บทที่ 58
มิติที่เติบโตขึ้น
“เจ้านาย!”
พอลู่ซินฟางมาถึงต่างมิติ หลินก็ปรากฏตรงหน้าของนางเหมือนอย่างทุกที
หญิงสาวดึงสติกลับ หลังจากตะลึงกับมิติที่ขยายกว้างขึ้น จากนั้นก็แบมือรับภูตน้อย หากก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าขนาดตัวของภูตน้อยเติบโตขึ้นกว่าเดิม
“หลิน เจ้าตัวโตขึ้นหรือเปล่า”
ทั้งที่เมื่อกอนหลินตัวเล็กเท่าหนึ่งฝ่ามือของลู่ซินฟางแท้ๆ ตอนนี้ลู่ซินฟางต้องใช้สองมือ หลินถึงยืนได้อย่างพอดี
ภูตน้อยยิ้มร่าเริง “โตขึ้นละ”
“นั่นสินะ หลินโตขึ้นจริงๆ ด้วย”
แต่…แค่ขนาดของร่างกายละนะ หลินก็ยังเป็นหลินเหมือนเดิม
ลู่ซินฟางยิ้มให้กับภูตน้อยอย่างเอ็นดู
ตอนนี้ลู่ซินฟางรู้สาเหตุที่เหล่าสัตว์อสูรยิ้มแย้มกันทั้งวันแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าภูตน้อย ซึ่งเป็นผู้ดูแลมิติเติบโตขึ้นนี่เอง
ถ้าอย่างนั้น การที่มิติขยายขอบเขตกว้างขึ้น เป็นเพราะหลินเติบโตขึ้นด้วยสินะ
ลู่ซินฟางเพิ่งคิดอย่างนั้น หลินก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“ยังมีอีกนะ เพราะพลังเวทของหลินเพิ่มขึ้น ทรัพยากรก็เลยเยอะขึ้นตามยังไงล่ะ”
“สุดยอดไปเลยนะ!” ลู่ซินฟางตื่นเต้นตามไปด้วย
“ฮิๆ” ภูตน้อยหัวเราะคิกคัก ก่อนจะจูงมือลู่ซินฟางมายังสถานที่แห่งหนึ่ง
“มีอะไรหรือ”
“เดี๋ยวก็รู้”
ภูตน้อยทำสีหน้าลึกลับ พร้อมจูงลู่ซินฟางให้เดินไปข้างหน้า
ทั้งสองออกห่างจากฟาร์มมาเรื่อยๆ เมื่อเข้ามาใจกลางของป่าเขียวขจี ใกล้ๆ กับถ้ำที่ลู่ซินเก็บผลึกหินไปทำแก้ว บนพื้นดินตรงนั้นมีแอ่งน้ำเล็กๆ ผุดขึ้นจากใต้ดิน น้ำในแอ่งตกผลึกเป็นเกร็ดแวววาวสวยงาม พอนางเดินเข้าไปดูแอ่งน้ำนั้นถึงพบว่าเป็นผลึกของเกลือ
“เกลือนี่น่า!” ลู่ซินฟางร้องด้วยความดีใจ
“ใช่แล้ว เกลือ” หลินย้ำพลางหัวเราะคิกๆ
เดิมที พวกเครื่องปรุงอย่างเกลือ น้ำตาล ซีอิ๊ว หรือแม้กระทั่งซอสปรุงรสต่างๆ ลู่ซินฟางเป็นคนนำเข้ามาในต่างมิติ ส่วนหลินก็ทำการเลียนแบบหรือทำการก็อปปี้ขึ้นมานั่นเอง
ดังนั้นการค้นพบบ่อเกลือจึงเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่และอยู่เหนือความคาดหมาย
“บ่อเกลือนี้ต้องเกี่ยวข้องกับที่หลินเติบโตขึ้นแน่ๆ เลยใช่ไหม เหมือนกับมิติที่กว้างขึ้น?” ลู่ซินฟางถามอย่างคาดเดา
แต่ว่า…
ทำไมกันล่ะ ทั้งที่ในชาติก่อนลู่ซินฟางทำฟาร์มในมิติมาตั้งสิบปี กลับเพิ่งจะมีบ่อเกลือผุดขึ้นเอาตอนนี้?
“บ่อเกลือเกิดขึ้นมาตอนไหนหรือ” นางถามภูตน้อยต่อ
หลินโครงศีรษะไปทางซ้ายทีและทางขวาที สักครู่ก็ตอบว่า “น่าจะเป็นตอนที่อาหรงกับอาจ้านผลิตแก้วครบ 100 ชุดตามคำสั่ง อ้อ แล้วก็…ไก่ไข่ที่เจ้านายเอามาเลี้ยงเติบโตขึ้น และยังออกไข่ด้วยนะ”
พูดถึงอาหรงกับอาจ้าน ทั้งสองคือพี่น้องฝาแฝดเผ่าหมี พวกเขาทำหน้าผลิตแก้ว ส่วนไก่ไข่ที่ลู่ซินฟางนำเข้ามาเลี้ยงในมิติทั้ง 50 สิบตัวนั้น ว่าไปแล้วเติบโตเร็วเกินคาดเลยแหะ
หญิงสาวครุ่นคิด ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจ แต่นางเดาว่าการผลิตแก้วและผลผลิตจากไก่ไข่ต้องเกี่ยวข้องกับที่พลังเวทของหลินเพิ่มขึ้น สิ่งนี้เองที่ทำให้ทรัพยากรในต่างมิติปรากฏขึ้นมาอย่างเป็นปริศนา
“ยังมีอีกนะ” หลินบอก จากนั้นร่างน้อยๆ ก็บินเข้าไปในถ้ำ
ลู่ซินฟางเดินตามเข้ามา ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอานางตะลึงรอบสอง เพราะภายในถ้ำมีผลึกหินเต็มไปหมด
“ครั้งล่าสุดที่เก็บผลึกหินพวกนี้ไปใช้ทำแก้ว ยังไม่เยอะเท่านี้เลยนี่น่า”
“เป็นเพราะว่าผลึกหินเพิ่มขึ้นยังไงล่ะ” หลินพูดพร้อมกับยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
“ยิ่งเก็บทรัพยากรมาใช้มากเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นหรือ…ไม่สิ ทรัพยากรพวกนี้เพิ่มขึ้นตามพลังเวทของหลินสินะ”
“ถูกต้องเลย!”
