LOGIN“หากพวกท่านอยากรู้เรื่องของพวกข้า ถ้าเช่นนั้น ก็บอกความจริงเรื่องของพวกท่านมาก่อนเจ้าค่ะ ว่าพวกท่านเป็นใคร หากพวกท่านแสดงความจริงใจออกมา ข้าก็จะแสดงความจริงกลับคืนเช่นกันเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เฉินซีฮันที่เห็นเช่นนั้นก็เบาใจ เขากลัวว่านางจะโกรธ ที่เขาอยากรู้เรื่องของพวกนาง เขาจึงตัดสินใจเอ่ยออกมา
“ข้าคือองค์ชายใหญ่นามว่า เฉินซีฮัน เป็นโอรสของฮ่องเต้เฉินหมิงเจ๋อกับฮองเฮา” “ข้าคือองค์ชายรองนามว่า เฉินเจียวหมิง เป็นโอรสของฮ่องเต้กับพระสนมกุ้ยเฟย” “ข้าคือองค์ชายสามนามว่า เฉินจางหย่ง เป็นโอรสของฮ่องเต้กับพระสนมเสียนเฟย” “ส่วนข้าเป็นเสด็จปู่ของพวกเขา” เฉินเจ๋อหยวนเอ่ยแนะนำตนเองขึ้นมาบ้าง เพราะนางพูดถึงความจริงใจ เขาต้องแสดงให้นางเห็น ซิ่วอิงรับฟังอย่างไม่แปลกใจเท่าใดนัก แต่ลี่อิน เจียวจู ตงฮวนและหานเกอ พากันตกใจนั่งตัวแข็งค้าง พวกเขาคือคนของราชวงศ์อย่างนั้นหรือ “พวกหม่อมฉันเป็นเด็กในหมู่บ้านไฉ่หลินเพคะ ไม่นานมานี้ทางการ ได้ปิดป้ายประกาศแจ้งว่า หมู่บ้านไฉ่หลินเกิดโรคระบาด และโรคระบาดนี้สามารถแพร่ได้อย่างรวดเร็ว ทางการจึงจำเป็นต้องฆ่าทุกคน และเผาบ้านเรือนทุกหลัง เพื่อหยุดยั้งโรคระบาด พวกหม่อมฉันทั้งห้าคน แอบซ่อนตัวถึงรอดมาได้เพคะ” “ถึงขั้นฆ่าทุกคนและเผาบ้านเรือน นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว” เฉินเจ๋อหยวนทุบโต๊ะดังปัง! ด้วยความไม่พอใจ ทางการทำเกินกว่าเหตุเกินไปแล้ว เกิดโรคระบาดแทนที่จะหาทางแก้ปัญหา และช่วยเหลือราษฎรให้ปลอดภัย กลับใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหา ช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ เขาต้องให้หลานชายไปรายงานต่อองค์ฮ่องเต้ “พวกข้าออกมาอยู่ข้างนอกเช่นนี้ ก็พูดธรรมดาเถิดซิ่วอิง” เฉินซีฮันเอ่ยบอกกับนาง เพราะไม่อยากให้นางรู้สึดอึดอัดจนเกินไป “ดีเจ้าค่ะ ข้าก็สะดวกพูดแบบนี้มากกว่า” ซิ่วอิงยิ้มระรื่นเมื่อรู้ว่าไม่ต้องพูดเต็มพิธีการ กับเชื้อพระวงศ์ “แล้วพลังของพวกเจ้าได้มาอย่างไร?” “ก่อนออกไปสู้กับคนร้าย ท่านแม่ได้มอบหนังสือโบราณให้ข้าเล่มหนึ่ง หลังจากข้ารอดตายจากกองเพลิง ข้าก็ลองเปิดหนังสือดู ไม่คาดคิดว่าพลังทุกอย่างจะมาอยู่ในตัวของข้าเจ้าค่ะ และถ่ายทอดไปยังลี่อิน เจียวจู ตงฮวนและหานเกอ ทุกคนต่างได้รับพลังปราณและวิชายุทธด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ” “พลังที่พวกข้าได้รับมา เป็นพลังของเทพผู้พิทักษ์ลี่อินได้พลังของเทพมังกรฟ้า เจียวจูได้พลังของเทพหงส์แดง ตงฮวนได้พลังของเทพเตาดำ และหานเกอได้พลังของเทพพยัคฆ์ขาว ข้าคิดว่าสวรรค์คงอยากให้พวกข้ามาคอยปกป้องคนดี และมาต่อสู้กับคนชั่ว” “แล้วเจ้าได้พลังของเทพอะไร?” ชายชราเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “ข้าเหรอเจ้าคะ ข้าก็ได้พลังของเทพทั้งสี่ ที่อยู่ในร่างของข้าอย่างไรละเจ้าคะ พวกเขาแยกจากข้าไปอีกทีเจ้าค่ะ ที่ข้าต้องปิดบังว่ามาจากที่ใด เพราะข้าอยากสืบหาคนบ่งการ และความจริงของเรื่องนี้ให้กระจ่าง รอเวลาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และแก้แค้นให้กับทุกคนเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น ถึงนางจะมาจากยุคปัจจุบัน แต่นางมาอยู่ในร่างที่ตายจากไป ด้วยความไม่เป็นธรรม ครอบครัวของนางและตัวนางเอง ก็คงอยากให้นางแก้แค้นให้อย่างแน่นอน “และข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ และข้าคิดว่าต้องเกี่ยวพันกับคนมีอำนาจหลายคน เพราะฉะนั้นการแก้แค้น รอสิบปีก็ไม่สายเจ้าค่ะ” พวกเขาฟังที่นางพูดก็รู้สึกเห็นใจและสงสาร รู้สึกโกรธและเจ็บแค้นขึ้นมา ทางการต้องมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้แน่ การสร้างเรื่องขึ้นมาว่า หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นโรคระบาด พวกเขาคิดว่าน่าจะมีอะไรซ่อนอยู่กับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่พวกเขาประหลาดใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมานั่นก็คือ ซิ่วอิงมีอายุเพียงเท่านี้ แต่นางกลับมีความคิดมากมาย ดั่งผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยทีเดียว เด็กห้าคนรอดมาได้คงเพราะสวรรค์คงเมตตา และให้พลังพวกเขามา เทพผู้พิทักษ์คือเทพที่คอยปกป้องคนดี เขาไม่แปลกใจเลย ที่นางให้ความช่วยเหลือเด็กกำพร้าไร้ที่อยู่เหล่านั้น พวกเขาต้องช่วยพวกนางสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะปล่อยให้คนชั่วลอยนวลไม่ได้ ซิ่วอิงไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมด นางเล่าเพียงเพียงบางส่วนเท่านั้น และแต่งเรื่องให้ดูเหมาะสม เพราะนางคิดว่า เพิ่งรู้จักกันกับพวกเขาได้ไม่นาน และเรื่องนี้เกี่ยวพันกับคนมีอำนาจ นางไม่กล้าไว้ใจใคร เมืองเหยียนฟางเป็นเมืองใหญ่ ที่เจริญรุ่งเรืองมาก มีเจ้าเมืองเป็นคนปกครองเมือง และมีนายอำเภอคอยปกครองเขตอีกที ทุกอย่างคล้ายในเมืองหลวงแต่ย่อส่วนลงมา นางไม่เร่งรีบที่จะแก้แค้น เพราะพวกนางยังเด็กมาก และนางเชื่อว่าเจ้าเมืองเหยียนฟาง ต้องมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ในความคิดของนาง หากจะต่อสู้กับคนมีอำนาจ เราก็ต้องสร้างฐานของเราให้มั่งคงเสียก่อน นางเชื่อว่าที่นางมาอยู่ในร่างนี้ และยังได้รับพลังเช่นนี้ สวรรค์คงต้องการให้นางและสหายทั้งสี่ คอยดูแลปกป้องผู้คนให้ปลอดภัย ลางสังหรณ์ของนางบอกว่า บ้านเมืองอาจเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ นางไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่นางต้องเตรียมแผนรับมือเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นภัยที่มาจากภัยธรรมชาติ หรือภัยที่คนสร้างขึ้น เพราะใช้อำนาจในทางที่ผิด รังแกผู้คนที่อ่อนแอ หรือแม้แต่สงครามในแคว้นและต่างแคว้น “แต่ว่าพี่ซีฮัน คนร้ายที่มาวันนี้ ท่านคิดว่าพวกเขาตั้งใจมาฆ่าพวกข้าหรือว่าพวกท่าน?” ซิ่วอิงเอ่ยถามออกไปตรง ๆ แต่เป็นท่าปู่เฉินเจ๋อหยวน ที่ร้องขึ้นด้วยความตกใจ “อะไรนะ! พวกเจ้าถูกลอบสังหาร เหตุใดไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้?” ชายชรามองสำรวจร่างกายของพวกเขา