Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาพบรักกับเมน / บทที่ 30 วุ่นอยู่กับการทำศึกแต่ในใจก็คิดถึงเช่นกัน

Share

บทที่ 30 วุ่นอยู่กับการทำศึกแต่ในใจก็คิดถึงเช่นกัน

last update Last Updated: 2025-10-15 20:00:21

บทที่ 30

วุ่นอยู่กับการทำศึกแต่ในใจก็คิดถึงเช่นกัน

         อีกด้านเซียวป๋อเหวินตอนนี้กำลังทำศึกอยู่ที่ชายแดนเหนือบริเวณแม่น้ำฉางเป่ย การต่อสู้ครั้งนี้ใช้กองทัพเรือ เป็นการต่อสู้กับชนเผ่าเฮยจั้งที่พยายามจะตีเอาดินแดนเหนือของแคว้นรวมทั้งเมืองเสวี่ยคังด้วย เดิมทีชนเผ่าเฮยจั้งอยู่เหนือขึ้นไปหลายพันลี้ทว่าด้วยภัยความหนาวทำให้อากาศแห้งแล้ง ปลูกพืชผลก็ไม่ได้ เลี้ยงสัตว์ก็ไม่ได้ เลยทำให้พวกเขาต้องอพยพลงใต้มาตายเอาดาบหน้า หวังว่าจะมีที่ดินทำกินให้คนในเผ่าได้มีชีวิตรอด

         ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ชนเผ่าก็จริงทว่าชาวเฮยยจั้งนั้นรวม ๆ แล้วก็มีไม่ต่ำกว่าแสนคน ที่เป็นทหารได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็น่าจะราว ๆ สามหมื่น พื้นฐานของพวกเขาเป็นคนที่มีร่างกายที่ทรหดอดทนมาก ทั้งยังสามารถอดอาหารได้เป็นเวลานาน ทำให้ศึกครั้งนี้เซียวป๋อเหวินรับมือยากอยู่เล็กน้อย

         “ลูกธนูที่สั่งจากเมืองหลวงมาเพิ่มได้แล้วหรือยัง” เซียวป๋อเหวินเอ่ยถามนายทหารหัวหน้าคลังสรรพาวุธ

         ก่อนหน้านี้เขาได้เขียนจดหมายไปขอลูกธนูกับอาวุธบางอย่างเพิ่มจากกองทัพหลวง ทว่าด้วยหนทางที่ค่อนข้างลำบากทำให้การเดินทางล่าช้าอาวุธเหล่านั้นจึงมาไม่ถึงสักที แม่ทัพหนุ่มร้อนใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าหากอาวุธเหล่านี้มาช้าพวกเขาจะเสียเปรียบศัตรู

         “ยังเลยขอรับท่านแม่ทัพ พวกเราจะแก้ไขปัญหากันอย่างไรดี” หัวหน้าคลังสรรพาวุธตอบ

         เซียวป๋อเหวินสูดหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกหนักใจกับสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก หากว่าข้าศึกคิดจะโจมตีเขาภายในวันสองวันนี้กองทัพรักษาดินแดนเหนือย่อมถึงคราวลำบากเป็นแน่

         “เอาอย่างนี้ ข้าจะมอบทหารให้กับเจ้าจำนวนหนึ่งพันนาย ไปตัดเอาไม้ไผ่ที่ป่าด้านหลังค่ายมาจำนวนหนึ่งแล้วเหลาไม่ไผ่ให้เป็นท่อนแหลม ๆ คล้ายลูกธนู ติดขนนกที่ด้านหลัง เราจะทำลูกธนูไม้ไผ่นี่สำรองเอาไว้ก่อน หากว่าลูกธนูจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเราค่อยว่ากัน” เซียวป๋อเหวินบอก

         “ขอรับท่านแม่ทัพ” หัวหน้าคลังสรรพาวุธรับคำ

         ทหารของชนเผ่าเฮยจั้งตั้งค่ายอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำฉางเป่ย ห่างจากแม่น้ำไปราว ๆ สองลี้ หากว่าพวกเขาอยากจะเคลื่อนไหวข้ามแม่น้ำมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้นเซียวป๋อเหวินจะต้องวางค่ายกลต่าง ๆ เอาไว้ให้พร้อม กันมิให้พวกเฮยจั้งข้ามแม่น้ำมาโจมตีในเวลากลางคืน

