“ฉันมีเรื่องหนึ่งที่จะขอร้องค่ะ” เว่ยเถียนเถียนพูดขึ้น
“เรื่องอะไรก็ว่ามาเถอะ ถ้าถูกต้องตามหลักฏหมายย่อมได้อย่างแน่นอน” หัวหน้าหมู่บ้านตอบ
“ฉันอยากให้ลูกชายไปกับฉันด้วยค่ะ” เว่ยเถียนตอบเสียงดังเพื่อประกาศให้ชาวบ้านที่อยู่ที่นั่นรู้ตัว “เพราะว่าบ้านจางตอนนี้ไม่มีเงินเลย ช่วงที่ผ่านก็ใช้เงินมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ฉันเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านมาตลอด จางกวนหย่งเองก็ไม่มีงานการให้ทำเป็นหลักแหล่ง แม้กระทั่งงานที่คอมมูนเขาก็ไปไม่ทำเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นฉันคิดว่าเขาและแม่ของเขาไมสามารถเลี้ยงดูอบรมให้ลูกชายของฉันเป็นคนดีได้ ดังนั้นการให้เขาไปอยู่กับฉันจะเป็นการดีที่สุด” เว่ยเถียนเถียนอธิบาย
“ได้ยังไงกัน เด็กแซ่จางก็ต้องเป็นลูกหลานบ้านจาง ยังไงเขาก็ต้องอยู่ที่นี่” นางหยางเจี่ยรีบคัดค้านขึ้นมาทันที
“แต่ว่าฉันมีเงินมากพอที่จะเลี้ยงลูกได้” เว่ยเถียนเถียนยืนยัน “และฉันก็มั่นใจว่าจะสอนลูกให้เป็นคนดีได้ ไม่ใช่ครอบครัวที่พ่อติดการพนัน ย่าและอาสาวที่เอาแต่ใช้เงินไปวัน ๆ
“แล้วออกจากบ้านไปเธอจะไปทำมาหากินอะไรกันล่ะ เงินมรดกของเธอเยอะก็จริง แต่มันก็มีวันหมดได้เหมือนกัน” จางกวนหย่งพยายามคัดค้าน
เว่ยเถียนเถียนถอนหายใจอย่างรำคานให้กับคนบ้านจางครั้งหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ฉันมีเงินมากพอที่จะเปิดร้านสักร้าน เท่านี้ก็สามารถทำมาหากินไปได้ตลอดชีวิตแล้ว อย่าพยายามพูดให้มากความเลยยังไงเสียบ้านจางก็ไม่เงินพอที่จะเลี้ยงเสวียอี้อยู่แล้ว หัวหน้าหมู่บ้านคิดว่ายังไงคะ”
หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนฟังอยู่พูดขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึม "ถ้าจางกวนหย่งและแม่ของเขาไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ พวกเขาต้องยกจางเสวียอี้ให้เว่ยเถียนเถียนไป เพราะพิจารณาดูแล้วยังไงเว่ยเถียนเถียนก็เหมาะสมที่จะเลี้ยงลูกมากกว่า"
"ใช่ ๆ พวกเราเห็นด้วย คนดีอย่างเว่ยเถียนเถียนต้องเลี้ยงลูกได้ดีแน่" หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งในกลุ่มชาวบ้านพูดขึ้น
"แต่เสวียอี้เป็นลูกชายของผม เป็นคนสกุลจาง ผมจะไม่ยอมให้เถียนเถียนพาเขาไปแน่" จางกวนหย่งพยายามจะค้าน
เว่ยเถียนเถียนหันไปมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน "เสวียอี้ ลูกอยากอยู่กับแม่ไหม"
จางเสวียอี้พยักหน้าแน่น "ครับแม่ ผมอยากไปอยู่กับแม่ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว"
คำพูดของจางเสวียอี้ทำให้ชาวบ้านรอบข้างเริ่มกระซิบกระซาบกัน บางคนมองดูด้วยความเห็นใจ บางคนก็ไม่พอใจกับการกระทำของจางกวนหย่งและแม่สามี
"ถ้าอย่างนั้นการตัดสินใจก็ชัดเจนแล้ว จางกวนหย่งและแม่ของเขาต้องยอมรับการตัดสินใจนี้" หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวพลางหยิบกระดาษปากกาขึ้นมาเพื่อจะเขียนรายละเอียด
นางหยางเจี่ยที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ พยายามจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ "เอาเถอะ ถ้าเสวียอี้อยากไปอยู่กับแม่ของเขาก็ให้เขาไป"
