LOGINตอนที่
14
เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง
หลินหว่านเอ๋อร์ในเรือนไม้ที่แม้จะดูใหญ่โตแต่ก็ยังว่างเปล่า นางใช้กระดานไม้ที่หามาได้วางบนโต๊ะกลาง แล้วใช้ถ่านวาดผังโครงสร้างภายในร้านด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอาล่ะลูกรัก” นางกล่าวกับอาเป่าและอาเหมยที่นั่งมองแม่อย่างสงสัย
“ร้านของเราจะต้องไม่เหมือนร้านอื่นๆ ในเมืองนี้”
นางลากเส้นแบ่งพื้นที่ในครัวอย่างชัดเจน “ตรงนี้จะเป็นส่วนเตรียมวัตถุดิบต้องสะอาดและมีแสงสว่างเพียงพอ ส่วนตรงนี้จะเป็นส่วนทำอาหารซึ่งต้องอยู่ใกล้กับช่องระบายอากาศและเตา”
หลินหว่านเอ๋อร์อธิบายการออกแบบเตาใหม่ที่นางวางแผนไว้ “ท่านแม่จะก่อเตาแบบพิเศษ ที่ใช้ฟืนน้อยลงแต่เก็บความร้อนได้ดี ทำน้ำซุปและน้ำแกงของเรามีรสชาติคงที่ตลอดทั้งวัน” นางยังจะสั่งให้ช่างทำชั้นวางเครื่องปรุงให้แยกจากกันอย่างเป็นระเบียบตามประเภท โดยเน้นเรื่องความสะอาดและถูกสุขลักษณะเป็นหลัก
อาเป่าในฐานะผู้จัดการการเงินตัวน้อย นั่งถือสมุดบันทึกและพู่กันด้วยท่าทางเคร่งขรึม เมื่อเห็นแม่วาดผังและสั่งการให้ซื้อวัตถุดิบราคาแพง เขาก็รีบท้วงขึ้นทันที
“ท่านแม่ขอรับ” อาเป่าชี้ไปที่รายการซื้อไม้ชั้นดีสำหรับทำชั้นวางของ
“ไม้แบบนี้ราคาแพงกว่าไม้ทั่วไปถึงสามเท่าเลยนะขอรับ ท่านแม่บอกว่าจะใช้เงินทุนของเราเองทั้งหมด เราไม่ควรใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินไปนะขอรับ”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มพลางลูบผมลูกชาย “อาเป่าลูกรัก เงินน่ะต้องใช้ให้ถูกที่ถูกทาง ครัวคือหัวใจของร้านอาหาร ถ้าครัวไม่แข็งแรง ไม่สะอาด และไม่มีประสิทธิภาพ เราก็ทำอาหารอร่อยได้ไม่นาน การลงทุนกับเครื่องมือที่ดีที่สดุคือการประหยัดที่สุดแล้วจ้ะ เพราะเราจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ”
“อย่างนั้นก็ใช่ขอรับท่านแม่” อาเป่าเข้าใจในสิ่งที่แม่ของเขาอธิบาย
ในขณะที่พี่ชายกำลังกังวลเรื่องการเงิน อาเหมยเองก็เอ่ยขึ้นมาซึ่งเป็นความคิดที่ไม่คิดว่าเด็กสี่ขวบจะรู้เรื่องขนาดนี้
“ท่านแม่เจ้าคะ” อาเหมยเอียงคอ “ถ้าร้านเราชื่อเรือนครัวสองหนาน ป้ายร้านเราควรมีรูปข้ากับอาเป่าไหมเจ้าคะ หรือว่ารูปแมวป่าตัวใหญ่ๆ กำลังกินบะหมี่ดีเจ้าคะ ข้าชอบแมวที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
หลินหว่านเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ กับจินตนาการของลูกสาว “ป้ายร้านของเราชื่อเรือนครัวสองหนาน จะต้องดูเรียบง่ายแต่เป็นที่จดจำจ้ะ ส่วนรูปแมวป่าตัวใหญ่ๆ ไว้เราทำกำไรได้เยอะๆ แม่จะวาดรูปแมวป่าให้เต็มผนังร้านเลยดีไหม”
อาเหมยตาเป็นประกาย “ดีเจ้าค่ะ”
หลังจากกำหนดแผนการปรับปรุงร้านอย่างชัดเจนแล้ว หลินหว่านเอ๋อร์ก็เริ่มไปติดต่อช่างไม้และช่างก่อสร้างตามที่จงซิ่นได้แนะนำไว้ทันที นางต้องเร่งเปิดร้านให้เร็วที่สุด เพราะเงินทุนที่มีอยู่จะไม่งอกเงยถ้าหยุดพักนาน
