บทที่ 115
มิตรภาพของเด็กๆ (ครึ่งแรก)
ย้อนกลับมาเมืองเล่ออัน
คฤหาสน์ตระกูลลู่
พอท่านแม่ไม่อยู่ด้วย เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์เหงามาก แต่เจ้าแฝดทั้งสองก็ซึมได้ไม่นาน เมื่อตงตงกับเม่ยเม่ยแวะมาเล่นด้วย
หลังจากจางต้วนมาส่งเด็กๆ แล้ว เขาก็นำของป่าที่หามาได้ไปขายในเมืองโดยฝากลูกๆ ไว้กับชุน
“พี่สาวเม่ยเม่ยมาละ!”
เป่าเอ๋อร์กับเม่ยเม่ยอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน พอเห็นเม่ยเม่ยมาหา เป่าเอ๋อรจึงดีใจมาก ทั้งยิ้มแฉ่งทั้งกระโดดโลดเต้นเข้าไปหา ก่อนจะจูงมือพากันไปดูลานปลูกผัก
“พี่สาว พี่สาว…ข้าเพาะเมล็ดดอกเก๋อซังที่ท่านให้มาเมื่อคราวก่อนแล้วนะ”
“จริงหรือ โตขนาดไหนแล้ว?”
“ยังเป็นต้นอ่อนอยู่เลย ไปดูกันเถอะ”
ทันทีที่เม่ยเม่ยส่งเสียง “อื้อ” เป่าเอ๋อร์ก็วิ่งนำหน้าด้วยท่าทีตื่นเต้น
เม่ยเม่ยยิ้มแย้มเมื่อเห็นความร่าเริงของเจ้าตัวเล็ก ก่อนจะร้องเตือนด้วยความเป็นห่วง
“เป่าเอ๋อร์เดินช้าๆ หน่อย เดี๋ยวล้มเอา”
“พี่สาวเม่ยเม่ยเร็วเข้า”
ในส่วนของเฉิงเอ๋อร์กับตงตงนั้น แม้เด็กชายทั้งสองไม่ได้สนิทสนมกันเท่ากับเป่าเอ๋อร์กับเม่ยเม่ย แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้แย่เหมือนเมื่อก่อน
“เล่นอะไรดีล่ะ” ตงตงถามด้วยสีหน้าเขินๆ เมื่อก่อนเขาแกล้งเด็กคนนี้ไว้เยอะ พอมาเป็นเพื่อนกันจึงรู้สึกละอายใจนิดหน่อย
“เจ้าอยากเล่นก็เล่นคนเดียวสิ ข้าจะไปอ่านหนังสือ”
พูดจบ เฉิงเอ๋อร์ก็หมุนตัวทำท่าจะเดินกลับเรือน
“เจ้าอ่านหนังสือทุกวันไม่เบื่อบ้างหรือ” ตงตงไล่ตามเฉิงเอ๋อร์พร้อมกับเอ่ยถาม
“ไม่เบื่อ”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะข้าชอบหนังสือยังไงล่ะ แล้วก็อยากช่วยงานท่านแม่เร็วๆ”
ตงตงได้ยินคำพูดนั้นก็หยุดวิ่งไล่ตาม เด็กชายยืนเหม่อลอยที่เดิม
“ถ้าเก่งขึ้นแล้ว ก็จะช่วยท่านแม่ได้หรือ” ตงตงตะโกนถาม
เฉิงเอ๋อร์หยุดฝีเท้า หันมาตอบ “ก็ต้องได้น่ะสิ”
ความหมายคำว่า ‘ช่วย’ ของเฉิงเอ๋อร์คือช่วยท่านแม่หาเงิน แต่ในความคิดของตงตงคือช่วยให้ท่านแม่กลับมีฐานะเดิม ให้พวกเขาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสี่คนพ่อแม่ลูก
เฉิงเอ๋อร์รู้สึกว่าตงตงเงียบแปลกๆ เอียงศีรษะแล้วถามอย่างสงสัย
“เป็นอะไรไป ทำไมยืนนิ่ง”
“ข้าก็อยากช่วยท่านแม่”
“เช่นนั้นก็ตั้งใจเรียน...”
เฉิงเอ๋อร์พูดได้แค่นั้น ชุนกลับถือลูกบอลเดินเข้ามาขัดจังหวะเด็กชายทั้งสองคน
“การเล่นก็สำคัญนะเจ้าคะ”
“พี่สาวชุน?”