"ขอบคุณค่ะ ฉันหวังว่าแม่อดีตสามีจะเข้าใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้ก็เพื่ออนาคตของเสวียอี้" เว่ยเถียนเถียนหันไปมองนางหยางเจี่ย เธอตั้งใจเน้นคำว่าอดีตเพื่อเป็นการย้ำว่าได้ตัดขาดจาดบ้านจางแล้ว
จางกวนหย่งยังคงทำหน้าไม่พอใจ แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาหันไปมองลูกชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ "เสวียอี้…ถ้าแกไปกับแม่ แกจะไม่มีวันได้กลับมาที่บ้านนี้อีก เข้าใจไหม"
"เข้าใจครับพ่อ ผมจะไปกับแม่และผมจะไม่กลับมาที่นี่อีก" จางเสวียอี้หันไปมองพ่อด้วยสายตาแน่วแน่
เว่ยเถียนเถียนจับมือลูกชายแน่นและหันไปขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านที่มาช่วยเหลือ "ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนฉันในวันนี้ ขอบคุณมากเลยค่ะ"
"ขอให้เธอโชคดีนะเถียนเถียน เธอทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็มาหาพวกเราได้" ชาวบ้านพากันพูดให้กำลังใจ
เว่ยเถียนเถียนและจางเสวียอี้เดินออกจากบ้านจางพร้อมกับความหวังในใจ ถึงแม้เส้นทางข้างหน้าจะยากลำบากแต่เธอเชื่อว่าชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นรอคอยพวกเขาอยู่
เมื่อเธอและลูกชายเดินห่างจากหมู่บ้านไปเรื่อย ๆ เว่ยเถียนเถียนรู้สึกถึงความโล่งอกและอิสระที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นี่อาจจะเป็นความต้องการที่อยู่เบื้องลึกในหัวใจของเจ้าของร่างเดิม พอทำมันสำเร็จก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย
"ฉันคืนชีวิตอิสระให้เธอแล้วนะเว่ยเถียนเถียน" เว่นเถียนเถียนกล่าวกับเจ้าของร่างเดิมในใจ
สองแม่ลูกนั่งเกวียนเข้ามาในเมือง แสงแดดอ่อนๆ ในตอนเย็นทำให้เมืองดูสดใสและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้คนต่างก็เดินกันขวักไขว่ มองไปทางไหนก็ดูครึกครื้นไปหมด เว่ยเถียนเถียนรู้สึกสนใจเมืองนี้เป็นอย่างมาก
เธอมีเงินมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้เหลืออยู่ ถึงแม้ว่ามันจะร่อยหรอไปมากตอนอยู่บ้านจางแต่ก็เหลืออยู่จำนวนหนึ่งน่าจะพอเช่าห้องเล็ก ๆ แล้วเปิดกิจการค้าขายง่าย ๆ ได้ ทั้งสองเดินหาห้องเช่าอยู่พักใหญ่ก็เจอตึกแถวชั้นเดียวหลังหนึ่งใกล้กับตลาด ห้องเช่านี้มีขนาดพอเหมาะสำหรับการเริ่มต้นกิจการใหม่ และที่สำคัญคือค่าเช่าไม่แพงเกินไป
ตึกแถวนี้เป็นของป้าคนหนึ่งชื่อว่าป้าเหลียน เมื่อเว่ยเถียนเถียนและจางเสวียอี้พบป้าเหลียนครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจ ป้าเหลียนยิ้มแย้มและต้อนรับพวกเขาด้วยความอบอุ่น เธอเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีท่าทางใจดีและมีน้ำใจ รับฟังเรื่องราวของเว่ยเถียนเถียนและจางเสวียอี้ด้วยความเห็นใจ
จางเสวียอี้เป็นคนเล่าให้ป้าเหลียนฟังว่าแม่ของเขาถูกพ่อทำร้าย เรื่องราวของพวกเขาทำให้ป้าเหลียนอดที่จะสงสารไม่ได้ จึงตัดสินใจลดค่าเช่าให้กับเว่ยเถียนเถียนและยังไปหาอุปกรณ์ทำแผลมาให้เธอด้วย
"ป้าเข้าใจว่าชีวิตของเธอคงไม่ง่ายดายเลย แต่ป้าเชื่อว่าเธอมีความแข็งแกร่งที่มีจะผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ อย่างน้อยก็มีลูกชายที่น่ารักอยู่ทั้งคน คิดเสียว่าทำเพื่อเขานะ" ป้าเหลียนพูดขณะที่กำลังทำแผลให้เว่ยเถียนเถียน
