บทที่ 59
กงเยียนซูกลับมาแล้ว และ ของฝากของจิ่นเซี่ย
“กงเยียนซูได้บอกธุระหรือไม่” ลูซินฟางถามหู่จือเหมยต่อ
“ของฝากจากเมืองหลวงเจ้าค่ะ แต่ว่า…” เด็กสาวตอบแค่นั้นก็ยิ้มแห้งๆ
“ทำไมหรือ”
“พี่ไป๋เอาของฝากที่เถ้าแก่กงให้มาไปแจกจ่ายให้กับคนงานทุกคนจนหมดแล้วเจ้าค่ะ”
ลู่ซินฟางยิ้มด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ
เพราะเรื่องของเจียงลิ่ว เลยทำให้หลางไป๋ไม่ชอบหน้ากงเยียนซูเป็นอย่างมาก เหตุผผลนั้นเป็นเพราะกงเยียนซูคือต้นเหตุทำให้นางกับลูกต้องตกอยู่ในอันตราย ทุกวันนี้หลางไป๋จึงพยายามกีดกันไม่ให้กงเยียนซูเข้ามาใกล้ลู่ซินฟางสุดชีวิต
“แล้วเขาเอาอะไรมาฝากหรือ”
“องุ่นกับลิ้นจี่เจ้าค่ะ”
ทันทีที่หู่จือเหมยตอบ ลู่ซินฟางก็ร้อง เอ๋!? จากนั้นถึงขำพรืด
ในยุคนี้ ลิ้นจี่กับองุ่นเป็นผลไม้ชั้นสูง หากลองว่ากงเยียนซูนำผลไม้ชั้นสูงกลับมาจากเมืองหลวงด้วยตัวเอง เก้าในสิบส่วนเดาว่าคงเป็นผลไม้พระราชทานจากฮ่องเต้
แต่แล้ว ผลไม้พระราชทานนั้นกลับถูกหลางไป๋นำมาแจกจ่ายให้กับลูกจ้างในร้านเหมือนเป็นของไร้ค่า
พอคิดถึงตรงนี้ ลู่ซินฟางก็ขำหนักกว่าเดิม
อย่างไรเสีย เหล่าสัตว์อสูรก็ไม่รู้ว่าลิ้นจี่กับองุ่นเป็นผลไม้ชนชั้นในยุคนี้ เพราะในต่างมิติมีผลไม้มากมายหลายชนิดให้กินทุกฤดูกาล
หู่จือเหมยยังคงแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ ทำไมนายหญิงถึงหัวเราะไม่หยุด องุ่นกับลิ้นจี่แปลกตรงไหน
“ฮะๆ เป็นครั้งแรกเลยที่ขำจนปวดท้องแบบนี้ ช่างเถอะๆ แล้วกงเยียนซูมาคนเดียวหรือไม่” ลู่ซินฟางพยายามกลั้นขำสุดชีวิต ก่อนจะถามหู่จือเหมยต่อ
“มากับคนติดตามเจ้าค่ะ ตอนนี้มนุษย์คนนั้นไปหาพี่ชุนที่ลานกว้างของร้านเจ้าค่ะ”
“ขอบใจที่มารายงานนะเสี่ยวเหมย”
เด็กสาวเผ่ากระต่ายยิ้ม ตอบลู่ซินฟางว่า “เจ้าค่ะนายหญิง ถ้าอย่างนั้นข้าออกไปช่วยพี่ใหญ่ทำงานต่อนะเจ้าคะ”
“อืม เจ้าไปเถอะ”
ตอนนี้ลู่ซินฟางอยู่ในเรือนรับรองหลังร้าน ซึ่งเป็นห้องส่วนตัวจึงไม่กลัวว่าจะมีใครเห็นตอนที่นางเข้าออกมิติ
ตอนนี้จิ่นเซี่ยอยู่กับชุนอย่างนั้นหรือ ฝ่ายนั้นจะเอาของฝากอะไรมาให้ชุนกันนะ คงไม่ใช่เนื้อชิ้นโตอย่างที่ชุนคาดหรอกกระมัง!
