บทที่ 23
สหายของท่านแม่ (ครึ่งหลัง)
ทว่า ก่อนจะพาทุกคนไปดูงานที่ไร่ ลู่ซินฟางย้อนกลับมาที่เรือนหลังใหม่เพื่อรับเจ้าแฝดทั้งสองไปด้วยกัน
พอเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์เห็นท่านแม่กลับบ้านมาพร้อมกับคนที่ไม่คุ้นหน้า แทนที่จะหวาดกลัว วิ่งมาหลบหลังท่านแม่เหมือนเมื่อก่อน เด็กทั้งสองกลับมองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยดวงตาใสแป๋ว
ชุนโค้งเอวก้มมองเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ สักครู่ ดวงตาเรียวรีของนางก็เบิกโตเล็กน้อย ดูท่าทางจะตื่นเต้นไม่ต่างจากเด็กทั้งสอง
“เด็กสองคนนี้คือลูกๆ ของนายหญิงหรือ น่ารักจัง!”
ก่อนมายังโลกนี้ หลางไป๋ย้ำนักย้ำหนาเกี่ยวกับหน้าที่ของชุน นั่นคือช่วยนายหญิงเลี้ยงดูเด็กๆ
ว่าตามจริง หากเป็นนายหญิงคนเดิม ชุนหมายถึงลู่ซินฟางร่างเดิม... เด็กทั้งสองไม่ใช่สายเลือดแท้ๆ ด้วยซ้ำ ทว่าตั้งแต่พูดเรื่องเด็กๆ กับนายหญิง ชุนสัมผัสได้ว่านายหญิงใส่ใจเด็กทั้งสองราวกับลูกในไส้เลย
ซึ่งแน่นอน พอได้มาเจอเด็กๆ แล้ว พวกเขาน่ารักน่าเอ็นดู พอคิดว่าเด็กที่น่ารักขนาดนี้ ที่ผ่านมาพบเจอเรื่องอะไรมาบ้าง ในใจของชุนก็เดือดดาลขึ้นมา นางไม่ได้โกรธเด็กๆ แต่โกรธคนที่ทำร้ายเด็กบริสุทธิ์แบบพวกเขาต่างหาก
“พวกเจ้าคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ พี่สาวชื่อหลางชุน พวกคุณหนูเรียกว่า ชุน เฉยๆ ก็ได้นะ”
เด็กทั้งสองมองชุนด้วยตาปริบๆ จากนั้นก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะพวกเขาพยักหน้าราวกับตัดสินใจบางอย่าง จากนั้นก็...
“พี่ชุน!”
เจ้าแฝดน้อยเรียกชุนเช่นนั้น
“ว้าว น่ารัก” ชุนทำตาเป็นประกาย
“เท่าที่เห็น พวกเขาฉลาดด้วยนะ” หลางไป๋กล่าวเสริม
“ว่าแต่ หลางไป๋พอจะสอนหนังสือให้พวกเขาได้ไหม”
ลู่ซินฟางถามหลางไป๋ ฝ่ายหลังพอได้ยินแบบนั้นก็รีบถามกลับ
“ให้ข้าสอนได้หรือขอรับ!”
