บทที่ 79
เหอถิงเคลื่อนไหว (ครึ่งแรก)
วันต่อมา เหอถิงย้อนกลับมาที่ร้านซินหลิน
พอมองเข้าไปในร้าน เห็นลูกจ้างสาวที่ตนเล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวานไม่ได้ต้อนรับลูกค้าอยู่ มุมปากของเขาก็ยกยิ้ม ก่อนจะสาวยาวๆ เข้าไปหาเด็กสาว
อีกแค่ก้าวเดียวก็เข้าถึงตัวลูกจ้างคนนั้น แต่แล้วจู่ๆ กลับถูกชายหนุ่มแต่ตัวดีคนหนึ่งชิงเข้ามาตัดหน้า
“แม่นางน้อย ข้าสนใจสินค้าตรงนั้น ช่วยแนะนำได้หรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ”
จากนั้น ทั้งสองก็ย้ายไปยังที่จัดวางชุดชงชาและใบชา
เหอถิงชะงักปลายเท้า ทำทีเป็นดูสินค้าตรงนั้น รอคอยจังหวะให้ลูกค้าคนนั้นรีบๆ ซื้อสินค้าแล้วออกจากร้านไป แต่รอแล้วรอเล่า ชายคนนั้นกลับทำทีเหมือนต้องการถ่วงเวลา พอดูสินค้าตรงนี้เสร็จก็ย้ายไปตรงจุดอื่น
มิหนำซ้ำ หลังจากลูกค้าคนนั้นซื้อสินค้าเสร็จ ลูกจ้างสาวถูกผู้ดูแลสั่งย้ายให้ไปประจำตำแหน่งอื่นต่อ จากนั้นรอบๆ ตัวนางก็มีคนป้วนเปี้ยนตลอดเวลา
คอยอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังไม่มีจังหวะเข้าใกล้แม่นางน้อยคนนั้น เหอถิงจึงตัดใจ หมุนตัวแล้วเดินออกนอกร้านมา
ที่เล็งเด็กสาวคนนั้นเพราะดูแล้วนางน่าจะหัวอ่อน หลอกได้ง่าย ไม่คิดว่าลู่ซินฟางจะรู้เจตนาของเขาเสียก่อน
แต่การที่ลู่ซินฟางไม่เปิดโอกาสให้เข้าใกล้เด็กๆ ในร้าน เป็นการยืนยันว่านางรักพวกพ้อง ในเมื่อเล่นงานลู่ซินฟางไม่ได้ผล ก็ต้องเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นลูกจ้างของนางแทน
เหอถิงคิดพร้อมกับยิ้มชั่วร้าย
ย้อนกลับมาทางด้านหู่จือเหมย
ลูกค้าชายที่ป้วนเปี้ยนรอบๆ ตัวเด็กสาวคนนั้นก็คืออิ้งเหยียน
เนื่องจากอิ้งเหยียนอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของกงเยียนซู เมื่อทราบสถานการณ์ของลู่ซินฟางกับร้านซินหลินคร่าวๆ อิ้งเหยียนก็พูดกับสหายด้วยสีหน้าสบายๆ ว่า ‘จนกว่าจะได้กำหนดการสอนหนังสือที่แน่นอน ข้าว่างอยู่พอดี ขอเล่นสนุกด้วยคนสิ’
กงเหยียนซูไม่ได้ตอบกลับและไม่ได้ห้าม หมายความว่า ‘อนุญาต’ อิ้งเหยียนจึงมาที่ร้านซินหลิน
เดิมที อิ้งเหยียนสนใจสินค้าของร้านซินหลินอยู่แล้ว จึงมาที่นี่ เลือกดูสินค้าพลางรับบทเป็นไม้กันหมาให้กับเด็กสาว ทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้…
“ขอบคุณอาจารย์อิ้งเจ้าค่ะ”
หู่จือเหมยโค้งศีรษะให้กับอิ้งเหยียน
“เรื่องเล็กน้อย อย่างที่บอกไป ข้าอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ อีกอย่าง ผู้ดูแลร้านหลางบอกว่าเจ้าเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของข้าด้วย ข้าก็แค่ช่วยเหลือนักเรียนของตัวเองเท่านั้น ไม่ต้องคิดมาก”
อันที่จริง หู่จือเหมยก็ไม่ได้คิดว่าเป็นบุญคุณใหญ่หลวงอะไรนัก หากเทียบกับเผ่าหมาป่าและเผ่าหมี นางกับพี่ชายที่เป็นเผ่ากระต่าย แน่นอนว่าต้องอ่อนแอที่สุด แต่ถ้าพูดถึงการเอาตัวรอด เผ่ากระต่ายเคลื่อนไหวรวดเร็ว ถ้าชายที่ชื่อเหอถิงเลือกเป้าหมายเป็นนาง นางคงต้องจู่โจมเขากลับด้วยความเร็วแบบไม่ให้รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม ก่อนออกจากมิติ หลางไป๋เตือนว่าต้องทำตัวให้กลมกลืนกับพวกมนุษย์ หมายความว่านางต้องแกล้งทำตัวอ่อนแอนั่นเอง
และด้วยภาพลักษณ์อ่อนแอที่หู่จือเหมยแสดง ทุกคนจึงเชื่อสนิทใจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พอรู้ว่าเป้าหมายของเหอถิงว่ากำลังเล็งหู่จือเหมย ทุกคนก็ยิ่งตามประกบเพื่อคอยปกป้อง
หู่จือเหมยรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ถูกเข้าใจผิดเช่นนั้น แต่หากความอ่อนแอของนางเป็นประโยชน์ต่อนายหญิง นางจะปิดปากเงียบไปก่อนแล้วกัน
เมื่อเหอถิงออกมาจากร้านซินหลิน นางเหอที่รออยู่นอกร้านก็รีบพุ่งเข้ามาถาม
“เป็นยังไง ได้ความอะไรหรือไม่”
เหอถิงส่ายหน้า “คนพวกนั้นรู้เป้าหมายของข้าแล้ว ต่อไปคงเข้าร้านซินหลินไม่ได้อีก”
“นังตัวแสบนั่น!”
“แล้วทางท่านแม่ล่ะ”
นางเหอทำหน้าลังเล แต่สักครู่ก็เอ่ยขึ้นว่า “ลู่ซินฟางยังไม่ได้แต่งสามีใหม่”
เหอถิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “ท่านแม่หมายความว่ายังไง ที่นางร่ำรวยขึ้นมาได้ไม่ใช่เพราะสามีของนางหรอกหรือ”
“ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่คนแถวนี้พูดเป็นเสียงเดียวกันทั้งนั้น ลู่ซินฟางยังไม่ได้แต่งงาน”
ตั้งแต่เมื่อวาน นางเหอไล่สอบถามคนในเมืองกับชาวบ้านที่หมู่บ้านกว่างซู ทุกคนพูดเหมือนกันหมด ว่าลู่ซินฟางสร้างเนื้อสร้างตัวจากการขายสูตรขนมให้กับโรงเตี๊ยมตระกูลกง และนางก็ยังไม่ได้แต่งงาน
“เช่นนั้นทั้งร้านค้าแล้วก็ที่ดิน ล้วนเป็นของนางทั้งหมด?” เหอถิงถามมารดา แววตาเต็มไปด้วยความละโมบ
คำพูดของลูกชาย ทำให้นางเหอผุดความคิดแบบเดียวกัน หากดึงตัวลู่ซินฟางกลับเข้าตระกูลเหอ ทั้งรานค้าและที่ดินของนางก็จะตกเป็นของเหอถิง
“อ้อ ยังมีข่าวลืออีกอย่าง”
“อะไรหรือ”
“ลือกันว่า ลู่ซินฟางกับเถ้าแก่โรงเตี๊ยมตระกูลกงคบหากันอยู่ บางทีคนที่ช่วยนางสร้างเนื้อสร้างตัวอาจเป็นเขาคนนี้นี่แหละ”
“โรงเตี๊ยมตระกูลกงหรือ?” เหอถิงพึมพำ รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยได้ยินชื่อโรงเตี๊ยมนี้จากที่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นกลับนึกไม่ออก
“ยังไงก็เถอะ สรุปแล้วลู่ซินฟางมีตาแก่เศรษฐีเลี้ยงดูนั่นแหละ คนอย่างนางจะเอาปัญญาที่ไหนสร้างร้านใหญ่โต ไหนจะหาเงินมาซื้อที่ดินทำสวนแบบนั้น แม่พูดถูกหรือไม่” นางเหอตัดบทด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญ
ผู้หญิงอ่อนแอย่างลู่ซินฟางมีดีแค่หน้าตา หากไม่ใช้ร่างกายเข้าแลก ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรอย่างอื่น
“แต่นางก็ยังไม่ได้ตบแต่งเป็นภรรยาของเศรษฐีแซ่กงคนนั้น?” เหอถิงถามพลางยิ้มบนมุมปาก “ท่านแม่ ท่านคิดว่าข้าในตอนนี้ดูเป็นยังไงในสายตาของนาง”
ในตอนแรก นางเหอยังไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายถึงถามเช่นนั้น เหอถิงยังคงหล่อเหลาและภูมิฐานเหมือนเดิม
ทว่า เมื่อมองไปบนใบหน้าของลูกชาย เห็นแววตาและรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยแผนการ นางเหอก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว
อย่างนี้นี่เอง คิดจะดึงลู่ซินฟางกลับมาจริงๆ สินะ เจ้าลูกคนนี้ร้ายไม่เบา!
“ชายแก่อย่างเถ้าแก่กงคนนั้นจะดีกว่าเจ้าที่ยังหนุ่มแน่นได้ยังไง อีกอย่าง เจ้าเคยบอกว่า เจ้าเป็นคนแรกของนางไม่ใช่หรือ ต่อให้หย่าขาดไปแล้ว แต่ผู้หญิงอย่างเราๆ ไม่มีทางลืมคนรักเก่าที่เป็นคนแรกได้หรอก”
คำเยินยอของมารดาทำเอาเหอถิงหุบยิ้มไม่ลง
“ท่านแม่ หลังจากนี้ข้าจะออกหน้าเอง ไม่ว่าพวกนั้นจะพูดอะไร ท่านอย่าเพิ่งโมโห ไม่อย่างนั้นพวกเราอาจจะพลาดทั้งตัวเฉิงเอ๋อร์และเงินของนาง”
“ได้ๆ” นางเหอรับปากอย่างว่าง่าย “เจ้าเป็นคนฉลาด มีแต่เจ้าที่ทำสำเร็จ เช่นนั้นแม่จะช่วยเจ้าหาข้อแก้ตัวดีๆ กับสะใภ้ใหญ่จี๋หลิน”
“ขอบคุณท่านแม่”
ถึงตอนแรก เหอถิงคิดจะใช้คนของลู่ซินฟางมาเป็นเหยื่อเพื่อต่อรองแลกตัวกับเฉิงเอ๋อร์ แต่เมื่อรู้ว่าลู่ซินฟางยังไม่ได้แต่งงานใหม่ อีกทั้งนางยังมีเงินทองมากมาย แผนการเดิมจึงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
บทที่ 86ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งหลัง) “ถะ แถวนี้มีหมาป่าด้วยหรือ!” นางเหอถามลูกชายพร้อมขยับร่างอวบอ้วนเบียดเข้าไปนั่งข้างในสุดของห้องโดยสาร “ของพรรค์นั้นจะมีได้อย่างไร นี่ ท่านแม่ สิ่งที่พวกเราต้องกลัวตอนนี้คือตระกูลจี๋ไม่ใช่หรือ!” เหอถิงขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด พร้อมตวาดใส่มารดา “แม่ฟังผิดไปเอง นั่นไม่ใช่เสียงของหมาป่า เจ้าอย่าอารมณ์เสียงนักเลยนะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอาได้” แม้จะมั่นใจว่านั่นเป็นเสียงของหมาป่า กระนั้น นางเหอกลับยอมเอ่อออตามเพื่อเอาใจลูกชาย “แต่ถ้าไม่รีบกลับไปอธิบายให้คนตระกูลจี๋เข้าใจ ตำแหน่งของข้าก็จบสิ้นเหมือนกัน” คนขับรถม้ารับจ้างที่อยู่ด้านนอก ได้ยินทุกคำพูดของคนว่าจ้าง อดจะส่ายหน้าอย่างเอือมระอาไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ทั้งเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว สักวันกรรมจะต้องตามสนอง! บรู๋วววว เสียงหอนของหมาป่าดังขึ้นมาอีกครั้ง มิหนำซ้ำ หนนี้ยังยังดังใกล้เข้ามาทุกที คนขับรถม้ารับจ้างร้องสะดุ้งตัวโหยงด้วยความกลัว แต่ด้วยความรับผิดชอบของผู้ถูกจ้าง เขาพยายามควบคุมสติ บังคั
บทที่ 85ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งแรก) แม้ว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายในร้านจะกลับมาสงบดั่งเดิม แต่หัวใจของลู่ซินฟางยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด ใบหน้าและในลำคอร้อนผ่าวเหมือนคนมีไข้ ลู่ซินฟางรินชาดื่มเข้าไปหลายจอก หากกลับไม่สามารถดับความร้อนได้ ท้ายที่สุด ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมรับ ว่าอาการว้าวุ่นใจเป็นเพราะคำพูดของกงเยียนซู