จึงเห็นว่ามีเลือดเปรอะเปื้อนที่กางเกง ก็หน้าซีดเผือดด้วยความเป็นห่วงและกังวล “ท่านปู่ไม่ต้องกังวล พวกเขาปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงรีบตอบเพื่อให้เขาคลายกังวล “จริงเหรอ เจ้าแน่ใจนะ?” “เจ้าค่ะ ข้ารักษาเองกับมือ” ซิ่งอิงได้โอกาสคุยโอ้อวดเสียหน่อย ชายชราหัวเราะออกมา เมื่อเห็นท่าทางน่าเอ็นดูของนาง “ข้าว่านักฆ่าที่มาในวันนี้ คงตั้งใจมาฆ่าพวกข้า ดีแล้วที่เจ้าให้ตงฮวนและหานเกอ จัดการพวกเขาทั้งหมด ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจต้องเดือดร้อนไปด้วย เพราะพวกมันต้องเอาไปรายงานคนสั่งการ ว่าพวกเจ้าเป็นคนช่วยเหลือ หากเป็นเช่นนั้น ชีวิตของพวกเจ้าก็คงไม่สงบ” “อะไรนะ! เจ้าเด็กตงฮวนกับหานเกอ จัดการกับนักฆ่าทั้งหมด นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว” เป็นอีกครั้งที่เฉินเจ๋อหยวนทั้งตกใจและประหลาดใจ เด็กพวกนี้เก่งเกินไปแล้ว “ไม่ใช่แต่ตงฮวนและหานเกอนะขอรับ เจียวจูยังรักษาข้าที่ถูกพิษด้วยเลือดของนาง” เฉินเจียวหมิงเอ่ยขึ้น อย่างภาคภูมิใจในตัวเจียวจู “ลี่อินนางก็นำเลือดของนาง มารักษาพิษให้ข้าเช่นกันขอรับท่านปู่” เฉินจางหย่งรีบเอ่ยเล่าชายชราฟัง อย่างไม่ยอมน้อยหน้าเฉินเจียวหมิง “หา…เป็นเรื่องจริงรึ ข้าอายุจนปูนนี้ เพิ่งจะเคยเห็นและได้ยินเรื่องราวแปลกประหลาดเช่นนี้” ชายชราครุ่นคิดแล้วถอนใจออกมา เรื่องราวแปลกประหลาดเหล่านี้ เข้าไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นความจริง เด็กห้าคนนี้มีพลังที่สวรรค์มอบให้ และเลือดของพวกเขายังสามารถช่วยคนได้ เขาต้องช่วยปกป้องเด็กเหล่านี้ให้ดี เพื่ออนาคตที่ดีของชาวแคว้นเป่ยเซี่ยะกลิ่นเนื้อย่างส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปรอบบริเวณ ซิ่วอิงให้พวกเขาไปนับจำนวนคน รวมทั้งช่างก่อสร้างและช่างตัดต้นไม้ รวมแล้วเกือบสองร้อยชีวิต ทางโรงเตี๊ยมลู่เฉิงและลู่ไฉ่ดูแล นางจึงไม่ได้กังวลมากนัก “ซิ่วอิงเจ้าดูข้าลองเปลี่ยนใบหน้า ท่านพ่อท่านแม่ เป็นเช่นไรฝีมือข้า” ลี่อินพาอดีตฮ่องเต้ อดีตฮองเฮาและพระสนม อีกทั้งข้ารับใช้คนสนิท ออกมาจากมิติ นางทำการเปลี่ยนใบหน้า ให้พวกเขาทั้งหมด ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “คนอื่น ๆ ก็เดี๋ยวค่อยให้พี่จือหยวนและพี่จือไฉ ยกอาหารเอาไปให้ก็แล้ว ออกมากันหมดผู้คนอาจจะสงสัยเอาได้” “เข้าใจแล้ว” ลี่อินตอบรับ ก่อนจะพาพวกเขาไปนั่ง แล้วหาไปยกน้ำชามาให้ “หลานสะใภ้คนงาม เจ้ากำลังทำอะไรหรือ?” ซิ่วอิงหันไปมองตามเสียงก็เห็นท่านปู่เดินยิ้มร่าเข้ามา อย่างอารมณ์ดี “อันนี้เรียกว่าขนมเค้กเจ้าค่ะ” “สีสันงดงามน่ากินจริง ๆ” ชายชรามองเค้กอย่างพอใจ “วันนี้ข้าทำหลายก้อนเลยเจ้าค่ะ ทุกคนจะได้กินกันอย่างทั่วถึงเจ้าค่ะ” “ดี ๆ ข้าไม่ได้กินอาหาร ฝีมือเจ้าทำมาหลายวัน ข้ารู้สึกว่าข้าผอมลงไปเยอะเลย” ทุกคนได้ยินเขาพูดก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูวันนี้อาหารที่นางทำ ถึงแม้จะมีคนเยอะ แต่คนช่ว
ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ







