Share

บทที่ 9 หาของป่า

Aвтор: BBNanz
last update Последнее обновление: 2024-12-20 15:19:41

หลินเสี่ยวเหยา เดินออกจากห้องมา เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงกำลังนั่งรอเธออยู่ที่ลานหน้าบ้าน บนพื้นมีตะกร้าสานใบโปรดวางอยู่พร้อมกับขวานตัดฟืนและมีดพร้า หลินเสี่ยวเหยาเดินไปเปลี่ยนเป็นชุดเก่าๆ มัดผมเรียบง่าย คว้าตะกร้าสานที่บรรจุเครื่องมือและของทานเล่นนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับผู้เป็นน้องชาย

พวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังป่าไผ่ที่อยู่ด้านหลังบ้าน ป่าไผ่แห่งนี้เป็นแหล่งอาหารสำคัญสองคนพี่น้อง ซึ่งเมื่อก่อนหลินเสี่ยวหมิงมักจะเข้ามาหาของป่าให้พี่สาวอยู่เป็นประจำ

เมื่อมาถึงจุดที่เต็มไปด้วยต้นไผ่ หลินเสี่ยวเหยาก็หยุดลง เธอวางตะกร้าสานลงบนพื้น หยิบขวานอันคมออกมาจากตะกร้า ผู้เป็นพี่สาวเริ่มสอนน้องชายถึงวิธีการตัดต้นไผ่

"เสี่ยวหมิง น้องจับขวานให้มั่นนะ ตีตรงโคนต้นไผ่ ระวังอย่าให้โดนเท้าตัวเอง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

เด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เขาสวมหมวกฟางเก่า ๆ กำขวานแน่นในมือเล็ก ๆ พยายามเลียนแบบท่าทางของผู้เป็นพี่สาว

"ผลัวะ!" เสียงขวานดังก้องไปทั่วป่า หลินเสี่ยวหมิงฟาดฟันต้นไผ่อย่างขะมักเขม้น แม้ว่าแรงของเขาจะยังไม่มากนัก แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่

"เก่งมากน้องเล็ก!" หลินเสี่ยวเหยาส่งเสียงเชียร์เมื่อต้นไผ่ต้นแรกเริ่มเอียงลง ไม่นานนัก ต้นไผ่ก็ล้มลงกับพื้น หลินเสี่ยวหมิงยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจ

หลินเสี่ยวเหยาสลับกันตัดต้นไผ่กับน้องชาย เหงื่อไหลอาบใบหน้า เสียงขวานดังก้องไปทั่วป่า กองต้นไผ่ที่ถูกตัดเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากตัดต้นไผ่ได้พอสมควร หลินเสี่ยวเหยาก็หันเหความสนใจของผู้เป็นน้องชาย ที่จ้องมองพี่สาวตัดไม้ไผ่ด้วยความสนใจ

"เสี่ยวหมิง มาสิ มาพี่จะสอนให้เก็บเห็ดในป่า" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยเรียกน้องชายด้วยรอยยิ้ม

ดวงตาของหลินเสี่ยวหมิงเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น เขารีบวิ่งเข้าหาพี่สาวทันที

"เห็ดอะไรเหรอครับพี่สาว?" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"เห็ดชนิดนี้เรียกว่าเห็ดระโงก มีสีน้ำตาลอ่อน ขึ้นอยู่ตามโคนต้นไม้ ระวังอย่าเก็บเห็ดที่มีสีสันสดใส เพราะอาจจะเป็นพิษได้นะ" ผู้เป็นพี่สาวอธิบายให้น้องชายฟังอย่างใจเย็น

เด็กน้อยพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ เขามองไปรอบๆ ป่าเพื่อมองหาเห็ด

หลินเสี่ยวเหยาพาเขาไปยังจุดที่เห็ดระโงกขึ้นอยู่เยอะ เสี่ยวหมิงค่อยๆ เก็บเห็ดตามคำสอนของพี่สาวอย่างระมัดระวัง

"น้องเล็กเก่งมาก เก็บเห็ดได้เยอะเลย เดี๋ยวน้องเก็บเห็ดตรงนี้ไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่สาวไปหาของป่าแถวๆ นี้ดูเผื่อจะมีอะไรที่เราจะพอทานได้บ้าง"

