LOGINทางด้านเสิ่นตงหลาง บุตรชายของท่านเจ้าเมืองเสิ่นอี้ห่าว เมื่อกลับถึงจวนเขาก็รีบตรงไปหาบิดาทันที เพราะพอเขาก้าวเข้าประตูจวนเข้ามา พ่อบ้านก็รีบบอกเขาว่า นายท่านเสิ่นให้รีบไปพบ เมื่อเขามาถึงก็เห็นสีหน้าของบิดา ที่ดูแล้วคล้ายไม่พอใจเขาอยู่มาก
“เจ้าเอาปิ่นของข้าไปใช่หรือไม่?” เสิ่นอีห่าวพยายามระงับโทสะถามออกไป เสิ่นตงหลางฟังน้ำเสียงของบิดา ก็รับรู้ถึงอารมณ์โกรธของเขา เสิ่นตงหลางถึงกับคิ้วขมวดเข้าหากัน เขาไม่เคยได้รับน้ำเสียงเช่นนี้จากบิดามาก่อนเลย เพียงเพราะปิ่นราคาถูกอันเดียว เขาถึงกับมีโทสะถึงเพียงนี้เลยหรือ “ใช่ขอรับ ข้าเห็นว่ามันสวยดี และมันก็ไม่ได้แพงอะไร ข้าจึงอยากเอาไปเป็นของขวัญ ให้นายหญิงน้อยซิ่วอิง” “เพียะ! ของในจวนมีตั้งมากมาย ทำไมต้องมาเอาอันนี้!” “ท่านพ่อ!” เสิ่นตงหลางตกใจหน้าซีดเผือด เสิ่นฮูหยินที่เดินผ่านมา เห็นภาพที่เสิ่นอี้ห่าวตบหน้าบุตรชายเข้าพอดี ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ “ท่านพี่! เกิดอะไรขึ้นเหตุใดถึงทำกับลูกเช่นนี้เจ้าคะ?” “เจ้าไปถามเขาเองเถิด ออกไปกันให้หมด” เสิ่นฮูหยินได้ยินเช่นนั้น ก็รีบพาบุตรชายออกไปทันที ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา นางไม่เคยเห็นเขาโกรธถึงขั้น ลงไม้ลงมือกับบุตรชายมาก่อนเลย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ “เกิดอะไรขึ้น เจ้าไปทำอันใดให้ท่านของเจ้าพอไม่พอใจ?” เสิ่นตงหลางส่ายหน้า “ข้าเพียงเอาปิ่นหยกในห้องของท่านพ่อไปให้ซิ่วอิง เพราะเห็นว่าสวยดีและราคาไม่ได้แพง อีกอย่างท่านพ่อไม่เคยหวงของกับข้าเลย แต่ครั้งนี้แปลกมากขอรับท่านแม่” เสิ่นฮูหยินพอได้ฟังก็เริ่มครุ่นคิด ปิ่นนั่นคงจะสำคัญกับเขามาก เขาถึงได้โกรธมากถึงเพียงนี้ “แล้วเจ้าไปขอนางคืนมาได้หรือไม่ แล้วเอาอย่างอื่นไปให้นางแทน บอกไปว่าหยิบผิดอันดีหรือไม่?” เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็พยักหน้าเห็นด้วย เขาคงต้องทำอย่างนั้น หากจะทำให้บิดาหายโกรธ และเขาคงต้องแบกหน้าไปขอคืน แล้วนำปิ่นอันใหม่ไปให้นางแทน ทางด้านเสิ่นอี้ห่าวเมื่อพวกเขาจากไป เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด ก่อนพ่อบ้านจะมารายงานว่า นายอำเภอจินป๋อเหวินมาขอเข้าพบ เขาถอนใจออกมา อารมณ์เขาไม่ค่อยดีจึงไม่อยากจะพบใคร แต่ว่าหากเป็นนายอำเภอจิน เขาต้องให้เข้าพบ เพราะเขาอาจมีเรื่องสำคัญ “นายท่าน” จินป๋อเหวินมาถึงโค้งให้ท่านเจ้าเมือง ก่อนจะนั่งลงแล้วมองท่านเจ้าเมือง ที่มีสีหน้าที่เหมือนโกรธใครมา จึงขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย “เป็นอะไรหรือขอรับ?” “ไม่มีอะไร ท่านมามีอะไรหรือไม่?” “ข้าได้ให้ทหารออกตรวจค้นทุกที่ แต่ไม่พบอดีตฮ่องเต้ ไท่ซ่างหวงและเหล่าองค์ชายก็ไม่พบ เรื่องนี้แปลกมากจริง ๆ หรือว่าพวกเขาจะหนีไปแคว้นอื่นแล้วขอรับ” จินป๋อเหวินเอ่ยขึ้น “ไม่มีทาง อาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง พวกเราต้องตามหากันต่อไป ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ คงไม่มีทางสบายพระทัยแน่” “แล้วเราจะส่งคนไปสำรวจที่ดินกันเมื่อใดหรือขอรับ ข้าว่าเวลานี้เหมาะมาก ฝ่าบาทไม่มีทางสงสัย เราก็แค่บอกว่ามีคนแจ้งว่า เห็นอดีตฮ่องเต้หลบหนีไปทางนั้น พวกเราแค่ส่งทหารไปสำรวจ” เสิ่นอี้ห่าวเมื่อได้ฟังก็ยกยิ้มอย่างพอใจ จะว่าไปชายผู้นี้ก็ฉลาดอยู่เหมือนกัน “ดี ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็สั่งทหารไปตรวจสอบพื้นที่เถอะ ให้ทหารปิดป้ายประกาศด้วย เรื่องจะได้ถึงพระกรรณฮ่องเต้ ว่าพวกเรากำลังทำงานกันอย่างจริงจัง และยังคงตามหาพวกเขาอยู่” “เข้าใจแล้วขอรับ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัว” เมื่อนายอำเภอจินจากไปแล้ว เขาก็ตกอยู่ในความคิดของตนเองอีกครั้ง ถึงเขาจะเป็นคนของเฉินอ๋อง เขาก็ไม่มีทาง บอกเรื่องสมบัติให้เขารับรู้ เพราะเฉินอ๋องมีนิสัยละโมบโลบมากและบ้าอำนาจ หากเขารู้ขึ้นมาไม่แน่ว่า เขาอาจถูกกำจัดให้พ้นทางไปอีกคน ขนาดพี่น้องเขายังฆ่าได้ นับประสาอะไรกับเขา ทุกวันนี้ตัวเขาก็แอบสะสมกองกำลังเอาไว้ เขาไม่มีทางตกเป็นเบี้ยล่างของเฉินอ๋องง่ายแน่ ๆ เขาไม่เคยไว้ใจเฉินอ๋องเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเขาก้าวขึ้นมาครองบัลลังก์เช่นนี้ เขายิ่งต้องระวังตัวมากขึ้น ดั่งคำพูดที่ว่าผีย่อมเห็นผี เพราะฉะนั้นไม่ผิดที่เขาจะป้องกันเอาไว้ก่อน ทางด้านซิ่วอิง ยามนี้นางเดินขึ้นมาบนชั้นสองของโรงเตี๊ยมเพื่อพบ ลี่อิน เจียวจู ตงหานและหานเกอ นางอยากรู้ว่าหลังจากเมื่อคืน พวกเขาได้รับพลังมา พวกเขามีความสามารถไปถึงขั้นใดแล้ว “ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ พวกเจ้ามานี่หน่อย” นางเรียกพวกเขามาคุย ให้ห่างจากคนอื่น “มีอะไรหรือซิ่วอิง?” ลี่อินถามขึ้น “ข้าอยากรู้ว่า ตอนนี้พวกเจ้ามีวิชาแพทย์แล้วหรือยัง เพราะเท่าที่ข้าสัมผัส พลังของพวกเจ้า ข้ารับรู้ถึงปราณพลัง ที่มีเพิ่มมากขึ้นมากกว่าแต่ก่อน” ซิ่วอิงคิดว่าหากพวกเขามีวิชาแพทย์ ก็คงจะช่วยนางได้มากขึ้น “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ต้องลองพิสูจน์ดู” “งั้นเจ้าลองจับชีพจรของแต่ละคนดู” “ได้” เจียวจูหันมาจับชีพจรของลี่อิน ส่วนตงฮวนจับชีพจรของหานเกอ ก่อนตงฮวนจะหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ ทุกคนจึงหันมามองด้วยความสงสัย ว่าเขาหัวเราะด้วยเรื่องอันใดกัน “ซิ่วอิงข้าไม่มีวิชาแพทย์ แต่ข้าเหมือนจะมีปราณสัมผัส” “ปราณสัมผัสอย่างนั้นหรือ?” พวกเขาเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน ซิ่วอิงรีบประมวลผลจากตำราโบราณที่ฝั่งอยู่ในร่างของนาง “ปราณสัมผัสคือ ปราณพลังสายหนึ่ง สามารถรับรู้ถึงเหตุการณ์ ที่เคยเกิดขึ้นของคนที่เราสัมผัส ในระยะเวลาหนึ่ง ทำไมเจ้าเห็นอะไรหรือ?” ซิ่วอิงอธิบายให้สหายฟัง และหันมาถามตงฮวนในตอนท้าย “ก็ข้าเห็นเขาในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนะสิ” “ส่วนข้าเหมือนจะมีปราณหยั่งรู้” เจียวจูเอ่ยขึ้นมาบ้าง เพราะข้ามองเห็นลี่อิง เหมือนกำลังช่วยเหลือชายผู้หนึ่ง แต่ดูเหมือนจะสตรีนางหนึ่ง พยายามขัดขวางไม่ให้ช่วย เหตุการณ์นี้ข้าคิดว่ายังไม่เคยเกิดขึ้น เพราะข้าอยู่กับพวกเจ้าตลอดเวลา จำได้ว่ายังไม่เคยเห็น” “ถ้าเช่นนั้นข้าจะอธิบายให้ทุกคนฟัง ปราณหยั่งรู้ก็คือ พลังปราณที่สามารถ สัมผัสได้กับถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า ของคนที่เราได้สัมผัส” พวกเขาเมื่อได้ฟังก็พยักหน้าเข้าใจ “คราวนี้ลี่อินลองจับชีพจรของเจียวจู ส่วนหานเกอจับชีพจรของตงฮวน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกให้พวกเขาทำตาม ลี่อินจับข้อมือเจียวจูขึ้นมา แล้วจับสัมผัสชีพจร ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าเหมือนจะมีพลังปราณแพทย์ เลือดลมของนางไหลเวียนปกติดี และดูเหมือนจะมีร่างกายที่แข็งแรงมาก ๆ ด้วย” ลี่อินเอ่ยเล่าออกมา “ส่วนข้าน่าจะมีพลังปราณแพทย์เหมือนกัน เพราะข้าสัมผัสได้ถึง การไหลเวียนของเลือดลมที่เป็นปกติของตงฮวน” หานเกอเอ่ยขึ้น ซิ่วอิงฉีกยิ้มอย่างดีใจ นางมีคนช่วยแล้ว เพราะจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่มีคนแกล้งป่วย ต่อไปก็ไม่ต้องไปเรียกนางให้มาดู หรือหากว่ามีคนป่วยจริง พวกเขาก็สามารถช่วยรักษาได้ “ต่อไปหากมีลูกค้าคนไหนมีอาการเจ็บป่วยขึ้นมา เจ้าต้องรีบมาตรวจดู บางคนอาจจะป่วยจริง แต่บางคนอาจจะเสแสร้ง เพราะฉะนั้นข้าถึงอยากรู้ว่า พวกเจ้ามีพลังไปถึงขั้นไหนแล้ว รอบนี้พวกเจ้าก็ช่วยกันดู หากไม่มั่นใจ รีบไปเรียกข้า” “เข้าใจแล้ว”ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด







