LOGINตอนที่
13
เรือนไม้ทำเลทอง
รถม้าของพวกเขาแล่นเข้าสู่ตลาดใหญ่ในเมืองและสุดท้ายก็เลี้ยวเข้าสู่ซอยเล็กๆ ที่มีกลิ่นอับชื้นและดูเก่าแก่
เมื่อถึงจุดหนึ่ง จงซิ่นก็หยุดรถม้า แล้วชี้ไปยังห้องแถวไม้เก่าๆ ที่เอียงกระเท่เร่เล็กน้อย ซึ่งอยู่ติดกับกองลังไม้และกองขยะของร้ายขายเนื้อที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา
“ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์ถึงกับทำหน้าเหยเกด้วยความผิดหวัง
“ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่านี่คือ เรือนไม้ทำเลทอง ข้าว่ามันเป็น เรือนไม้ทำเลซ่อนมากกว่านะเจ้าคะ” จงซิ่นมองตามที่นางชี้ แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยอย่างที่ไม่ได้ยิ้มมานาน
“แม่นางหลินเข้าใจผิดแล้วขอรับ”
เขาผายมือไปยังเรือนไม้อีกหลังที่อยู่ถัดจากห้องแถวโทรมๆ ไปเพียงหนึ่งคูหา
“เรือนไม้ทำเลทองที่แท้จริงอยู่ที่นั่นขอรับ”
หลินหว่านเอ๋อร์หันไปมองตามมือของจงซิ่น แล้วต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เรือนไม้หลังนั้นใหญ่กว่าห้องแถวที่นางเห็นในตอนแรกถึงสามเท่า มันเป็นอาคารสองชั้นที่สร้างด้วยไม้ชั้นดี มีหน้าต่างบานใหญ่กรุกระจกใสสะอาด และมีป้ายไม้เนื้อดีแขวนอยู่ด้านหน้า
“นี่คือทำเลทองที่ท่านว่าหรือเจ้าคะ” นางถามอย่างไม่เชื่อสายตา
จงซิ่นพยักหน้า “ด้านหน้าของเรือนไม้อาจจะถูกบังด้วยโรงเตี้ยมใหญ่ จึงทำให้ดูเหมือนอยู่ท้ายซอย แต่จริงๆ แล้ว ด้านหลังของเรือนไม้ติดกับถนนที่เป็นศูนย์รวมสินค้าหลากหลาย มีผู้คนเดินพลุ่กพล่าน
เมื่อเข้าไปดูภายใน หลินหว่านเอ๋อร์ก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง ห้องครัวนั้นกว้างขวาง มีเตาขนาดใหญ่ที่ถูกก่อสร้างไว้อย่างดี มีชั้นวางเครื่องปรุงและวัตถุดิบมากมายที่จัดเรียงไว้เสร็จสรรพ มีห้องเก็บของและห้องพักเล็กๆ สำหรับนางและลูกๆ
“นี่มันสมบูรณ์แบบเกินไปแล้ว” หลินหว่านเอ๋อร์ถึงกับลืมเรื่องความหวาดระแวงไปชั่วขณะ
“ช่างเถอะ อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องเสียเงินปรับปรุงมาก”
ยามเว่ย (เวลา 13.00 - 15.00 น.) ในวันเดียวกัน
หลินจางซื่อยังคงนั่งรอคอยข่าวดีจาก โจรชั่วสองคนที่นางจ้างไปด้วยความหงุดหงิด นางส่งคนออกไปดูที่กระท่อมท้ายหมู่บ้านอีกครั้ง
คนรับใช้มารายงานด้วยน้ำเสียงตกใจ “นายหญิงเจ้าคะ กระท่อมของหว่านเอ๋อร์ ว่างเปล่าแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ว่างเปล่า!!!” หลินจางซื่อลุกขึ้นยืน ตัวสั่นด้วยความโกรธจัด
“แล้วไอ้โจรสองคนนั้นล่ะ มันหายไปไหน”
“ข้าได้ยินว่าโดนทางการจับไปแล้วเจ้าค่ะ แม่นางหลินก็ออกจากกระท่อมไปแล้วเจ้าค่ะ”
หลินเสี่ยวหรู ที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับทรุดตัวลงบนเก้าอี้ นางกรีดร้องเบาๆ อย่างเจ็บใจ
“คนอ่อนแออย่างมันจะเก่งกว่าข้าได้อย่างไร ข้าจะคอยดูว่ามันจะไปได้ไกลแค่ไหน” หลินเสี่ยวหรูพูดขึ้นมาแล้วก็มองหน้ามารดาอย่างไม่พอใจ
จิตใจของสองแม่ลูกเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาที่ทำลายนางไม่สำเร็จ