ในตอนนั้น กงเยียนซูแค่พูดออกไปตามสถานการณ์ นางจะคิดเป็นจริงเป็นจังไม่ได้เด็ดขาด เมื่อสรุปเช่นนั้น ลู่ซินฟางก็สูดหายใจเข้าเต็มปลอดเพื่อพยายามสงบใจ จากนั้นตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า สักครู่หนึ่ง ประตูห้องก็มีเสียงเคาะเบาๆ ก่อนหลางไป๋จะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง “ข้ามาบอกนายหญิงว่าจะออกเดินทางเลยขอรับ ตอนนี้ซินหลินพาหมิงฮวาออกมาจากมิติแล้ว” ลู่ซินฟางพยักหน้าแล้วตอบ “อืม ระวังตัวด้วยนะ แล้วก็ ห้ามฝืนตัวเองเกินไปนัก” “ขอรับ นายหญิง” “ถึงเจ้ากับซินหลินจะศึกษาเส้นทางมาก่อนแล้ว หรือต่อให้กงเยียนซูเตรียมการล่วงหน้าไว้ให้ แต่ห้ามประมาทเด็ดขาดเลยนะ” ลู่ซินฟางย้ำด้วยความกังวลอีกค
บทที่ 84เหอถิงถึงคราวซวย เหอถิงถึงคราวจบสิ้นแล้ว! แม้จะใช้เวลาเตรียมการถึงสี่วัน แต่ผลลัพท์ที่ได้ถือว่าไม่เลว…กงเยียนซูคิดพร้อมกับยิ้มอย่างเยือกเย็น ในขณะที่มองความลนลานบนใบหน้าสองแม่ลูกตระกูลเหอ ทางด้านของเหอถิง ได้แต่มองกงเยียนซูกับลู่ซินฟางสลับไปมาด้วยความสงสัย ตามหลักความจริง ตระกูลจี๋ที่อยู่เมืองชิ่งไม่ควรรู้การเคลื่อนไหวของเหอถิงในเมืองเล่ออันรวดเร็วถึงเพียงนี้ นอกเสียจากจะมีใครบางคนส่งม้าเร็วแจ้งข่าวไปบอก และคนคนนั้นต้องมีฐานะที่น่าเชื่อถือ ทันใดนั้น เหอถิงก็เบิกตาโพลง มองไปที่กงเยียนซูด้วยสังหรณ์ร้ายแปลกๆ “คุณชายเป็นใครกันแน่!” กงเยียนซูคลี่ยิ้มมุมปาก แต่ดวงตากลับไม่ได้ยิ้มตาม “ก่อนมาที่เมืองเล่ออัน จี๋หลิน ภรรยาของเจ้าไม่ได้บอกเอาไว้หรอกหรือ ว่าคนที่ไม่ควรยุ่งด้วยมากที่สุดคือเจ้าของโรงเตี๊ยมตระกูลกง” คำพูดเหล่านั้นทำเอาเหอถิงได้แต่ยืนแข็งทื่อ ไม่เพียงรู้จักตระกูลจี๋ ชายคนนี้ยังรู้ว่าจี๋หลินที่เป็นภรรยาของเขา อย่างไรก็ตาม คล้ายว่าจี๋หลินจะเคยเตือนให้ระวังคนส
บทที่ 83กงเยียนซูประกาศต่อหน้าทุกคน (ครึ่งหลัง) “ของปลอม?” กงเยียนซูถามซ้ำ “ใช่แล้ว มันคือของปลอม” เหอถิงยังคงแถอย่างหน้าด้านๆ “ที่แท้ก็เช่นนี้” กงเยียนซูตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ทางด้านลู่ซินฟาง ไม่คิดจะโต้แย้งใดๆ เช่นกัน หากทว่า ยิ่งทั้งสองนิ่งเงียบเท่าไร บรรยากาศรอบตัวยิ่งกดดันอย่างน่าประหลาดมากขึ้นเป็นเท่าตัว เหอถิงสังหรณ์ใจกับท่าทีแปลกๆ ของทั้งสองคน แต่แล้ว ในฉับพลันนั้นเอง กงเยียนซูก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ “ฮะๆ” เหอถิงขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “คุณชาย มีอะไรให้ขำหรือ?” กงเยียนซูกลั้นขำ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มกริ่ม “ชายแก่แซ่กงหรือ เป็นเรื่องตลกที่ข้าเพิ่งเคยได้ยินเลย” “ถึงข้าไม่เคยเห็นหน้า แต่ชายคนนั้นมีตัวตนจริงแท้แน่นอน” “คนในเมืองเล่ออันพูดเช่นนั้นหรือ พวกเขาบอกว่าคนแซ่กงเป็นชายแก่ๆ หรือ” กงเยียนซูทำทีเป็นถามเหอถิง “เรื่องนี้…” เหอถิงลังเล เพรา