ในเวลานั้น หมาป่าสาวกับจอมยุทธ์หนุ่มจิ่นเซี่ยกำลังคุยกันที่ลานกว้างหลังร้าน
ทันทีที่ชุนเห็นของฝาก สีหน้าของนางพลันแสดงออกเหมือนไม่สบอารมณ์สักเท่าไร
“ดาบสั้นหรือ”
ชุนรับดาบสั้นจากชายหนุ่ม ปลดปอกดาบแล้วพิจารณา ทรงดาบเรียบง่าย ส่วนปอกดาบทำจากโลหะ สลักลวดลายสวยงามอย่างยิ่ง สยงจวินเห็นต้องชอบมากแน่ๆ
“เจ้าไม่ชอบหรือ ตอนข้าเห็นสิ่งนี้ ก็คิดทันทีว่าเหมาะกับเจ้ามาก”
“เพราะข้าคาดหวังว่าเจ้าจะเอาเนื้อชิ้นโตมาฝากน่ะสิ” ชุนตอบอย่างตรงไปตรงมา
“เจ้าคงชอบกินมากเลยสินะ” จิ่นเซี่ยพูดพลางยิ้ม เข้าใจไปคนละความหมายกับชุน
สำหรับชุนที่เป็นสัตว์อสูรเผ่าหมาป่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเนื้อ
“ว่าแต่ ทำไมต้องเป็นดาบสั้น” ชุนไม่วายสงสัย แถมตอนพึมพำออกมา สีหน้าของนางยังคงแสดงออกถึงความผิดหวังจางๆ
จอมยุทธ์หนุ่มจิ่นเซี่ยไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ตรงกันข้าม นิสัยตรงไปตรงมาของชุนทำให้เขารู้สึกชื่นชม
เท่าที่พบเจอสตรีมา จิ่นเซี่ยอดคิดไม่ได้ว่าพวกนางล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เสแสร้ง ยกเว้นก็แต่ชุน นางไม่เคยทำให้เขารู้สึกเช่นนั้นเลย
“เพราะเจ้าว่องไว เคลื่อนที่เร็ว ใช้ดาบสั้นจะคล่องตัวกว่า” จิ่นเซี่ยตอบ
“อย่างนั้นหรือ”
“จริงสิ ข้าลองฝึกวิ่งระยะไกลทุกเช้าเหมือนที่เจ้าบอกแล้ว การเคลื่อนไหวของข้าไม่ได้เร็วขึ้นเหมือนกับเจ้า แต่ข้าสามารถแสดงกระบวนท่าได้ต่อเนื่องโดยที่ไม่เหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน เจ้ายังมีเคล็ดลับอะไรอีกหรือไม่ ข้าต้องทำอย่างไรถึงจะรวดเร็วได้เท่าเจ้าหรือ”
“ยอมแพ้เถอะ ยังไงเจ้าก็ทำไม่ได้เหมือนข้า”
เป็นคำตอบที่น่าปวดใจ แต่ถึงอย่างนั้น จิ่นเซี่ยหาได้โกรธชุนไม่ เพราะการให้ความหวังทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้น่าปวดใจยิ่งกว่า
“เพราะเป็นความสามารถทางสายเลือดสินะ”
จิ่นเซี่ยไม่เคยลืมสิ่งที่ชุนบอก ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงตอนนี้ นางยังยืนยันเหมือนเดิม ความว่องไวของนางมาจากสายเลือด
“อืม” ชุนตอบพร้อมกับพยักหน้า “เจ้ารู้จักหลางไป๋ใช่ไหม เห็นเขาเอื่อยเฉื่อยแบบนั้น แต่ถ้าเอาจริงละก็ เขาวิ่งได้เร็วกว่าข้าเสียอีก”
จิ่นเซี่ยอ้าปากเหวออย่างประหลาดใจ
“ผู้ดูแลร้านคนนั้น เขาก็มีวรยุทธ์เหมือนกับเจ้าหรือ”
ผู้ชายที่เอาจริงเอาจังกับงานคนนั้น ไม่เหมือนคนฝึกวรยุทธ์เลยสักนิดเดียว! จิ่นเซี่ยอดสงสัยไม่ได้
แต่ว่า หากเมื่อชุนเป็นคนบอกว่าหลางไป๋วิ่งได้เร็ว เช่นนั้นก็คงวิ่งได้เร็วอย่างที่ว่านั่นแหละ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้ดูแลร้านหบางไป๋เกี่ยวข้องกับชุนทางสายเลือดหรอกหรือ?
“ผู้ดูแลร้านเป็นอะไรกับเจ้าหรือ”
“อ๋อ หลางไป๋เป็นญาติของข้าเอง”
“ช่างเป็นพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศโดยแท้!” จิ่นเซี่ยเอ่ยชม สำคัญกว่าพรสวรรค์ทางสายลือด นายหญิงลู่ซินฟางมีคนมากความสามารถอยู่ใกล้ตัว สายตาของนางช่างเฉียบแหลมเสียจริง
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