Share

บทที่ 4 ข่าวร้าย

last update Last Updated: 2025-09-06 20:00:15

ที่โรงละครผู้คนก็ยังเนืองแน่นกันอยู่เพราะการทยอยออกจากโรงละครนั้นต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง ระหว่างที่รอเดินออกไปนั้นพวกเขาต่างก็พากันกล่าวถึงละครเวทีเรื่องนี้กันอย่างออกรส บ้างก็กล่าวชื่นชมว่าทีมผู้จัดสามารถรังสรรค์ละครเวทีในครั้งนี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม บ้างก็ว่านักแสดงที่มาแสดงละครเวทีในครั้งนี้มีแต่นักแสดงที่มีคุณภาพทำให้ละครเวทีเรื่องนี้ไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ ซูเฟยเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน

        ซูเฟยนั่งอยู่โซนที่ติดกับเวทีมากที่สุดซึ่งค่อนข้างไกลจากทางออกจึงไม่ได้รีบร้อนเท่าไร เธอยังคงนั่งรอให้คนอื่นออกไปให้หมดก่อนจากนั้นจึงค่อยออกไปเป็นคนสุดท้าย ระหว่างที่นั่งรอก็นั่งมองรูปของหยางจื้อในโทรศัพท์มือถือไปด้วย ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกชื่นชม ยิ่งรักเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

        ออกมาโรงละครมาซูเฟยก็มานั่งทานอาหารที่ร้านอาหารริมน้ำแห่งหนึ่ง จนถึงเวลาดึกแล้วจึงได้เรียกแท็กซี่กลับบ้าน ไกลจากร้านอาหารพอสมควรก็พบเห็นว่าข้างทางมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น มีซากรถตู้สีดำคันหนึ่งชนอัดเข้ากับต้นไม้จนหน้ารถบุบบู้บี้ไปหมด ทว่าคนเจ็บถูกนำไปส่งโรงพยาบาลแล้ว ที่เกิดเหตุจึงเหลือเพียงแต่ซากรถและเจ้าหน้าที่ที่กำลังเคลียร์พื้นที่ภายในเทปที่ล้อมสถานที่เอาไว้ อีกทั้งยังไม่มีคู่กรณี

เมื่อวิเคราะห์จากภาพที่อยู่ตรงหน้าซูเฟยก็คิดว่าอาจจะเป็นอุบัติเหตุจำพวกสนัขวิ่งตัดหน้าอะไรประมาณนี้คงไม่น่าจะใช่อุบัติเหตุใหญ่อะไร แต่เธอหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้มาก

        "เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณลุง ขามาคุณลุงได้ผ่านทางนี้ไหม" ซูเฟยถามลุงคนขับแท็กซี่ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเผื่อว่าเขาอาจจะรู้อะไรบ้าง

        "ลุงก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ดูจากลักษณะการชนแล้วคนขับน่าจะหักหลบอะไรสักอย่างถึงได้ไปชนต้นไม้เข้า แต่ตอนขามาลุงเห็นเขาเอาคนเจ็บขึ้นรถพยาบาลไปแล้วน่าจะไม่เป็นอะไรหรอก" ลุงคนขับแท็กซี่ตอบ

         “มีคนเจ็บเยอะไหมคะ” หญิงสาวถามอีก

         “อืม” ลุงคนขับแท็กซี่ครุ่นคิดเล็กน้อย “ตอนที่ลุงมาลุงเห็นเขาเอาขึ้นรถฉุกเฉินไปคนเดียวนะ สงสัยคนอื่น ๆ คงไม่เป็นอะไรมากมั้ง”

        "อย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ ขอให้พวกเขาไม่เป็นอะไร" ซูเฟยพูด

         “ขอให้พวกเขาปลอดภัยก็แล้วกันนะ” ลุงคนขับแท็กซี่กล่าวเช่นกัน

        ซูเฟยถึงบ้านจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วนึกครึ้มอกครึ้มใจเปิดทีวีดู ปกติแล้วเธอจะไม่ค่อยดูทีวีสักเท่าไรแต่ทว่าวันนี้มีความสุขมากเป็นพิเศษจึงได้อยากทำอะไรครึกครื้นบ้าง เธอส่งข้อความเรียกเสี่ยวปิงให้มากินเบียร์เป็นเพื่อนกันที่ห้อง แต่เสวี่ยวปิงก็ส่งข้อความกลับมาว่าคืนนี้ไม่ว่างขอเป็นวันหลังก็แล้วกัน ซูเฟยจึงไม่ได้คะยั้นคะยอน้องสาวคนนี้แต่อย่างใดเพียงแต่เดินไปหยิบเบียร์จากในตู้เย็นมากระป๋องหนึ่งแล้วนั่งลงซดเบียร์ไปด้วยดูทีวีไปด้วย

        แต่สิ่งที่เห็นในทีวีก็ถึงกับทำเอากระป๋องเบียร์ที่อยู่ในมือของซูเฟยหลุดลงพื้น เมื่อข่าวที่กำลังปรากฏขึ้นบนจอนั้นเป็นภาพของรถตู้คันที่พุ่งชนต้นไม้ที่อยู่ระหว่างทางตอนที่ซูเฟยกำลังนั่งรถกลับมาที่บ้าน ที่มุมบนซ้ายของจอทีวีปรากฏใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งแล้วผู้ประกาศข่าวก็บอกว่าเขาเสียชีวิตแล้ว

        ใบหน้าที่ปรากกอยู่บนจอทีวีนั้นก็คือหยางจื้อเจ๋อ ซูเฟยนั่งตัวแข็งค้างอยู่อย่างนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าอุบัติเหตุเมื่อสักครู่นี้จะเป็นเขาและก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงถึงขนาดนี้ เธอโกรธแค้นซาแซงคนที่ขับรถปาดหน้านักแสดงในดวงใจของเธอเป็นอย่างมาก แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้มีอำนาจจะไปจัดการอะไรคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไป

        เบียร์ที่พื้นไหลนองจนมาถึงเท้า แต่ทว่ากลับไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอะไรทั้งนั้น ตอนนี้จิตใจของซูเฟยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง ความรู้สึกเสียใจมันถาโถมมาเสียยิ่งกว่าคลื่นทะเลที่ซัดเข้าสู่ชายหาดเสียอีก

        จากนั้นทั้งคืนก็มีแต่เสียร้องไห้ของหญิงสาว เธอร้องไห้ฟูมฟายจนเหมือนกับคนไม่ได้สติ การจากไปของหยางจื้อเจ๋อในครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนขาดคนที่เป็นที่พึ่งหรือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไป เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นเธอยึดถือเอาเขาเป็นไอดอลมาตลอด เมื่อไอดอลจากไปแล้วจึงทำให้เสียใจและรู้สึกเคว้งคว้าง

        คนที่ไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องสักคนอย่างเธอมีชีวิตอยู่มาอย่างลำบาก ตั้งแต่เล็กจนโตในช่วงเวลาที่ทุกข์ยากจะหากำลังใจจากใครสักคนยังไม่มี เมื่อได้มาเป็นแฟนคลับของหยางจื้อเจ๋อเธอก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ส่งพลังบวกให้เธอเสมอ ถึงแม้จะไม่เคยพบกันจริง ๆ ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง แต่ผู้ชายคนนี้ก็ทำให้เธอมีความสุขได้ เขามักจะให้กำลังใจแฟนคลับของเขาเสมอ และอีกอย่างคือความคิดและทัศนคติของเขาจะช่วยจุดประกายความตั้งใจในตัวของแฟนคลับทุกคน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ชื่นชอบเขาเพียงเพราะเขาเป็นศิลปินแต่สำหรับเธอแล้วเขาเป็นพลังในการมีชีวิตต่อไป

เธอคิดว่าจะขอเวลาทำใจสักพักจึงจะส่งอีเมลไปลางานเพราะตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อกับใครจริง ๆ จนเวลาผ่านไปสองสามวันเธอก็ยังทำใจไม่ได้ ซูเฟยเศร้าเสียใจจนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ หลายวันเข้าร่างกายก็ทนไม่ไหวจนถึงกับหมดสติไป

       

'พี่ซูเฟย วันนี้ร้านปิดเร็วฉันซื้อเบียร์ไปกินที่ห้องพี่นะ' เสียงข้อความดังขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือ เป็นข้อความของเสี่ยวปิงนั่นเอง