บทที่ 82กงเยียนซูประกาศต่อหน้าทุกคน (ครึ่งแรก) เข้าสู่วันที่สาม ที่เหอถิงกับมารดาแสดงบทรันทดอยู่หน้าคฤหาสน์ของลู่ซินฟาง แต่การแสดงที่ซ้ำซาก บวกกับคำพูดเดิมๆ ทำให้ชาวบ้านหมดความสนใจพวกเขาในที่สุด เมื่อแผนเรียกร้องความสนใจไม่ได้ผล แม่ลูกตระกูลเหอจึงเปลี่ยนมาแอบดู ‘ชู้รัก’ ของลู่ซินฟางที่หน้าโรงเตี๊ยมตระกูลกงแทน อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงตัวกงเยียนซูกลับยากยิ่งกว่า จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาแก่แซ่กงคนนั้นสักครั้ง นอกจากจะทำได้แค่ขุดคุ้ยข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ แม่ลูกตระกูลเหอกลับเข้าไม่ถึงตัวเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นลู่ซินฟาง เฉิงเอ๋อร์ หรือเถ้าแก่กง ในที่สุด พวกเขาก็คิดว่าแผนเรียกร้องความสนใจเริ่มไม่มีประโยชน์แล้ว ทางด้านลู่ซินฟางนั้น ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติทุกวัน ทั้งที่คิดว่าเหอถิงจะลงมือหนัก อย่างการจ้างคนมาชิงตัวเฉิงเอ๋อร์หรือบุกร้าน กลับกันแล้ว พวกเขาเลือกวิธีโง่ๆ ด้วยการสร้างข่าวลือปลอม อาศัยคำติฉินนินทาของฝูงชน กดดันให้ลู่ซินฟางอับอายจนต้องยอมพาเฉิงเอ๋อร์ออกมา หารู้ไม่ วิธีพวกนั้นไม่ได้
บทที่ 81บุรุษอันตรายทั้งสอง บ่ายคล้อย แสงแดดยังสาดส่อง ณ โรงเตี๊ยมตระกูลกง ชายหนุ่มสองคนกำลังหาลือธุระสำคัญอยู่ในเรือนรับรอง ในเวลานั้น เสียงเคาะประตูดังจากด้านนอกสองสามครั้ง จากนั้นจิ่นเซี่ยก็เปิดประตูเข้ามา “นายท่าน…” จิ่นเซี่ยพูดเพียงเท่านั้นแล้วปิดปากลง สายตาเหลือบมองหลางไป๋ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกงเยียนซูอย่างลังเล “ต่างฝ่ายต่างลงเรือลำเดียวกัน ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง เจ้าพูดมาเถอะ จิ่นเซี่ย” กงเยียนซูบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตายังกวาดมองรายการสินค้าบนกระดาษที่อยู่ในมือ ทางด้านองครักษ์หนุ่ม หลังจากได้รับอนุญาต เขาก็รายงานเรื่องข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดทั่วเมืองเล่ออัน คร่าวๆ แล้วเป็นเรื่องของลู่ซินฟางที่ร่วมมือกับกงเยียนซูปลอมแปลงใบหย่า แล้วพาลูกหนีออกจากบ้านเหอ บัดนี้ เหอถิงผู้เป็นสามีได้เดินทางมาจากเมืองชิ่งเพื่อพาภรรยากับลูกกลับ แต่ถูกลู่ซินฟางกีดกันไม่ให้เจอลูก พอฟังจบ กงเยียนซูกับหลางไป๋ก็แหงนหน้าหัวเราะออกมาพร้อมกัน “ฮะๆๆ ฮะๆ” จิ่นเซี่ยมองคนทั้งสองด้วยความงุน