หลินเสี่ยวเหยา เดินกลับมาถึงบ้านหลังเล็กๆ ของเธอ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่และหญ้ารกทึบ คนเป็นพี่สาวเห็นน้องชายกำลัง กำลังก้มหน้าก้มตาถางหญ้าอยู่คนเดียว เหงื่อของเขาไหลอาบบนใบหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ด้วยความสงสารเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่ต้องทำงานหนักเหมือนผู้ใหญ่ หลินเสี่ยวเหยาก็รีบเดินตรงไปที่ห้องครัว เธอหยิบขวดน้ำหวานเย็นๆ และขนมปังแสนอร่อยจากมิติของเธอ
หญิงสาวเทน้ำหวานใส่กระบอกไม้ไผ่ และวางขนมปังอบกรอบไว้บนจานกระเบื้องเก่าๆ จากนั้นก็เดินตรงไปหาหลินเสี่ยวหมิงที่ทำงานอยู่สวนหลังบ้าน
"เสี่ยวหมิง! พี่กลับมาแล้ว!" หญิงสาวตะโกนเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงสดใสและอบอุ่น
หลินเสี่ยวหมิงเงยหน้าขึ้นจากแปลงผัก ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อเห็นพี่สาวกลับมาถึงบ้าน "พี่สาว! กลับมาแล้วเหรอครับ!" เขารีบวิ่งเข้าไปหาพี่สาวด้วยความดีใจ
หญิงสาวยิ้มกว้างพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ "อืม... พี่กลับมาแล้ว" เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เสี่ยวหมิงไปพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยถางหญ้าต่อเอง"
"แต่ว่า..." หลินเสี่ยวหมิงทำท่าจะแย้ง
ผู้เป็นพี่สาวขัดขึ้น "ไม่มีแต่" เธอยิ้มให้น้องชาย "พี่สาวแข็งแรงจะตายไป น้องเล็กไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ชงน้ำหวานไว้ให้อยู่ในห้องครัว"
หลินเสี่ยวหมิงยิ้มกว้าง "ขอบคุณครับพี่สาว!" เขาหันหลังวิ่งเข้าบ้านอย่างร่าเริง
ผู้เป็นพี่สาวจ้องมองตามหลังน้องชายไป เธอรู้สึกอบอุ่นใจที่เด็กน้อยพยายามทำตัวเป็นเสาหลักให้ครอบครัว
เมื่อหลินเสี่ยวเหยาเห็นเด็กน้อยเดินเข้าไปในบ้าน เธอจึงเดินไปที่สวนหลังบ้าน หญิงสาวครุ่นคิดถึงวิธีการถางหญ้ายังไงให้เสร็จไวๆ เธอนึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าขายอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวเธอ ด้วยความตื่นเต้น เธอลูบไล้รอยสักรูปดอกบัวสีเงินบนหลังมือ แสงสว่างจ้าสาดส่องไปทั่วก่อนที่ร่างของเธอจะหายไปในมิติ เมื่อเธอลืมตาอีกครั้ง ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า
หลินเสี่ยวเหยาตรงไปยังแผนกเครื่องมือการเกษตร สายตาของเธอเหลือบไปเห็นเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าหลากหลายรุ่นวางเรียงอยู่บนชั้นวาง
"นี่มันใช่เลย!" เธออุทานด้วยความดีใจ
หลินเสี่ยวเหยา หยิบเครื่องมือตัดหญ้าขนาดเล็กที่ใช้แบตเตอรี่ เหมาะกับสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เครื่องตัดหญ้า ใช้งานเงียบ เมื่อจับขึ้นมา รู้สึกถึงน้ำหนักที่เบาเธอจึงรีบนำมันออกมานอกมิติทันที
เมื่อหลินเสี่ยวเหยา ลืมตาอีกครั้ง เธอก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ที่สวนหลังบ้านเหมือนเดิม ร่างบางจึงรีบต่อเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้า เปิดสวิตช์เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเบาๆ ใบมีดหมุนด้วยความเร็วสูง
