว่าเขาเองก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่มาก ไม่ใช่แค่เพราะหน้าตาที่หล่อเหลาแต่เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก ตั้งใจทำงานเป็นที่สุดจนผลงานของเขาทุกเรื่องนั้นออกมาดีและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง เขามีแฟนคลับมากมายเฉพาะแค่ในจีนก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าล้านคนแล้ว ไหนจะแฟนคลับที่อยู่ในประเทศอื่น ๆ อีก

"คุณหยางครับ ผมไปเอากระป๋าที่บ้านมาเรียบร้อยแล้วนะครับ คุณหยางจะไปที่โรงแรมตอนนี้เลยไหม" ผู้จัดการส่วนตัวของหยางจื้อเจ๋อบอกกับเขา

เนื่องจากวันนี้งานเลี้ยงคงจะเลิกดึกชายหนุ่มจึงคิดว่าจะไปพักที่โรงแรมใกล้ ๆ กับสนามบิน พรุ่งนี้เช้าจะได้เดินทางง่าย ๆ อีกอย่างเขาเองก็จะได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วย ดังนั้นจึงทำการเก็บกระเป๋าไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วให้ผู้จัดการไปเอาหลังจากที่เขาแสดงเสร็จ

นักแสดงหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาก็พบว่านี่เป็นเวลาสามทุ่มกว่า "ยังหรอกพี่เหว่ย เดี๋ยวอยู่ในงานต่อสักพัก กลับเร็วเกินไปมันน่าเกลียด"

"ถ้าอย่างนั้นพี่กลับก่อนนะครับ คุณหยางดูแลตัวเองด้วยอย่าดื่มเยอะล่ะ พรุ่งนี้เจอกันที่สนามบิน"

ผู้จัดการบอกพลางลุกจากเก้าอี้ อู๋เหว่ยต้องรีบกลับเพราะว่าทั้งวันตัวเองมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานเลยยังไม่ได้เก็บของ เขาเองก็ต้องบินไปกับเจ้านายในวันพรุ่งนี้ด้วยเพราะว่ามีเรื่องเอกสารสัญญาที่ต้องเซ็นต์กับผู้สร้าง

"ครับ พรุ่งนี้เจอกันครับพี่" หยางจื้อเจ๋อตอบ

หยางจื้อเจ๋ออยู่ต่อให้งานเลี้ยงสักพัก ในระหว่างที่อยู่นั้นก็มีผู้ใหญ่หลายคนเข้ามาพูดคุยกับเขาเพื่อทาบทามให้เขาเล่นเป็นพระเอกในซีรี่ย์เรื่องที่พวกเขาจะสร้างต่อไป เขาเองก็พูดคุยกับผู้จัดพวกนั้นด้วยความยินดีแต่ว่าจะรับเล่นหรือไม่นั้นอีกเรื่องหนึ่ง เขาเป็นคนที่เลือกบทมาก เขาจะไม่เล่นเรื่องนั้น ๆ เพราะเพียงแค่เป็นซีรี่ย์แนวที่เป็นกระแสแต่เขาจะรับเล่นก็ต่อเมื่อบทนั้นน่าสนใจ ท้าทาย และสามารถทำให้เขาพัฒนาฝีมือทางด้านการแสดงให้ดีขึ้นได้จริง ๆ

เขาขอตัวกลับก่อนงานเลี้ยงเลิกเล็กน้อย นี่ก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้วหากกลับดึกว่านี้เกรงว่าคงพักผ่อนไม่เต็มที่ เมื่อกล่าวลาทุกคนเสร็จก็เดินมาขึ้นรถตู้ของตัวเอง ลุงเถียนคนขับรถสตาร์ทเครื่องรออยู่แล้ว

