แชร์

บทที่ 3.3 แม่ที่ใฝ่ฝัน

ผู้เขียน: ชงเมิ่ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-15 20:51:45

บทที่ 3.3

แม่ที่ใฝ่ฝัน

“เฉินซิ่วลี่ ออกมา!”

เฉินซิ่วลี่หันมองไปทางประตูรั้ว พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เหตุการณ์เช่นนี้บังเอิญเกินไปหรือไม่ ช่างสมกับเป็นเรื่องราวในนิยายเสียจริงๆ เดิมทีเฉินซิ่วลี่คิดอยากจะหลบหลีก แต่หลบวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องเจอ ไม่สู้ออกไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ เธอเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวหยิบเงินออกมา 3 หยวนอย่างลำบากใจ เงิน 3000 หยวนตอนนี้เหลือเพียง 2900 หยวนแล้ว หากยังไม่เร่งหามาทดแทนอนาคตเธอย่อมตกที่นั่งลำบาก

เฉินซิ่วลี่ เธอช่างเป็นตัวละครที่ทะลุมิติมาได้น่าสงสารจริงๆ ไม่เพียงเป็นตัวละครที่ตกยาก ยังไม่มีมิติ ไม่มีระบบช่วยใดๆ สวรรค์! นี่คงไม่ใช่การทะลุมิติมาเพื่ออดตายใช่หรือไม่

ทว่าไม่รู้เพราะอาลัยอาวรณ์เงินหยวนนานเกินไปหรือไม่ ตอนที่ออกมาจากห้อง คนที่ร้องเรียกหน้าบ้านก็หายไปแล้ว

“อาชุน ลุงสามถังของลูกเล่า เขาหายไปไหนแล้ว”

“พี่ชายออกไปบอกลุงสามถังว่าแม่ไม่สบาย พรุ่งนี้พี่ชายจะไปทำงานแทน ลุงสามถังเลยบอกว่าอย่างนั้นก็ยกหนี้ให้ครับ”

“ยกหนี้ให้!"

เฉินซิ่วลี่ร้องด้วยความตกใจ ถังซานผู้นั้นหน้าตาดุดัน พูดจาโผงผาง ท่าทางไม่ยอมคน ให้คิดอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะใจดียกหนี้ให้เธอง่ายๆ

เงิน 3 หยวนนี้ เทียบเท่ากับค่าแรงของชายฉกรรจ์ในชนบทถึง 2 วัน ใช้ซื้อบะหมี่ได้ถึง 6 ชามเขียวนะ

"ยกให้่ง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ”

เฉินซิ่วลี่ถามย้ำลูกชายตัวเล็กตรงหน้าอีกครั้งด้วยท่าทางไม่เชื่อถือ อีกฝ่ายยิ้มกว้างตอบเสียงสดใสร่าเริง ในแววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อคนที่ถูกกล่าวถึง

“แม่ลืมไปแล้วหรือครับลุงสามถังเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ ตอนพวกผมสองขวบลุงสามถังยังรับพวกเราเป็นลูกบุญธรรมแบบลับๆ ด้วย ความจริงแล้วที่ผ่านมาต่อให้พี่ชายไม่ทำงานพวกเราก็ไม่อดตายหรอกครับ แต่พ่อเคยสอนว่าไม่ควรติดหนี้บุญคุณคนอื่น พี่ชายจึงไปเกี่ยวหญ้าเก็บชาแลกข้าวครับ”

“อาชุน!”

หลี่หมิงที่เดินกลับเข้ามาได้ยินคำพูดของน้องชายเอ่ยปรามขึ้นทันที ด้วยกลัวว่าหากว่าคนเป็นแม่รู้ว่าลุงสามถังพึ่งพาได้อาจไปสร้างความยากลำบากให้เขา ยิ่งเห็นดวงตาของแม่เบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงกับสิ่งที่หลี่ชุนบอก ในใจหลี่หมิงก็ยิ่งกังวล ได้แต่นึกขอโทษท่านลุงสามถังในใจ ทว่าพริบตาคนที่มีท่าทียืนดีก็เปลี่ยนเป็นขึงขัง

“พ่อของลูกพูดถูก! พวกเราไม่ควรติดหนี้บุญคุณคนอื่นแบบนี้ ดังนั้นเมื่อเป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ พรุ่งนี้พวกเราไปทำงานใช้หนี้กัน”

ถึงแม้ว่าการไม่ต้องเสียเงินชดใช้หนี้จะเป็นเรื่องดี แต่เฉินซิ่วลี่ไม่ใช่คนชอบเอาเปรียบผู้อื่น มีบุญคุณต้องทดแทน มีหนี้ก็สมควรต้องชำระ ที่สำคัญเธอจะกระทำตัวขัดต่อคำสั่งสอนของพ่อตัวร้ายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายกลับมาอาจจะลงมือกับเธอโทษฐานที่สั่งสอนให้เด็กๆ ดื้อดึงต่อคำสอนของเขา

หลังคิดทบซ้ายทบขวา เฉินซิ่วลี่ก็ได้ข้อสรุปออกมา... ไม่ว่าอย่างไรหนี้ก้อนนี้เธอก็ควรชดใช้

“พวกเราหรือครับ”

หลี่หมิงเอ่ยถามย้ำ เมื่อครู่แม่ใช้คำว่า พวกเรา นั่นย่อมหมายรวมถึงเขากับหลี่ชุนด้วยใช่หรือไม่

“ใช่! แม่คนเดียวทำงานใช้หนี้คงต้องใช้เวลาสามวัน แต่ถ้าพวกเราสามคนแม่ลูกร่วมมือร่วมแรงกันทำงาน ก็นับเป็นสามแรง วันเดียวก็ปลดหนี้ได้แล้วไม่ใช่หรือไง”

หลี่หมิงถอนหายใจยาว ค่าแรงของเด็กสามขวบเช่นเขาจะเท่ากับผู้ใหญ่เช่นคนเป็นแม่ได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพาหลี่ชุนที่ร่างกายอ่อนแอออกไปทำงาน เรื่องนี้ยิ่งไม่สมควร

“อาชุนไม่ค่อยแข็งแรงให้เขาอยู่บ้านเถอะครับ”

“ไม่ได้!”

เด็กชายถอนหายใจอีกครั้ง นิสัยที่ไม่อาจอดทนต่อความยากลำบากของแม่ให้อย่างไรก็คงแก้ไขไม่ได้จริงๆ แต่หลี่ชุนร่างกายไม่แข็งแรงจะให้ออกไปทำงานหนักได้อย่างไร

“อย่างนั้นวันมะรืนจะไปผมจะทำงานแทนน้องเองครับ”

เฉินซิ่วลี่ย่อมรู้ความคิดของลูกชายหน้านิ่งของตัวเอง แขนเรียวยกขึ้นกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“อาหมิงแม่รู้ว่าลูกห่วงน้อง แต่ลูกคงไม่คิดให้น้องอยู่ในบ้านไปตลอดชีวิตใช่หรือไม่”

หลี่หมิงเม้มริมฝีปากช้อนดวงตาคมมองน้องชาย สายตาที่รักและเทิดทูนโดยไม่มีแววตาตำหนิใดๆ ของหลี่ชุนทำให้เขารู้สึกปวดหนึบอยู่ในอก

“แม่อย่าตำหนิพี่ชายเลยครับ อะไรที่พี่ชายว่าดีผมก็ว่าตามนั้นครับ ผมอยู่บ้านได้ จะเชื่อฟังทำงานบ้านให้ดีครับ”

เฉินซิ่วลี่มองเด็กชายตัวน้อยทั้งสองแล้วถอนหายใจยาว ช่างเป็นพี่ร้องน้องรับรักใคร่ปรองดองกันได้ดีจริงๆ

“แล้วหากคนบ้านโน้นกลับมาเล่า อาชุนจะทำอย่างไร”

