LOGIN“ทุกคนดูเอาแล้วกัน สหายจากในเมืองคนนี้ปากคอดูถูกเราถึงขนาดนี้ ยังจะซื้อของกันลงไหม”
สะใภ้จากบ้านอันเพียงแค่ยิ้มทำหน้าตาน่าสงสารเสมือนว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง มีคนไม่น้อยเช่นกันที่มองเฟยเฟิ่งแปลกๆ เพราะไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับทั้งสองบ้าน
“สหายทุกท่านฉันน่ะปากจัด เหมือนกับอาหารฉันนั่นแหละ รสชาติเต็มที่ ถึงเครื่องทุกอย่างไม่มีหวงไว้ ลองมาชิมก่อนได้เลยค่ะ”
ว่านเฟยเฟิ่งไม่สนใจที่สะใภ้ฝั่งนั้นจะหยิบยกข้อที่ว่าเธอเป็นคนนอกมาใช้โจมตีให้คนพื้นที่รู้สึกว่าคุณหนูว่านผู้นี้เป็นคนนอก แต่เธอเลือกเอาคำด่าของอีกฝ่ายมาเป็นจุดขาย และหยิบเอาโมจิที่ย่างพร้อมทาซอสหอมๆ แล้วมาตัดเป็นชิ้นเล็กใส่ชาม เสียบไม้จิ้มฟันให้ลูกค้าได้ลองชิมรสชาติก่อนตัดสินใจซื้อ
กลิ่นหอมของซอสที่อบอวลเมื่อถูกความร้อนบนตะแกรงย่างเรียกคนให้เข้ามามอง ชิ้นใหญ่สองชิ้นถูกนำขึ้นไปย่างบนตะแกรง และหลังช้อนกำลังทาซอสเค็มลงไปบางๆ ยางจนซอสแห้งลงแล้วทาซ้ำอยู่หลายรอบ รอจนแป้งกรอบนอกนุ่มในได้ที่ เฟยเฟิ่งก็ยกมาห่อกระดาษไข ยื่นให้เด็กน้อยทั้งสองถือกินยั่วลูกค้า ซึ่งก็ได้ผลเพราะเด็กสองคนนี้กินอะไรก็ดูน่าอร่อยไปหมด หน้าตาผิวพรรณก็ดีกว่าเด็กทั่วไปทำให้ดึงคนมาซื้อตามได้ไม่ยาก
“สหายฉันขอรสละชิ้น อันสีส้มนี่ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อย เป็นได้ทั้งของคาวของหวาน สหายผู้นี้เก่งกาจเกินไปหรือไม่” ลูกค้าที่สั่งทันทีหลังได้ชิมรสชาติจากแป้งชิ้นเล็กที่ทางร้านมีเตรียมไว้ ทั้งยังจองไว้อีกรสชาติละสามชิ้นเพื่อมารับไปให้คนที่บ้านหลังซื้อของเสร็จอีกด้วย
ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเอะอะจากฝั่งที่ร้านกับข้าวบ้านอันตั้งขาย ก็เห็นว่าเป็นเด็กตัวอ้วนกลมกำลังกินบะหมี่กระเทียมมะเขือเทศที่รู้ได้เลยว่ากำลังทำเลียนแบบเฟยเฟิ่ง แต่เพราะไม่รู้สูตรจึงออกมาแตกต่างกัน
“อร่อยจริงๆ รสชาติดั้งเดิมของบ้านเรา”
ท่าทางการกินดูไปแล้วก็ชวนให้น้ำลายสอ ทำให้เฟยเฟิ่งรู้สึกหมั่นไส้ ขายของตามไม่พอยังมาใช้เทคนิคกินโชว์ตามเธอเสียได้
“คนบ้านนี้ท่าทางจะนิสัยไม่ดีจริงๆ” จูเหมยว่าเมื่อเมียงมองเห็นว่าทางนั้นทำตามคนที่ตนปักใจเข้าข้างแล้ว
