หลินเสี่ยวเหยายกกับข้าวมาให้หยางเฟิงที่เตียง ชายหนุ่มมองอาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอาหารธรรมดา ๆ จะดูน่ารับประทานได้ขนาดนี้
เขาตักข้าวต้มเข้าปากคำแรก รสชาติกลมกล่อมของข้าวต้มทำให้เขาแทบหยุดไม่ได้ เขาตักข้าวต้มเข้าปากคำแล้วคำเล่า จนข้าวต้มหมดถ้วย
"อร่อยมากเลยครับ" ชายหนุ่มกล่าวชมด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ
หลินเสี่ยวเหยายิ้มรับคำชม คนในยุคนี้ชาวบ้านทั่วไปชอบทำกับข้าวจืดๆ ไม่ได้เน้นเครื่องปรุงรสอะไร กับข้าวที่เธอใส่ผงปรุงรสไปก็เลยดูอร่อยเป็นพิเศษเธอสามารถทำกับข้าวขายได้เลย ถ้ามีผงปรุงรสอยู่ในมือ รับรองกับข้าวอร่อยทุกอย่าง แต่น่าเสียดายที่ยุคนี้ทำการค้าขายลำบาก
"ฉันดีใจที่คุณชอบค่ะ"เธอกล่าวกับชายหนุ่ม
หลังจากหยางเฟิงทานข้าวเช้าเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็หยิบยาแก้ปวด และยาลดไข้ ออกมา 2 เม็ด
"สหายหยางทานยาแก้ปวดและยาลดไข้หน่อยนะคะ อาการของคุณจะได้ดีขึ้น"
หยางเฟิงรับยามาดู พบว่าเป็นยาฝรั่งราคาแพง เม็ดสีขาวกลม ๆ
"คุณ... เอาเงินมาจากไหนมาซื้อยาพวกนี้?" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หลินเสี่ยวเหยาอึกอักไปชั่วครู่ แต่สีหน้าของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป หญิงสาวรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่ถูกจับได้
"ถ้าฉันบอกคุณไปคุณห้ามไปเล่าที่ไหนนะคะ…พอดีฉันไปขายของที่ตลาดมืดมาค่ะ ได้เงินมาเยอะพอสมควร เลยซื้อยาฝรั่งมาเก็บไว้ที่บ้านเวลาไม่สบาย" หญิงสาวโกหกหน้าตาใส ก่อนจะตัดบทคุยกับคุณตัวร้าย
"เดี๋ยวคุณพักผ่อนเถอะค่ะ ฉันจะไปเก็บถ้วยชาม วันนี้ฉันมีธุระที่ต้องออกไปข้างนอก" หลินเสี่ยวเหยาพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน
คนร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าพยักหน้ารับ เธอจึงเดินออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้พันตรีหนุ่มได้นอนพักผ่อน
หลินเสี่ยวเหยารู้สึกกังวลเรื่องข้าวของที่อยู่ในมิติของเธอ ร่างบางครุ่นคิดถึงวิธีการเอาตัวรอดในยุคนี้ โดยไม่ให้ใครจับได้ ครั้งนี้เธอเผลอแสดงพิรุธจนถูกคุณตัวร้ายจับผิด เมื่อก่อนเธออาศัยอยู่กับน้องชายเพียงสองคน เด็กๆ ไม่ได้คิดมากเรื่องสิ่งของที่เธอนำออกมา แต่ตอนนี้มีคุณตัวร้ายเพิ่มเข้ามา เขาเป็นคนฉลาดและเธอไม่สามารถหาข้อแก้ตัวแบบนี้ได้บ่อยๆ
ด้วยเหตุนี้ หลินเสี่ยวเหยาจึงตัดสินใจไปหาลุงเหวิน เพื่อหวังหางานเก็บแต้มที่ไม่เหนื่อยมากนัก ลุงเหวินเป็นพี่ชายคนสนิทของพ่อเธอ เขาเป็นคนใจดี และที่สำคัญ เขาเป็นผู้มีอำนาจในหมู่บ้านแห่งนี้
หลินเสี่ยวเหยาเดินไปหาเสี่ยวหมิงที่กำลังตัดหญ้าที่รกร้างที่สวนหลังบ้าน เสียงเคียวกระทบกับพื้นหญ้าดังเป็นระยะ บ่งบอกถึงการทำงานหนักของเด็กน้อย
"เสี่ยวหมิง พี่สาวจะไปบ้านลุงเหวินก่อนนะ เดี๋ยวน้องอยู่ดูแลบ้านด้วยนะ" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยขึ้น