คนบ้านโน้น ที่เฉินซิ่วลี่เอ่ยถึงย่อมหมายถึงหม่าอิงหง และ หลี่อันอัน จากเหตุการณ์ที่เฉินซิ่วลี่หักข้อมือหลี่อันอันจนต้องไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองอยู่หลายวัน หลี่อันอันย่อมต้องเจ็บแค้นรอวันกลับมาเอาคืนพวกเธออย่างแน่นอน และหลี่ชุนคงตกที่นั่งลำบากหากต้องอยู่บ้านรับมือสตรีร้ายกาจสองคนนั้นเพียงลำพัง

“ถ้าอย่างนั้นไม่ให้น้องทำงานได้ไหมครับ”

ความหมายของหลี่หมิงคือให้หลี่ชุนออกจากบ้านไปด้วยกัน แต่ไม่ต้องลงมือทำงาน 

“หากได้ออกแรงบ้างจะช่วยทำให้น้องร่างกายแข็งแรงมากขึ้น อาหมิงแม่รู้ว่าลูกห่วงน้อง แต่ชีวิตนี้เป็นของน้อง ลูกไม่สามารถดูแลเขาไปได้ตลอดชีวิตเข้าใจหรือไม่”

เฉินซิ่วลี่เลือกใช้เหตุผลในการอธิบายให้หลี่หมิงยอมรับความคิดเธออย่างใจเย็น เพราะวิเคราะห์แล้วว่าอีกฝ่ายมีความคิดความอ่านที่เกินวัย ย่อมเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ได้แน่นอน

“ก็ได้ครับ"

หลี่หมิงไม่ต้องการโต้แย้งให้มารดาขุ่นเคืองใจจึงยอมรับคำ แต่ในใจย่อมไม่ยินดีทำตาม เมื่อไปถึงไร่ตระกูลถังเขาจะไปร้องขอท่านลุงสามถังให้เขามอบงานที่เบาแรงแก่น้องชายก็แล้วกัน

เมื่อตกลงกันได้แล้ว วันต่อมาเฉินซิ่วลี่ก็พาลูกชายทั้งสองคนมารับจ้างทำงานในไร่ของถังซาน ตระกูลถังนั้นไม่เพียงเลี้ยงวัวนม แต่ยังมีไร่ชาขนาดใหญ่ งานในไร่จึงมีหลากหลาย เช่นเดียวกับคนที่ทำงานให้เขาก็มีมากมายเช่นกัน ทว่าเฉินซิ่วลี่นั้นแพ้ขนหญ้า และงานในไร่ชาก็ยากลำบากเกินไป มองไปจนทั่วก็ยังหางานที่เธอสามารถรับผิดชอบไม่ได้ ดังนั้นถังซานจึงไม่รู้จะให้เธอทำงานอะไรดี

“ฉันคิดเลขเป็น อ่านหนังสือได้ เขียนอักษรก็พอได้ค่ะ”

ถังซานขมวดคิ้วแน่น แม้เฉินซิ่วลี่จะจบชั้นมัธยมต้น แต่ก็เป็นเพียงคนสมองทึบไม่ได้เรื่องได้ราวผู้หนึ่ง หากไม่ใช่เพราะผู้อำนวยการโรงเรียนกับพ่อของเธอรู้จักกันวุฒิการศึกษามัธยมต้นนี้ของเธอก็คงไม่ได้มา แต่ในเมื่อคนโอ้อวดตัวมาขนาดนี้ถังซานย่อมไม่คิดขัดข้อง หยิบสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายยื่นให้เธอ

"อย่างนั้นก็ตรวจบัญชีให้ฉันก็แล้วกัน"

เดิมทีถังซานคิดจะแกล้งคนขี้อวด หวังดูท่าทางลำบากใจของเธอคิดไม่ถึงหญิงสาวไม่เพียงไม่มีทีท่าวิตกกังวล ยังรับสมุดในมือเขาไปด้วยรอยยิ้มกว้างยินดี

"ได้ค่ะ"