หลินเสี่ยวหมิงพยักหน้าให้ "ได้ครับพี่สาว"

หลังจากที่หลินเสี่ยวหมิงสนใจเก็บเห็ด หลินเสี่ยวเหยาก็ได้นำไม้ไผ่บางส่วนเข้าไปไว้ในมิติของเธอ ไม้ไผ่เหล่านี้จะเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการสร้างเฟอร์นิเจอร์และโรงเรือนไก่ในอนาคต

เด็กน้อยก้มมองพื้นป่าอย่างตั้งใจ พยายามค้นหาเห็ดตามที่พี่สาวบอก ในที่สุด เขาก็พบเห็ดระโงกขึ้นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาเก็บเห็ดใส่ตะกร้าอย่างภูมิใจ

"วันนี้ได้ของป่าเยอะเลย เดี๋ยวกลับไปพี่สาวจะทำอาหารอร่อยๆ ให้กินนะ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง

หลินเสี่ยวหมิงยิ้มกว้าง เด็กน้อยรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยพี่สาวหาของป่า วันนี้พวกเขาทั้งสองคนเก็บได้ทั้งหน่อไม้ ผักป่า และผลไม้ป่ามาได้มากมาย เพียงพอสำหรับมื้อเย็นแสนอร่อย

"พี่สาวครับ ผมอยากช่วยแบกตะกร้าให้ครับ" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยขึ้น

หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไร พี่แบกเองได้ เดี๋ยวน้องเล็กช่วยถือต้นไผ่ให้พี่หน่อย พี่ถือคนเดียวไม่หมด"

หลินเสี่ยวหมิงรับต้นไผ่ที่พี่สาวส่งมา ถือไว้แน่นในอ้อมแขน ต้นไผ่ลำยาวนั้นหนักอึ้ง แต่เขาก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยพี่สาวแบกของ

เมื่อใกล้จะพลบค่ำ หลินเสี่ยวเหยาและหลินเสี่ยวหมิงสองพี่น้องรีบเร่งฝีเท้ากลับบ้าน ระหว่างทาง ผู้เป็นพี่สาวครุ่นคิดเรื่องการศึกษาของน้องชาย ตอนนี้ปี 1970 อีก 7 ปีข้างหน้า จะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธออยากจะส่งเด็กน้อยให้เรียนหนังสือ เธอจึงตัดสินใจเอ่ยถามน้องชายขึ้นว่า "เสี่ยวหมิง พี่สาวมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย"

หลินเสี่ยวหมิง เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า "มีอะไรหรือครับพี่สาว?"

"คือว่า พี่สาวอยากจะส่งน้องเล็กไปเรียนหนังสือที่เมืองจินหลง น้องคิดว่าอย่างไร?" ผู้เป็นพี่สาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

หลินเสี่ยวหมิงได้ฟังดังนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกที่หลากหลายปะปนกันอยู่ในใจ เขาดีใจที่พี่สาวอยากส่งเขาไปเรียนหนังสือ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกกังวล เพราะเขาตระหนักดีว่าครอบครัวของพวกเขาไม่ได้มีเงินมากเหมือนเมื่อก่อน

"พี่สาวครับ ผม..." หลินเสี่ยวหมิงอึกอัก พูดต่อไม่ถูก

"น้องไม่ต้องพูดอะไร พี่สาวรู้ว่าน้องอยากเรียนหนังสือ และอีกอย่างน้องเล็กไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน พี่สาวมีแหล่งทำเงิน สามารถส่งน้องเล็กเรียนได้จนจบ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

หลินเสี่ยวหมิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง

"ขอบคุณครับพี่สาว ผมจะตั้งใจเรียนหนังสือให้หนัก"

สองพี่น้องเดินออกจากป่าทึบ มุ่งหน้ากลับบ้าน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ผู้เป็นพี่สาวรีบเอ่ยกับน้องชาย "เดี๋ยวพวกเราเอาไม้ไผ่ไปเก็บไว้ที่สวนหลังบ้านก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราจะเอาไปสร้างเล้าไก่"

หลินเสี่ยวหมิงพยักหน้ารับด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาเดินตรงไปที่สวนหลังบ้านอย่างร่าเริง

ร่างบางหันมามองตะกร้าสานที่มีหน่อไม้ ผักป่า เห็ดระโงก และผลไม้ป่าที่เก็บมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอนึกถึงเมนูอาหารแสนอร่อยที่เธอจะรังสรรค์ขึ้นมาในวันนี้

แต่ทว่า...