“เด็กๆ วัยนี้ นอกจากเรียนแล้ว การเล่นก็สำคัญ” ชุนกล่าวย้ำ
“ข้าอยากไปอ่านหนังสือมากกว่า ท่านเล่นกับตงตงเถอะ”
ชุนยิ้มร้าย ก้มตัวลงมาจูงมือเฉิงเอ๋อร์ “คุณชายน้อย หนังสือจะอ่านตอนไหนก็ได้ไม่ใช่หรือ มาเล่นให้สนุก ผ่อนคลายบ้างเถอะนะ”
“ใช่ๆ เจ้าควรผ่อนคลายบ้าง” ตงตงผงกศีรษะรัวๆ เห็นด้วยกับพี่สาว เขาก็อยากเก่งขึ้น แต่เรียนติดต่อกันมาหลายวันแล้ว วันนี้ก็ควรจะได้พัก
“ก็ได้” เฉิงเอ๋อร์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ตามชุนกับตงตงมาที่ลานกว้างหน้าบ้าน ทั้งสามเล่นโยนบอลกัน
“สนุกตรงไหนเนี่ย” เฉิงเอ๋อร์บ่น แต่มือก็ยังโยนลูกบอลไปมาอย่างไม่ยอมแพ้
“ตรงที่ได้ออกแรงยังไงล่ะ” ตงตงบอก
ถึงตอนแรกเฉิงเอ๋อร์จะเล่นแบบเอื่อยๆ แต่ผ่านไปสักครู่ เด็กชายก็เริ่มมีรอยยิ้มและโยนบอลอย่างเอาจริงเอาจัง
ไม่เพียงแค่โยนบอลไปมา ชุนยังสอนวิธีเล่นบอลแบบอื่นให้กับเด็กทั้งสอง เพื่อไม่ให้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่าย เช่นแย่งกันเตะบอล และโยนบอลลงตะกร้าหวาย
ตอนเล่นโยนบอลใส่ตะกร้า ตงตงออกแรงเยอะไปหน่อยจึงโยนพลาดเป้า ลูกบอลกลิ้งไปทางหน้าประตูใหญ่ บวกกับชุนเปิดประตูค้างไว้ ลูกบอลจึงกลิ้งออกไปข้างนอก ตงตงรีบวิ่งไล่ตามไปเก็บ
“เอ๊ะ นั่นมันลูกของผู้หญิงต้องคดีนี่น่า”
เสียงของเด็กชายคนหนึ่งตะโกนขึ้น
ตงตงเงยหน้ามอง เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเดินผ่านหน้าประตูบ้านลู่พอดี คนพวกนั้นเคยเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับตงตง และยังเคยแกล้งเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ด้วยกัน
“ลูกของแม่ต้องคดีอยู่กับลูกของแม่หน้าไม่อาย เหมาะสมกันดีจัง” เด็กอีกคนตะโกน
ตงตงยืนกำหมัด ตัวสั่นด้วยความเจ็บใจ
ชุนวิ่งมาดู ก่อนจะพูดอย่างรู้สึกผิด
“ข้าลืมปิดประตู ขอโทษที”
เฉิงเอ๋อร์ที่เดินตามมาทีหลังจูงมือตงตง ทำท่าลากเข้าบ้าน “ไปกันเถอะ”
“แม่ต้องคดีกับแม่หน้าไม่อาย”
“อี๋…ปาหินใส่พวกมันเลย สกปรก”
เด็กเกเรกลุ่มนั้นไม่เพียงตะโกนล้อว่า “แม่ต้องคดีกับแม่หน้าไม่อาย” พวกเขายังก้มหยิบหินขึ้นมาขว้างใส่ตงตงกับเฉิงเอ๋อร์
ตอนแรกตงตงยืนเหม่อด้วยเสียใจกับคำพูดของเด็กพวกนั้น แต่พอเห็นก้อนหินพุ่งใส่เฉิงเอ๋อร์ เขาที่ตัวใหญ่กว่าจึงรีบเอาตัวเข้าไปยืนบัง
“ระวัง!”
เฉิงเอ๋อร์ตะโกนด้วยความตกใจ
ทว่า วินาทีที่หินก้อนนั้นกำลังจะโดนศีรษะตงตง กลับถูกชุนปัดออกได้ทันเวลา
“เด็กเกเรพวกนี้ สั่งสอนให้เข็ดหลาบสักทีดีไหม”
ชุนโกรธจนเลือดขึ้นหน้า กำหมัดแยกเขี้ยว
เฉิงเอ๋อร์เห็นแบบนั้นก็ตระหนักทันที ชุนไม่ใช่พี่สาวมนุษย์ธรรมดา แต่เป็นหมาป่าที่มีพละกำลังเยอะ หากอาละวาด เด็กเกเรพวกนั้นต้องซี้แหงแก๋
เด็กน้อยรีบดึงเสื้อของพี่สาวชุน “ปิดบ้านก็พอ”
“คุณชายน้อย?”
“ข้าหิวแล้ว ไปหาของอร่อยๆ กินกัน”
“ก็ได้เจ้าค่ะ”
ก่อนจะปิดประตู ชุนถลึงตาข่มขู่ใส่เด็กเกเรพร้อมกับชี้หน้าเรียงตัว
“พวกเจ้าระวังเอาไว้ให้ดี คืนนี้จะหมาป่าบุกไปห้องนอน กินตับเด็กเกเร”
“เหวอ…!!”
“ผู้หญิงน่ากลัว หนีเร็ว!”
เหล่าเด็กเกเรร้องโวยวายด้วยความตกใจ ก่อนวิ่งโร่หนีไป
เฉิงเอ๋อร์ส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย
ชุนเดินกลับมาถามเด็กทั้งสองว่า “พวกคุณชายเจ็บหรือไม่”
“ไม่เจ็บ”
เฉิงเอ๋อร์ตอบ ก่อนจะมองตงตงที่ยืนซึมกระทือ
ชุนเห็นแล้วก็รู้สึกขัดใจ นางบีบแก้มตงตงพร้อมกับสั่งสอน “เป็นเด็กแสบไม่ใช่หรือ ถ้าเจ็บใจก็สู้กลับเหมือนที่เคยทำกับคุณชายน้อยของข้าสิ”
“ใครว่าข้าไม่อยากต่อยพวกนั้น แต่ถ้าข้าใช้กำลังท่านพ่อก็จะเดือดร้อน ข้าไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนอีกแล้ว”
ชุนอึ้งไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าเจ้าลิงแสบจะคิดได้แล้ว ต่อมา หญิงสาวยิ้มพลางพูดว่า “เช่นนั้นก็ใช้ความสำเร็จทำให้เจ้าพวกนั้นหน้าหงายเสียสิ”
“มันคืออะไร”
“อาจารย์ที่สอนหนังสือพวกเจ้าคืออาจารย์อิ้งเชียวนะ เจ้าไม่ได้ความรอบรู้จากเขาบ้างเลยหรือ”
ตงตงส่ายหน้าให้กับชุน
“โถ...ข้าจะบอกอะไรให้ เจ้าก็ใช้โอกาสนี้ ศึกษาหาความรู้กับอาจารย์อิ้งให้มากๆ พอเรียนจบแล้วก็ทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆ พัฒนาที่ดินบ้านของเจ้า เลี้ยงดูพ่อแม่ สร้างครอบครัวที่มีความสุข แค่นั้นก็เรียกว่าประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนเจ้าเกเรพวกนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมันสิ”
“พี่สาวชุนพูดถูก” เฉิงเอ๋อร์ผงกหัวเห็นด้วย
“ตั้งใจเรียน ช่วยงานพ่อแม่ พัฒนาที่ดิน…ใช้ความสำเร็จเอาคืนนี่เอง” ตงตงทวนคำ ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม “เข้าใจแล้วละ!”
ชุนกับเฉิงเอ๋อร์หันมองหน้ากัน สักครู่ก็ยิ้มออกมา
ตอนพิเศษ (5)จบบริบูรณ์ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว จิ้งจอกสาวก็เช็ดน้ำตาบนแก้มจนแห้ง สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปขอโทษหลางไป๋ ทว่าทุกครั้งที่นางเข้าใกล้ เขากลับผละหนี แสร้งทำทีเป็นยุ่งง่วนกับงาน ท่าทางแบบนั้นราวกับจงใจหลบหน้านางไม่มีผิด เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น เจียงจวีก็น้ำตาซึม รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นับวันหัวใจของนางก็ยิ่งปวดแปลบ ท้ายที่สุด นางที่รู้สึกระอายใจเป็นทุนเดิม ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเขา หลายวันต่อมา เจียงจวีเก็บข้าวของ หนีกลับเผ่าจิ้งจอก ณ เผ่าจิ้งจอก ผู้นำเผ่าจิ้งจอกในร่างของชายวัยคนกับจิ้งจอกหนุ่มต่างยืนกอดอกหน้าตาขึงขัง ในขณะที่มองจิ้งจอกสาวกอดเข่าน้ำตาซึม “ตั้งแต่นางกลับมาก็เอาแต่นั่งอมทุกข์ทั้งวันทั้งคืน สงสัยจะเจอแย่ๆ มา หากรู้อย่างนี้ ข้าไม่น่าอนุญาตให้นางออกไปเจอโลกภายนอกเลย เป็นข้าที่ตัดสินใจผิดพลาดเอง” ผู้นำเผ่าพูดกับลูกชาย “ท่านพ่อไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาดหรอกขอรับ ให้นางออกไปเผชิญโลกภายนอก นับเป็นประสบการณ์ของนางด้วย” จิ้งจอกหนุ่มกล่าว
