ณ เมืองหลวง
หลิวซิวหยวน มารดาของ หยางเฟิง เดินเข้ามาหา หยางกั๋วเฉิง ผู้เป็นสามีด้วยความร้อนใจ เธออยากรู้ว่าทำไมลูกชายเธอถึงไม่ยอมกลับมาบ้านสักที เธอพยายามถามผู้เป็นสามี เขาก็ตอบแต่เพียงว่า ลูกสามงานยุ่ง ตามปกติแล้วแม้งานของลูกสามจะยุ่งแค่ไหนเขาจะกลับมาที่บ้านใหญ่เสมอ เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวทุกอาทิตย์แต่นี่ก็นานมาแล้วที่ลูกชายเธอขาดติดต่อกลับมา ใบหน้าของคุณนายหยางเต็มไปด้วยความกังวล
เมื่อหลิวซิวหยวน มาถึงที่ทำงานของสามี เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของสามีด้วยความรีบร้อน โดยไม่ได้เคาะประตู ทันใดนั้น เธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นภาพที่ไม่คาดคิด
หยางกั๋วเฉิง สามีของเธอ กำลังนั่งสนทนาอยู่กับ หลิวซิวฉีพี่ชายของเธอ ใบหน้าของทั้งคู่ดูเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยความกังวล
"พี่ชาย!" หลิวซิวหยวนร้องออกไปด้วยความตกใจ "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนหน้าถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้?"
หลิวซิวฉี หันมามองน้องสาว ก่อนจะถอนหายใจยาว "เจ้าสาม เขา..."
"เขา… เป็นอะไรไป?" คุณนายหยางรีบเอ่ยถามด้วยความร้อนรน หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว
"เจ้าสามเขา... ไปปฏิบัติภารกิจลับ เพียงแต่ว่า... ตอนนี้พวกเราได้ขาดการติดต่อกับเจ้าสาม มาหลายวันแล้ว" หลิวซิวฉีกล่าว น้ำเสียงของเขาดูกังวลที่หลานชายหายตัวไป
"เมื่อเช้านี้พวกลูกน้องของเจ้าสามที่หนีรอดออกมาได้ มาแจ้งข่าวให้ค่ายทหารได้รับทราบ ทำให้พวกเรารู้ว่าเขาโดนพวกกบฏแอบซุ่มโจมตี...แล้วเจ้าสามก็ได้เข้าไปช่วยเหลือต่อสู้เพื่อให้พวกลูกน้องหนีรอดออกมาได้ ตอนนี้พวกลูกน้องของเจ้าสามยังติดต่อเขายังไม่ได้เลย" หยางกั๋วเฉิงอธิบายให้ภรรยาฟัง
"ไม่จริง!" หลิวซิวหยวน ร้องไห้น้ำตาไหล "มันไม่จริงใช่ไหม! เจ้าสามของฉันเป็นทหารที่เก่งที่สุด เขาไม่มีทางถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ!"
"ใจเย็นๆ ก่อนน้องสาว" หลิวซิวฉี พยายามปลอบคนเป็นน้อง"ตอนนี้คนของพวกเรากำลังพยายามหาตามหาหลานชายอยู่ พี่ก็ได้แต่หวังให้เจ้าสามปลอดภัยก็เท่านั้น?"
"โอ้...ลูกสามของฉัน..." หลิวซิวฉีกอดน้องสาวไว้ด้วยความสงสาร "น้องสาวอย่าพึ่งร้องไห้นะ พวกเราจะพยายามตามหาเขา เราจะไม่ทิ้งเขาไว้อย่างแน่นอน"
"สามี..ฉันอยากรู้ว่าเจ้าสามไปปฏิบัติภารกิจนานแค่ไหนแล้ว?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถาม น้ำตาของเธอเริ่มไหลริน
"ลูกสามออกไปปฏิบัติหน้าที่เกือบสองอาทิตย์ที่แล้ว..." หยางกั๋วเฉิงตอบภรรยา
"สองอาทิตย์?" หลิวซิวหยวนร้องเสียงหลง "นานขนาดนั้นแล้วทำไมคุณถึงไม่บอกฉัน?!"
