ตอนพิเศษ (3)
วันต่อมา จิ้งจอกสาวหอบห่อผ้ามาที่ฟาร์มอีกครั้ง แต่หนนี้นางมาพร้อมกับพี่ชาย
“พวกเจ้าสองพี่น้องจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันหรือ” หลางไป๋สอบถาม การได้คนหน่วยกร้านดีเพิ่ม มีใครบ้างไม่ชอบ
ทว่าจิ้งจอกหนุ่มโบกมือแล้วตอบ “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่มาส่งน้องสาว อีกอย่าง ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอร้องท่านให้ช่วยดูแลนางด้วย นางค่อนข้างซื่อน่ะขอรับ”
หลางไป๋พยักหน้าเหมือนเข้าใจ
หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยิ้มใสซื่อ โค้งศีรษะให้กับหลางไป๋ทีหนึ่ง
“จากนี้ข้าต้องขอฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ”
หลางไป๋หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกพลางตอบว่า “ทางนี้ก็ต้องฝากตัวด้วยเช่นกัน” จากนั้นก็หันไปพูดกับทางพี่ชายด้วยสีหน้าเสียดาย “พูดก็พูดเถอะ เจ้าเองก็หน่วยกร้านดีไม่เบา น่าจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกัน”
“ความจริงข้าก็อยากมาทำงานที่นี่นะขอรับ แต่เพราะท่านพ่อของพวกเรากำลังป่วย ข้าที่เป็นลูกชาย และยังเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป ต้องคอยจัดการหลายๆ เรื่อง ตอนนี้ก็เลยออกจากเผ่าไม่ได้”
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ”
“ขอบคุณท่านผู้ช่วยมากขอรับ”
“ว่าแต่ ผู้นำเผ่าของเจ้าป่วยเป็นโรคอะไรหรือ”
“เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังน่ะขอรับ”
โรคที่เกิดในสัตว์ประเภทสี่ขามีขนอย่างพวกเขา และเห็นบ่อยๆ ก็คือโรคผิวหนัง โรคนี้ใช่ว่าจะไม่มียารักษา เพียงแต่เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย และต้องใช้เวลารักษา
หลังคิดจบ หลางไป๋ก็บอกให้สองพี่น้องรอสักครู่
สองพี่น้องมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าให้กับหลางไป๋
ผ่านไปสักครู่ หลางไป๋ก็กลับมาพร้อมกับยาและไหสุราสามไห
“ถึงทางเจ้าจะมียารักษาอยู่แล้ว แต่ยาของทางเรารักษาโรคผิวหนังได้ตรงจุดกว่า ข้าฝากให้ให้ผู้นำเผ่าจิ้งจอกด้วย ส่วนนี่คือสุราผลไม้ที่พวกเราเพิ่งขุดขึ้นมา ข้าแบ่งให้พวกเจ้าเอาไปดื่ม”
สองพี่น้องมองยาและสุราที่หลางไป๋ยื่นให้ด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
“จะดีหรือ พวกเราไม่ได้ตอบรับการเป็นพันธมิตรด้วย แต่ท่านก็ยังมอบของดีมาให้” จิ้งจอกคนพี่ถาม
“แต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูไม่ใช่หรือ” หลางไป๋บอก
เมื่อได้ยินแบบนี้ ทั้งสองก็ยิ่งซึ้งในน้ำใจของหมาป่าหนุ่ม
จิ้งจอกสาวเกิดความหวั่นไหวในใจ แม้ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เกิดจากอะไรก็ตาม
หลังจากนั้น จิ้งจอกคนพี่ก็ขอตัวกลับเผ่า