"ไปโรงแรมเลยใช่ไหมครับ" ลุงเถียนถามหลังจากที่หยางจื้อเจ๋อขึ้นมาบนรถ

"ครับลุงเถียน ไม่ต้องแวะที่ไหนแล้ว" ชายหนุ่มตอบ

จากนั้นลุงเถียนก็ไม่รอช้ารีบขับรถออกจากโรงแรมทันที เมื่อรถออกมาแล้วก็มีรถเก๋งอีกสี่ห้าคันขับตามมา เป็นเรื่องปกติที่หยางจื้อเจ๋อมักจะเจอ พวกที่ขับรถตามมานี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกซาแซงที่อยากได้รูปได้ข้อมูลของเขา พวกนี้จะตามติดแทบจะตลอดเวลาทั้งตอนทำงาน ตอนกินข้าว ตอนไปไหนมาไหนหรือแม้กระทั่งตอนกลับบ้าน กล่าวได้ว่ารูปถ่ายของหยางจื้อเจ๋อหากพวกเขาสามารถถ่ายมาได้ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็สามารถขายได้ทุกใบ

"เมื่อไหร่พวกเขาจะหยุดตามผมสักทีนะ ไม่เหนื่อยกันหรือยังไง" หยางจื้อเจ๋อบ่นให้ลุงเถียนฟัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นแบบนี้ เพราะเจอมาแทบทุกครั้งจนชีวิตแทบไม่เป็นอันทำอะไร บางครั้งงานของเขาก็ถึงกับสะดุดเมื่อมีคนพวกนี้มาขวางทำให้เขาตกเครื่องบ้าง รถของเขาไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้บ้าง ทำเอาทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวปั่นป่วนไปหมด แต่เขาก็ไม่เคยว่าเลยสักครั้ง

"คิดในแง่ดีครับคุณหยาง อย่างน้อยพวกเขาตามมาก ๆ คุณหยางก็ยิ่งดังขึ้น" ลุงเถียนบอกอย่างอารมณ์ดี

"อยู่กับลุงนี่ผมสดใสขึ้นเยอะเลยนะ ไม่ว่าเรื่องอะไรลุงก็มองในแง่ดีไปหมด" หยางจื้อเจ๋อว่า

ลุงเถียนหัวเราะเล็กน้อย "มองในแง่ดีไว้ก่อนดีกว่ามองในแง่ร้ายนะครับ”

เมื่อเป็นดาราที่มีชื่อเสียงโด่งดังมีแฟนคลับมากมาย แต่ว่าทุกอย่างเมื่อมีบวกก็ต้องมีลบ มีขาวก็ต้องมีดำ เขาเองก็เช่นกัน เขาไม่ได้มีแต่แฟนคลับดีดีที่ติดตามผลงานของเขาเท่านั้น เขายังมีพวกแอนตี้ที่คอยจะเล่นงานเขาด้วย บางคนถึงขั้นไม่ชอบเขาเอามาก ๆ อิจฉา อยากทำลายชีวิตของเขา แต่เขาไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเพราะไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นอันทำมาหากินแน่

ต่อให้เขาไม่สนใจก็จริงแต่พวกแอนตี้พวกนี้ก็ยังรังควานอยู่ อย่างเช่นวันนี้มีรถเก๋งหนึ่งคันที่กำลังตามมา

ลุงเถียนขับรถในระดับความเร็วที่ค่อนข้างเร็วพอสมควรเพราะเวลาทุกวินาทีของเจ้านายนั้นมีค่า และนี่ก็เลยเวลาเที่ยงคืนแล้วสมควรเป็นเวลาพักผ่อนดังนั้นลุงเถียนจึงเร่งความเร็วขึ้นอีกเพื่อที่จะให้ถึงโรงแรมเร็ว ๆ แต่ว่าจากเดิมที่ถนนโล่งก็ปรากฏรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งแซงขึ้นมา

รถทั้งสองคันขับอยู่ไล่เรี่ยกันสักพัก ลุงเถียนเริ่มรู้สึกแปลกใจว่าทำไมรถเก๋งคันนี้ถึงไม่แซงไปสักทีเอาแต่ขับหยั่งเชิงกับเขาอยู่ได้

"คุณหยางครับ รถเก๋งคันที่อยู่ข้าง ๆ นี่ดูแปลก ๆ นะครับ จะใช่พวกซาแซงหรือเปล่า" ลุงเถียนถาม

"ช่างมันเถอะลุงเถียน เขาอยากตามก็ปล่อยให้เขาตามไป เดี๋ยวเราถึงที่เขาก็กลับไปเองแหละ" หยางจื้อเจ๋อบอก ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าไม่ได้กังวลอะไรเพราะเจอเรื่องแบบนี้มาจนชินแล้ว

"ลุงว่ามันไม่ใช่แค่ตามแล้วนะครับ แต่ว่า…เฮ้ย!" ลุงเถียนพูดยังไม่ทันจบก็ต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

อยู่ดี ๆ รถเก๋งคันนั้นก็หักเลี้ยวขวากระทันหันเข้ามาปาดหน้ารถตู้ของหยางจื้อเจ๋อ ลุงเถียนตกใจมากจึงหักรถเลี้ยว รถตู้วิ่งลงข้างทางด้วยความเร็วสูง ลุงเถียนไม่สามารถควบคุมรถได้ทำให้รถพุ่งไปชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ข้างทางเข้าอย่างจัง

เสียงโครมดังสนั่นลุงเถียนที่เป็นคนขับถูกถุงลมนิรภัยยันตัวเอาแต่ด้วยแรงกระแทกทำให้ด้านหน้าของรถตู้บุบเข้ามาทับขาลุงเถียนจนไม่สามารถเอาตัวเองออกมาจากรถได้ ด้วยความที่ยังมีสติอยู่จึงเงยหน้าขึ้นมาจะถามหยางจื้อเจ๋อว่าเป็นยังไงบ้างแต่ภาพที่อยู่ต่อหน้าก็ทำเอาลุงเถียนหัวใจสลายลงตรงนั้น

ตรงหน้าเป็นร่างของหยางจื้อเจ๋อที่เต็มไปด้วยเลือดนอนอยู่บนกระโปรงรถส่วนที่ติดกับต้นไม้ แรงกระแทกในการชนนั้นแรงมากจนหยางจื้อเจ๋อที่นั่งอยู่เบาะหลังคนขับกระเด็นทะลุกระจกหน้าออกมาแล้วกระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างแรง ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรเพราะลุงเถียนเองก็ไม่สามารถขยับไปช่วยเจ้านายได้

"คุณหยางครับ ได้ยินผมไหม"

        หยางจื้อเจ๋อไม่ตอบ ไม่เพียงแต่ไม่มีเสียงตอบเท่านั้นแต่ว่าไม่มีสัญญาณใด ๆ ส่งมาจากตัวเขาเลย

รถฉุกเฉินมาถึงนำพาเอาร่างของหยางจื้อเจ๋อไปโรงพยาบาล ตอนที่เอาเขาขึ้นรถไปนั้นยังมีลมหายใจอยู่แต่ว่าก็รวยรินเต็มที โรงพยาบาลอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณหนึ่ง พยาบาลที่อยู่บนรถพยายามช่วยเขาอย่างเต็มที่เพื่อที่จะยื้อชีวิตเขาไว้ก่อนที่จะถึงมือหมอ แต่ก็ไม่สามารถยื้อเอาไว้ได้เมื่อเขาหมดลมหายใจอยู่บนรถฉุกเฉินไปแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 14 แม่สื่อแม่ชัก

    บทที่ 14 แม่สื่อแม่ชัก ออกจากเหลาสุราก็เดินตรงไปยังร้านขายหมูของต้าเป่าทันที ที่ร้านขายหมูตอนนี้วุ่นวายมากเพราะใกล้จะถึงงานเทศกาลตวนอู่แล้ว ผู้คนจึงออกจากบ้านมาจับจ่ายซื้อของไปทำบ๊ะจ่างกันมากมายเต็มตลาดไปหมด กว่าที่ฟางหนิงฮวาจะเบียดฝ่าฝูงชนเข้าไปในร้านขายหมูได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกเช่นกัน เทศกาลตวนอู่หรือเทศกาลบ๊ะจ่างเป็นเทศกาลสำคัญ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 เดือน 5 บรรยากาศของเทศกาลอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของวัฒนธรรมและประเพณี ผู้คนจะเริ่มเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่ หญิงสาวช่วยกันห่อบ๊ะจ่างด้วยใบไผ่หรือใบหญ้าเรียวยาว ภายในห่อข้าวเหนียวสอดไส้ด้วยหมูแดง ถั่ว หรือไข่แดงเค็ม กลิ่นหอมของบ๊ะจ่างลอยคลุ้งไปทั่วลานบ้านชายฉกรรจ์จะนำเรือมังกรออกมาเพื่อเตรียมแข่งในแม่น้ำ เสียงกลองกระหึ่มกึกก้อง ผสมกับเสียงร