“ข้ากำลังหาอาจารย์สอนหนังสือให้ลูกอยู่พอดี แต่ด้วยฐานะของข้าในตอนนี้ หากส่งลูกๆ เข้าเรียนสถานศึกษา พวกเขาอาจถูกรังแกได้ แต่ถ้าเป็นเจ้าละก็ คงไม่มีปัญหาแน่นอน”
ลู่ซินฟางเพิ่งจะสร้างตัว ช่วงที่ผ่านมามีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับนาง ถ้าส่งลูกๆ เข้าเรียนตอนนี้เกรงว่าพวกเขาจะถูกอาจารย์และเพื่อนๆ กลั่นแกล้งเอาได้ ไม่ใช่ว่าปกป้องเด็กๆ มากเกินไป แต่อย่างน้อย ขอให้นางสร้างตัวได้อย่างมั่นคงก่อน เมื่อถึงเวลานั้น นางจะปล่อยพวกเขาเผชิญสังคมความเป็นจริง
หลังตัดสินใจแล้ว หลางไป๋ยกมือทาบอก ก้มศีรษะ “ขอรับนายหญิง ข้าอยากทำงานนี้”
ลู่ซินฟางยิ้มอย่างโล่งใจ
ระหว่างทางนี้คุยกัน เด็กทั้งสองเดินไปหาหนุ่มน้อยชุดขาวที่ยืนนิ่งๆ
“พี่ชาย พี่ชายชื่อว่าอะไร” เป่าเอ๋อร์แหงนหน้าเอ่ยถาม
“ซินหลิน”
เด็กชายวัย 10 ขวบตอบหน้านิ่ง
เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด ช่างสังเกต เขามองซินหลินสลับกับมองท่านแม่
ลู่ซินฟางเห็นดังนั้นก็เดาความคิดของลูกชายออกเลยรีบแก้ต่างว่า “จริงๆ ถ้านับญาติกันคงยาว สรุปคือซินหลินคือลูกพี่ลูกน้องของลูกน่ะ”
“รวบรัดเกินไปแล้วขอรับ” หลางไป๋บอก
ลู่ซินฟางยิ้มแห้งๆ “เอาน่า เอาน่า”
ไม่ว่าจะให้เหตุผลอะไร สิ่งสำคัญคือเด็กๆ ไม่ถามมากจนนางต้องลำบากใจก็พอ
และเป็นเช่นนั้น เฉิงเอ๋อร์ไม่ได้ถามอะไรต่อ
“จริงสิ ซินหลินก็มาเรียนเป็นเพื่อนเด็กๆ ด้วยเลยสิ” ลู่ซินฟางพูดขึ้นแบบปุบปับ
ซินหลินทำเบื่อหน่าย “ยังต้องเรียนด้วยหรือ หน้าที่ข้าก็แค่พา…อุบ!”
เห็นสยงอู๋ตัวใหญ่ แต่ทำอะไรคล่องแคล่ว ก่อนหน้านี้กำลังมองลวดลายหน้าต่างกับประตูเพลินๆ พอรู้สึกคลับคล้ายว่าซินหลินกำลังจะหลุดปากพูดเรื่องไม่สมควร เขาก็รีบวิ่งเข้ามาปิดปากซินหลิน ทั้งยังหัวไว แนะนำตัวเองกับเจ้าตัวเล็กทั้งสอง
“ส่วนพี่ชายชื่อสยงอู๋ เรียกพี่อู๋ก็ได้”
ศีรษะเล็กๆ ของเฉิงเอ๋อร์ขยับขึ้นลง “พี่อู๋”
เป่าเอ๋อร์พูดพร้อมกางสองมือออก “พี่อู๋ตัวเบิ้ม”
“ฮะๆ”
ทุกคนได้ยินอย่างนั้นต่างหัวเราะชอบใจ
ลู่ซินฟางรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการแนะนำคนที่เหลือ “เอาละ ต่อไปท่านนี้ก็คือท่านลุงสยงจวิน แล้วก็ท่านน้าหลางไป๋”
เจ้าแฝดน้อยทั้งสองยิ้มให้พวกเขา “ลุงจวิน น้าไป๋”
ลู่ซินฟางมองลูกๆ ที่เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี ก่อนจะตัดบทว่า ไปที่ไร่กันเถอะ
สยงจวินเป็นพ่อหมีรักเด็ก อุ้มเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ด้วยมือซ้ายและขวา
ถูกอุ้มสูงๆ เป่าเอ๋อร์ชอบใจแทนที่จะกลัว หัวเราะเอิ้กอ้ากพลางบอกว่า “ลุงจวินสูงจัง!”
“พวกเจ้ากลัวความสูงกันหรือไม่”
“ไม่กลัว!”
“ฮะๆ ดีแล้ว”
ลู่ซินฟางยิ้มให้กับความมีชีวิตชีวาของทุกคน ก่อนจะออกไปเช่ารถเทียมวัวมาหนึ่งคัน
เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ทุกคนลงจากรถเทียมวัว ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาละแวกนั้น คนที่กำลังก้มหน้าทำงานในไร่ พอหันมาเห็นกลุ่มของลู่ซินฟาง พวกเขาต่างก็มองมาด้วยความตะลึงระคนสงสัย หากกลับมีสายตาคู่หนึ่งที่พุ่งตรงมาอย่างเคืองแค้น
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