“เอาเถิด ตอนนี้พวกเราต้องเข้าไปทำความสะอาดห้องนอนกันก่อนแล้วนะเจ้าสองแสบของพี่”
เมื่อเห็นว่าในตอนนี้ก็มีอุปกรณ์ทำความสะอาดครบแล้วเจียงหลินจึงได้เอ่ยบอกกับน้องทั้งสองของตนเอง
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
เด็กน้อยทั้งสองเองก็เอ่ยตอบรับคำของพี่สาวกันอย่างแข็งขัน เมื่อทั้งสามพี่น้องบ้านเจียงเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้พากันเดินเข้าไปภายในบ้านอีกครั้งพร้อมกับเริ่มลงมือทำความสะอาดห้องนอนกันเป็นที่แรกในทันที
เจียงหลินเริ่มจากการกวาดฝุ่นและหยากไย่ที่อยู่ภายในห้องก่อนเป็นอย่างแรก ส่วนเด็กน้อยทั้งสองคนนั้นนางให้พวกเขาช่วยกันนำผ้าชุบน้าเช็ดตามผนังห้องรอบ ๆ ที่พอดีกับความสูงของพวกเขาจะเอื้อมถึง
สามพี่น้องบ้านเจียงต่างก็ช่วยกันทำความสะอาดห้องนอนทั้งสองห้องกันอย่างมีความสุข สนุกสนานเป็นอย่างมาก จนในที่สุดสามพี่น้องก็ทำความสะอาดห้องนอนทั้งสองเสร็จเรียบร้อย
เมื่อเจียงหลินลองมองขึ้นไปดูพระอาทิตย์ก็เห็นว่าในตอนนี้เป็นช่วงต้นยามอู่ (11.00-12.59) แล้ว ถึงเวลาที่เด็ก ๆ ทั้งสองจะต้องทานข้าวเที่ยงกันได้แล้ว
พอคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของเจียงหลินก็เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที เพราะในเวลานี้บ้านของนางไม่มีอะไรเลยสักอย่างแม้แต่ข้าวสารเม็ดเดียวก็ไม่มี
แล้วแบบนี้นางจะหาอาหารที่ไหนให้น้องทั้งสองของตนเองได้กินกันเล่า แต่แล้วดวงตากลมโตของเจียงหลินก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนเองมีติดตัวมา
ไม่รอช้าเจียงหลินใช้ช่วงเวลาที่นางกับน้อง ๆ กำลังนั่งพักผ่อนกันอยู่ลองเข้าไปสำรวจดูมิติที่หญิงชรามอบให้ในตอนนั้นดูว่าพอจะมีสิ่งของที่สามารถกินได้บ้างหรือไม่
“เสี่ยวหลาน เสี่ยวหยวน พี่ใหญ่ขอนอนพักครู่หนึ่งนะ เดี๋ยวตื่นมาพี่ใหญ่จะทำของอร่อยให้กินกัน”
เมื่อคิดได้แล้วว่าจะลองเข้าไปสำรวจดูภายในมิติดู เจียงหลินจึงได้เอ่ยบอกกับน้องฝาแฝดที่ในตอนนี้ก็กำลังนั่งพักอยู่ไม่ไกลจากตนเองมากนัก
“ได้เจ้าค่ะพี่ใหญ่ เดี๋ยวข้าช่วยดูเสี่ยวหยวนให้เองเจ้าค่ะ”
เจียงหลานน้อยเอ่ยตอบกลับพี่สาวของตนด้วยท่าทางยืดอกอย่างน่าเอ็นดู จนเจียงหลินนั้นต้องเผยยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูน้องสาวของตนเองไม่ได้
“จ้า จ้า เสี่ยวหลานน้อยของพี่เก่งที่สุดเลย เสี่ยวหยวนของพี่ก็เก่งมากเช่นกัน”
เจียงหลินเอ่ยชมน้องน้อยทั้งสองของตนเองอีกครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างรักใคร่ ทางด้านเด็กน้อยทั้งสองเองก็รู้สึกดีใจกับคำชมจากพี่สาวของตนเป็นอย่างมาก
ต่างก็พากันยิ้มแย้มหน้าบานกันอย่างมีความสุข เด็กน้อยทั้งสองนั้นต่างก็มีนิสัยน่ารักมาตั้งแต่เด็กแล้ว และพวกเขาทั้งสองยังว่านอนสอนง่าย ย่อมไม่แปลกที่เจียงหลินจะหลงรักเด็กน้อยทั้งสองได้ในทันทีที่พบหน้ากัน
หลังจากที่พูดคุยตกลงกับเด็กแสบทั้งสองกันเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจียงหลินก็นั่งลงพิงผนังห้องที่มุมหนึ่งของห้องในท่านั่งขัดสมาธิเอาแผ่นหลังพิงผนังห้อง
จากนั้นก็ใช้มือขวาสัมผัสไปที่ปานสีขาวที่เป็นรู้กำไลหยกที่ข้อมือของตนเอง พร้อมกับหลับตาลงแล้วตั้งสมาธิ เพียงเสี้ยววินาทีเจียงหลินก็โผล่มายืนอยู่ตรงหน้าตึกสูงสามชั้น