หลินเสี่ยวเหยาไม่เคยทำอาหารป่ามาก่อน เธอจึงตัดสินใจก้าวเข้าไปในมิติ ทันทีที่เธอปรากฏตัวภายในมิติ เธอก็รีบตรงไปที่ร้านหนังสือขนาดใหญ่ ดวงตาของเธอค้นหาหนังสือสอนทำอาหารป่าอย่างตั้งใจ

ในที่สุดเธอก็เจอหนังสือที่ต้องการ หญิงสาวหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เธอรวบรวมความรู้และเทคนิคการปรุงอาหารป่าอย่างละเอียด

เมื่อกลับมาโผล่โลกแห่งความเป็นจริง ร่างบางก็เริ่มลงมือทำอาหารตามสูตรในหนังสือ เธอใส่ใจทุกขั้นตอน พิถีพิถันคัดสรรวัตถุดิบ ผสมผสานเครื่องปรุงรสจนกลมกล่อม

ไม่นานกลิ่นหอมฟุ้งของอาหารป่าก็โชยตลบอบอวลไปทั่วบ้าน หลินเสี่ยวหมิงที่พึ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ เดินตามกลิ่นหอมมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เมื่อเขาเห็นอาหารที่วางไว้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

"พี่สาว พี่ทำอาหารอะไรน่ะ?" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น

"พี่ลองทำอาหารป่าดูบ้าง เผื่อว่าน้องเล็กจะชอบ" ผู้เป็นพี่สาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หลินเสี่ยวหมิงตักอาหารป่าเข้าปาก คำแรกที่เขาสัมผัสได้คือรสชาติเผ็ดร้อน กลมกล่อม ผสมผสานกับความหอมของผักป่าและเห็ดระโงก

"อร่อยมากเลยพี่สาว!" เด็กน้อยร้องด้วยความดีใจ

หลินเสี่ยวเหยารู้สึกดีใจที่น้องชายชอบอาหารที่เธอทำ เธอมองไปที่จานอาหารของคุณตัวร้ายที่วางอยู่ข้างๆ

‘เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จค่อยยกอาหารไปให้คุณตัวร้ายแล้วกัน’ เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ

"เดี๋ยวพี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวพวกเราค่อยมาทานข้าวด้วยกัน" เธอบอกน้องชายก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำที่หลังบ้าน

ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ มีแค่ไม้กั้นบาง ๆ เท่านั้น เธอคิดว่าถ้ามีเวลาเธอจะทำห้องน้ำ จะให้เธออาบที่โล่งๆ ไม่มีประตูปิด แบบนี้ก็ดูจะวาบหวิวยังไงไม่รู้

เธอนำสบู่หอม ออกมาจากมิติ ก่อนจะจัดการการอาบสระผมทันที ไม่นานนัก หลินเสี่ยวเหยาก็เดินออกมาจากหลังบ้าน ใบหน้าของเธอดูสดใสขึ้นทันที

หลินเสี่ยวหมิงนั่งรอพี่สาวของเขาอย่างใจจดใจจ่อ รอคอยที่จะได้ทานอาหารเย็นแสนอร่อย

ในที่สุด เสียงฝีเท้าของหญิงสาวก็ดังขึ้น เด็กน้อยหันไปมอง เห็นพี่สาวของเขาเดินเข้ามาในห้องครัว

หลินเสี่ยวเหยา สวมชุดสีฟ้าอ่อนเรียบง่าย ผมยาวสีดำขลับของเธอถูกมัดรวบไว้เอย่างเรียบร้อย ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข

"เสี่ยวหมิง พี่สาวอาบน้ำแล้ว!" ผู้เป็นพี่สาวเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส

กลิ่นหอมของกับข้าวโชยมาแตะจมูก บนโต๊ะมีกับข้าวหลายอย่าง

"น้องเล็ก เดี๋ยวน้องมาช่วยพี่นำกับข้าวไปจัดวางตรงโต๊ะอาหารที่ลานบ้านให้หน่อย" หลินเสี่ยวเหยาเรียกเสี่ยวหมิง ที่กำลังจ้องมองกับข้าวตาลุกวาว