หลินจางซื่อหอบหายใจอย่างหนัก ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความพยาบาท “อย่าเพิ่งดีใจไปนังหว่านเอ๋อร์ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างสงบสุขแน่ ข้าจะตามหาเจ้าให้พบ คำพูดสุดแค้นของหลินจางซื่อดังสะท้อนไปทั่วเรือนราวกับเป็นเสียงคำรามของปีศาจแห่งความริษยาที่กำลังจะติดตามหลินหว่านเอ๋อร์ไปทุกที่
หลินหว่านเอ๋อร์เริ่มเนรมิตร้านเรือนไหม้ให้พร้อมสำหรับการเปิดร้านให้เร็วที่สุก
จงซิ่นยืนดูแม่นางหลินจัดการทุกอย่างด้วยความประทับใจ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเข้าที่แล้ว เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวไปรายงานนายท่านก่อนนะขอรับ หากมีสิ่งใดขาดเหลือ แม่นางหลินสามารถให้คนส่งข่าวไปยังที่พักที่ข้าแจ้งไว้ได้ทันที”
“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์โค้งคำนับอย่างสภาพ
จงซิ่นกลับมารายงานความเรียบร้อยหลังจากพาหลินหว่านเอ๋อร์ไปยังเรือนไม้ทำเลทอง มู่ฉางเฟิงนั่งจิบชาสมุนไพร มองจงซิ่นด้วยแววตาครุ่นคิด
“เรือนไม้เป็นอย่างไรบ้าง” มู่ฉางเฟิงถามขึ้นอย่างใจเย็น
“สมบูรณ์แบบพ่ะย่ะค่ะ” จงซิ่นรายงาน
“แม่นางหลินพอใจมากกับร้าน และนางก็เริ่มคิดว่าจะตกแต่งป้ายร้านและภายในร้านอะไรเพิ่มเติมบ้าง กระหม่อมได้แจ้งนางแล้วว่าไม่ต้องจ่ายค่าเช่าในช่วงแรก
มู่ฉางเฟิงพยักหน้ารับอย่างพอใจ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง
“ดี...แต่มีเรื่องที่ข้ากังวล” มู่ฉางเฟิงวางถ้วยชาลงเสียงเบา
“บุรุษที่ชื่อเว่ยจื่อเหยียน”
จงซิ่นเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไหมหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ตัวปัญหา...” มู่ฉางเฟิงกล่าวเสียงต่ำ “ชายคนนั้นมาวุ่นวายกับหว่านเอ๋อร์ต้องไม่ใช่แค่อยากกินอาหารฝีมือนางแน่นนอน
“เจ้าไปสืบประวัติของชายผู้นั้นให้ละเอียดที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ ข้าต้องการรู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน และมีเจตนาอะไรต่อแม่นางหลิน”
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง” จงซิ่นก้มศีรษะลงรับคำสั่งอย่างหนักแน่น เขาตระหนักว่านี่คือคำสั่งแสดงอาการหวงแหนของเจ้านาย แล้วเขาก็ออกไปทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างทันที
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (2) หลินหว่านเอ๋อร์สวมชุดเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน นางจูงมืออาเป่าสะพายถุงผ้าขนาดใหญ่ เดินเข้าไปในตลาดด้วยความมั่นใจเพื่อเฟ้นหาวัตถุดิบพิเศษสำหรับเมนูเปิดร้าน ก่อนออกมา นางได้ขอให้จงซิ่น ซึ่งมาดูผลงานของคนงาน ช่วยดูแลอาเหมยเป็นการชั่วคราว “อาเป่า” นางกระซิบ “วันนี้เราต้องหาพริกไทยดำเม็ดเล็กและสมุนไพรใบหยกมาให้ได้นะเพื่อทำน้ำซุปของเรา” “ได้ขอรับท่านแม่ ข้าจะถามทุกร้านที่คิดว่ามีเลยขอรับ” “เยี่ยมมากเลยลูก ช่างเป็นลูกชายที่ช่วยแม่ได้เก่งที่สุดเลยลูก” “ข้าอยากทำอาหารเก่งเหมือนท่านแม่ขอรับ” อาเป่ากล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย “เจ้าต้องทำอาหารเก่งเหมือนแม่แน่ๆ เดี๋ยวแม่สอนให้ลูกทุกอย่างเลย” อาเป่ายิ้มให้กับแม่แล้วก็เดินนำหน้ามารดาเพื่อตามหาเครื่องเทศที่มารดาต้องการ เมื่อเดินไปถึงแผงขายเครื่องเทศที่ใหญ่ที่สุด หลินหว่านเอ๋อร์กำลังจะเอ่ยปากสั่งซื้อ ทันใดนั้นเสียงตะโกนกึกก้องก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “พ่อค้า เครื่องเทศชั้นดีทั้งหมดที่เจ้ามี ข้าเหมาหมด” นายจ้างจู เจ้าของร้านบะหมี่ชื่อดังในย่านนั้น ปรากฏตัวขึ