“เมื่อวานก็บุกมาทำร้ายย่า ทำร้ายน้าเฟิ่งถึงบ้านด้วย” ซีซูลี่ถือโอกาสฟ้องป้าจูเหมยผู้มีอิทธิพลในย่านนี้ไปด้วย
“ร้ายจริงๆ ป้าจะช่วยกำชับลูกค้าผักไม่ให้ไปซื้อร้านนั้นเด็ดขาด เกลียดจริงพวกไม่มีความคิดของตัวเอง” จูเหมยจงใจพูดท่อนสุดท้ายให้เสียงดังลั่นหวังจะว่ากระทบสะใภ้บ้านอันที่กำลังตักอาหารให้ลูกค้า
“เด็กบ้านอันมีอะไรที่กินแล้วไม่อร่อยบ้าง วันๆ มีแต่กิน รู้จักแต่จะกิน” จื่อซวานส่ายหน้านึกถึงครั้งที่พ่อซื้อขนมหนวดมังกรกลับมาให้ แต่เมื่อออกไปเล่นก็ถูกลูกพี่ลูกน้องต่างสกุลเห็นเข้าจนถูกแย่งไปกินจนหมด แล้วยังร้องไห้เมื่อเด็กคนอื่นไม่เรียกไปกินฟักเชื่อมและขนมอื่นๆ ที่มีคนเอามา
จากที่วันนั้นเด็กในหมู่บ้านจะเอาขนมที่ตนมีมาตั้งวงแลกกันกินก็กลายเป็นต้องหายไปหนึ่งอย่างเพราะจื่อซวานถูกขโมยขนม ทำให้กลุ่มเด็กในหมู่บ้านขับไล่ไม่ให้เขากินขนมด้วย
“น้าเฟิ่งครับ วันนี้ผมกับซูลี่ชวนเพื่อนในหมู่บ้านมากินขนมใหม่ที่บ้านได้ไหมครับ ค่าแรงเมื่อวานกับวันนี้พอซื้อสักสิบชิ้นไหมครับ” ซีจื่อซวานถามออกไป
“ทำไมอยากชวนเพื่อนมากินล่ะ วันนี้เป็นวันพิเศษเหรอ”
“แค่คิดว่าควรตอบแทนที่พวกเขาแบ่งของกินให้ ทั้งที่ผมไม่มีไปแบ่งเพราะเจ้านั่นเอาไปน่ะครับ”
“ได้สิกลับไปน้าจะทำให้ใหม่ ไม่ต้องจ่ายหรอก” ว่านเฟยเฟิ่งรับปากแล้วก็หันกลับไปขายของที่วันนี้แม้จะมีแค่สองอย่างก็ยังคงขายออกได้เรื่อยๆ ทั้งยังมีคนมาถามหาสิ่งที่เคยขายแต่วันนี้ไม่มีอีกด้วย
ตัดภาพไปที่อีกฝั่ง เมื่ออันจ้งหม่ากินหมดชามแล้วจึงไม่มีลูกเล่นใดมาล่อลวงลูกค้าอีก จะให้ซ่งปาเยว่เอามาจัดให้ชิมก็ทำไม่ได้ เพราะแม่สามีขี้งกและน้าสามีผู้นั้นตักคำนวณมาแล้วว่าบะหมี่กระเทียมนี้จะต้องตักขายให้ได้กี่จาน หากเงินได้ไปไม่ครบคงไม่พ้นปาเยว่ต้องถูกตบตีหรือสั่งให้อดข้าวอีกเป็นแน่ แต่หากว่าขายไม่หมดก็กลัวจะถูกต่อว่าเช่นกัน
“บะหมี่มะเขือเทศเปรี้ยวหวานอร่อยๆ อิ่มเต็มท้องให้เส้นเยอะมาก”
ซ่งปาเยว่เริ่มตะโกนเรียกลูกค้า ยิ่งเห็นว่าลูกค้าไปซื้อร้านเฟยเฟิ่งอย่างต่อเนื่องก็ยิ่งกังวลกลัวจะตกเป็นเป้าทำร้าย สุดท้ายก็ต้องยอมเสี่ยงจัดให้ชิมเหมือนที่สะใภ้บ้านคู่แข่งทำ
.
.
.
“ต๊าย ดูสินั่นทำตามเธออีกแล้ว”
“ยังไงกัน ฉันไม่ได้มาตลาดไม่นานมีร้านเพิ่มเยอะเชียว” ลูกค้าที่กำลังเลือกผักเงยหน้าขึ้นมาตอบป้าจูเหมย
“ตอนแรกก็มีแค่นังหนูนี่เพิ่มมา แต่พอมีคนเห็นเท่านั้นแหละ มาขายตามทันที หน้าบ้านก็เอาของไปตั้งขายตามด้วยเหมือนกัน” ป้าจูนินทากับลูกค้าอย่างสนุกปาก
“ตอนแรกก็ว่าหอมดี แต่มีแค่เส้นกับน้ำซอส ไม่มีอะไรพิเศษ แม่หนูคนนี้ขายอะไรล่ะ ฉันจะช่วยซื้อ”
“วันนี้มีเส้นราดซอสมะเขือเทศแบบตะวันตก ในซอสมีหมู ในเส้นมีไข่ ส่วนนี่แป้งย่างทาซอสมีให้เลือกเค็ม เผ็ด แล้วก็รสส้มค่ะ”
“ฉันเอาอย่างละหนึ่งก่อน”
ในที่สุดว่านเฟยเฟิ่งก็ขายของจนหมดเกลี้ยง ช้ากว่าทุกวันไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าดีกว่ามีของเหลือ แต่แม้จะขายหมดก็ไม่ได้ทำให้เฟยเฟิ่งสบายใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปแผนหาเงินคงจะสำเร็จได้ยากขึ้น เพราะราคาของอีกแผงถูกกว่าในแบบที่เฟยเฟิ่งไม่อาจจะสู้ราคาได้
“ฉันไปซื้อเนื้อก่อนนะป้า ฝากเด็กๆ ไว้ด้วยค่ะ”
แม้จะกังวลแต่ก็อย่างที่ตัวเธอบอกลูกเลี้ยงไว้ ว่าคงจะไปห้ามใครทำตามไม่ได้ แต่นึกไม่ถึงว่าแม้แต่บริการฝากซื้อเนื้อสัตว์ก็ยังถูกทำตามไปอีกอย่างด้วย ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ นี้ยังถูกพวกเขานำไปใช้ดึงลูกค้าได้ เฟยเฟิ่งหิ้วหมูและไก่ที่แขวนเชือกมาใส่ข้างใต้ตามด้วยผักที่เลือกแยกไว้ตั้งแต่เช้า แล้วก็ต้องแอบถอนหายใจ
มีเด็กอันจ้งหม่าเป็นคนถือเชือกหิ้วกลับไปส่งของที่หมู่บ้าน เพราะปาเยว่ยังกลับไปไม่ได้ต้องอยู่ขายของให้หมดเสียก่อน เฟยเฟิ่งจึงได้แต่ขมวดคิ้วสับสน เธอเคยเข้าใจว่ายุคนี้ผู้คนไม่ค่อยได้กินเนื้อเสียอีก หรือนั่นอาจเพราะหมู่บ้านไม่ได้ยากจนถึงขนาดนั้น ยังสามารถจับจ่ายกินเนื้อได้อยู่บ้าง แม้จะซื้อกันคนละนิดหน่อยก็ยังนับว่าซื้อ ได้แต่เดินคอตกที่เหมือนว่าร้านบ้านอันจะมีคนฝากซื้อมากกว่า
หรือเพราะซื้อไม่คิดเลยเป็นหมู่บ้านที่มีหนี้เยอะกันนะ
“โชคดีที่วันนี้ฉันทำมาน้อย ไม่อย่างนั้นป่านนี้ก็คงยังไม่หมด”