ที่มีรูปร่างเหมือนกับห้างสรรพสินค้าจากโลกก่อนนี้ไม่มีผิด แถมป้ายด้านหน้าตึกแห่งนี้เขียวคำว่า ‘มิติห้างสรรพสินค้า’ ตัวสีแดงเด่นอยู่ตรงกลางอีกด้วย
‘ยินดีต้อนรับนายหญิงเข้าสู่มิติห้างสรรพสินค้าแห่งนี้’
ในขณะที่เจียงหลินยังคงยืนแน่นิ่งตกตะลึงกับภาพตรงหน้าที่ตนเองได้พบเจออยู่นั้น จู่ ๆ เสียงที่เหมือนกับหญิงสาวนางหนึ่งที่เหมือนเสียงของพนักงานประชาสัมพันธ์ตามห้างก็ดังขึ้น
ทำให้เจียงหลินสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากภวังค์ได้ในทันที พร้อม ๆ กับที่นางได้รีบหันหน้ามองสอดส่ายสายตาไปมาเพื่อหาที่มาของเสียงเมื่อครู่นี้
แต่ไม่ว่าจะมองหาเท่าไหร่ก็หาต้นตอที่มาของเสียงไม่พบเสียที อีกทั้งในตอนนี้นอกจากนางที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าห้างแล้วนั้น
รอบ ๆ ตัวของนางเองก็ยังปกคลุมไปด้วยความมืดมิดมีเพียงตึกสามชั้นตรงหน้าเพียงเท่านั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของนาง
“ใครกัน เสียงใครพูดกัน”
เมื่อมองแล้วไม่พบตัว เจียงหลินจึงเปลี่ยนไปเป็นเอ่ยถามอีกฝ่ายแทน เผื่อว่าจะได้ผลมากขึ้นและมันก็เป็นไปตามคาดที่เจียงหลินคาดเดาเอาไว้
เพราะเมื่อสิ้นคำถามของนางก็ได้มีเสียงเดิมตอบกลับนางมาอีกครั้ง และครั้งนี้นางก็ได้ทราบที่มาของเสียงนั้นแล้ว
‘นายหญิง ข้าคือผู้ดูแลมิติห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เองเจ้าค่ะ และข้านั้นมีเพียงแค่เสียงเท่านั้นที่สื่อสารกับนายหญิงได้ ดังนั้นนายหญิงไม่ต้องมองหาร่างของข้าหรอกนะเจ้าคะ’
“อ้อ เช่นนั้นเจ้ามีชื่อเรียกหรือไม่ ข้าจะได้เอ่ยเรียกเจ้าได้ถูก”
เจียงหลินเอ่ยถามชื่อของเจ้าของเสียงเพื่อจะได้เอ่ยพูดคุยกันได้ง่ายขึ้นอีกครั้ง
‘ข้าไม่มีชื่อหรอกเจ้าค่ะ นายหญิงสามารถตั้งชื่อเรียกให้กับข้าได้เจ้าค่ะ’
เสียงของหญิงสาวคนเดิมยังคงเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งเช่นเดิมราวกับว่ามันคือเสียงของระบบที่ถูกตั้งค่าให้เป็นแบบนั้นมาตลอด
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่า เสี่ยวติง ก็แล้วกันนะ”
หลังจากที่คิดอยู่สักพักเจียงหลินจึงได้เอ่ยชื่อที่ตนเองตั้งให้กับเสียงปริศนาที่นางเพิ่งจะตั้งขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ ให้กับอีกฝ่ายได้รับรู้
‘เจ้าค่ะนายหญิง เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่นายหญิงเข้ามาภายในมิติ เช่นนั้นข้าจะทวนกฎการใช้มิติแห่งนี้ให้ท่านได้ฟังนะเจ้าคะ’
‘มิติแห่งนี้นายหญิงสามารถนำสิ่งของออกไปได้วันละ 50 อย่าง และแต่ละอย่างจำกัดจำนวนอยู่ที่ 5 ชิ้นเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะ’
‘ส่วนสิ่งของที่เป็นทอง เครื่องประดับราคาแพงหรือไข่มุกนั้น นายหญิงจะสามารถนำออกไปได้เพียง 3 ชิ้นต่อหนึ่งอาทิตย์เจ้าค่ะ’
‘เพราะฉะนั้นท่านจะสามารถนำสิ่งของจากในมิติแห่งนี้ได้เพียงแค่ห้าสิบครั้งต่อวันเท่านั้น’
“ห้าสิบครั้ง ครั้งละไม่เกิน 5 ชิ้น ก็ถือว่าพอได้อยู่นะ อย่างน้อยก็ไม่ได้กำหนดวันละชิ้นแหละน่า ส่วนทองก็คงจะนำออกไปขายบ่อย ๆ ไม่ได้ด้วย จำนวนครั้งก็ถือว่าพอดีอยู่”
เจียงหลินที่เอ่ยพึมพำกับตนเองหลังจากที่ได้รับรู้กฎการใช้งานของมิติแห่งนี้ ท่านยายคงจะต้องการให้ตัวช่วยนางบ้างกระมัง ไม่อย่างนั้นนางคงจะเอาชีวิตรอดจากโลกใบนี้ได้ยาก
“แล้วถ้าข้าต้องการเอาสิ่งของเข้ามาเก็บไว้ภายในมิติด้วยได้หรือไม่เสี่ยวติง”
เจียงหลินเอ่ยถามคำถามที่นางเพิ่งคิดออกกับเสี่ยวติงผู้ดูแลมิติแห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
‘ได้เจ้าค่ะ เพราะนอกจากนายหญิงจะนำสิ่งของภายในมิติแห่งนี้ออกไปได้แล้ว ท่านก็ยังสามารถนำสิ่งของเข้ามาเก็บไว้ภายในมิติแห่งนี้ได้โดยสภาพของสิ่งของนั้น ๆ จะยังคงความสดใหม่เหมือนเช่นเดิมในตอนที่เข้ามาได้’
‘เพียงแต่ท่านสามารถนำเข้ามาได้แค่สิ่งของที่ไร้ชีวิตเพียงเท่านั้น ส่วนสิ่งที่มีชีวิตนั้นไม่สามารถนำเข้ามาได้เจ้าค่ะ’
เสี่ยวติงเองก็ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลที่ดีได้เป็นอย่างดี นางยังคงเอ่ยอธิบายถึงหลักการใช้งานต่าง ๆ ของภายในมิติแห่งนี้ให้กับผู้เป็นนายได้ฟังอย่างละเอียด
และยังมีข้อห้ามที่นายหญิงของนางจะต้องจดจำเอาไว้ด้วยอีกสองสามข้อ จนในที่สุดเจียงหลินก็สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับมิติห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ได้ครบถ้วนแล้ว
“ขอบใจเจ้ามากนะเสี่ยวติง เช่นนั้นข้าขอเข้าไปสำรวจด้านในเลยก็แล้วกันนะ”
เจียงหลินเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อนางเข้าใจเรื่องการใช้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางด้านเสี่ยวติงเองเมื่อผู้เป็นนายเอ่ยบอกเช่นนั้นนางก็ได้ทำการเปิดประตูทางเข้าห้างที่อยู่ตรงหน้าของเจียงหลินออกในทันที
ประตูกระจกสีใสตรงหน้าของเจียงหลินค่อย ๆ เคลื่อนตัวเปิดออกเพื่อให้นางเดินเข้าไปภายในห้างได้ เมื่อเห็นแบบนั้นเจียงหลินก็ได้ก้าวเดินตรงเข้าไปด้านในของมิติห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ในทันทีเช่นเดียวกัน
ชั้นแรกของห้างแห่งนี้จะเป็นโซนของซูเปอร์มาร์เก็ตหรือที่โลกเราเรียกว่า Top นั่นแหละ ชั้นนี้จะเป็นชั้นที่มีข้าวของเครื่องใช้ที่มีวางขายอยู่ในร้านทั้งหมด
ทั้งของใช้ส่วนตัว อาหารสด อาหารแห่ง เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และถัดจาก Top ยังมีร้านขายยาอีกแห่ง ร้านขายเครื่องมือการเกษตร และร้านขายต้นไม้อยู่ ร้านอาหารเองก็มีเช่นเดียวกัน
เพียงแค่ชั้นแรกก็ทำเอาเจียงหลินถึงกับตื่นเต้นด้วยความยินดีเป็นอย่างมาก ในตอนแรกนางยังคิดอยู่ว่าตึกสามชั้นตรงหน้านั้นมีขนาดไม่ใหญ่มากคงจะมีร้านรวงอยู่เล็กน้อยเพียงเท่านั้น
แต่พอได้เข้ามาภายในแล้วมันกลับใหญ่โตราวกับห้างสรรพสินค้าจริง ๆ เลยก็ว่าได้ สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับเจียงหลินเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อสำรวจชั้นแรกเสร็จเรียบร้อยแล้วเจียงหลินก็ได้เดินตรงไปยังบันไดเลื่อนที่อยู่ไม่ไกลเพื่อขึ้นไปสำรวจบนชั้นที่สองต่อในทันที
****************************************************************************************************************************************
เย้ ยัยน้องได้ของดีมาแล้ว คราวนี้ก็เริ่มสร้างตัวได้แล้วน๊า