"ได้ครับพี่เสี่ยวเหยา" เด็กน้อยรับคำ

"เดี๋ยวพี่สาวยกกับข้าวให้สหายหยางก่อนนะ เดี๋ยวพวกเราค่อยมาทานข้าวด้วยกัน" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยขึ้น

เสี่ยวหมิงพยักหน้ารับ "ครับพี่สาว"

หลังจากน้องชายเธอยกกับข้าวไปไว้ที่ลานหน้าหน้าบ้าน หลินเสี่ยวเหยามองกับข้าวของคุณตัวร้าย

"หวังว่าหยางเฟิงจะชอบเหมือนกันนะ" เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง

หญิงสาวตักอาหารป่าใส่ถ้วยกระเบื้อง เติมน้ำซุปอุ่นๆ ราดลงบนข้าวสวย รังสรรค์เป็นเมนูพิเศษสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

ร่างบางยกอาหารของคุณตัวร้ายเดินมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของเธอที่ตอนนี้โดนชายหนุ่มยึดครองอยู่

เมื่อมาถึงห้องนอน เธอจ้องมองดูคนร่างสูงที่นอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาซีดเผือด เต็มไปร่องรอยด้วยรอยแผลขีดข่วนทั่วตัว แต่ก็ยังดูหล่อเหลาอยู่

คนร่างบางวางชามข้าวลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะโน้มตัวไปแตะหน้าผากของหยางเฟิง ร่างกายของเขายังคงอุ่นๆ แสดงว่าอาการไข้เริ่มลดลง

"สหายหยาง... ตื่นมากินข้าวก่อนนะคะ"

หยางเฟิง ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เปลือกตาหนักอึ้งจากฤทธิ์ยา เมื่อสายตาของเขามองเห็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ภาพแรกที่สะท้อนให้เห็นจอประสาทคือรอยยิ้มหวานละมุนของคนร่างบาง กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเส้นผมของเธอโชยมาแตะจมูก เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ

"สหายหยางรู้สึกดีขึ้นบ้างไหมคะ?" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวลเมื่อเห็นเขาทำหน้าตาแปลกๆ

ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ ร่างกายของเขายังรู้สึกอ่อนเพลียจากบาดแผลที่ถูกยิง

"คุณทานข้าวก่อนนะคะ เดี๋ยวจะได้ทานยาต่อ" หลินเสี่ยวเหยาวางชามอาหารป่า ที่ใส่วัตถุดิบบำรุงเลือดไว้ตรงหน้าเจ้าของรอยสักรูปมังกร

หยางเฟิงจ้องมองดูอาหารป่าที่เต็มไปด้วยสมุนไพร น้ำซุปสีเหลืองทองอร่ามส่งกลิ่นหอมเย้ายวน น้ำลายของเขาเริ่มไหล

คนร่างสูงเริ่มตักอาหารเข้าปาก น้ำซุปกลมกล่อมช่างอร่อยเหลือเกิน

"คุณทานเยอะๆ นะคะ คุณจะได้มีแรง" เธอเอ่ยกับคุณตัวร้าย

หลังจากหยางเฟิงทานอาหารเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็เอายาแก้ปวดมาให้เขาทาน

"สหายหยางคุณทานยานี้ก่อนนะคะ เผื่อจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้บ้าง"

"ขอบคุณนะครับสหายหลิน" เขากล่าวด้วยความซึ้งใจ

หยางเฟิงกลืนยาแก้ปวดลงคอ คนร่างสูงรู้สึกว่าอาการปวดของเขาเริ่มจะดีขึ้น

"นี้ก็ดึกแล้ว พักผ่อนก่อนเถอะนะคะ" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องไป ชายหนุ่มมองตามหลังเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาล ความรู้สึกบางอย่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขาอย่างเงียบๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 71 บทส่งท้าย ค่ำคืนของสองเรา

    หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 70 ขอแต่งงาน

    เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 69 จับกุมตัวสองผัวเมีย

    หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 68 ใบหน้าเสียโฉม

    แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 67 หายนะที่กำลังจะมาเยือน

    ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 66 เปิดปากหลี่เหว่ย

    ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status