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 13สุราที่นี่ก็ไม่เท่าไร

    บทที่ 13 สุราที่นี่ก็ไม่เท่าไร หนึ่งเดือนผ่านไปฟางหนิงฮวาก็เริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในเมืองถู่หยางแล้ว ถึงแม้ว่าจะคิดถึงที่ที่จากมาอยู่บ้างแต่ว่าที่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หนักใจอะไร คนที่คิดถึงก็เห็นจะมีแค่เสี่ยวปิงกับคนที่ร้านอาหารเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรพวกเขาย่อมต้องมีชีวิตของตนเองต่อไป ถึงนางไม่จากตายก็ต้องมีวันใดวันหนึ่งจากเป็นอยู่ดี การที่ได้มาเกิดใหม่ที่นี่ก็ดีไม่น้อย นางมีทั้งพ่อแม่ทั้งอารองที่รักและคอยดูแลนาง เมื่อเทียบกับชาติที่แล้วที่ไม่มีญาติเลยแม้แต่คนเดียวนั้นก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นกว่ามาก การได้อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัวเป็นอะไรที่มีความสุขยิ่งซึ่งนางไม่เคยสัมผัสมาก่อนชีวิตที่นี่ก็เรียบง่ายไม่ต้องทำงานแข่งกับเวลาหรือว่าแข่งขันกันเพื่อความก้าวหน้า อาจจะมีบ้างในคนระดับสูงแต่ไม่ใช่บุตรสาวร้านขายซาลาเปาเช่นนาง งานที่ต้องทำก

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 12 ข่าวดีของเมืองถู่หยางที่มาพร้อมกับซิกแพค

    บทที่ 12 ข่าวดีของเมืองถู่หยางที่มาพร้อมกับซิกแพค ข่าวของท่านเจ้าเมืองถูกติดประกาศตามพื้นที่ต่าง ๆ รอบเมืองถู่หยาง ชาวเมืองต่างก็มาดูประกาศกันอย่างตื่นเต้น ในเมื่อประกาศจากจวนเจ้าเมืองยืนยันเป็นที่แน่ชัดว่าท่านเจ้าเมืองของพวกเขาฟื้นแล้วทุกคนต่างก็ดีใจมาก ถึงขั้นจัดฉลองกันใหญ่ โดยเฉพาะบรรดาหญิงสาวที่ชื่นชอบท่านเจ้าเมือง พวกนางดีใจจนถึงกับน้ำตาไหล ต่างจับมือกันอย่างปลาบปลื้ม บ้างกราบไหว้ฟ้าดินไม่หยุดพร่ำพูดว่าขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา พวกนางยังคงไปยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูจวนเจ้าเมืองเช่นเคย คราวนี้เหมือนว่าพวกนางจะรวมตัวกันเยอะกว่าเดิมเสียอีก ของเยี่ยมต่าง ๆ ถูกนำมาให้เหล่าองครักษ์ขนกลับเข้าจวนไปนับไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างไรพวกนางก็ยังคงไม่ได้เข้าไปเยี่ยมท่านเจ้าเมืองอยู่ดีเพ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 11 ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้ว