หญิงสาวเริ่มถางหญ้าด้วยความคล่องแคล่วภายในเวลาไม่นาน สวนหลังบ้านที่ไม่ใหญ่มาก มีที่ดินประมาณ 4 หมู่ ไม่นานก็ถูกถางจนเสร็จเรียบร้อย หลินเสี่ยวเหยา ยิ้มด้วยความพอใจ เครื่องตัดหญ้าไฟฟ้า ช่วยให้เธอทำงานเสร็จเร็วขึ้นมาก
เมื่อจัดการกับต้นหญ้าเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจึงนำเครื่องตัดหญ้าเอาไปเก็บไว้ในมิติ ก่อนจะหยิบ รถลากพรวนดิน ที่ไม่ใช้ไฟฟ้าออกมา มันเป็นรถลากขนาดเล็ก เหมาะแก่การใช้งาน
หลินเสี่ยวเหยา ลากรถพรวนดินไปทั่วสวน ดินที่แห้งแข็งค่อยๆ กลายเป็นดินร่วนซุย เหมาะแก่การเพาะปลูก
รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเธอทันที เธอหยิบเมล็ดพันธุ์ผักหลากหลายชนิดออกมาจากมิติ มีทั้งมะเขือเทศ ผักกาดหอม ผักชี ถั่วฝักยาว
หญิงสาวโรยเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นลงบนดินที่เตรียมไว้ รดน้ำด้วย บัวรดน้ำ ก่อนจะใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงดิน
เธอยิ้มอย่างมีความสุข คิดถึงวันที่ผักเหล่านี้จะเติบโตออกดอกออกผล
หลินเสี่ยวหมิงเมื่อเดินออกมาที่สวนหลังบ้านหลังจากทานของว่างที่พี่สาวเตรียมไว้ให้เสร็จ ทันใดนั้น เขาก็ต้องตะลึงงัน เมื่อเห็นว่าสวนหลังบ้านที่เคยรกด้วยหญ้าและวัชพืชกลับกลายมาเป็นแปลงผักที่เรียบร้อยและสวยงาม ดินถูกพรวนเป็นแถวอย่างประณีต ต้นกล้าผักหลายชนิดถูกปลูกไว้เป็นระเบียบ
"พี่เสี่ยวเหยา!" หลินเสี่ยวหมิงตะโกนเรียกพี่สาว
"ทำไม... สวน..นี่...ถึง.." หลินเสี่ยวหมิงพูดตะกุกตะกักอย่างงุนงง
"พี่จัดการปลูกผักเองทั้งหมด" หลินเสี่ยวเหยาตอบน้องชาย "ดินที่นี่ดี เหมาะแก่การปลูกผัก พี่อยากให้เรามีอาหารกินเอง ไม่ต้องไปซื้อจากที่ไหน"
หลินเสี่ยวหมิงรู้สึกทึ่งกับความขยันขันแข็งของพี่สาว
"ว้าว...พี่สาวเก่งจังเลยครับ แป๊บเดียวก็ทำสวนทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว"
"พี่มีแผนจะเลี้ยงไก่ด้วยนะ เพื่อเก็บไข่ไว้กิน น้องเล็กคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยถาม
"เลี้ยงไก่เหรอครับ?" เสี่ยวหมิงถามด้วยความประหลาดใจ "การเลี้ยงไก่เราต้องไปซื้อไก่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์มานะครับ?"
"พี่มีเงินเก็บอยู่พอสมควรจากการขายของที่ตลาดมืด" หลินเสี่ยวเหยาตอบน้องชาย
"แต่ก่อนอื่น พวกเราต้องสร้างเล้าไก่ก่อน" หลินเสี่ยวเหยาพูด "เดี๋ยวพวกเราไปหาไม้ไผ่ในป่ามาทำเป็นคอกไก่กันเถอะ"
หลินเสี่ยวหมิงยิ้มกว้าง "ได้ครับพี่สาว พวกเราจะช่วยกันสร้างเล้าไก่ให้ใหญ่ๆ เลยครับ"เด็กน้อยตอบอย่างกระตือรือร้น
"งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวไปดูคนแขกก่อนนะ เดี๋ยวน้องเล็กจัดเตรียมของไปบนภูเขา เดี๋ยวพี่มาหา"
"ได้ครับพี่สาว"หลังจากหลินเสี่ยวเหยาเดินจากไป เด็กน้อยก็รีบคว้ามีดและตะกร้าเตรียมตัวมุ่งหน้าสู่ผืนป่า
ร่างบางเดินมุ่งหน้าไปยังบริเวณบ้าน เธอครุ่นคิดถึงวิธีการล้างแผลสมัยโบราณ เธอไม่กล้าเอาแอลกอฮอล์ออกมาจากในมิติ เกรงว่าคุณตัวร้ายจะสงสัยเอาได้
"เอาไงดีนะ" หลินเสี่ยวเหยาบ่นพึมพำกับตัวเอง
ทันใดนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นถุงชาสมุนไพรวางอยู่บนชั้นวางของในห้องครัว ความคิดก็แล่นเข้ามาในหัวของเธอ