“เอาหน่าอย่างน้อยก็หมดนะ ตลาดทั่วไปคนไม่ได้เยอะมาก ไว้รอตลาดวันศูนย์กับวันห้า คนจะคึกคักเป็นพิเศษ” จูเหมยบอกออกไปอย่างไม่คิดมาก “แต่ฉันก็ไม่รู้จะขายได้อีกนานแค่ไหนดินเย็นขึ้นทุกวัน”
“น้าเฟิ่งกำลังทดลองปลูกแบบใหม่ คุณยายจะรับซื้อไหมครับถ้าสำเร็จ” จื่อซวานที่แอบฟังอยู่รีบเสนอตัวเจรจาการขายทันที
“ถ้าทำได้จริงจะไปรับถึงหน้าบ้านเลย” จูเหมยหัวเราะร่วนไม่อยากจะพึ่งพาเพียงแค่ผักดองไปสองเดือนจริงๆ
“ไว้สำเร็จแล้วจะแบ่งมาส่งป้านะคะ ฉันคงนั่งขายที่ตลาดทั้งวันไม่ได้ค่ะ” ว่านเฟยเฟิ่งรับปากแล้วก็ถามเด็กทั้งสองว่าต้องการซื้ออะไรไหม เมื่อไม่มีใครต้องการอะไรจึงถึงเวลาเดินกลับกันเสียที
อันจ้งหม่าที่ออกมาก่อนอยู่หน้าบ้านแล้ว ลูกค้าที่ฝากซื้อช่วงเช้าแล้วรับได้เลยในตอนกลางวันก็ดูจะพอใจมาก ไม่เพียงเท่านั้นค่าหิ้วก็ยังถูกกว่าเฟยเฟิ่งครึ่งต่อครึ่ง ถูกกว่าเร็วกว่ามีอะไรให้ไม่พอใจกัน คล้ายว่าสองสามีภรรยาต่างก็พบปัญหาเรื่องงานพร้อมๆ กัน โดยมิได้นัดหมายเสียแล้ว
“คนในเมืองขายอะไรก็แพง อย่าได้หลงไปซื้อเด็ดขาด” อันส่งจื่อตะโกนทันทีที่เห็นว่านเฟยเฟิ่ง “ของเราสิเหมือนกันทุกอย่างแต่ถูกกว่า”
ว่านเฟยเฟิ่งที่ตอนแรกจะเดินผ่านไปเฉยๆ เปลี่ยนใจต่อปากต่อคำ “กับข้าวถูกกว่าเพราะไม่ใส่หมู แต่กับข้าวฉันมีหมู ส่วนราคาค่าหิ้วถูกขนาดนั้น ระวังเนื้อจะหายต้องไม่ทันมอง”
“ว่านเฟยเฟิ่ง! แกไปเลยนะ อย่ามาใส่ร้ายบ้านเรา” อันผิงเจินลุกออกมาต่อกร
“ก็เห็นส่งจื่อบ้านป้าพูดไปมั่วๆ ฉันก็นึกว่าเราอยู่กันแบบใครนึกจะพูดอะไรก็พูด ไม่ต้องดูเงื่อนไข”
ตอบไปเท่านั้นก็ไม่สนใจอีกว่าคนบ้านนั้นจะว่าอะไรไล่หลังมา เฟยเฟิ่งต้องหาวิธีให้ผักโตเร็ว และต้องรีบเร่งช่างหูให้เอาพลาสติกมาติดเสียที เจอคนแบบนี้มีแต่จะต้องแก้เกมให้บ้านอันจับทางไม่ถูกเท่านั้น
และดูเหมือนคำขอจะเป็นจริง เพราะในที่สุดก็เห็นผู้ชายสามคนที่คุ้นๆ ว่าจะเป็นช่างหูและพวกยืนอยู่หน้าบ้านตนเองแล้ว
บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน
บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน
บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs
บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ
บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