    บทที่ 11ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้วเมื่อลืมตาขึ้นมาหยางจื้อเจ๋อก็พบกับแสงสว่างอีกครั้งแต่เป็นแสงสว่างที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องที่นอนอยู่ เขากวาดตามองไปรอบห้องช้า ๆ ไม่สามารถหันหน้าได้ถนัดเนื่องจากรู้สึกเจ็บปวดที่ต้นคออยู่ไม่น้อย ห้องที่นอนอยู่นั้นมองแล้วรู้สึกไม่คุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างภายในห้องดูเหมือนจะไม่ใช่โลกปัจจุบันที่เขาเคยอยู่ ทั้งรูปแบบการตกแต่งห้องที่แปลกตา ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ดูแล้วนะจะเหมือนจวนของชนชั้นสูงในยุคโบราณมากกว่า แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือเหตุใดอยู่ ๆ เขามีมีอาการเหมือนคนได้รับบาดเจ็บ หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์รถชน พอคิดดูอีกครั้งก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าเขาเองก็ตายไปแล้วและร่างก็ถูกฝังไปเมื่อสักครู่นี้ซึ่งเขาเห็นมันด้วยตาของตัวเองหยางจื้อเจ๋อพยายามยามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่ทว่าความ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 10 คำสั่งเสียจากวีรบุรุษ

    ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หยางจื้อเจ๋อที่ประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทาง เขาเสียชีวิตบนรถฉุกเฉินระหว่างที่นำตัวส่งโรงพยาบาล วิญญาณของเขาออกจากร่างแล้วนั่งมองตนเองนอนอยู่ในรถอย่างสิ้นหวัง เขาเพิ่งอายุเพียงแค่สามสิบต้น ๆ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและใกล้ถึงจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต อีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะถอนตัวจากเบื้องหน้าแล้วมาทำเบื้องหลังเป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัว ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดสวรรค์ถึงไม่ให้เขามีโอกาสนั้น พยาบาลที่อยู่ในรถฉุกเฉินต่างก็พยายามช่วยชีวิตเขาอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเสียงของเครื่องวัดสัญญาณชีพในรถพยาบาลดังยาวเป็นสัญญาณบอกว่าผู้ป่วยได้หมดลมหายใจ เมื่อร่างของเขาถึงที่โรงพยาบาลได้ไม่นาน พ่อกับแม่ของเขาก็บินตรงมาจากต่างเมืองเพื่อมาดูอาการของลูกชาย พวกเขามีลูกชายเพียงคนเดียวและคาดหวังว่าเขาผู้นี้จะเป็นผู้สืบท

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 9 ว่าที่คู่หมั้น อะไรกันเนี่ย

    เมื่อทำหน้าที่ของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้วฟางหนิงฮวาก็กลับมาที่ร้านอย่างสบายใจ หลังจากนั้นจึงทำหน้าที่ปั้นแป้งซาลาเปาต่อ ร้านนี้ไม่ได้ขายดีเพียงแค่ช่วงเช้าหรือว่าช่วงที่ผู้คนพักกินข้าวกันเท่านั้นแต่ทว่าขายดีทั้งวัน เพราะเมืองถู่หยางนั้นมีผู้คนมากมาย แต่ละคนทำงานไม่เหมือนกันเวลาพักกินข้าวบางครั้งก็ไม่ตรงกัน ดังนั้นซาลาของร้านสกุลฟางจึงขายได้ทั้งวัน ที่ร้านไม่ได้มีเพียงแค่ซาลาเปาอย่างเดียวยังมีหมั่นโถวขายด้วย ฟางหนิงฮวาไม่คิดว่าสวรรค์จะเข้าข้างตนเองถึงเพียงนี้ ชาติที่แล้วได้ทำงานที่ตัวเองรักนั่นก็คือการเป็นเชฟ พอตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ยังได้เกิดเป็นบุตรสาวร้านขายซาลาเปาอีก ช่างมีความสุขจริง ๆ นางคิดเล่น ๆ ว่าในภายภาคหน้าหากคุ้นเคยกับเมืองนี้และรู้เรื่องลู่ทางการทำมาหากินแล้วก็อยากจะขยายร้านซาลาเปาให้เป็นร้านอาหารที่โด่งดังที่สุดในเมืองถู่หยางพูดถึงร้านอาหารแล้วที่เมือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status