คราวนี้หลางไป่หันมาสัมภาษณ์จิ้งจอกสาว คำถามส่วนใหญ่คือ นางถนัดสิ่งใด และต้องการทำงานด้านไหน คำตอบที่ได้รับสรุปสั้นๆ และเข้าใจง่ายคือ…ไม่มีอะไรที่นางทำได้และถนัดสักอย่างเดียว
หลางไป๋รู้สึกเหมือนรับตัวปัญหาเข้ามา
พอให้นางทดลองทำงานในสวนผลไม้ นางก็กินผลไม้ในตะกร้าเกือบหมด พอลองให้นางไปปลูกผัก นางก็หว่านเมล็ดไม่ลงหลุม ทำให้ฝูงนกมากินเมล็ดผักจนหมด
เป็นครั้งแรกที่หลางไป๋ปวดหัว ถึงขั้นกุมขมับทั้งวัน
อย่างไรก็ตาม หลินแนะนำหลางไป๋ให้พาจิ้งจอกสาวไปหาลู่ซินฟาง ตั้งชื่อให้จิ้งจอกสาวตนนี้ก่อน
ในยามบ่ายของวันนั้น ซินหลินเปิดประตูข้ามมิติมาปุบ หลางไป๋ก็พาจิ้งจอกสาวข้ามมาที่โลกของมนุษย์ทันที
จิ้งจอกสาวบีบมือตนเอง พร้อมกับมองเมืองมนุษย์อย่างตื่นเต้น
ระหว่างเดินนำจิ้งจอกสาวมายังคฤหาสน์ของกงเยียนซู ถนนหนทางที่พวกเขาผ่าน มีผู้คนเดินสวนกันไปมา
หยิงสาวจิ้งจอกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่ได้ ตลอดทางร้อง “ว้าว” ไม่หยุด
“มนุษย์...มนุษย์เยอะแยะเลย” นางร้องเสียงดัง พร้อมกับทำท่าตื่นตาตื่นใจ
หลางไป๋ต้องกระเถิบเข้ามาใกล้ๆ นาง แล้วก้มใบหน้าลงกระซิบข้างหู “เจ้าเองก็เป็นมนุษย์”
จิ้งจอกสาวร้อง “อ๊ะ!” ก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหูที่ร้อนผ่าว
ไม่นานนัก หลางไป๋ก็พาหญิงสาวมาถึงคฤหาสน์ตระกูลกง หลังจากแนะนำและอธิบายเกี่ยวกับจิ้งจอกตนนี้คร่าวๆ ลู่ซินฟางก็ตั้งชื่อให้นางว่า “เจียงจวี”
จิ้งจอกสาวดีใจมาก ก้มศีรษะขอบคุณลู่ซินฟางยกใหญ่ มิหนำซ้ำยังย้ำชื่อตัวเองอยู่หลายรอบ
“เจียงจวี...เป็นชื่อที่ไพเราะมากเจ้าค่ะ”
ลู่ซินฟางยิ้มให้กับหญิงสาวพร้อมกับพิจารณา ผ่านไปสักครู่ ลู่ซินฟางก็บอกกับหลางไป๋ว่า “จากนี้ก็ลองพานางไปที่ร้านซินหลินดู หรือจะให้เสี่ยวเหมยแนะนำงานให้นางก็ได้”
หลางไป๋มองใบหน้ายิ้มแย้มของเจียงจวี ก่อนหันมาตอบนายหญิง “ขอรับ”
นายหญิงมีสายตาเฉียบขาด พอชี้แนะมาแบบนั้น หลางไป๋ถึงคิดขึ้นมาได้ บางทีเจียงจวีอาจเหมาะกับการเป็นพนักงานขายก็เป็นได้
หลังจากนั้น หลางไป๋ก็พาเจียงจวีมาที่ร้านซินหลิน แนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก ทั้งยังฝากให้หู่จือเหมยทำหน้าที่สอนงานให้กับนาง
หู่จือเหมยพาเจียงจวีเดินดูรอบร้าน สอนให้นางได้รู้จักสินค้าต่างๆ
แม้เจียงจวีไม่ใช่คนหัวไวอะไรนัก แต่จิ้งจอกสาวก็จดจำสินค้าแต่ละอย่าง รวมถึงใบหน้ากับชื่อของผู้คนได้อย่างแม่นยำ
เมื่อหญิงสาวทั้งสองมาที่โซนขายเครื่องสำอาง บังเอิญเจอหมิงฮวาที่มาซื้อชาดทาปากพอดี
หมิงฮวามีนิสัยขี้เล่น พอเห็นว่าเจียงจวีน่ารักน่าหยอก อสรพิษสาวก็ดึงจิ้งจอกสาวมายืนข้างๆ หยิบชาดมาป้ายปากของเจียงจวี
“ว่าแล้วเชียว ชาดสีนี้เหมาะกับเจ้ามาก น้องสาว” หมิงฮวาพูดพลางหยิบกระจกให้เจียงจวีส่อง