หลินหว่านเอ๋อร์กำลังยืนกำกับคนงานธรรมดาที่นางจ้างมาทำความสะอาดและซ่อมแซมส่วนที่ทรุดโทรมของเรือนไม้อยู่บริเวณหน้าร้าน อาเป่าถือแปรงปัดหยากไย่ ส่วนอาเหมยกำลังวาดรูปแมวบนพื้นอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ท่านลุงเจ้าคะ ทาสีขาวตรงมุมนี้ให้เรียบร้อยนะเจ้าคะ อย่าให้มีรอยเปื้อนแม้แต้นิดเดียว” หลินหว่านเอ๋อร์ออกคำสั่งอย่างเข้มงวดเพราะนี่คือภัตตาคารหรูของนาง
ทันใดนั้นเอง บรรยากาศรอบๆ ก็เงียบลงอย่างฉับพลัน บุรุษชุดดำรูปร่างกำยำสี่คนก็เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ พวกเขาไม่ใช่คนงานที่ดูซอมซ่อ แต่เป็นชายฉกรรจ์ที่ดูเหมือนองครักษ์เสียมากกว่า แต่ละคนเข็นรถเข็นขนาดใหญ่ที่บรรทุกวัสดุชั้นดีที่สุดชนิดที่หาซื้อได้ยากยิ่งในเมืองนี้ มีไม้หอมเนื้อแข็งสำหรับโครงสร้าง หินขัดเงางามสำหรับปูพื้นครัว และสีเคลือบกันน้ำชนิดพิเศษที่แพงกว่าทอง
หลินหว่านเอ๋อร์ยืนอ้าปากค้างเล็กน้อย ส่วนคนงานธรรมดาที่นางจ้างมาต่างพากันก้มหน้าหลบสายตาของคนชุดดำ
“พวกท่านเป็นใครกันเจ้าคะ” หลินหว่านเอ๋อร์รีบเดินเข้าไปสอบถามด้วยความสงสัยทันที
หัวหน้าคนงานชุดดำซึ่งมีใบหน้าเคร่งขรึมราวกับสลักจากหิน ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและไร้อารมณ์
“นายท่านของเราเห็นว่าเรือนนี้มีโครงสร้างเก่า อาจเกิดปัญหาภายหลัง จึงสั่งให้เรามาปรับปรุงโครงสร้างและเปลี่ยนวัสดุให้สมบูรณ์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขอรับ”
หลินหว่านเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ทำไมเขาไม่ปรากฎตัวต่อหน้านาง เอาแต่ส่งคนมาเท่านั้น ทำให้นางไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรกันแน่
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ต้องการ” หลินหว่านเอ๋อร์รีบปฏิเสธทันควัน
“ข้าไม่รับการช่วยเหลือจากนายของพวกท่านอีกนอกจากเช่าร้านนี้เท่านั้น พวกท่านต้องนำของพวกนี้กลับไปเดี๋ยวนี้”
แต่คำพูดของนางเหมือนลมที่พัดผ่านอากาศไปโดยเปล่าประโยชน์
บุรุษชุดดำเหล่านั้นเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วและเป็นมืออาชีพราวกับไม่ได้ยินคำพูดของนางเลย คนหนึ่งจัดการรื้อฟื้นครัวเก่าออกอย่างรวดเร็วราวกับถอดใบไม้ คนหนึ่งยกหินขัดขนาดใหญ่เข้ามาวางอย่างง่ายดายโดยไม่ใช้แรงมากนัก อีกคนเริ่มวัดขนาดช่องระบายควันเพื่อติดตั้งปล่องโลหะชนิดพิเศษ
“เดี๋ยวสิเจ้าคะ พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่น่ะ นี่มันครัวของข้านะ” หลินหว่านเอ๋อร์พยายามจะเข้าไปห้าม แต่คนงานชุดดำคนหนึ่งใช้ไหล่เบียดนางออกไปอย่างสุภาพแต่หนักแน่น
อาเหมยที่เห็นท่าทางของแม่เริ่มไม่ดี ก็รีบวิ่งเข้ามาเกาะขาแม่ “ท่านแม่พวกเขากำลังทำครัวใหม่ให้เรา มีหินสวยๆ ด้วยเจ้าค่ะ”
อาเป่ามองคนชุดดำด้วยสายตาประเมินอย่างจริงจัง “ท่านแม่ขอรับ ไม้ที่พวกเขานำมานี่เป็นไม้จันทน์หอมชั้นดีเลยนะขอรับ แข็งแรงมาก ถ้าเราซื้อเองคงหมดเงินไปหลายตำลึง”