"ใช่แล้ว!" เธออุทานเบา ๆ "ชาสมุนไพรนี่แหละ น่าจะใช้ล้างแผลได้"
หลินเสี่ยวเหยาหยิบถุงชาสมุนไพรออกมา เทใบชาลงในชาม แล้วเติมน้ำร้อน รอจนชาเย็นลง เธอก็เอาผ้าสะอาดมาชุบชา แล้วบีบน้ำออกให้พอหมาดๆ
"เอาล่ะ ลองใช้ดูสักหน่อย" หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ
ก่อนจะเดินไปที่ห้องนอนของเธอ ที่ตอนนี้โดนคุณตัวร้ายยึดครองอยู่
"สหายหยางฉันขอดูบาดแผลหน่อยค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยเรียกคุณตัวร้าย
ชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เขามองมาที่หลินเสี่ยวเหยาด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผล
"มีอะไรเหรอครับ?" คนร่างสูงเอ่ยถาม
"ฉันจะเอาชาสมุนไพรมาล้างแผลให้คุณค่ะ" หญิงสาวนั่งลงบนเตียงข้างๆ ทหารหนุ่ม เธอเลิกผ้าห่มออก เผยให้เห็นแผงกล้ามเนื้อที่ทอดยาวเป็นลอนบนเรือนร่างที่เปลือยเปล่า หลินเสี่ยวเหยา เมื่อเห็นซิกแพคของชายหนุ่ม ใบหน้าของเธอแดงก่ำ หัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกจากอก หญิงสาวเพิ่งจะรู้ตัวว่าเธอกำลังจ้องมองแผงอกของชายหนุ่มตรงหน้าอยู่นาน
'โอ๊ยทำไมคุณตัวร้ายทำไมหุ่นถึงได้น่ากินอย่างนี้' เธออดคิดไม่ได้
หลินเสี่ยวเหยา รู้สึกเขินอายกับความคิดของตัวเอง เธอรีบก้มหน้าลงเช็ดแผลให้กับเขาอย่างรวดเร็ว พยายามไม่สบตาเจ้าของรอยสักมังกรที่แผ่นหลัง
"คุณอดทนหน่อยนะคะ ถ้าไม่เช็ดบาดแผลที่ถูกยิง แผลอาจจะเน่าได้"
"อืม..." คนร่างสูงกัดฟันพูด เมื่อทำแผลเสร็จเรียบร้อยเธอจึงเริ่มต้นสนทนากับคุณตัวร้ายทันที
"สหายหยางคะ เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงถูกยิง?" หญิงสาวพยายามเอ่ยถามเรื่องที่เธอสงสัย
หยางเฟิงเม้มริมฝีปากแน่น เขาไม่อยากบอกความจริงกับคนร่างบาง เขากลัวว่าเธออาจจะกังวล
"ผม... ผมแค่ไม่ระวังเองครับ" เขาตอบสั้นๆ
หลินเสี่ยวเหยาไม่เชื่อคำตอบของคุณตัวร้าย
"สหายหยาง คุณบอกความจริงกับฉันเถอะ ฉันเป็นห่วงคุณจริงๆ" หลินเสี่ยวเหยาพยายามใช้สกิลหว่านล้อมให้คุณตัวร้ายเอ่ยปาก
หยางเฟิงถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริงกับคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้
"ผมเป็นทหารหน่วยราชการลับ กำลังมาปฏิบัติภารกิจในเมืองจินหลง แต่ถูกพวกกบฏซุ่มโจมตีครับ"
หลินเสี่ยวเหยาแสร้งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทั้งที่เธอรู้ความจริงอยู่ก่อนแล้วจากเนื้อหาในนิยาย
"แล้วทำไมคุณถึงหนีมาที่นี่ได้ค่ะ ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองจินหลงตั้งไกลและอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน?" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยถามประเด็นที่เธอสงสัยทันที
หยางเฟิงกลืนน้ำลาย ก่อนจะเอ่ยตอบ "ตอนนั้นผมได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกกบฏตามล่าผมมาติดๆ ผมรู้ดีว่าถ้าพวกมันจับตัวผมได้ ชะตากรรมของผมคงไม่ต่างอะไรกับพวกทหารคนอื่นๆ ที่ถูกสังหารโหด ผมจึงตัดสินใจหนีเอาชีวิตรอด ข้ามป่าเขา ลัดเลาะลำธาร โดยไม่รู้ทิศทางใด"
"โชคดีที่ผมเจอเข้ากับกระท่อมของคุณเข้า และคุณ..ก็ได้ช่วยชีวิตผมไว้"
หลินเสี่ยวเหยาฟังคำสารภาพของคุณตัวร้าย ดวงตาของเธอมีประกายแฝงความสงสัย