หลินเสี่ยวหมิงเงยหน้าขึ้นจากการตัดหญ้า เหงื่อไหลอาบใบหน้าเด็กน้อย "พี่สาวไปเถอะครับ เดี๋ยวผมจะดูแลบ้านเอง"
"น้องเล็ก...ถ้าเหนื่อยก็พักก่อนนะ น้องอย่าหักโหมทำงานหนักล่ะ เดี๋ยวพี่สาวทำธุรกิจเสร็จแล้วพี่สาวจะมาช่วยไถหญ้า" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยความห่วงใย
"ได้ครับ" หลินเสี่ยวหมิงตอบรับ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวจึงเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปบ้านลุงเหวิน เธอเดินผ่านทุ่งนาตอนนี้ยังเช้าอยู่ ยังไม่มีใครมาทำงานในท้องทุ่ง
ในที่สุด เธอก็มาถึงหน้าบ้านของลุงเหวิน บ้านไม้หลังคามุงจากดูเรียบง่าย แต่ภายในอบอุ่น สะอาดสะอ้าน
หลินเสี่ยวเหยารู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง เธอหวังว่าลุงเหวินจะช่วยเธอได้
เธอเคาะประตูเบาๆ แล้วรอสักครู่ ประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นรอยยิ้มใจดีของลุงเหวิน
"เหยาเหยา มาหาลุงเหรอลูก?" เหวินหยางเอ่ยทักทายหลานสาวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"ค่ะ..คุณลุง" หลินเสี่ยวเหยารีบก้มหัวคำนับ "หนูมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากคุณลุงค่ะ"
"หลานจะให้ลุงช่วยอะไร"เหวินหยางพูดอย่างมีเมตตา
"ลุงเหวินค่ะ หนูอยากมาสมัครทำงานเก็บแต้มค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"หลานอยากจะทำงานอะไรก็บอกลุงมาได้?" หัวหน้าหน่วยผลิตเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"หนูอยากทำงานเก็บหญ้าแห้วหมูค่ะ พอดีหนูอยากไปหาของป่าด้วยจะได้เก็บมาพร้อมกันทีเดียวค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาตอบพลางยิ้มหวานให้หัวหน้าหน่วยผลิต
เหวินหยางพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า "ได้สิหลานสาว พรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย หนูเก็บหญ้าแห้วหมูมาแล้วก็ไปมาหาลุงหวังที่เป็นคนจดแต้มการทำงาน งานหาหญ้าแห้วหมูหนูจะได้รับแต้ม 3 แต้ม "
"ขอบคุณมากค่ะลุงเหวิน" หลินเสี่ยวเหยาตอบด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เธอก้มลงขอบคุณลุงเหวินด้วยความรู้สึกขอบคุณซาบซึ้ง
เมื่อออกจากบ้านลุงเหวินมา หลินเสี่ยวเหยาก็รีบเดินกลับบ้าน ทันใดนั้น เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้นมา หลินเสี่ยวเหยาหันขวับไปมอง พบกับกลุ่มหญิงสาววัยรุ่นสี่คน ยืนอยู่หน้ารั้วบ้านเดิมของเธอ บุคคลที่คุ้นเคยที่สุดคือ หลินฮวาที่ลูกสาวของลุงใหญ่และป้าสะใภ้ใหญ่ กำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม
"ว๊ายตายแล้วนึกว่าใครที่ไหนที่แท้ก็แม่จอมขี้เกียจนี้เอง สงสัยตอนนี้เงินจะหมดแล้วสิท่า ถึงได้มาขอลุงเหวินทำงาน" เสียงแหลมสูงของเฉียวเย่ เพื่อนสาวคนสนิทของหลินฮวา ดังออกมา หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที แต่พยายามกลั้นความโมโหไว้ เธอไม่อยากให้คนพวกนั้นได้สมหวัง