         ถ้าพูดกันถึงเรื่องเรือรบ ฝ่ายของเซียวป๋อเหวินยังคงได้เปรียบอยู่บ้าง อีกทั้งทหารของเขาก็ได้รับการฝึกรบทางน้ำมาอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้กังวลมากมายหากจะปะทะกันบนน้ำโดยใช้เรือ

ผิดกับพวกเฮยจั้งที่ใช้ชีวิตอยู่บนผืนดินเป็นส่วนใหญ่ ไม่เคยรบทางน้ำมาก่อน และนี้คือสาเหตุที่พวกมันไม่กล้ายกทัพมาสู้รบกลางน้ำ แต่จะหาโอกาสลอบโจมตียามวิกาลแทน

เขาเดินกลับเข้ามาในกระโจมบัญชาการ กวาดตามองแม่ทัพนายกองที่อยู่ในกระโจมทั้งหมด ก่อนจะเอ่ยถาม “หน่วยสอดแนมที่ส่งไปดูลาดเลาฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างไรบ้าง”

“เรียนท่านแม่ทัพ พวกเฮยจั้งตอนนี้เตรียมกองกำลังเอาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อที่จะฝึกรบทางน้ำ อีกส่วนหนึ่งกำลังต่อเรือขอรับ” หัวหน้าหน่วยสอดแนมกล่าว

“พวกมันกำลังต่อเรือ นั่นก็หมายความว่าพวกมันเตรียมที่จะข้ามฝั่งมาโจมตีเราแล้วอย่างนั้นสิ” เซียวป๋อเหวินพูด

“ขอรับ” หัวหน้าหน่วยสอดแนมกล่าวต่อ “แต่ว่ายังคงต้องใช้เวลาอีกกว่ายี่สิบวันถึงจะต่อเรือเสร็จ ดูแล้วพวกมันไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้สักเท่าไร”

“ถ้าหากว่าพวกเราชิงลงมือก่อนด้วยการข้ามแม่น้ำไปโจมตีมันเล่าขอรับ ท่านแม่ทัพคิดว่าอย่างไร” รองแม่ทัพซุนเสนอ

“เราจะทำเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเรามีอาวุธที่พร้อมแล้ว” เซียวป๋อเหวินตอบ “การข้ามไปไม่เหมือนกันการต่อสู้กันกลางน้ำ หากจะข้ามไปพวกเราจะต้องมีเรือมากพอที่จะขนทหารขึ้นฝั่งไปในคราวเดียว อีกอย่างฝั่งตรงข้ามแม่น้ำฉางเป่ยนั้นไกลเกินกว่าระยะธนูของพวกเรา หากว่าสู้รบกันกลางน้ำท่านก็รู้ว่าพวกเราจะได้เปรียบ เราสามารถให้พลธนูยิงธนูจากฝั่งของเราใส่ข้าศึกได้”

“ท่านแม่ทัพหมายความว่าจะกดดันพวกมันให้ลงมารบกันกลางน้ำให้ได้?” รองแม่ทัพซุนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ใช่แล้ว และนั่นจะทำให้เรามีโอกาสได้ชัยชนะมากกว่า” เซียวป๋อเหวินตอบ

นี่เป็นการรบครั้งที่สองของเซียวป๋อเหวิน การรบครั้งแรกของเขาไม่ได้เป็นการรบที่ยิ่งใหญ่มาก เพียงแค่ปราบพวกโจรภูเขาเท่านั้น แต่การรบในครั้งนี้ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า เซียวป๋อเหวินยังไม่เคยมีประสบการการรบทางน้ำมาก่อน จากความทรงจำของเจ้าของร่างเองก็ไม่มีเช่นกัน ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา

“ท่านแม่ทัพคิดจะกดดันพวกมันย่างไรขอรับ” รองแม่ทัพสุ่ยถาม

“อันดับแรกเลยพวกเราต้องตัดเสบียงและเส้นทางล่าถอยของพวกมัน” เซียวป๋อเหวินกล่าว “เรื่องเสบียงอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย อย่างที่รู้กันว่าพวกชนเผ่ามีร่างกายที่อึดกว่าพวกเราและสามารถอดอาหารได้นานกว่า ทว่าอย่างไรเสียก็ต้องมีวันใดวันหนึ่งที่เสบียงอาหารหมด พวกเราจะส่งทหารกลุ่มหนึ่งแล่นเรืออ้อมไปช่องแคบภูเขาซานเทียนทางด้านหลังกองทัพเฮยจั้งแล้วทำลายหินปิดทางออกของพวกมันเสีย เพียงเท่านี้พวกมันก็จำเป็นต้องใช้วิธีสัญจรทางน้ำแล้ว และเมื่อลำเลียงเสบียงเข้ามาไม่ได้พวกมันก็ต้องเร่งจบศึกให้เราที่สุด ดังนั้นย่อมต้องยอมรบบนแม่น้ำกับพวกเรา”

“แผนนี้ยอดเยี่ยมเลยขอรับท่านแม่ทัพ” รองแม่ทัพสุ่ยกล่าว

“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นก็ไปดำเนินการตามแผนที่วางไว้เถอะ มีเวลาไม่มากแล้ว หากปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปก็คงไม่เป็นการดีสำหรับพวกเราเช่นกัน” เซียวป๋อเหวินกล่าว เขาพยักหน้าให้ทุกคนด้วยความมุ่งมั่น

ค่ายทหารเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความคึกคัก เสียงค้อนตอกไม้ดังก้องขณะช่างฝีมือเร่งซ่อมแซมแนวรั้ว เสียงกระทบของดาบและหอกดังกังวานจากลานฝึกซ้อม เหล่าทหารในชุดเกราะเต็มยศเคลื่อนขบวนผ่านทางเดิน พวกเขาเปี่ยมไปด้วยขวัญและกำลังใจ ดวงตาแน่วแน่ มุ่งมั่นต่อภารกิจที่อยู่เบื้องหน้า

กลางลานกว้าง กองทหารกำลังฝึกยุทธวิธี ทหารราบตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ ขณะที่นายกองเดินตรวจแถว ส่งเสียงสั่งการดังก้อง ฟังดูหนักแน่นและทรงพลัง บางส่วนกำลังฝึกใช้ธนู เสียงลูกธนูพุ่งผ่านอากาศดังแหวกสายลมก่อนจะปักเป้าหมายอย่างแม่นยำ

แม้เป็นช่วงเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม แต่บรรยากาศในค่ายกลับเปี่ยมไปด้วยพลัง ไม่มีผู้ใดแสดงความหวาดหวั่น ทุกคนต่างทุ่มเทให้กับหน้าที่ของตน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม ซ่อมแซมยุทโธปกรณ์ หรือเตรียมเสบียง ทุกอย่างเป็นไปอย่างมีระเบียบ เต็มไปด้วยความหวังและศรัทธาในชัยชนะ

เซียวป๋อเหวินยังคงนั้นอยู่ในกระโจมบัญชาการ เขาหยิบกระดาษกับพู่กันขึ้นมาคิดที่จะเขียนจนหมายหาคนผู้หนึ่ง ตั้งแต่ที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้วทว่ายังไม่เคยเขียนจดหมายหานางเลยสักครั้ง ทั้งที่เคยให้สัญญาไว้ว่ามาถึงที่นี่แล้วจะเขียนหานางทันที แต่ด้วยความที่เขายุ่งตั้งแต่วันแรกที่มาถึงจึงไม่มีเวลาทำเช่นนั้น แม้แต่จวนแม่ทัพในเมืองเสวี่ยคังเขาก็ยังไม่เคยได้เข้าพักเลยแม้แต่คืนเดียว ตั้งแต่วันแรกเขาก็ต้องวุ่นวายกับการวางแผนการรบแล้ว ในใจก็ได้แต่คิดว่านางจะเข้าใจเขาและไม่น้อยใจเสียจนตัดขาดจากเขาไปก่อน

ทว่าวันนี้เขาคิดว่าตนมีเวลาพอที่จะเขียนจดหมายถึงนาง ทว่าหัวหน้าหน่วยสอดแนมก็กลับเข้ามาในกระโจมอีกครั้งด้วยความเร่งรีบพร้อมทั้งรายงานเรื่องสำคัญ “มีเรื่องด่วนขอรับท่านแม่ทัพ!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 30 วุ่นอยู่กับการทำศึกแต่ในใจก็คิดถึงเช่นกัน

    บทที่ 30 วุ่นอยู่กับการทำศึกแต่ในใจก็คิดถึงเช่นกัน อีกด้านเซียวป๋อเหวินตอนนี้กำลังทำศึกอยู่ที่ชายแดนเหนือบริเวณแม่น้ำฉางเป่ย การต่อสู้ครั้งนี้ใช้กองทัพเรือ เป็นการต่อสู้กับชนเผ่าเฮยจั้งที่พยายามจะตีเอาดินแดนเหนือของแคว้นรวมทั้งเมืองเสวี่ยคังด้วย เดิมทีชนเผ่าเฮยจั้งอยู่เหนือขึ้นไปหลายพันลี้ทว่าด้วยภัยความหนาวทำให้อากาศแห้งแล้ง ปลูกพืชผลก็ไม่ได้ เลี้ยงสัตว์ก็ไม่ได้ เลยทำให้พวกเขาต้องอพยพลงใต้มาตายเอาดาบหน้า หวังว่าจะมีที่ดินทำกินให้คนในเผ่าได้มีชีวิตรอด ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ชนเผ่าก็จริงทว่าชาวเฮยยจั้งนั้นรวม ๆ แล้วก็มีไม่ต่ำกว่าแสนคน ที่เป็นทหารได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็น่าจะราว ๆ สามหมื่น พื้นฐานของพวกเขาเป็นคนที่มีร่างกายที่ทรหดอดทนมาก ทั้งยังสามารถอดอาหารได้เป็นเวลานาน ทำให้ศึกครั้งนี้เซียวป๋อเหวินรับมือยากอยู่เล็กน้อย “ลูกธนู

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 29 และแล้วก็ต้องจากกัน

    บทที่ 29 และแล้วก็ต้องจากกัน ขบวนของท่านเจ้าเมืองเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองไปแล้วท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องแสดงความยินดีและน้อมส่งท่านเจ้าเมืองไปยังเมืองเสวี่ยคัง ขบวนนั้นยาวเหยียดเต็มไปด้วยทหารที่มาจากมืองเสวี่ยคังและทหารบางส่วนที่ติดตามท่านเจ้าเมืองไปด้วย ความยิ่งใหญ่นี้ทำให้ชาวเมืองทั้งดีใจและรู้สึกเศร้าใจในเวลาเดียวกัน “พวกเราจะคิดถึงท่านเจ้าเมือง” “ท่านเจ้าเมืองอย่าได้ลืมพวกเรานะขอรับ ส่วนพวกเราจะไม่มาทางลืมท่านอย่างแน่นอน” “น้อมส่งท่านเจ้าเมือง” “ขอให้ท่านเจ้าเมืองโชคดีขอรับ” เสียงของชาวเมืองยังคงกล่า

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 28 เป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้าย

    บทที่ 28 เป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เมื่อได้ยินข่าวว่าเซียวป่อเหวินได้เลื่อนตำแหน่งและต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองเสวี่ยคังฟางหนิงฮวาก็ทั้งดีและเศร้าใจ การที่เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นสิ่งที่ดี อีกอย่างครั้งนี้เข้าได้เป็นถึงแม่ทัพรับรองว่าอนาคตของเขาจะต้องรุ่งเรื่องเป็นแน่ แต่เพราะเมืองเสวี่ยคังอยู่ไกล จะไปมาหาสู่กันก็ลำบาก จะพบหน้ากันเช่นทุกวันนี้ก็คงเป็นไปได้ยาก “หนิงฮวา เจ้าเองก็อยากให้เขาเจริญก้าวหน้ามิใช่หรือ แล้วจะมานั่งเศร้าทำไมกัน” ต้าเป่าเดินมานั่งข้าง ๆ แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “ที่จริงข้าก็ยินดีกับเขานั่นแหละ แต่ถ้าเขาไปอยู่ที่เมืองเสวี่ยคังข้าก็คงจะไม่ได้พบกับเขาอีก” ฟางหนิงฮวาพูดออกมาอย่างเศร้าใจ “ต่อให้ไม่ได้พบกันก็เขียนจดหมา

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 27 ข้าว่าจะเปิดร้านอาหาร ท่านว่าดีหรือไม่