หลินหว่านเอ๋อร์ได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างหมดหนทาง นางมองวัสดุชั้นดีที่คนงานชุดดำกำลังติดตั้งอย่างรวดเร็ว ครัวใหม่นั้นสวยงาม แข็งแรงและถูกสุขลักษณะตามที่นางต้องการ
“อะไรกันเนี่ย ยิ่งพยายามหนี เขายิ่งยัดเยียดสิ่งดีๆ มาให้ นีเขากำลังบังคับให้ข้าติดหนี้บุญคุณก้อนใหญ่โดยที่ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้นี่นา ก็ใครใช้ให้เขาเอาของที่ดีและเหมาะสมกับร้านอาหารของฉันมากขนาดนี้มาให้ล่ะ”
นางจ้องมองไปในทิศทางหนึ่ง “ท่านคนจอมบงการ ข้าไม่เกรงใจแล้วนะ ในเมื่อทำให้ข้าก็จะใช้ให้เป็นประโยชน์แล้วกัน”
หลินหว่านเอ๋อร์สะบัดหน้าหนีความรู้สึกผิดบาป แล้วหันไปสนใจรายละเอียดของเตาที่คนงานชุดดำกำลังก่อสร้างอย่างรวดเร็วทันที “เอาล่ะไหนๆ ก็ทำแล้ว เตาตรงนั้น ขอให้ปากเตาทำมุมเฉียงไปทางด้านตะวันออกเล็กน้อยนะเจ้าคะ มันจะช่วยเรื่องการหมุนเวียนของไฟ” นางออกคำสั่งอย่างผู้เชี่ยวชาญทันที โดยลืมไปว่าเพิ่งปฏิเสธพวกเขาไป
คนงานชุดดำมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะโค้งคำนับอย่างเงียบๆ แล้วเริ่มปรับแก้เตาตามคำสั่งของนางอย่างรวดเร็ว
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (2) หลินหว่านเอ๋อร์สวมชุดเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน นางจูงมืออาเป่าสะพายถุงผ้าขนาดใหญ่ เดินเข้าไปในตลาดด้วยความมั่นใจเพื่อเฟ้นหาวัตถุดิบพิเศษสำหรับเมนูเปิดร้าน ก่อนออกมา นางได้ขอให้จงซิ่น ซึ่งมาดูผลงานของคนงาน ช่วยดูแลอาเหมยเป็นการชั่วคราว “อาเป่า” นางกระซิบ “วันนี้เราต้องหาพริกไทยดำเม็ดเล็กและสมุนไพรใบหยกมาให้ได้นะเพื่อทำน้ำซุปของเรา” “ได้ขอรับท่านแม่ ข้าจะถามทุกร้านที่คิดว่ามีเลยขอรับ” “เยี่ยมมากเลยลูก ช่างเป็นลูกชายที่ช่วยแม่ได้เก่งที่สุดเลยลูก” “ข้าอยากทำอาหารเก่งเหมือนท่านแม่ขอรับ” อาเป่ากล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย “เจ้าต้องทำอาหารเก่งเหมือนแม่แน่ๆ เดี๋ยวแม่สอนให้ลูกทุกอย่างเลย” อาเป่ายิ้มให้กับแม่แล้วก็เดินนำหน้ามารดาเพื่อตามหาเครื่องเทศที่มารดาต้องการ เมื่อเดินไปถึงแผงขายเครื่องเทศที่ใหญ่ที่สุด หลินหว่านเอ๋อร์กำลังจะเอ่ยปากสั่งซื้อ ทันใดนั้นเสียงตะโกนกึกก้องก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “พ่อค้า เครื่องเทศชั้นดีทั้งหมดที่เจ้ามี ข้าเหมาหมด” นายจ้างจู เจ้าของร้านบะหมี่ชื่อดังในย่านนั้น ปรากฏตัวขึ