        วันนี้ที่ร้านปิดเร็วเป็นพิเศษเพราะว่าวัตถุดิบขาดตลาดจึงขายได้แค่ไม่กี่เมนูเท่านั้น เถ้าแก่เจียงเจ้าของร้านเห็นว่าไม่คุ้มค่าที่จะเปิดร้านนานจึงได้ให้พนักงานทุกคนกลับบ้านเร็วได้ ส่วนซูเฟยที่ลาหลายวันเพราะไม่สบายเขาก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรเพียงแค่ให้เธอรักษาตัวให้หายดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน

        นี่ไม่ใช่ข้อความแรกที่เสี่ยวปิงส่งมาในสองสามวันมานี้ เมื่อวานกับเมื่อวันก่อนเธอก็ส่งข้อความมาเหมือนกันทว่าซูเฟยไม่ได้ตอบ เธอจึงคิดไปว่าพี่สาวคนนี้คงจะไม่สบายจริง ๆ จึงไม่อยากรบกวน แต่นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วหากไม่เข้าไปดูสักหน่อยก็กลัวว่าซูเฟยจะเป็นอะไรไป

        เวลาผ่านไปห้านาทีแต่ซูเฟยก็ยังไม่ส่งข้อความตอบกลับมา เสี่ยวปิงที่อยู่บนรถไฟฟ้าตอนนี้ร้อนใจแล้วกลัวว่าซูเฟยจะไม่สบายหนัก นี่ถึงขนาดไม่ตอบข้อความถึงสามวันติดคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วแน่ ๆ เธอจึงตัดสินใจส่งข้อความไปอีกครั้ง

        'พี่ซูเฟย พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ไหวไหม ทำไมไม่ตอบข้อความฉันเลย'

        เวลาผ่านไปอีกห้านาทีก็ไม่มีข้อความตอบกลับมาอีกเช่นกัน

เสี่ยวปิงร้อนใจมากเมื่อรถไฟฟ้าถึงสถานีที่หมายแล้วก็รีบวิ่งออกไปทันทีแล้วมุ่งตรงไปยังตึกที่เป็นบ้านของซูเฟย มาถึงแล้วก็เคาะประตูอยู่พักใหญ่ทว่าไม่มีเสียงตอบรับ

เมื่อร้อนใจจนทนไม่ไหวจึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากนิติบุคคลที่ชั้นล่าง เธอเล่าทุกอย่างให้เจ้าหน้านิติบุคคลฟังว่าติดต่อซูเฟยไม่ได้มาสามวันแล้ว พวกเขาจึงเปิดดูกล้องวงจรปิดปรากฏว่าตั้งแต่วันที่ซูเฟยกลับมาจากดูละครเวทีก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ทุกคนในที่นั้นจึงร้อนใจรีบหากุญแจไปเปิดห้องของเธอทันที

พอเปิดเข้าไปแล้วก็เป็นไปตามคาดซูเฟยนอนซมไม่ได้สติอยู่บนโซฟา ลมหายใจแผ่วเบามากไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้มากี่วันแล้ว เจ้าหน้าที่นิติบุคคลรีบโทรเรียกรถพยาบาลมาโดยด่วน

ซูเฟยเข้าห้องฉุกเฉินไปตั้งนานสองนานแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา หมอเองก็พยายามช่วยอย่างเต็มที่ เธอยังคงมีลมหายใจอยู่และหัวใจก็ยังคงเต้น แต่ทว่าร่างกายกลับไม่ปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวใด ๆ อีก เธอหลับไปทั้งที่ในมือยังกำรูปของนักแสดงหนุ่มไว้แน่น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 14 แม่สื่อแม่ชัก

    บทที่ 14 แม่สื่อแม่ชัก ออกจากเหลาสุราก็เดินตรงไปยังร้านขายหมูของต้าเป่าทันที ที่ร้านขายหมูตอนนี้วุ่นวายมากเพราะใกล้จะถึงงานเทศกาลตวนอู่แล้ว ผู้คนจึงออกจากบ้านมาจับจ่ายซื้อของไปทำบ๊ะจ่างกันมากมายเต็มตลาดไปหมด กว่าที่ฟางหนิงฮวาจะเบียดฝ่าฝูงชนเข้าไปในร้านขายหมูได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกเช่นกัน เทศกาลตวนอู่หรือเทศกาลบ๊ะจ่างเป็นเทศกาลสำคัญ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 เดือน 5 บรรยากาศของเทศกาลอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของวัฒนธรรมและประเพณี ผู้คนจะเริ่มเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่ หญิงสาวช่วยกันห่อบ๊ะจ่างด้วยใบไผ่หรือใบหญ้าเรียวยาว ภายในห่อข้าวเหนียวสอดไส้ด้วยหมูแดง ถั่ว หรือไข่แดงเค็ม กลิ่นหอมของบ๊ะจ่างลอยคลุ้งไปทั่วลานบ้านชายฉกรรจ์จะนำเรือมังกรออกมาเพื่อเตรียมแข่งในแม่น้ำ เสียงกลองกระหึ่มกึกก้อง ผสมกับเสียงร

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 13สุราที่นี่ก็ไม่เท่าไร

    บทที่ 13 สุราที่นี่ก็ไม่เท่าไร หนึ่งเดือนผ่านไปฟางหนิงฮวาก็เริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในเมืองถู่หยางแล้ว ถึงแม้ว่าจะคิดถึงที่ที่จากมาอยู่บ้างแต่ว่าที่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หนักใจอะไร คนที่คิดถึงก็เห็นจะมีแค่เสี่ยวปิงกับคนที่ร้านอาหารเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรพวกเขาย่อมต้องมีชีวิตของตนเองต่อไป ถึงนางไม่จากตายก็ต้องมีวันใดวันหนึ่งจากเป็นอยู่ดี การที่ได้มาเกิดใหม่ที่นี่ก็ดีไม่น้อย นางมีทั้งพ่อแม่ทั้งอารองที่รักและคอยดูแลนาง เมื่อเทียบกับชาติที่แล้วที่ไม่มีญาติเลยแม้แต่คนเดียวนั้นก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นกว่ามาก การได้อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัวเป็นอะไรที่มีความสุขยิ่งซึ่งนางไม่เคยสัมผัสมาก่อนชีวิตที่นี่ก็เรียบง่ายไม่ต้องทำงานแข่งกับเวลาหรือว่าแข่งขันกันเพื่อความก้าวหน้า อาจจะมีบ้างในคนระดับสูงแต่ไม่ใช่บุตรสาวร้านขายซาลาเปาเช่นนาง งานที่ต้องทำก

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 12 ข่าวดีของเมืองถู่หยางที่มาพร้อมกับซิกแพค

    บทที่ 12 ข่าวดีของเมืองถู่หยางที่มาพร้อมกับซิกแพค ข่าวของท่านเจ้าเมืองถูกติดประกาศตามพื้นที่ต่าง ๆ รอบเมืองถู่หยาง ชาวเมืองต่างก็มาดูประกาศกันอย่างตื่นเต้น ในเมื่อประกาศจากจวนเจ้าเมืองยืนยันเป็นที่แน่ชัดว่าท่านเจ้าเมืองของพวกเขาฟื้นแล้วทุกคนต่างก็ดีใจมาก ถึงขั้นจัดฉลองกันใหญ่ โดยเฉพาะบรรดาหญิงสาวที่ชื่นชอบท่านเจ้าเมือง พวกนางดีใจจนถึงกับน้ำตาไหล ต่างจับมือกันอย่างปลาบปลื้ม บ้างกราบไหว้ฟ้าดินไม่หยุดพร่ำพูดว่าขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา พวกนางยังคงไปยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูจวนเจ้าเมืองเช่นเคย คราวนี้เหมือนว่าพวกนางจะรวมตัวกันเยอะกว่าเดิมเสียอีก ของเยี่ยมต่าง ๆ ถูกนำมาให้เหล่าองครักษ์ขนกลับเข้าจวนไปนับไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างไรพวกนางก็ยังคงไม่ได้เข้าไปเยี่ยมท่านเจ้าเมืองอยู่ดีเพ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 11 ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้ว

    บทที่ 11ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้วเมื่อลืมตาขึ้นมาหยางจื้อเจ๋อก็พบกับแสงสว่างอีกครั้งแต่เป็นแสงสว่างที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องที่นอนอยู่ เขากวาดตามองไปรอบห้องช้า ๆ ไม่สามารถหันหน้าได้ถนัดเนื่องจากรู้สึกเจ็บปวดที่ต้นคออยู่ไม่น้อย ห้องที่นอนอยู่นั้นมองแล้วรู้สึกไม่คุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างภายในห้องดูเหมือนจะไม่ใช่โลกปัจจุบันที่เขาเคยอยู่ ทั้งรูปแบบการตกแต่งห้องที่แปลกตา ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ดูแล้วนะจะเหมือนจวนของชนชั้นสูงในยุคโบราณมากกว่า แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือเหตุใดอยู่ ๆ เขามีมีอาการเหมือนคนได้รับบาดเจ็บ หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์รถชน พอคิดดูอีกครั้งก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าเขาเองก็ตายไปแล้วและร่างก็ถูกฝังไปเมื่อสักครู่นี้ซึ่งเขาเห็นมันด้วยตาของตัวเองหยางจื้อเจ๋อพยายามยามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่ทว่าความ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 10 คำสั่งเสียจากวีรบุรุษ

    ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หยางจื้อเจ๋อที่ประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทาง เขาเสียชีวิตบนรถฉุกเฉินระหว่างที่นำตัวส่งโรงพยาบาล วิญญาณของเขาออกจากร่างแล้วนั่งมองตนเองนอนอยู่ในรถอย่างสิ้นหวัง เขาเพิ่งอายุเพียงแค่สามสิบต้น ๆ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและใกล้ถึงจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต อีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะถอนตัวจากเบื้องหน้าแล้วมาทำเบื้องหลังเป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัว ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดสวรรค์ถึงไม่ให้เขามีโอกาสนั้น พยาบาลที่อยู่ในรถฉุกเฉินต่างก็พยายามช่วยชีวิตเขาอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเสียงของเครื่องวัดสัญญาณชีพในรถพยาบาลดังยาวเป็นสัญญาณบอกว่าผู้ป่วยได้หมดลมหายใจ เมื่อร่างของเขาถึงที่โรงพยาบาลได้ไม่นาน พ่อกับแม่ของเขาก็บินตรงมาจากต่างเมืองเพื่อมาดูอาการของลูกชาย พวกเขามีลูกชายเพียงคนเดียวและคาดหวังว่าเขาผู้นี้จะเป็นผู้สืบท

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 9 ว่าที่คู่หมั้น อะไรกันเนี่ย

    เมื่อทำหน้าที่ของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้วฟางหนิงฮวาก็กลับมาที่ร้านอย่างสบายใจ หลังจากนั้นจึงทำหน้าที่ปั้นแป้งซาลาเปาต่อ ร้านนี้ไม่ได้ขายดีเพียงแค่ช่วงเช้าหรือว่าช่วงที่ผู้คนพักกินข้าวกันเท่านั้นแต่ทว่าขายดีทั้งวัน เพราะเมืองถู่หยางนั้นมีผู้คนมากมาย แต่ละคนทำงานไม่เหมือนกันเวลาพักกินข้าวบางครั้งก็ไม่ตรงกัน ดังนั้นซาลาของร้านสกุลฟางจึงขายได้ทั้งวัน ที่ร้านไม่ได้มีเพียงแค่ซาลาเปาอย่างเดียวยังมีหมั่นโถวขายด้วย ฟางหนิงฮวาไม่คิดว่าสวรรค์จะเข้าข้างตนเองถึงเพียงนี้ ชาติที่แล้วได้ทำงานที่ตัวเองรักนั่นก็คือการเป็นเชฟ พอตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ยังได้เกิดเป็นบุตรสาวร้านขายซาลาเปาอีก ช่างมีความสุขจริง ๆ นางคิดเล่น ๆ ว่าในภายภาคหน้าหากคุ้นเคยกับเมืองนี้และรู้เรื่องลู่ทางการทำมาหากินแล้วก็อยากจะขยายร้านซาลาเปาให้เป็นร้านอาหารที่โด่งดังที่สุดในเมืองถู่หยางพูดถึงร้านอาหารแล้วที่เมือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status