พอเห็นริมฝีปากของตนทั้งอิ่มเอิบทั้งเปล่งปลั่งด้วยสีแดงสดใส เจียงจวีก็ยิ้มกว้าง กล่าวขอบคุณหมิงฮวาที่แนะนำของสวยๆ งามๆ ให้
เมื่อเห็นทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ หู่จือเหมยจึงแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน
เวลานั้นเอง ลูกค้าสาวกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาถามหู่จือเหมยว่า “ขอรบกวนหน่อยเจ้าค่ะ พวกเราเห็นว่าชาดที่แม่นางท่านนี้ทาสวยมาก ช่วยแนะนำได้หรือไม่เจ้าคะ”
หู่จือเหมยยิ้มอย่างมืออาชีพ ก่อนจะแนะนำชาดให้กับสาวๆ พร้อมกับบอกราคา
ตลอดเวลานั้น เจียงจวีคอยสังเกตการขายของกระต่ายสาว หลังจากจดจำได้แล้ว นางก็แนะนำลูกค้ากลุ่มถัดไป โดยมีหมิงฮวาคอยชี้แนะใกล้ๆ
ช่วงบ่ายวันนั้นลูกค้าเข้าๆ ออกๆ โซนเครื่องสำอางไม่ขาดสาย สามสาวงามต่างเผ่าพันธุ์ช่วยกันขายสินค้ามือเป็นระวิง กอบโกยเงินเข้าร้านไม่น้อย
ตอนพิเศษ (5)จบบริบูรณ์ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว จิ้งจอกสาวก็เช็ดน้ำตาบนแก้มจนแห้ง สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปขอโทษหลางไป๋ ทว่าทุกครั้งที่นางเข้าใกล้ เขากลับผละหนี แสร้งทำทีเป็นยุ่งง่วนกับงาน ท่าทางแบบนั้นราวกับจงใจหลบหน้านางไม่มีผิด เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น เจียงจวีก็น้ำตาซึม รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นับวันหัวใจของนางก็ยิ่งปวดแปลบ ท้ายที่สุด นางที่รู้สึกระอายใจเป็นทุนเดิม ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเขา หลายวันต่อมา เจียงจวีเก็บข้าวของ หนีกลับเผ่าจิ้งจอก ณ เผ่าจิ้งจอก ผู้นำเผ่าจิ้งจอกในร่างของชายวัยคนกับจิ้งจอกหนุ่มต่างยืนกอดอกหน้าตาขึงขัง ในขณะที่มองจิ้งจอกสาวกอดเข่าน้ำตาซึม “ตั้งแต่นางกลับมาก็เอาแต่นั่งอมทุกข์ทั้งวันทั้งคืน สงสัยจะเจอแย่ๆ มา หากรู้อย่างนี้ ข้าไม่น่าอนุญาตให้นางออกไปเจอโลกภายนอกเลย เป็นข้าที่ตัดสินใจผิดพลาดเอง” ผู้นำเผ่าพูดกับลูกชาย “ท่านพ่อไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาดหรอกขอรับ ให้นางออกไปเผชิญโลกภายนอก นับเป็นประสบการณ์ของนางด้วย” จิ้งจอกหนุ่มกล่าว
ตอนพิเศษ (4) หลังจากเห็นว่าเจียงจวีเหมาะกับตำแหน่งพนักงานขาย หลางไป๋ก็ให้นางทำงานในร้านซินหลินคู่กับห่จือเหมย เพียงไม่กี่อาทิตย์ เจียงจวีก็เป็นพนักงานขายอันดับต้นๆ ของร้าน ด้วยความที่เป็นจิ้งจอกใสซื่อ จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบและเอ็นดูไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่หลางไป๋ “ทำงานแค่ไม่กี่อาทิตย์ เจ้าก็ทำกำไรให้ร้านซินหลินไม่น้อย…ทำดีมาก” หลางไป๋เอ่ยชมเจียงจวี พร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะ ตอนแรก หมาป่าหนุ่มทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นจิ้งจอกสาวผงะ ทั้งแก้มนวลเนียนยังขึ้นสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ที่กำลังลูบศีรษะของนางพลันชักกลับมา จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปตรวจงานแผนกอื่น และไม่พูดไม่จาใดๆ หัวใจของเจียงจวีเต้นระส่ำระส่ายไม่หยุด แม้ยกมือขึ้นลูบหน้าอกพร้อมสูดหายลึกๆ แล้ว หากแต่หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา อย่างไรก็ตาม อาการใจเต้นแรงนี้ ทำให้จิ้งจอกสาวอดรู้สึกกังวลไม่ได้ หมิงฮวาเข้าร้านมาในจังหวะนั้นพอดี นางมองหลางไป๋สลับกับมองเจียงจวี สักครู่ ดวงตาของอสรพิษสาวก็หรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นหลางไป๋ขึ้นไปที่ชั้
ตอนพิเศษ (3) วันต่อมา จิ้งจอกสาวหอบห่อผ้ามาที่ฟาร์มอีกครั้ง แต่หนนี้นางมาพร้อมกับพี่ชาย “พวกเจ้าสองพี่น้องจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันหรือ” หลางไป๋สอบถาม การได้คนหน่วยกร้านดีเพิ่ม มีใครบ้างไม่ชอบ ทว่าจิ้งจอกหนุ่มโบกมือแล้วตอบ “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่มาส่งน้องสาว อีกอย่าง ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอร้องท่านให้ช่วยดูแลนางด้วย นางค่อนข้างซื่อน่ะขอรับ” หลางไป๋พยักหน้าเหมือนเข้าใจ หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยิ้มใสซื่อ โค้งศีรษะให้กับหลางไป๋ทีหนึ่ง “จากนี้ข้าต้องขอฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ” หลางไป๋หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกพลางตอบว่า “ทางนี้ก็ต้องฝากตัวด้วยเช่นกัน” จากนั้นก็หันไปพูดกับทางพี่ชายด้วยสีหน้าเสียดาย “พูดก็พูดเถอะ เจ้าเองก็หน่วยกร้านดีไม่เบา น่าจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกัน” “ความจริงข้าก็อยากมาทำงานที่นี่นะขอรับ แต่เพราะท่านพ่อของพวกเรากำลังป่วย ข้าที่เป็นลูกชาย และยังเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป ต้องคอยจัดการหลายๆ เรื่อง ตอนนี้ก็เลยออกจากเผ่าไม่ได้” “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” “ขอบคุณท่านผู
ตอนพิเศษ (2) สถานที่นี้เรียกว่าฟาร์ม มีทั้งสวนผัก สวนผลไม้ ทุ่งดอกไม้ โรงเรือนเพาะต้นกล้า ไหนจะโรงผลิตสารพัดที่เพิ่มขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด หนำซ้ำ ยังมีหมู่บ้านของเหล่าสัตว์อสูร ถนนที่ปูด้วยอิฐ ตรงลานกว้างของเมืองก็มีน้ำพุขนาดใหญ่ พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข…น่าอิจฉาและดูน่าสนุกกันจังเลย จิ้งจอกสาวคิด ก่อนจะถอนหายเฮือกออกมาหนึ่ง หญิงสาวชอบความตื่นตาตื่นใจของฟาร์ม ถึงได้แอบมาดูทุกวัน ในตอนที่ลำแสงสีทองสาดเข้ามาในป่ารกทึบ จากนั้นเหล่าสัตว์ก็มีวิวัฒนาการกลายร่างเป็นมนุษย์ ตอนนั้นนางตื่นเต้นมาก กระโดดโลดเต้นรอบป่า ยิ่งค้นพบว่ายังมีสัตว์เผ่าอื่นที่กลายร่างเป็นมนุษย์ นางก็ยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะอย่างนั้นตอนที่หมาป่าเพศผู้นามว่าหลางไป๋มาเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าจิ้งจอก นางอยากให้ท่านพ่อตอบรับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับท่านภูต แต่ว่า ท่านพ่อกลับปฏิเสธ แม้ผิดหวังอย่างมาก แต่คำสั่งของผู้นำเผ่าถือเป็นเด็ดขาด เช้าตรู่ของวันนี้ จิ้งจอกสาวก็ยังแอบมาที่ฟาร์ม นางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แ
ตอนพิเศษ (1) ต้นฤดูหนาวของปีนั้น ชุนกับจิ่นเซี่ยได้จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย โดยหลางไป๋เป็นญาติฝ่ายหญิง ส่วนจิ่นเซี่ยนั้น เนื่องจากองครักษ์หนุ่มผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ญาติฝ่ายชายจึงเป็นกงเยียนซู แม้เป็นงานแต่งที่เรียบง่าย แต่เพราะได้ลู่ซินฟางเป็นแม่งาน อาหารสุราจึงขึ้นเต็มโต๊ะตลอดทั้งวันทั้งคืน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนกันเอง งานแต่งของชุนกับองครักษ์หนุ่ม จึงเหมือนกับวันรวมญาติมากกว่าเป็นงานมงคล ลู่ซินฟางอนุญาตให้ชุนหยุดได้เท่าที่ต้องการ หลังเสร็จสิ้นงานแต่ง ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม หลายวันหลังจากนั้น อุณหภูมิเริ่มลดต่ำ สายลมหนาวเย็นพัดมาเป็นระลอก ลู่ซินฟางยืนอยู่บนระเบียง มองพวกเด็กๆ วิ่งเล่นกันที่ลานกว้าง “เด็กๆ เนี่ย ไม่รู้จักความหนาวกันเลยหรือไงนะ” ลู่ซินฟางพึมพำด้วยความเอ็นดู “แอร๊…!” ตอนนั้นเอง เสียงเล็กๆ ของจินเอ๋อร์ดังมาจากในเปล ลู่ซินฟางผละสายตาออกจากพวกเฉิงเอ๋อร์ เดินกลับมาหาลูกน้อยที่นอนในเปล จินเอ๋อร์อา
บทที่ 128บทพิเศษ มิติที่สมบูรณ์ และ รักจนแก่เฒ่า (ครึ่งหลัง) จบบริบูรณ์ เมื่อกลับมาจากมิติ ซินหลินก็มาหาลู่ซินฟางที่คฤหาสน์ เจ้าแฝดพอเห็นพี่ชายมาหา ก็วิ่งเข้าไปเกาะแขน กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “พี่ชายซินหลิน เมื่อกี้พวกเราไปมิติมาด้วย” “พี่ชายซินหลิน พวกเราไปอ่านหนังสือกันเถอะ” ซินหลินส่ายหน้าพร้อมเคาะปลายจมูกน้อยๆ ของเด็กทั้งสองเบาๆ คนละที “พวกเจ้าเรี่ยวแรงเหลือเฟือจริงๆ เลยนะ เพิ่งกลับมาจากมิติไม่ใช่หรือ คิดจะเล่นกันอีกแล้ว?” “ฮะๆ” “คิๆ” เจ้าแฝดหัวเราะชอบใจ ซินหลินยิ้มให้กับน้องๆ ก่อนหันมาบอกลู่ซินฟางว่า “ข้าเพิ่งเอาผักไปให้เหนียงซิ่น นางบอกว่าอากาศน่าจะเริ่มหนาวแล้ว นางว่าจะทำหม้อไฟชุดใหญ่ เลยให้ข้ามาบอกน่ะ” “ขอบใจมาก รอเยียนซูกลับมาแล้วข้าจะพาเด็กๆ ไปที่คฤหาสน์นะ” ลู่ซินฟางตอบกลับ “อืม” “หม้อไฟ” “เย่ หม้อไฟ!” หม้อไฟฝีมือเหนียงซิ่นอร่อยมาก แถมนานๆ ครั้งจะได้สักที พวกเด็กๆ จึงชูแขนร้องด้วยความดีใจ