"ฉันไม่ได้มาขอเงินใครกินสักหน่อย ฉันมาหาทำงานเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเองแล้วมันหนักหัวพวกเธอหรือไง" หลินเสี่ยวเหยาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย พยายามไม่แสดงท่าทีอ่อนแอให้ใครเห็น
"ทำงานเหรอ? หล่อนทำงานอะไรได้บ้างล่ะ? คงจะเก็บหญ้าแห้วหมูมาแลกแต้มน่ะสิ จะได้สักกี่แต้มเชียว" รั่วฉี เพื่อนอีกคนของหลินฮวา พูดด้วยรอยยิ้มเยาะ พร้อมกับจ้องมองหลินเสี่ยวเหยาด้วยแววตาดูถูก
“งานอะไรก็ตามที่สุจริต ฉันก็ยินดีทำทั้งนั้น” หลินเสี่ยวเหยาตอบกลับไป แม้จะรู้ดีว่าเพื่อนแม่นางเอกกำลังพยายามจะหาเรื่องกลั่นแกล้งเธอ ‘หึ..คนพวกนี้มันไม่ใช่พวกเพื่อนนางเอกแล้วนี่มันเป็นพวกนางร้ายเกรดต่ำชัด ๆ นักเขียนเรื่องนี้เขียนนิยายไม่ตรงปกอย่างแรง’
"โอ้โห เดี๋ยวนี้หล่อนเก่งมากนะ ทีเมื่อก่อนเอาแต่นั่งกินนอนกินไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ตอนนี้เงินหมดแล้วเลยมาทำงานหาเงินเหรอ? โถ...น่าสงสารหล่อนเสียจริง ๆ " เจียหยิง เพื่อนสาวอีกคนพูดเสริมขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างมีความสุข
"ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน ฉันจะมีเงินหรือไม่มีเงิน มันไปหนักหัวพวกเธอหรือไง" หลินเสี่ยวเหยาตอบก่อนที่จะสะบัดหน้าเดินหนีคนพวกนี้ไป อยู่กับคนพวกนี้มีแต่ทำให้ประสาทแดก
เธอล่ะอยากประท้วงคุณนักเขียนซะจริงๆ หลินฮวาไม่ได้ใสซื่อเหมือนอย่างที่นักเขียนบรรยายไว้ ในนิยายหลินฮวาถูกบรรยายว่าเป็นหญิงสาวที่อ่อนหวาน ใจดี มักถูกกลั่นแกล้งจากคนรอบข้างเป็นประจำ โดยเฉพาะจากพี่สาวที่เป็นนางร้ายอย่างหลินเสี่ยวเหยา แต่ทว่า...ความเป็นจริงมันกลับตรงกันข้าม กลายเป็นคุณนางร้ายที่โดนพวกแก๊งนางเอกกลั่นแกล้งเสียเอง
หึ…ยายนางเอกที่ชอบเสแสร้งทำเป็นแม่ดอกบัวขาวที่คอยยุยงให้เพื่อนๆ รังแกหลินเสี่ยวเหยา หลอกลวงผู้คนด้วยภาพลักษณ์ที่บอบบาง น่าสงสาร หลินเสี่ยวเหยาเจ้าของร่างเดิม ไม่รู้ทันกลอุบายของหลินฮวา จึงมักเดินตามเกมของแม่นางเอก ทำให้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับหลินฮวาอยู่เป็นประจำ
ผลลัพธ์คือ หลินเสี่ยวเหยาถูกตราหน้าว่าเป็นคนเกเร ไร้เหตุผล และถูกชาวบ้านรังเกียจ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เช่นนั้นอีกต่อไป..หลินเสี่ยวเหยาที่อยู่ในร่างนี้ ไม่ได้โง่เหมือนเจ้าของร่างเดิม
"หยุด! เดี๋ยวนี้นะหลินเสี่ยวเหยา!" เสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง หลินเสี่ยวเหยาหันขวับกลับไปเห็นเจียหยิงวิ่งไล่ตามมา
"นี่พวกเธอต้องการอะไรอีก?" หลินเสี่ยวเหยาถามด้วยความเย็นชา
"พวกเรายังพูดไม่จบแล้วแกจะหนีไปไหน!" เจียหยิงตะโกนหน้าเธอ
รั่วฉีเดินมาจับมือหลินเสี่ยวเหยาไว้แน่น ดวงตาของเธอฉายแววไม่พอใจ "เธอจะเดินไปไหน? คิดจะไปอ่อยสหายเหว่ยเฉียงที่แปลงนาหรือไง? ฉันขอบอกไว้ก่อนนะ ว่าตอนนี้สหายเหว่ยเฉียงคบหากับสหายหลินฮวาแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะหมั้นหมายกัน!"