“เป็นการค้นพบที่วิเศษไปเลยเนอะ หลิน”
“ฮิๆๆ”
ถ้าให้เรียบเรียงตามความเข้าใจของลู่ซินฟางแล้วละก็ เพราะฟาร์มที่เติบโตขึ้น ทำให้พลังเวทของภูตน้อยเอ่อล้นออกมาและกลายเป็นทรัพยากรให้กับมิติแห่งนี้ ไม่ใช่แค่ทรัพยากร พลังเวทยังทำให้อาณาเขตของมิติขยายกว้างขึ้นอีกด้วย
“ต่อไปเจ้านายจะสร้างอะไรดี”
ภูตน้อยถามลู่ซินฟางด้วยสีหน้าตื่นเต้นระคนคาดหวัง
หลินคงหวังให้ตนและมิติแห่งนี้เติบโตขึ้น แต่ว่า…
“หลิน ใจจริงข้าก็อยากเห็นหลินเติบโตขึ้นพร้อมกับมิติอยู่หรอกนะ แต่การเร่งรีบขยายฟาร์มมากเกินไป ข้ากลัวว่าจะทำให้ทุกคนเหน็ดเหนื่อย รวมถึงหลินด้วย ขอโทษด้วยนะ ข้าไม่เห็นทุกคนต้องฝืน”
ท้ายประโยค ลู่ซินฟางแสดงหน้ารู้สึกผิด
ภูตน้อยบินมาตรงหน้า ยื่นมือเล็กๆ ลูบศีรษะลู่ซินฟาง “ไม่เป็นไร อย่าฝืนเกินไปจะดีกว่านะ”
ลู่ซินฟางพยักหน้ารับ “อืม”
ตอนที่เห็นมิติและภูตน้อยเติบโตขึ้น ในใจของลู่ซินฟางผุดไอเดียหลายอย่าง เช่นสร้างเล้าหมู สร้างฟาร์มวัวนม สร้างโรงตีเหล็ก สร้างบ้านและปูถนน แต่ก็ไม่อยากเร่งรีบจนทำให้ทุกคนต้องฝืน แบบนั้นจะได้ผลตรงกันข้าม
อีกอย่าง แม้จะมีสัตว์อสูรคอยช่วยเหลือลู่ซินฟาง แต่ที่เป็นพันธมิตรร่วมตอนนี้ มีเพียงไม่กี่เผ่าพันธุ์เท่านั้น แถมจำนวนสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ร่วมกับลู่ซินฟางก็มีไม่ถึง 100 ตนเลยด้วยซ้ำ
“เพราะอย่างนั้น ค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีกว่าเนอะ” ลู่ซินฟางย้ำ
“อื้อ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีกว่า” หลินตอบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “พวกเรากลับที่พักกันดีกว่า หลางไป๋เตรียมขนมไว้ให้ตั้งเยอะ”
“นั่นสินะ ไหนๆ ก็มาแล้ว นั่งเล่นที่สวนหน้าบ้านดีไหม”
“ดีสิ ดีสิ!” หลินตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้นระคนดีใจ
จากนั้นทั้งสองก็เดินกลับมาที่บ้าน
ภายในสวนหน้าบ้านคือสวนดอกไม้ เพราะเป็นมิติต่างโลก ดอกไม้จึงผลิบานตลอดทั้งปี ส่งกลิ่นหอมรื่น สายลมพัดเย็น
ลู่ซินฟางกับหลินนั่งชมบรรยากาศอันงดงาม พลางดื่มด่ำกับชาดอกไม้หอมกรุ่นและขนมอบใหม่ๆ ฝีมือของหลางไป๋
“พอได้รับลมชมวิวสวยๆ แบบนี้ ทำให้อดคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ไม่ได้เลยเนอะ” ลู่ซินฟางเปิดประเด็น
หลินเคี้ยวขนมจนแก้มตุ๋ย จึงทำได้เพียงพยักหน้าแล้วยิ้ม “อืม!”
เห็นแบบนี้ ลู่ซินฟางหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
ลู่ซินฟางใช้เวลาร่วมกับหลินในต่างมิติครึ่งวัน พอข้ามประตูกลับออกมา หู่จือเหมยก็เข้ามารายงานว่า ก่อนหน้านี้ไม่นาน กงเยียนซูมาพบนาง แต่หลางไป๋บอกไปว่าลู่ซินฟางอยู่ที่สวน ช่วงเย็นหรือค่ำๆ ถึงจะกลับ
จำได้ว่ากงเยียนซูเดินทางไปเมืองหลวง ไม่คิดว่าจะกลับมาเร็วเพียงนี้ ว่าแต่ เขามาพบนางด้วยเรื่องอะไรกันนะ?
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