    บทที่ 27 ข้าว่าจะเปิดร้านอาหาร ท่านว่าดีหรือไม่ ฟางหนิงฮวาเอาซาลาเปามาส่งทุกวัน ทุกครั้งทั้งสองก็จะพูดคุยกันและสนิทกันมากขึ้น สำหรับเซียวป๋อเหวินนอกจากหมอหลิวแล้วก็แทบจะไม่มีสหายที่สามารถพูดคุยยกันเรื่องทั่วไปได้เลย ส่วนมากก็จะพูดแต่เรื่องที่เป็นทางการกับองครักษ์แล้วก็ทหารเท่านั้น แต่กับฟางหนิงฮวาเขากลับรู้สึกว่าทั้งเขาและนางมีอะไรที่คล้าย ๆ กัน ทั้งความคิดความสนใจในสิ่งต่าง ๆ จึงได้สนิทกันอย่างรวดเร็ว ฟางหนิงฮวาเองเมื่อได้พูดคุยกับเซียวป๋อเหวินก็เหมือนกับได้พูดคุยกับหยางจื้อเจ๋อ จึงมีความสุขทุกครั้ง “ข้ามีความคิดอย่างหนึ่งจะมาถามความเห็นจากท่าน” ฟางหนิงฮวาพูดขณะที่เอากล่องใส่ซาลาเปาวางลงบนโต๊ะอาหารของเซียวป๋อเหวิน “อะไรหรือ น่าสนใจหรือไม่&

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 26 กลับมาพร้อมชัยชนะ

    บทที่ 26 กลับมาพร้อมชัยชนะ ขบวนทัพเดินผ่านเข้าประตูเมืองมาด้วยความสง่าผ่าเผย เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เหล่าราษฎรมายืนเรียงแถวรอต้อนรับท่านเจ้าเมืองกับทหารของเขาเต็มสองข้างทาง พวกเขาต่างตั้งหน้าตั้งตาคอยวีระบุรุษผู้ปกป้องรักษาบ้านเมืองเอาไว้ รอที่จะกล่าวขอบคุณอย่างยิ่งใหญ่ เซียวป๋อเหวินขี้ม้าสีดำคู่กายเข้ามาในประตูเมืองตามด้วยทหารองรักษ์คนสนิทและเหล่าแม่ทัพนายกองอีกหลายคน เขาโบกมือและยิ้มทักทายให้กับทุกคนพร้อมประกาศชัยชนะในครั้งนี้ “ชาวเมืองถู่หยางทุกคน บัดนี้พวกโจรภูเขาทั้งหลายได้ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว หลังจากนี้ต่อไปเมืองถู่หยางของพวกเราจะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตตามปกติและทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป อย่าได้เป็นกังวล” “

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 25 กำจัดโจร

    บทที่ 25 กำจัดโจร ภายในกระโจมบัญชาการกลางค่ายทัพ ธงประจำเมืองถู่หยางปักอยู่เหนือศีรษะ ตะเกียงน้ำมันให้แสงสว่างสลัว เหล่าแม่ทัพนายกองกว่าสิบชีวิตนั่งล้อมวงรอบโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ซึ่งปูด้วยแผนที่ผืนใหญ่ที่แสดงแนวเขาและเส้นทางรอบบริเวณซ่อนตัวของพวกโจรภูเขาอย่างชัดเจนท่านเจ้าเมืองเซียวป๋อเหวินผู้มีรูปลักษณ์สง่างามในชุดเกราะสีเข้มประดับลวดลายเมฆายกมือขึ้นเรียกความสงบ "พวกเราต้องหาทางกำจัดพวกโจรโดยไม่ให้เสียเปรียบ นำกองทัพบุกโจมตีตรงๆ ย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ดี"แม่ทัพหวังเจี้ยนผู้ช่ำชองด้านการรบในพื้นที่ป่าเขากล่าวขึ้น "ท่านเจ้าเมืองกล่าวถูกต้อง ที่ซ่อนของพวกมันมีทั้งถ้ำลึกและหุบเขาคดเคี้ยว หากเราบุกเข้าไป โอกาสเสียเปรียบสูงมาก ทั้งยังมีกับดักซ่อนอยู่ทุกแห่งหน""พวกมันรู้พื้นที่ดีกว่าเรา อีกทั้งสามารถกระจายตัวซ่อนตามซอกหินและป่าได้ง่าย หากเราบุกเข้าไป ผลลัพธ์อาจกลายเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง" รองแม่ทัพหลี่ซงหยูเสริม"ดังน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status