หลินฮวาแทรกตัวเข้ามาระหว่างพวกเธอ "ทุกคนใจเย็นๆ อย่าสร้างความลำบากให้พี่สาวฉันเลย" น้ำเสียงของเธอดูอ่อนโยน เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นแววสะใจที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาสีดำขลับของหล่อน
หลินเสี่ยวเหยาเมื่อได้ยินแม่นางเอกพูดถึงกับปวดตับนึกว่าหล่อนแสดงละครเป็นอยู่คนเดียวเหรอไง เมื่อเธอเห็นชาวบ้านเริ่มมามุงดูการทะเลาะวิวาทของพวกเธอ หญิงสาวจึงรีบเปลี่ยนบทบาทเป็นเหยื่อผู้ถูกกลั่นแกล้งทันที
หลินเสี่ยวเหยาเริ่มสะอื้นไห้ ร้องไห้โฮ ราวกับถูกทำร้ายจิตใจ "พวกเธอทำอะไรกัน! ทำไมต้องมารังแกฉันด้วย! ฉันทำอะไรผิด! แค่จะกลับไปบ้านเท่านั้น!"
เสียงร้องไห้ของหลินเสี่ยวเหยา ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่ผ่านไปมา บนถนนสายหลักของหมู่บ้านที่ตอนนี้เริ่มมีผู้คนเดินไปทำงานที่แปลงนากันเยอะ ผู้คนต่างหยุดยืน มุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสงสัย บางคนซุบซิบกระซาบ บางคนก็มองด้วยความสงสาร
หลินเสี่ยวเหยาใช้โอกาสนี้ ชี้นิ้วไปที่พวกแก๊งนางเอก " พวกเธอจะกลั่นแกล้งฉันไปถึงไหน! ฉันแค่ผู้หญิงคนเดียว ที่ไม่มีใครปกป้อง พ่อแม่ฉันก็ตายจากไป แถมบ้านของตัวเองก็ยังจะโดนพ่อของหลินฮวายึดไป แล้วพวกเธอยังจะมาคิดทำร้ายฉันอีก ถ้าฉันตายไปอีกคน น้องชายของฉันยังเด็กอยู่แล้วเขาจะอยู่ยังไงถ้าฉันตายไป"
หลินฮวาหน้าซีดเผือด เธอไม่คาดคิดว่าหลินเสี่ยวเหยาจะพลิกเกมได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นฝ่ายพวกเธอเองที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบแทน
"พี่สาวใจเย็นๆ นะค่ะ พวกเพื่อนๆ ฉันไม่ได้คิดจะรังแกพี่สาวหรอกค่ะ ฉันต้องขอโทษพี่สาวแทนพวกเธอด้วย" หลินฮวาพยายามแก้เกมคืน
"พวกเธอสามคนนี้น่ารังเกียจ! ชอบทำร้ายคนไม่มีทางสู้" ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
"ไม่จริงนะ! พวกเราแค่..." เจียหยิงพยายามอธิบาย แต่ไม่มีใครฟังเธอ เสียงโห่ร้องประณามดังขึ้นจากฝูงชน
"เห็นแก่ตัว! เอาเปรียบคนอ่อนแอ!"
"อย่ามาทำเป็นตีหน้าตาย! ความจริงพวกเธอเป็นคนเลว!"
หลินเสี่ยวเหยาอาศัยจังหวะนั้น วิ่งหนีออกจากฝูงชน ทิ้งให้พวกเธอ ยืนงุนงง กลายเป็นเป้าสายตาของชาวบ้านที่จ้องมองด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะกระชากหน้ากากแม่นางเอกไม่ได้ แต่เพื่อนของเธอก็โดนคนในหมู่บ้านมองเป็นคนไม่ดี แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว ยังมีเวลาอีกมากที่จะเอาคืนแม่นางเอก รอดูไว้เลย…
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"
เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ
หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่
แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว
ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน
ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