คนตัวโตมองท่าทางยินดีนี้อย่างขัดตา เป็นผู้หญิงแต่งงานแล้ว แม้จะมีสถานะหม้ายจำเป็นต้องยิ้มกว้างให้ผู้ชายขนาดนี้เลยหรือไง ช่างไม่รู้จักรักษาธรรมเนียมมารยาท ถังซานตำหนิคนในใจแต่ยิ่งมองเธอใบหูเขาก็ยิ่งร้อนผ่าว สุดท้ายจึงพูดเสียงเข้มดุขู่คนออกมา

“ถ้าเธอคิดบัญชีของเดือนนี้เสร็จ เงิน 3 หยวนนั้นก็ถือว่าหายกัน”

“คุณพูดแล้วห้ามคืนคำนะคะ”

“ฉันไม่ใช่คนพูดจาเรื่อยเปื่อยโอ้อวด ถ้าเธอทำได้หนี้ 3 หยวนก็ถือว่าหมดไป”

“อย่างนั้นฉันขอกระดาษเปล่า ดินสอและยางลบด้วยค่ะ”

หลี่หมิงได้ยินบทสนทนาของแม่กับลุงสามถังก็ได้แต่ถอนหายใจยาว แม้ว่าแม่ของเขาจะไม่ชอบทำงานหนัก แต่การโอ้อวดตัวเองแบบนี้กลับทำให้ขายหน้ามากกว่าไม่ใช่หรือ

หากแต่หลี่ชุนกลับไม่คิดเช่นพี่ชาย เมื่อได้ยินคนเป็นแม่บอกอย่างฉะฉานว่าคิดเลขเป็น อ่านหนังสือได้ เขียนอักษรก็ได้ ในใจเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจมาก แม่ที่เก่งกาจเช่นนี้คือ แม่ที่เขาใฝ่ฝันถึงเสมอมา เท้าเล็กขยับไปประชิดพี่ชายก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงยินดีปลาบปลื้ม

"พี่ชายแม่ของพวกเราเก่งมากเลย"

เห็นท่าทางภาคภูมิใจของน้องชายแล้ว หลี่หมิงก็ได้แต่ถอนหายใจยาว 

"ลุงสามครับอาชุนไม่ค่อยแข็งแรง ลุงมีงานที่ไม่หนักมากให้เขาทำไหมครับ ไม่ต้องจ่ายค่าแรงก็ได้ครับ"

ถังซานมองเด็กชายฝาแฝดตรงหน้าแล้วถอนหายใจยาว เรื่องสุขภาพของหลี่ชุนเขาที่มีฐานะพ่อบุญธรรมย่อมรู้ดี

"ช่วงนี้ย่าถังของหลานบ่นปวดเมื่อยอยู่บ่อยๆ อาชุนไปช่วยบีบนวดให้ย่าถังดีหรือไม่"

"ครับ"

หลี่ชุนขานรับอย่างเชื่อฟังก่อนจะเดินไปยังบ้านใหญ่ถังซึ่งอยู่ถัดไปอีกฝั่ง ส่วนหลี่หมิงเดินไปหยิบตะกร้าสานมาใส่บ่าแยกไปเก็บใบชาในไร่

"เอ๋ ดูสินั่นใครกำลังเดินมา"

เสียงของเด็กชายวัยเก้าขวบเอ่ยร้องทักเมื่อเห็นหลี่ชุน 

"โอ๊ะโอ นั่นคุณชายน้อยหลี่ไม่ใช่หรือ"

เพราะหลี่ชุนร่างกายไม่แข็งแรงที่ผ่านมาหลี่หมิงจึงมักให้เขาอยู่ในบ้าน เนื้อตัวเด็กชายจึงขาวกระจ่างและมักถูกเด็กนอกบ้านเหล่านี้ล้อเลียนว่าทำตัวเป็นคุณชายอยู่เสมอ

ในใจของหลี่ชุนหวาดหวั่น สองตาแดงก่ำเม้มริมฝีปากและเร่งเท้าเดิน ขอเพียงไปถึงบ้านใหญ่ถังคนเกเรพวกนี้ก็ไม่สามารถรังแกเขาได้แล้ว

ทว่าให้หลี่ชุนเร่งเท้าอย่างไรก็ไม่พ้นเด็กตัวโตกว่าสามคนที่วิ่งมาดักหน้า

"หยิ่งซะด้วย ทำไมจะรีบไปฟ้องพี่ชายแกเหรอ คิดว่ามันจะทำอะไรพวกเราได้หรือไง ไอ้เด็กไม่มีพ่อ!"