ตอนพิเศษ (4) หลังจากเห็นว่าเจียงจวีเหมาะกับตำแหน่งพนักงานขาย หลางไป๋ก็ให้นางทำงานในร้านซินหลินคู่กับห่จือเหมย เพียงไม่กี่อาทิตย์ เจียงจวีก็เป็นพนักงานขายอันดับต้นๆ ของร้าน ด้วยความที่เป็นจิ้งจอกใสซื่อ จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบและเอ็นดูไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่หลางไป๋ “ทำงานแค่ไม่กี่อาทิตย์ เจ้าก็ทำกำไรให้ร้านซินหลินไม่น้อย…ทำดีมาก” หลางไป๋เอ่ยชมเจียงจวี พร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะ ตอนแรก หมาป่าหนุ่มทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นจิ้งจอกสาวผงะ ทั้งแก้มนวลเนียนยังขึ้นสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ที่กำลังลูบศีรษะของนางพลันชักกลับมา จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปตรวจงานแผนกอื่น และไม่พูดไม่จาใดๆ หัวใจของเจียงจวีเต้นระส่ำระส่ายไม่หยุด แม้ยกมือขึ้นลูบหน้าอกพร้อมสูดหายลึกๆ แล้ว หากแต่หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา อย่างไรก็ตาม อาการใจเต้นแรงนี้ ทำให้จิ้งจอกสาวอดรู้สึกกังวลไม่ได้ หมิงฮวาเข้าร้านมาในจังหวะนั้นพอดี นางมองหลางไป๋สลับกับมองเจียงจวี สักครู่ ดวงตาของอสรพิษสาวก็หรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นหลางไป๋ขึ้นไปที่ชั้
ตอนพิเศษ (3) วันต่อมา จิ้งจอกสาวหอบห่อผ้ามาที่ฟาร์มอีกครั้ง แต่หนนี้นางมาพร้อมกับพี่ชาย “พวกเจ้าสองพี่น้องจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันหรือ” หลางไป๋สอบถาม การได้คนหน่วยกร้านดีเพิ่ม มีใครบ้างไม่ชอบ ทว่าจิ้งจอกหนุ่มโบกมือแล้วตอบ “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่มาส่งน้องสาว อีกอย่าง ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอร้องท่านให้ช่วยดูแลนางด้วย นางค่อนข้างซื่อน่ะขอรับ” หลางไป๋พยักหน้าเหมือนเข้าใจ หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยิ้มใสซื่อ โค้งศีรษะให้กับหลางไป๋ทีหนึ่ง “จากนี้ข้าต้องขอฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ” หลางไป๋หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกพลางตอบว่า “ทางนี้ก็ต้องฝากตัวด้วยเช่นกัน” จากนั้นก็หันไปพูดกับทางพี่ชายด้วยสีหน้าเสียดาย “พูดก็พูดเถอะ เจ้าเองก็หน่วยกร้านดีไม่เบา น่าจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกัน” “ความจริงข้าก็อยากมาทำงานที่นี่นะขอรับ แต่เพราะท่านพ่อของพวกเรากำลังป่วย ข้าที่เป็นลูกชาย และยังเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป ต้องคอยจัดการหลายๆ เรื่อง ตอนนี้ก็เลยออกจากเผ่าไม่ได้” “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” “ขอบคุณท่านผู
ตอนพิเศษ (2) สถานที่นี้เรียกว่าฟาร์ม มีทั้งสวนผัก สวนผลไม้ ทุ่งดอกไม้ โรงเรือนเพาะต้นกล้า ไหนจะโรงผลิตสารพัดที่เพิ่มขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด หนำซ้ำ ยังมีหมู่บ้านของเหล่าสัตว์อสูร ถนนที่ปูด้วยอิฐ ตรงลานกว้างของเมืองก็มีน้ำพุขนาดใหญ่ พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข…น่าอิจฉาและดูน่าสนุกกันจังเลย จิ้งจอกสาวคิด ก่อนจะถอนหายเฮือกออกมาหนึ่ง หญิงสาวชอบความตื่นตาตื่นใจของฟาร์ม ถึงได้แอบมาดูทุกวัน ในตอนที่ลำแสงสีทองสาดเข้ามาในป่ารกทึบ จากนั้นเหล่าสัตว์ก็มีวิวัฒนาการกลายร่างเป็นมนุษย์ ตอนนั้นนางตื่นเต้นมาก กระโดดโลดเต้นรอบป่า ยิ่งค้นพบว่ายังมีสัตว์เผ่าอื่นที่กลายร่างเป็นมนุษย์ นางก็ยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะอย่างนั้นตอนที่หมาป่าเพศผู้นามว่าหลางไป๋มาเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าจิ้งจอก นางอยากให้ท่านพ่อตอบรับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับท่านภูต แต่ว่า ท่านพ่อกลับปฏิเสธ แม้ผิดหวังอย่างมาก แต่คำสั่งของผู้นำเผ่าถือเป็นเด็ดขาด เช้าตรู่ของวันนี้ จิ้งจอกสาวก็ยังแอบมาที่ฟาร์ม นางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แ
ตอนพิเศษ (1) ต้นฤดูหนาวของปีนั้น ชุนกับจิ่นเซี่ยได้จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย โดยหลางไป๋เป็นญาติฝ่ายหญิง ส่วนจิ่นเซี่ยนั้น เนื่องจากองครักษ์หนุ่มผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ญาติฝ่ายชายจึงเป็นกงเยียนซู แม้เป็นงานแต่งที่เรียบง่าย แต่เพราะได้ลู่ซินฟางเป็นแม่งาน อาหารสุราจึงขึ้นเต็มโต๊ะตลอดทั้งวันทั้งคืน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนกันเอง งานแต่งของชุนกับองครักษ์หนุ่ม จึงเหมือนกับวันรวมญาติมากกว่าเป็นงานมงคล ลู่ซินฟางอนุญาตให้ชุนหยุดได้เท่าที่ต้องการ หลังเสร็จสิ้นงานแต่ง ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม หลายวันหลังจากนั้น อุณหภูมิเริ่มลดต่ำ สายลมหนาวเย็นพัดมาเป็นระลอก ลู่ซินฟางยืนอยู่บนระเบียง มองพวกเด็กๆ วิ่งเล่นกันที่ลานกว้าง “เด็กๆ เนี่ย ไม่รู้จักความหนาวกันเลยหรือไงนะ” ลู่ซินฟางพึมพำด้วยความเอ็นดู “แอร๊…!” ตอนนั้นเอง เสียงเล็กๆ ของจินเอ๋อร์ดังมาจากในเปล ลู่ซินฟางผละสายตาออกจากพวกเฉิงเอ๋อร์ เดินกลับมาหาลูกน้อยที่นอนในเปล จินเอ๋อร์อา
บทที่ 128บทพิเศษ มิติที่สมบูรณ์ และ รักจนแก่เฒ่า (ครึ่งหลัง) จบบริบูรณ์ เมื่อกลับมาจากมิติ ซินหลินก็มาหาลู่ซินฟางที่คฤหาสน์ เจ้าแฝดพอเห็นพี่ชายมาหา ก็วิ่งเข้าไปเกาะแขน กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “พี่ชายซินหลิน เมื่อกี้พวกเราไปมิติมาด้วย” “พี่ชายซินหลิน พวกเราไปอ่านหนังสือกันเถอะ” ซินหลินส่ายหน้าพร้อมเคาะปลายจมูกน้อยๆ ของเด็กทั้งสองเบาๆ คนละที “พวกเจ้าเรี่ยวแรงเหลือเฟือจริงๆ เลยนะ เพิ่งกลับมาจากมิติไม่ใช่หรือ คิดจะเล่นกันอีกแล้ว?” “ฮะๆ” “คิๆ” เจ้าแฝดหัวเราะชอบใจ ซินหลินยิ้มให้กับน้องๆ ก่อนหันมาบอกลู่ซินฟางว่า “ข้าเพิ่งเอาผักไปให้เหนียงซิ่น นางบอกว่าอากาศน่าจะเริ่มหนาวแล้ว นางว่าจะทำหม้อไฟชุดใหญ่ เลยให้ข้ามาบอกน่ะ” “ขอบใจมาก รอเยียนซูกลับมาแล้วข้าจะพาเด็กๆ ไปที่คฤหาสน์นะ” ลู่ซินฟางตอบกลับ “อืม” “หม้อไฟ” “เย่ หม้อไฟ!” หม้อไฟฝีมือเหนียงซิ่นอร่อยมาก แถมนานๆ ครั้งจะได้สักที พวกเด็กๆ จึงชูแขนร้องด้วยความดีใจ