"หึ่ม...ทำไมเรื่องนี้มันไม่ตรงกับในนิยาย" ในนิยายหลินฮวาจะพบคุณตัวร้ายสลบอยู่หน้าหมู่บ้าน ระหว่างที่เธอจะเดินทางกลับหมู่บ้าน หรือเป็นเพราะหลี่เหว่ยเฉียงที่โดนทหารจับกุมที่แถวตลาดมืด ทำให้หลินฮวาไปช่วยเหลือพระเอกของเรื่องจึงทำให้เธอพลาดเจอตัวร้าย จึงทำให้เกิดทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก และเธอเองก็สงสัยว่าพระเอกของเรื่องไปโผล่แถวตลาดมืดได้ยังไง เพราะในนิยายก็ไม่ได้ระบุไว้เช่นกัน หรือว่าเขาจะแอบตามเธอไป เธอครุ่นคิดเรื่องราวที่น่าสงสัยอยู่ในใจ
"แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไปค่ะ?" คนร่างบางเอ่ยถาม
หยางเฟิงถอนหายใจ "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ" เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถกลับไปเมืองจินหลงได้ เพราะมันอันตรายเกินไป แต่เขาก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป
"คุณพักที่นี่ก่อนก็ได้" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยปาก "บาดแผลของคุณยังไม่หายดี รอจนคุณหายแล้วค่อยว่ากันอีกที"
หยางเฟิงรู้สึกขอบคุณหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก
"ขอบคุณครับ" เขาก้มหน้าลง
"สหายหยางไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก" หลินเสียวเหยากล่าว"คุณก็แค่คนโชคร้ายที่บาดเจ็บ ฉันแค่ช่วยเหลือคุณในฐานะเพื่อนมนุษย์เท่านั้น"
ชายหนุ่มเงียบไปทันที เขารู้สึกประทับใจในน้ำใจของหญิงสาวชาวบ้านผู้นี้ สักวันหนึ่งเขาจะตอบแทนเธอเป็นอย่างดี ชายหนุ่มคิดอย่างหมายมั่น
"เพียงแต่ว่า..." หลินเสี่ยวเหยาระงับคำพูด
"แต่ว่าอะไรครับ?" คนได้รับบาดเจ็บเอ่ยถามทันที
"คุณต้องสัญญากับฉันก่อน" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอสุภาพแต่ทว่าจริงจัง "ระหว่างที่คุณพักรักษาตัวอยู่ที่นี้ คุณต้องอยู่ที่บ้านฉันอย่างเงียบๆ นะคะ เพราะฉันไม่อยากให้พวกชาวบ้านมองฉันไม่ดี แล้วอีกอย่างฉันก็ยังไม่ได้แต่งงานด้วย มันจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของฉันเองค่ะ ที่พาผู้ชายที่ไม่ได้หมั้นหมายมานอนที่บ้าน"
หยางเฟิงครุ่นคิดเมื่อได้ยินคำพูดที่คนร่างบางกล่าว ‘แต่ถ้าผมหมั้นหมายคุณ ผมก็สามารถอยู่กับคุณได้อย่างไม่ต้องปิดบังใครสินะ’
หยางเฟิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น "ผมเข้าใจครับ ผมสัญญาว่าจะอยู่เงียบๆ ไม่สร้างปัญหาให้กับคุณ"
หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้าด้วยความโล่งใจ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
"ขอบคุณมากค่ะ"
"งั้นคุณก็พักผ่อนเถอะ" เธอเอ่ยขึ้น "เดี๋ยวฉันจะไปหาของป่ากับน้องชาย เดี๋ยวตอนเย็นๆ ฉันทำกับข้าวให้คุณนะคะ"
“ขอบคุณครับ” เขายิ้มให้หญิงสาวก่อนจะหลับตาลงนอน
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"
เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ
หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่
แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว
ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน
ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