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง หลินหว่านเอ๋อร์ในเรือนไม้ที่แม้จะดูใหญ่โตแต่ก็ยังว่างเปล่า นางใช้กระดานไม้ที่หามาได้วางบนโต๊ะกลาง แล้วใช้ถ่านวาดผังโครงสร้างภายในร้านด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาล่ะลูกรัก” นางกล่าวกับอาเป่าและอาเหมยที่นั่งมองแม่อย่างสงสัย “ร้านของเราจะต้องไม่เหมือนร้านอื่นๆ ในเมืองนี้” นางลากเส้นแบ่งพื้นที่ในครัวอย่างชัดเจน “ตรงนี้จะเป็นส่วนเตรียมวัตถุดิบต้องสะอาดและมีแสงสว่างเพียงพอ ส่วนตรงนี้จะเป็นส่วนทำอาหารซึ่งต้องอยู่ใกล้กับช่องระบายอากาศและเตา” หลินหว่านเอ๋อร์อธิบายการออกแบบเตาใหม่ที่นางวางแผนไว้ “ท่านแม่จะก่อเตาแบบพิเศษ ที่ใช้ฟืนน้อยลงแต่เก็บความร้อนได้ดี ทำน้ำซุปและน้ำแกงของเรามีรสชาติคงที่ตลอดทั้งวัน” นางยังจะสั่งให้ช่างทำชั้นวางเครื่องปรุงให้แยกจากกันอย่างเป็นระเบียบตามประเภท โดยเน้นเรื่องความสะอาดและถูกสุขลักษณะเป็นหลัก อาเป่าในฐานะผู้จัดการการเงินตัวน้อย นั่งถือสมุดบันทึกและพู่กันด้วยท่าทางเคร่งขรึม เมื่อเห็นแม่วาดผังและสั่งการให้ซื้อวัตถุดิบราคาแพง เขาก็รีบท้วงขึ้นทันที “ท่านแม่ขอรับ” อาเป่าชี้ไปที่รายการซื้อไม้ชั้น
ตอนที่13เรือนไม้ทำเลทอง รถม้าของพวกเขาแล่นเข้าสู่ตลาดใหญ่ในเมืองและสุดท้ายก็เลี้ยวเข้าสู่ซอยเล็กๆ ที่มีกลิ่นอับชื้นและดูเก่าแก่ เมื่อถึงจุดหนึ่ง จงซิ่นก็หยุดรถม้า แล้วชี้ไปยังห้องแถวไม้เก่าๆ ที่เอียงกระเท่เร่เล็กน้อย ซึ่งอยู่ติดกับกองลังไม้และกองขยะของร้ายขายเนื้อที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์ถึงกับทำหน้าเหยเกด้วยความผิดหวัง “ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่านี่คือ เรือนไม้ทำเลทอง ข้าว่ามันเป็น เรือนไม้ทำเลซ่อนมากกว่านะเจ้าคะ” จงซิ่นมองตามที่นางชี้ แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยอย่างที่ไม่ได้ยิ้มมานาน “แม่นางหลินเข้าใจผิดแล้วขอรับ” เขาผายมือไปยังเรือนไม้อีกหลังที่อยู่ถัดจากห้องแถวโทรมๆ ไปเพียงหนึ่งคูหา “เรือนไม้ทำเลทองที่แท้จริงอยู่ที่นั่นขอรับ” หลินหว่านเอ๋อร์หันไปมองตามมือของจงซิ่น แล้วต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เรือนไม้หลังนั้นใหญ่กว่าห้องแถวที่นางเห็นในตอนแรกถึงสามเท่า มันเป็นอาคารสองชั้นที่สร้างด้วยไม้ชั้นดี มีหน้าต่างบานใหญ่กรุกระจกใสสะอาด และมีป้ายไม้เนื้อดีแขวนอยู่ด้านหน้า “นี่คือทำเลทองท
ตอนที่12เป็นที่สนใจ คุณชายเว่ยกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หลินหว่านเอ๋อร์ใจหายวาบ “แม่นางสามารถใช้หนี้ได้ในพริบตาเดียว และยังมีฝีมือการทำอาหารได้อร่อยล้ำลึกจนข้าเองก็อยากลิ้มรส...” เว่ยจื่อเหยียนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับใช้สายตาที่ไม่บอกก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงทั้งอาหารที่ลิ้มรสและหมายถึงคนทำบะหมี่ไข่มังกร คำพูดของเขาทำให้หลินหว่านเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย แต่นางก็เก็บอาการไว้ทันที