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง หลินหว่านเอ๋อร์ในเรือนไม้ที่แม้จะดูใหญ่โตแต่ก็ยังว่างเปล่า นางใช้กระดานไม้ที่หามาได้วางบนโต๊ะกลาง แล้วใช้ถ่านวาดผังโครงสร้างภายในร้านด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาล่ะลูกรัก” นางกล่าวกับอาเป่าและอาเหมยที่นั่งมองแม่อย่างสงสัย “ร้านของเราจะต้องไม่เหมือนร้านอื่นๆ ในเมืองนี้” นางลากเส้นแบ่งพื้นที่ในครัวอย่างชัดเจน “ตรงนี้จะเป็นส่วนเตรียมวัตถุดิบต้องสะอาดและมีแสงสว่างเพียงพอ ส่วนตรงนี้จะเป็นส่วนทำอาหารซึ่งต้องอยู่ใกล้กับช่องระบายอากาศและเตา” หลินหว่านเอ๋อร์อธิบายการออกแบบเตาใหม่ที่นางวางแผนไว้ “ท่านแม่จะก่อเตาแบบพิเศษ ที่ใช้ฟืนน้อยลงแต่เก็บความร้อนได้ดี ทำน้ำซุปและน้ำแกงของเรามีรสชาติคงที่ตลอดทั้งวัน” นางยังจะสั่งให้ช่างทำชั้นวางเครื่องปรุงให้แยกจากกันอย่างเป็นระเบียบตามประเภท โดยเน้นเรื่องความสะอาดและถูกสุขลักษณะเป็นหลัก อาเป่าในฐานะผู้จัดการการเงินตัวน้อย นั่งถือสมุดบันทึกและพู่กันด้วยท่าทางเคร่งขรึม เมื่อเห็นแม่วาดผังและสั่งการให้ซื้อวัตถุดิบราคาแพง เขาก็รีบท้วงขึ้นทันที “ท่านแม่ขอรับ” อาเป่าชี้ไปที่รายการซื้อไม้ชั้น
ตอนที่13เรือนไม้ทำเลทอง รถม้าของพวกเขาแล่นเข้าสู่ตลาดใหญ่ในเมืองและสุดท้ายก็เลี้ยวเข้าสู่ซอยเล็กๆ ที่มีกลิ่นอับชื้นและดูเก่าแก่ เมื่อถึงจุดหนึ่ง จงซิ่นก็หยุดรถม้า แล้วชี้ไปยังห้องแถวไม้เก่าๆ ที่เอียงกระเท่เร่เล็กน้อย ซึ่งอยู่ติดกับกองลังไม้และกองขยะของร้ายขายเนื้อที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์ถึงกับทำหน้าเหยเกด้วยความผิดหวัง “ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่านี่คือ เรือนไม้ทำเลทอง ข้าว่ามันเป็น เรือนไม้ทำเลซ่อนมากกว่านะเจ้าคะ” จงซิ่นมองตามที่นางชี้ แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยอย่างที่ไม่ได้ยิ้มมานาน “แม่นางหลินเข้าใจผิดแล้วขอรับ” เขาผายมือไปยังเรือนไม้อีกหลังที่อยู่ถัดจากห้องแถวโทรมๆ ไปเพียงหนึ่งคูหา “เรือนไม้ทำเลทองที่แท้จริงอยู่ที่นั่นขอรับ” หลินหว่านเอ๋อร์หันไปมองตามมือของจงซิ่น แล้วต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เรือนไม้หลังนั้นใหญ่กว่าห้องแถวที่นางเห็นในตอนแรกถึงสามเท่า มันเป็นอาคารสองชั้นที่สร้างด้วยไม้ชั้นดี มีหน้าต่างบานใหญ่กรุกระจกใสสะอาด และมีป้ายไม้เนื้อดีแขวนอยู่ด้านหน้า “นี่คือทำเลทองท
ตอนที่12เป็นที่สนใจ คุณชายเว่ยกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หลินหว่านเอ๋อร์ใจหายวาบ “แม่นางสามารถใช้หนี้ได้ในพริบตาเดียว และยังมีฝีมือการทำอาหารได้อร่อยล้ำลึกจนข้าเองก็อยากลิ้มรส...” เว่ยจื่อเหยียนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับใช้สายตาที่ไม่บอกก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงทั้งอาหารที่ลิ้มรสและหมายถึงคนทำบะหมี่ไข่มังกร คำพูดของเขาทำให้หลินหว่านเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย แต่นางก็เก็บอาการไว้ทันที นางตระหนักได้ว่าตนเองถูกบุรุษสูงศักดิ์ถึงสองคนจับจ้อง นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับจงซิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์กดเสียงต่ำ “เจ้านายของท่านต้องการส่วนแบ่งอะไรจากข้ากันแน่” “ต้องการให้อาหารของเจ้าเป็นที่รู้จักอย่างไรเล่า” จงซิ่นตอบนางแล้วก็มองดูลูกๆ ของนางที่กำลังเกาะขาของนางอยู่ อีกคนก็มองหน้าจงซิ่นสลับกับเว่ยจื่อเหยียน “เอาล่ะข้าตกลงที่จะเปิดร้านของข้าที่เรือนไม้ทำเลทองของนายท่านของท่านแต่ข้ามีเงื่อนไข” “เงื่อนไขอะไรขอรับ” จงซิ่นที่กำลังรอคำตอบจากหลินหว่านเอ๋อร์ เว่ยจื่อเหยียนก็พูดแทรกขึ้นมา “ข้าต้องขอตัวก่อนแม่นางหลิน เมื่อไหร่ที่เ
ตอนที่11เงินลงทุนหลินหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นางลุกขึ้นอย่างเงียบๆ และเดินไปยังที่ซ่อนเงินที่ขุดไว้ใต้พื้นดิน นางนำถุงผ้าออกมาอย่างระมัดระวัง เมื่อคลี่ดูเงินที่รวบรวมมาได้ นางก็นับจำนวนอย่างละเอียด“บะหมี่ที่ขายได้เมื่อวาน ค่าแรงที่จงซิ่นให้มันมากมายเหลือเกิน และดวงตาของหลินหว่านเอ๋อร์เบิกกว้างเมื่อเห็นก้อนเงินแท้ที่สลักอย่างสวยงาม วางอยู่ปะปนกับอีแปะ นางจำได้ว่าเงินก้อนนี้เป็นของลูกค้าที่ยกบะหมี่ชามสุดท้ายให้กับอาเหมย “ลูกค้าลึกลับผู้สั่งบะหมี่คนนั้น เขาเป็นใครกันแน่และเหตุใดจึงให้ก้อนใหญ่เกินความจำเป็นเช่นนี้ เขาต้องการอะไร” ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเชฟสาวทะลุมิติมา แต่นางก็เก็บความสงสัยไว้ก่อนเพราะความจำเป็นในการเริ่มต้นชีวิตใหม่นั้นสำคัญกว่าความสงสัยในตอนนี้นางตัดสินใจซ่อนเงินก้อนนั้นไว้ในตัวเพื่อใช้เป็นทุนสำรองและเริ่มปลุกลูกๆ“อาเป่า อาเหมย” หลินหว่านเอ๋อร์เรียกลูกทั้งสองของนางที่ตอนนี้กำลังนอนงัวเงียไม่ยอมตื่นอาจจะเป็นเพราะเมื่อวานเด็กทั้งสองช่วยงานแม่อย่างหนักและเหนื่อยมากๆ นางยื่นแก้มไปแนบกับแก้มของบุตรชายและบุตรสาวเบ
ตอนที่10ราตรีกาลอันตราย (2) นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังก้มดูรองเท้าที่เปื้อนขี้หมาอย่างรังเกียจ ขณะที่ไอ้หู่กำลังจะเริ่มปฏิบัติการงัดประตู ฉัวะ!!! เงามืดที่ว่องไวดุจสายฟ้าก็พุ่งลงมา จงซิ่นเคลื่อนไหวราวกับนักล่าผู้สง่างาม คราวนี้เขาใช้เทคนิคที่เน้นความเฉียบขาดเพื่อปิดปากพวกมันทันที ตูม!!! จงซิ่นใช้สันมือที่แข็งแกร่ง กระแทกเข้ามาที่จุดรวมเส้นประสามบริเวณคอของนักเลงไอ้หู่ที่กำลังยื่นมือไปเกาคอตัวเองอย่างแม่นยำ ร่างของมันล้มพับลงไปกองกับพื้นโดยไม่มีแม้แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด จงซิ่นหมุนตัวอย่างรวดเร็ว นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังจะร้องโวยวายด้วยความตกใจ “แกเป็นใครวะ” ผัวะ!!! จงซิ่นใช้ฝ่ามือกระแทกที่กระพุ้งแก้มของมันอย่างรุนแรงแต่รวดเร็ว ทำให้เสี่ยวซ่านลิ้นพันกันและไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ จากนั้นจึงใช้เท้าเกี่ยวขาให้ล้มลง โดยจงใจให้เท้าเปื้อนขี้หมาเหยียบใบหน้าของไอ้หู่ที่สลบไปแล้ว ก่อนจะใช้ฝ่ามือกระแทกที่ท้ายทอย มันไม่ได้ตั้งตัว ก็แน่นิ่งไปในทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที จงซิ่นจัดการมัดร่างนักเลงทั้งสองไว้กับลำต้นหลิวอย่างร