ผมก็เพิ่งรู้ข่าวเมื่อวันนี้เช่นกัน..." หยางกั๋วเฉิงรีบอธิบาย "พวกลูกน้องเจ้าสามที่หนีรอดมาได้พึ่งมาแจ้งข่าวเมื่อเช้านี้..."
คุณนายหยางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ใบหน้าซีดเผือด เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลาย เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง ปลอดภัยดีหรือไม่
"เขาไปที่ไหน?" เธอถาม เสียงสั่นเครือ
"เขาได้รับภารกิจให้ไปปราบพวกกบฏ ที่เมืองจินหลง..." หยางกั๋วเฉิงตอบ "หน่วยของพวกเขาไปสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มกบฏที่ก่อกวนความสงบในบริเวณนั้น..."
"แล้วทำไมถึงไม่มีใครบอกฉัน?" หลิวซิวหยวนร้องไห้ "ฉันเป็นแม่ของเขา! ฉันมีสิทธิ์ต้องรู้!"
หยางกั๋วเฉิงโอบกอดภรรยาของเขาไว้ พยายามปลอบโยนเธอ
"ผมขอโทษ..." เขาพูด "ผมไม่อยากให้คุณกังวล..."
"แต่ฉันก็กังวลอยู่ดี!" หลิวซิวหยวนสะอื้น "ฉันกลัวลูกจะเป็นอะไรไป..."
"เจ้าสามเขาเป็นเด็กที่เก่ง..." หยางกั๋วเฉิงพูด "ผมเชื่อว่าเขาจะต้องปลอดภัย..."
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นขัดการพูดคุยของทั้งสอง
"เข้ามา!" หลิวซิวฉีตะโกน
ประตูดังเอี๊ยดเปิดออก ทหารหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา
"ท่านครับ… ผมมารายงานการค้นหาผู้พันหยาง!" ทหารหนุ่มกล่าว "มีข่าวจากทหารที่ส่งไปตามหาผู้พันแล้วครับ!"
หลิวซิวหยวนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวัง
"ข่าวอะไรเหรอ?" คุณนายหยางเอ่ยถามทันที
"ทหารที่เราส่งไปได้ค้นหาตามผู้พันที่เมืองจินหลงตอนนี้ยังไม่พบร่องรอยของผู้พันเลยครับ คาดว่าผู้พันน่าจะหลบหนีออกไปนอกเมือง เดี๋ยวพวกเราจะกระจายไปตามหาที่หมู่บ้านต่างๆ เพื่อตามหาผู้พันอีกทีครับ"ทหารหนุ่มกล่าวรายงาน
หลิวซิวหยวนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง เธอรู้สึกเหมือนหมดเรี่ยวแรง
"สามี คุณต้องตามหาลูกชายเราให้เจอนะคะ"คุณนายหยางเอ่ยขึ้นกับผู้เป็นสามี เสียงของเธอแหบพร่าด้วยความโศกเศร้า
หยางกั๋วเฉิงวางมือลงบนบ่าของภรรยาเบาๆ "ภรรยา...คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมสัญญา ผมจะตามหาลูกของเราให้เจอ เดี๋ยวคุณไปพักผ่อนที่บ้านก่อนเถอะ ถ้ามีข่าวเรื่องลูกของเราผมจะบอกคุณทันที" ผู้เป็นสามีเอ่ยปลอบภรรยา เขาพยายามกลั้นความกังวลไว้ภายในใจ
หลิวซิวหยวนพยักหน้ารับ ร่างกายอันอ่อนแรงของเธอลุกขึ้นยืน หยางกั๋วเฉิงพาเธอเดินไปส่งที่รถ
"ภรรยา...คุณดูแลตัวเองด้วยนะครับ" เขากล่าวกับเธออีกครั้ง ก่อนจะโบกมือลา
หลิวซิวหยวนมองตามร่างของสามีจนลับสายตา หัวใจของคนเป็นแม่เต็มไปด้วยความกังวล
....
หมู่บ้านไป๋เหอ
เมื่อหลินเสี่ยวเหยา เปิดประตูบ้านเข้ามา หญิงสาวเห็น หลินเสี่ยวหมิง น้องชายของเธอ กำลังรดน้ำต้นไม้ในสวนหลังบ้าน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างมีความสุข
"น้องเล็กรดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วเหรอ?" ร่างบางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ผมรดน้ำเสร็จแล้วครับพี่สาว" หลินเสี่ยวหมิงตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี
"แล้วน้องเล็กทานข้าวเช้าหรือยัง?"
" ผมทานข้าวแล้วเสร็จแล้วครับ กับข้าวที่พี่สาวทำให้อร่อยทุกอย่าง"เด็กน้อยเอ่ยชมพี่สาว
"งั้นพี่สาวขอตัวไปทำกับข้าวให้สหายหยางก่อนนะ เดี๋ยวพวกเราไปช่วยกันทำโรงเรือนไก่ต่อ"
"ได้ครับ"หลินเสี่ยวหมิงรับปากอย่างว่าง่าย
เมื่อหลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปในครัว หญิงสาวกำลังคิดเมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยที่เธอต้องดูแล
"วันนี้ต้มน้ำซุปไก่ใส่โสมกับเก๋ากี้ให้คุณตัวร้ายทานดีกว่า จะได้ช่วยบำรุงร่างกาย" เธอพึมพำกับตัวเอง
หญิงสาวหยิบวัตถุดิบออกมาจากห้างสรรพสินค้า พร้อมกับนำไก่สดมาล้างทำความสะอาด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่ลงในหม้อน้ำซุปที่เดือดพล่าน พร้อมใส่สมุนไพรจีนหลายชนิดลงไป เช่น โสม เก๋ากี้และอื่นๆ ตั้งไฟให้เดือดพล่าน กลิ่นหอมของสมุนไพรโชยมาแตะจมูก ชวนให้น้ำลายสอ
เวลาผ่านไปไม่นาน กลิ่นหอมของน้ำซุปไก่โชยมาทั่วบ้าน หลินเสี่ยวเหยาตักน้ำซุปใส่ชาม พร้อมกับเนื้อไก่ที่เปื่อยนุ่ม โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งสับละเอียด
เธอยกชามน้ำซุปร้อนๆ เดินไปที่ห้องที่คุณตัวร้ายนอนอยู่ ชายหนุ่มยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียว จากการบาดเจ็บ
"สหายหยางทานอาหารได้แล้วค่ะ" ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หยางเฟิงลืมตาตื่นขึ้น เขาเห็นหลินเสี่ยวเหยายกถาดอาหารเข้ามาในห้อง
"คุณกลับมาแล้วเหรอครับ" พันตรีหนุ่มเอ่ยถามด้วยเสียงแหบพร่า
"คุณหิวไหมคะฉันต้องขอโทษด้วยที่มาช้า?" คนร่างบางรู้สึกเสียใจที่ต้องปล่อยให้คุณตัวร้ายหิ้วท้องรอ
"ไม่เป็นไรครับผมรู้ว่าคุณงานยุ่ง" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หยางเฟิงลุกขึ้นจากเตียง กลิ่นหอมของอาหารโชยมาแตะจมูก กระตุ้นให้ท้องของเขาร้องประท้วง เขายิ้มอ่อนให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
"ขอบคุณนะครับที่เตรียมอาหารให้ผม แค่นี้ผมก็ซึ้งใจแล้วครับ" เขากล่าว
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณก็ทานให้มากๆ นะคะเดี๋ยวจะได้ทานยาต่อ" หลินเสี่ยวเหยาตอบกลับมา
หยางเฟิงตักซุปไก่ขึ้นมาจิบ น้ำซุปกลมกล่อม หอมกลิ่นโสมและเก๋ากี้ รสชาติอร่อยล้ำ
หยางเฟิงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูเคร่งเครียดเมื่อเห็นน้ำซุปที่หลินเสี่ยวเหยาทำมีของแพงอย่างโสมและเก๋ากี้ เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงสงสัย
"โสมกับเก๋ากี้สหายหลินไปเอาที่ไหนมาครับ?"