นางตระหนักได้ว่าตนเองถูกบุรุษสูงศักดิ์ถึงสองคนจับจ้อง นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับจงซิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์กดเสียงต่ำ “เจ้านายของท่านต้องการส่วนแบ่งอะไรจากข้ากันแน่” “ต้องการให้อาหารของเจ้าเป็นที่รู้จักอย่างไรเล่า” จงซิ่นตอบนางแล้วก็มองดูลูกๆ ของนางที่กำลังเกาะขาของนางอยู่ อีกคนก็มองหน้าจงซิ่นสลับกับเว่ยจื่อเหยียน “เอาล่ะข้าตกลงที่จะเปิดร้านของข้าที่เรือนไม้ทำเลทองของนายท่านของท่านแต่ข้ามีเงื่อนไข” “เงื่อนไขอะไรขอรับ” จงซิ่นที่กำลังรอคำตอบจากหลินหว่านเอ๋อร์ เว่ยจื่อเหยียนก็พูดแทรกขึ้นมา “ข้าต้องขอตัวก่อนแม่นางหลิน เมื่อไหร่ที่เ
ตอนที่11เงินลงทุนหลินหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นางลุกขึ้นอย่างเงียบๆ และเดินไปยังที่ซ่อนเงินที่ขุดไว้ใต้พื้นดิน นางนำถุงผ้าออกมาอย่างระมัดระวัง เมื่อคลี่ดูเงินที่รวบรวมมาได้ นางก็นับจำนวนอย่างละเอียด“บะหมี่ที่ขายได้เมื่อวาน ค่าแรงที่จงซิ่นให้มันมากมายเหลือเกิน และดวงตาของหลินหว่านเอ๋อร์เบิกกว้างเมื่อเห็นก้อนเงินแท้ที่สลักอย่างสวยงาม วางอยู่ปะปนกับอีแปะ นางจำได้ว่าเงินก้อนนี้เป็นของลูกค้าที่ยกบะหมี่ชามสุดท้ายให้กับอาเหมย “ลูกค้าลึกลับผู้สั่งบะหมี่คนนั้น เขาเป็นใครกันแน่และเหตุใดจึงให้ก้อนใหญ่เกินความจำเป็นเช่นนี้ เขาต้องการอะไร” ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเชฟสาวทะลุมิติมา แต่นางก็เก็บความสงสัยไว้ก่อนเพราะความจำเป็นในการเริ่มต้นชีวิตใหม่นั้นสำคัญกว่าความสงสัยในตอนนี้นางตัดสินใจซ่อนเงินก้อนนั้นไว้ในตัวเพื่อใช้เป็นทุนสำรองและเริ่มปลุกลูกๆ“อาเป่า อาเหมย” หลินหว่านเอ๋อร์เรียกลูกทั้งสองของนางที่ตอนนี้กำลังนอนงัวเงียไม่ยอมตื่นอาจจะเป็นเพราะเมื่อวานเด็กทั้งสองช่วยงานแม่อย่างหนักและเหนื่อยมากๆ นางยื่นแก้มไปแนบกับแก้มของบุตรชายและบุตรสาวเบ
ตอนที่10ราตรีกาลอันตราย (2) นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังก้มดูรองเท้าที่เปื้อนขี้หมาอย่างรังเกียจ ขณะที่ไอ้หู่กำลังจะเริ่มปฏิบัติการงัดประตู ฉัวะ!!! เงามืดที่ว่องไวดุจสายฟ้าก็พุ่งลงมา จงซิ่นเคลื่อนไหวราวกับนักล่าผู้สง่างาม คราวนี้เขาใช้เทคนิคที่เน้นความเฉียบขาดเพื่อปิดปากพวกมันทันที ตูม!!! จงซิ่นใช้สันมือที่แข็งแกร่ง กระแทกเข้ามาที่จุดรวมเส้นประสามบริเวณคอของนักเลงไอ้หู่ที่กำลังยื่นมือไปเกาคอตัวเองอย่างแม่นยำ ร่างของมันล้มพับลงไปกองกับพื้นโดยไม่มีแม้แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด จงซิ่นหมุนตัวอย่างรวดเร็ว นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังจะร้องโวยวายด้วยความตกใจ “แกเป็นใครวะ” ผัวะ!!! จงซิ่นใช้ฝ่ามือกระแทกที่กระพุ้งแก้มของมันอย่างรุนแรงแต่รวดเร็ว ทำให้เสี่ยวซ่านลิ้นพันกันและไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ จากนั้นจึงใช้เท้าเกี่ยวขาให้ล้มลง โดยจงใจให้เท้าเปื้อนขี้หมาเหยียบใบหน้าของไอ้หู่ที่สลบไปแล้ว ก่อนจะใช้ฝ่ามือกระแทกที่ท้ายทอย มันไม่ได้ตั้งตัว ก็แน่นิ่งไปในทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที จงซิ่นจัดการมัดร่างนักเลงทั้งสองไว้กับลำต้นหลิวอย่างร