เด็กชายตัวโตแซ่เฉาพูดพลางผลักหลี่ชุนจนหงาย ฝ่ามือเล็กไถลไปกับพื้นจนเกิดแผลถลอก ทว่าท่าทางเช่นนี้ของเขากลับทำให้อีกฝ่ายขบขัน เสียงดัง

หลี่หมิงมองเห็นน้องชายถูกรังแกก็วางตะกร้าบนบ่าวิ่งไปในทันที มือเล็กยังหยิบหินก้อนใหญ่เท่ากำปั้นเอาไว้ในฝ่ามือ เมื่ออยู่ในระยะที่เหมาะสมก็ปาออกไปสุดแรง 

แม้เขาจะเป็นเพียงเด็กน้อยสามขวบแต่เพราะแรงวิ่งและเจ้าตัวก็เหวี่ยงแขนจนสุดกำลัง หินในมือที่พุ่งออกไปเมื่อถูกหัวคนจึงทำให้ใบหน้าอีกฝ่ายอาบไปด้วยเลือดในทันที

"โอ๊ย!"

"ตีคน! เด็กแฝดบ้านหลี่ตีคนแล้ว!"

เสียงเด็กชายอีกคนร้องก้อง มารดาของพวกเขาที่ทำงานในไร่ก็รีบวิ่งออกมา สะใภ้บ้านเฉาเมื่อเห็นใบหน้าของเฉาอี้ลูกชายอาบไปด้วยเลือดก็ชี้หน้าด่าคน

หลี่หมิงที่วิ่งมาถึงตัวน้องชายยืนกางแขนปกป้องเขาไว้ด้านหลังในทันที ดวงตาคมแข็งกร้าวจ้องมองสะใภ้บ้านเฉาอย่างไม่หวั่นเกรง

“เจ้าเด็กไม่มีพ่อ แกกล้าตีลูกฉันเหรอ วันนี้ฉันจะสั่งสอนแทนพวกพ่อแกที่ตายไปเอง”

ไม่มีพ่อ คำพูดที่ออกมานี้แม้ไม่หยาบคายแต่กลับทำให้เด็กชายทั้งสองเจ็บปวดจนตัวสั่น

“เขารังแกอาชุนก่อน”

“แล้วอย่างไร แกทำเขาหัวแตกวันนี้ฉันก็จะตีพวกแกให้ตัวแตกเช่นกัน”

.........................................

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   ตอนพิเศษ

    “คุณพ่อ คุณแม่ อาเหม่ยอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้”เสียงเด็กหญิงไว้ 3 ขวบร้องบอกคนเป็นพ่อและแม่ กวงซุนหลี่ยิ้มรับทว่าขณะที่กำลังจะเดินไปซื้อของให้ลูกสาวคนเล็ก มือข้างซ้ายก็ถูกดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน“อาเหม่ยเพิ่งซื้อของเล่นไปเมื่อสัปดาห์ก่อน หากจะซื้อชิ้นใหม่ต้องเป็นเดือนหน้า”เฉินซิ่วลี่ห้ามปรามเด็กหญิงตัวน้อยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้ากลมสดใสพลันสลดน้ำตาคลอก้มหน้ามองพื้น หลี่ชุนในวัย 10 ขวบรีบเข้ามาอุ้มน้องสาวตัวน้อยขึ้นแล้วเอ่ยกระซิบปลอบประโลม“ไม่เป็นไรนะอาเหม่ย เดี๋ยวเดือนหน้าพี่ซื้อให้”ด้วยฐานะทางบ้านของพวกเขาตอนนี้ แค่ของเล่นเพียงชิ้นเดียวไม่ใช่เรื่องยากที่จะซื้อหามาครอบครอง แต่เพราะพวกเขาเคยผ่านความยากลำบากมาก่อนจึงได้เรียนรู้คุณค่าของเงิน ในบ้านจึงมีกฎให้ซื้อของเล่นได้เพียงเดือนละ 1 ชิ้นเท่านั้น“ผมเอาตัวนี้ ใส่ถุงให้ด้วยครับ”เสียงเข้มราบเรียบเอ่ยบอก ทุกสายตาพลันหันมาจดจ้องที่หลี่หมิงขณะที่พนักงานขายรีบหยิบตุ๊กตาที่เด็กหญิงร้องบอกอยากได้เมื่อครู่ใส่ถุงอย่างรวดเร็ว“อาหมิงลูกกำลังจะทำลายกฎของบ้านเรา”เฉินซิ่วลี่เอ่ยบอกเสียงราบเรียบ แม้จะไม่ได้มีน้ำเสียงหรือท่าทางตำหนิ แต่สายตานั้นชัดเจ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทสุดท้าย(จบ)

    “คืนนี้พวกเราจะได้น้องสาวแล้วใช่ไหมครับ”หลี่ชุนกระซิบเสียงเบา มุมปากของคนเป็นพ่อยกขึ้นสูงก่อนจะพยักหน้ารับด้วยสายตามุ่งมั่น“พ่อรับรองว่าเดือนหน้าน้องสาวของลูกต้องมาแน่ๆ”เมื่อได้ยินคำพูดที่หนักแน่นของคนเป็นพ่อสองเด็กชายก็ย้ายไปนอนที่ห้องถัดไป ขณะที่ร่างสูงโปร่งของกวงซุนหลี่ขยับเดินเข้าห้องลงกลอนแน่นหนาฉับไว “อื้ม...”เฉินซิ่วลี่ร้องครวญในลำคอเมื่อร่างกายถูกรบกวน ความเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะผิวกายทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนที่ดวงตาจะเปิดออก“คุณกวง! เข้ามาทำไมคะ”เพราะความแนบชิดที่ไม่เหมาะสมทำให้เธอตื่นตระหนกรีบมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง“หยุดนะคะ เดี๋ยวเด็กๆ เห็น”“เด็กๆ ย้ายไปนอนอีกห้องแล้ว”คนตัวโตที่ปลดเปลื้องผ้าของเธอจนเหลือเพียงร่างที่เปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเขากระซิบบอกเสียงแหบพร่า แนบชิดร่างกายกำยำลงทาบทับบนตัวนุ่ม“คุณกวงหยุดก่อนค่ะ เราต้องคุยกันให้ชัดเจนก่อน”“เดี๋ยวค่อยคุยนะ”ริมฝีปากร้อนขยับจากลำคอขาวกดแนบชิดบดเบียดริมฝีปากบาง พร้อมกับวางมือบีบเคล้นอกอวบอิ่มทั้งสองข้าง ร่างกายของเฉินซิ่วลี่พลันตื่นตัวขนกายสาวลุกชัน สองเนื้อนิ่มแข็งสู้กับมือหนากวงซุนหลี่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ถอนริมฝ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทสุดท้าย(5)

    “แค่ทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกก็พอ”ใบหน้าของกู้เหยียนพลันร้อนผ่าวแดงก่ำไปจนถึงลำคอ เดิมทีเขาเสนอตัวช่วยแก้ปัญหานี้ก็เพราะว่าเงื่อนไขของคุณหนูกวงเพียงแค่อยากแต่งงาน แต่ไม่ต้องการความสัมพันธ์ทั้งทางกายและใจ ให้แยกบ้านเธอก็ยินดี ในเมื่อชีวิตนี้เขาเองก็ไม่คิดแต่งงานกับใครอีกแล้ว ให้แต่งหลอกๆ เป็นหุ่นเชิดให้เธอก็ไม่นับว่าเสียหายอะไร แต่งเสร็จเขาก็กลับไปเมืองเจียงเป็นคุณหมอกู้ของชาวบ้านต้าหยางต่อไปก็เท่านั้นเพียงแต่แค่เรื่องหลอกๆ เรื่องหนึ่งทำไมต้องให้เขานอนกับเธอด้วย ทำแบบนี้กวงจือหลินย่อมต้องถูกผู้คนครหาติฉินนินทา ทว่าเขาไม่ทันได้เอ่ยปฏิเสธกวงจือหลินก็ตอบรับแผนการของกวงซุนหลี่ไปแล้ว“ได้!”“ดี! อาหย่งเอาเหล้ามา”กู้เหยียนมองเหล้าดีกรีแรงตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายฝืดลงคอ ทั้งชีวิตของเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเส้นทางอบายมุขไม่ว่าจะเป็น เหล้า บุหรี่ ฝิ่น การพนัน และผู้หญิง ล้วนไม่เคยข้องเกี่ยว ดังนั้นเมื่อกวงซุนหลี่ส่งแก้วเหล้าให้ มือหนาจึงยื่นไปรับด้วยท่าทางลังเล“อาหลี่ ฉัน... ไม่กินได้หรือไม่ นายก็รู้ว่าฉัน...”กู้เหยียนพูดยังไม่ทันจบประโยคแก้วเหล้าในมือก็ถูกกวงซุนหลี่จับจรดที่ริมฝีปากของเขา ตอนนี้แม

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทสุดท้าย(4)

    “นอกจากเธอฉันไม่เคยสัญญาจะแต่งงานกับใครทั้งนั้น”เฉินซิ่วลี่ขมวดคิ้วเรียวมองคนตรงหน้าด้วยสายตาสับสน กวงซุนหลี่จับมือซ้ายของเธอมากอบกุมแล้วกดจุมพิตที่หลังมือนุ่มก่อนจะสวมใส่แหวนลงไปที่นิ้วนางเธอเหมือนเดิม“คุณกวง คุณจะทำอะไร ฉันไม่ยินดีแต่งเป็นภรรยารองให้คุณหรอกนะ หรือต่อให้เป็นภรรยาเอก ฉันก็ไม่ยินดี”“เอาไว้ไปถึงบ้านฉันจะอธิบายเรื่องพวกนี้ให้เธอฟัง แต่นับจากนี้ห้ามเธอถอดแหวนวงนี้อีก และห้ามเธอทอดทิ้งฉันด้วย แค่คิดก็ไม่ได้เข้าใจไหม”น้ำเสียงกระซิบอ้อนวอนราวกับสาวน้อยถูกรังแก ทำให้ความกรุ่นโกรธในใจของเฉินซิ่วลี่จางหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น “ได้! ฉันจะรอฟังคำอธิบายของคุณ แต่ถ้าเหตุผลไม่เพียงพอเรื่องของเราก็ยังคงต้องยุติ”“ไม่ได้! ฉันไม่ยอม”กวงซุนหลี่เอ่ยบอกอย่างดื้อดึงพร้อมกับกระชับอ้อมแขนแน่น เฉินซิ่วลี่ถอนหายใจยาวไม่คิดทำเรื่องที่เสียแรงเปล่าอย่างการดิ้นรนขัดขืนเขา รั้งรอจนรถหยุดลงกวงซุนหลี่ก็อุ้มคนลงจากรถเดินเข้าบ้านในทันที“คุณกวงปล่อยฉันนะคะ ฉันเดินเองได้”“ไม่!”เสียงเข้มหนักแน่นตอบกลับพลางก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในห้องโถงแล้วนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวโดยยังคงกอดรัดเฉินซิ่วลี่ไว้บนตักไม่ยอมปล

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทสุดท้าย(3)

    นี่เขาคงไม่คิดจะประกาศแต่งงานกับเธอในเวลานี้หรอกนะดวงตาคมของคนบนเวทีมองตอบกลับสอดประสานดวงตาเรียว ก่อนที่เขาจะประกาศก้องอีกครั้ง“ลี่ลี่ แต่งงานกับฉันนะ”เมื่อได้ยินกวงซุนหลี่เอ่ยชื่อหญิงสาวที่เขาต้องการแต่งงาน บรรดาแขกในงานก็ส่งเสียงวิจารณ์อื้ออึงอีกครั้ง“ลี่ลี่เหรอ ใครกัน”“นั่นสิ! คุณกวงไม่ใช่ว่ากำลังคบหาดูใจกับคุณหนูกวงจือหลินอยู่หรือ ทำไมถึงประกาศแต่งกับคนอื่นได้”“แบบนี้คุณกวงจือเหลียงจะยอมหรือ”“กวงซุนหลี่ เขาไม่รักลมหายใจของตนเองแล้วหรือไง”คำพูดของผู้คนมากมายดังก้องไปทั่วงานจนกวงซุนหลี่ขบกรามแน่น หากแต่ใครจะพูดอย่างไรเขาล้วนไม่สนใจ ที่เขาสนใจมีเพียงเฉินซิ่วลี่ที่ยังนั่งนิ่งไม่ตอบรับคำขอของเขา“ลี่ลี่ ฉันสัญญาหากเธอตกลงแต่งงานกับฉัน ฉันจะมีแค่เธอ จะปกป้องดูแลเธอและครอบครัวของเราด้วยชีวิตของฉัน”หัวใจของเฉินซิ่วลี่พลันสั่นระรัว มองสบดวงตาคมด้วยแววตาสั่นไหว ดูแลด้วยชีวิต เมื่อได้ยินคำพูดนี้ความรู้สึกในวันที่เธอคิดว่าเขาตายจากไปแล้วก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสแบบเธอ ในเมื่อมีโอกาสแล้วยังต้องยึดติดกับทิฐิและข้อสงสัยมากมายทำไมกัน เมื่อคิดได้เช่นนี้เฉินซิ่วลี่ก็โยนท

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค 80   บทสุดท้าย(2)

    เมื่อใกล้ถึงเวลาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของกวงซุนหลี่ เฉินซิ่วลี่ก็เลือกสวมชุดสีฟ้าเข้ารูปคอสูงเพื่อปกปิดร่องรอยที่กวงซุนหลี่ทิ้งเอาไว้บนลำคอระหง แล้วออกเดินทางไปยังสถานที่จัดเลี้ยงกู้เหยียนใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็ขับรถมาถึงหน้าโรงแรมจัดเลี้ยง ชายในชุดสูทแบบตะวันตกก็เดินมาเปิดประตูรถทั้ง 4 ด้าน กู้เหยียนส่งกุญแจรถให้พนักงานตรงหน้านำรถไปจอดในสถานที่จอดรถ ส่วนตัวเขาเดินมารับเฉินซิ่วลี่ ขณะที่หลี่หมิงและหลี่ชุนเดินขนาบข้างซ้ายขวาหวังรั่วซีตามหลังคนเป็นแม่เข้างานอย่างสงบเสงี่ยมรู้ความและในทันทีที่เฉินซิ่วลี่ก้าวเท้าเข้ามาในงาน ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น จึงทำให้สายตาชายหนุ่มในงานจดจ้องมาที่เธออย่างมากมาย หากไม่เพราะข้างกายเธอมีกู้เหยียนเคียงข้างอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าคืนนี้เฉินซิ่วลี่คงไม่อาจนั่งอย่างสงบแน่นอน“คุณกวงจัดที่นั่งไว้ให้คุณเฉินและผู้ติดตามเป็นพิเศษ เชิญพวกคุณทางด้านนี้ครับ”เมื่อทุกคนในงานได้เห็นตำแหน่งที่นั่งของเฉินซิ่วลี่ผู้คนในงานต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานะความสำคัญของเธอและกู้เหยียน จวบจนกระทั่งกวงซุนหลี่ก้าวเท้าเข้ามาความสนใจของผู้คนจึงเปลี่ยนไปที่เขาแทน“สวัสดีค่ะคุณก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status