หลินเสี่ยวเหยาทำหน้าไม่ถูก เธอก้มหน้าลงเล่นปลายนิ้ว ร่างบางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
หญิงสาวไม่รู้จะตอบคุณตัวร้ายยังไง เธออยากขยุ้มหัวตัวเองซะจริงๆ ที่เผลอทำพิรุธให้คนร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าแอบจับได้อีกแล้ว
"ฉันไปเจอตอนไปขุดหญ้าแห้วหมูในป่าค่ะ" เธอแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
"ผมไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ ว่าคุณจะหาเจอในป่าง่ายๆ " หยางเฟิงพูดต่อ "โสมกับเก๋ากี้น่ะมันแพงมากนะ "
หลินเสี่ยวเหยาตอบชายหนุ่มแบบกระอักกระอ่วน "ฉันแค่โชคดีเท่านั้นค่ะ ป่าแถวนี้อุดมสมบูรณ์เลยมีสมุนไพรหายากอยู่มากมาย
หยางเฟิงจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ สายตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่ดวงตาของหญิงสาว ดูเหมือนว่าเธอจะมีความลับอะไรหรือเปล่า เขาสังเกตเห็นแววตาของเธอที่แฝงไว้ด้วยความกังวล
"สหายหลิน คุณมีอะไรปิดผมอยู่หรือเปล่า?" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ฉันไม่มีอะไรปิดบังคุณทั้งนั้นค่ะ คุณรีบทานเถอะค่ะ เดี๋ยวซุปจะหายร้อนจะไม่อร่อย" เธอพยายามหาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจคุณตัวร้าย คนอะไรฉลาดเป็นกรด เขาไล่ต้อน..ทำเอาเธอไปไม่เป็นเลย
หยางเฟิงตักข้าวสวยเข้าปาก เขาเคี้ยวช้าๆ ดื่มด่ำกับรสชาติอันกลมกล่อมของน้ำซุป
"อร่อยมากครับ" เขาเอ่ยชม
หลินเสี่ยวเหยารู้สึกดีใจที่คุณตัวร้ายชอบอาหารที่เธอทำ แก้มของเธอแดงระเรื่อ รอยยิ้มของเธอปรากฏขึ้นบนใบหน้า
"ถ้าอร่อยคุณก็ทานเยอะๆ นะคะ"
หยางเฟิงตักข้าวอีกคำ ก่อนจะยื่นช้อนไปหาเธอ "คุณลองชิมดูสิ ผมอยากให้คุณลองชิมดู" ชายหนุ่มยื่นช้อนใส่น้ำซุปมาจ่อปากหญิงสาว
หลินเสี่ยวเหยารู้สึกลำบากใจที่จะต้องใช้ช้อนร่วมกับคุณตัวร้าย ใจของเธอเต้นรัวราวกับกลองศึก ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา ราวกับว่าแก้มของเธอจะระเบิดออกทุกวินาที
นี่มันอะไรกัน? จูบทางอ้อมชัดๆ!
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะอ้าปากงับช้อนที่ชายหนุ่มยื่นมา รสชาติของซุปนั้นอร่อยกลมกล่อม แต่หลินเสี่ยวเหยาแทบจะไม่รู้รส
คนร่างบางพยายามกลืนลงคอ ก้มหน้าก้มตาโดยไม่กล้าสบตาชายหนุ่มตรงหน้า บรรยากาศในห้องนอนเต็มไปด้วยความเงียบ
หยางเฟิงมองดูหญิงสาวที่หน้าแดง ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขารู้สึกพอใจกับปฏิกิริยาของเธอ มันช่างน่ารักเสียจริง ๆ
"สหายหลิน รสชาติเป็นอย่างไรบ้างครับ" เขาเอ่ยทักขึ้น
หลินเสี่ยวเหยาเงยหน้าขึ้นคุณตัวร้าย แก้มของเธอยังแดงระเรื่อ "รสชาติก็อร่อย กลมกล่อม ดีค่ะ เดี๋ยวคุณรีบทานข้าวให้หมดเดี๋ยวจะได้ทานยาต่อ" เธอรีบตัดบทก่อนที่เธอจะเขินไปมากกว่านี้
เมื่อหยางเฟิงทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาหยิบยามาให้คนร่างสูงทาน "คุณก็ทานยานะคะ เผื่ออาการจะดีขึ้น"
"ขอบคุณนะครับ" เขารับยาจากร่างบาง ก่อนจะทานเข้าไปพร้อมกับน้ำอุ่น
"งั้นเดี๋ยวฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ เดี๋ยวกลับมาดูคุณอีกทีตอนเย็นๆ"
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"
เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ
หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่
แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว
ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน
ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