เว่ยเถียนเถียนรู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณจากใจ "ขอบคุณค่ะป้าเหลียน ฉันไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำว่าขอบคุณ ฉันเองก็ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตต่อไปให้ดี ขอให้เด็กน้อยคนนี้เติบโตอย่างเข้มแข็งก็เพียงพอแล้ว"
"แล้วคิดว่าจะทำอะไรต่อไปล่ะ ที่ใกล้ตลาด ขายของก็ได้นะ" ป้าเหลียนถาม
"สิ่งที่คิดออกเป็นอย่างแรกก็คือขายของนี่แหละค่ะ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะขายอะไรดี เดินผ่านตลาดมาก็เห็นว่ามีของขายอยู่มากมายกลัวจะไปซ้ำกับคนอื่นเขา อีกอย่างถ้าจะเปิดร้านก็คงต้องยื่นเรื่องขอแล้วต้องรอใบอนุญาตอีกนานเลยค่ะกว่าจะขายได้" เว่ยเถียนเถียนตอบ
ป้าเหลียนจับมือเว่ยเถียนเถียนอย่างอ่อนโยน "เอาอย่างนนี้ ตอนนี้อย่างเพิ่งคิดมากเลย พักผ่อนให้หายดีก่อน พอคิดออกแล้วก็มาบอกป้า เรื่องใบอนุญาตน่ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเดี๋ยวป้าให้ลูกชายของป้าช่วยจัดการให้ เขาเป็นสารวัตรทหารอยู่ประจำการที่เมืองนี้แหละ"
"ขอบคุณค่ะป้า" เว่ยเถียนพยักหน้ารับ
หลังจากที่ได้ห้องเช่าแล้ว สองแม่ลูกพักผ่อน วันนี้เจอเรื่องหนัก ๆ และเหนื่อยมาทั้งวันแล้วจึงคิดว่าพักเอาแรงกันก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้พร้อมแล้วค่อยคิดหาวิธีทำมาหากินกัน สองแม่ลูกนอนหลับไปบนเตียงที่ไม่มีแม้แต่ที่นอน แต่เป็นเพราะความเหนื่อยล้าจึงทำให้หลับได้โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าเตียงจะแข็งขนาดไหน
ตอนพิเศษ 6ครอบครัวสุขสันต์ สิบปีผ่านไปกิจการของเว่ยเถียนเถียนเติบโตจนกลายเป็นน้ำเต้าหู้ยี่ห้อดังที่ขายในร้านค้าทั่วประเทศจีน สินค้าอย่างอื่นก็เช่นกันตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักผลิตภัณฑ์เต้าหู้ของหยางเว่ยคอมปานีแล้ว หากจะซื้อเต้าหู้มาทำอาหารผู้คนจะนึกถึงเต้าหู้ยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อแรก “แม่ค่ะ วันนี้พวกเราทำหม้อไฟซุปเต้าหู้ยี้กินกันดีไหมคะ อากาศหนาวแล้วหนูอยากกินอะไรอุ่น ๆ ค่ะ” เด็กหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น เธอเดินเคียงข้างกับแม่ของเธอเพื่อเลือกซื้อของในร้านสะดวกซื้อเอาไปทำอาหารเย็นกินกันในวันที่อากาศหนาว “ก็ดีเหมือนกัน กินอะไรร้อน ๆ จะได้โล่งคอหน่อย ยิ่งช่วยนี้พ่อทำงานหนักด้วยได้กินหม้อไฟซุปเต้าหู้ยี้คงจะดี” คนเป็นแม่เห็นด้วยเช่นกัน ท
ตอนพิเศษ 5เจ้าตัวเล็ก เวลาผ่านไปอย่างรวเร็วจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปเจ็ดเดือนแล้ว เว่ยเถียนเถียนท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที ทั้งพ่อและแม่สามีต่างก็เตือนเธอว่าช่วงนี้ให้เลิกโหมงานหนักได้แล้วเพราะใกล้คลอดจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี ไม่งั้นเดี๋ยวจะคลอดยาก แต่ว่าเว่ยเถียนเถียนเป็นหญิงสาวที่มาจากยุคสมัยใหม่ คนในยุคสมัยของเธอต่อให้ท้องแก่ใกล้คลอดก็ยังคงทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง เธอจึงไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่ว่าจะคลอดยากแต่อย่างใด อีกอย่างตอนนี้โรงพยาบาลก็เริ่มมีความก้าวหน้าขึ้นมากแล้ว การผ่าคลอดก็เริ่มมีบ้างแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วงสักเท่าไร “เถียนเถียนหยุดทำงานได้แล้วลูก พักผ่อนซะบ้าง อีกไม่กี่วันก็จะคลอดแล้วนะ” แม่หยางกล่าวกับเว่ยเถียนเถียนด้วยความเป็นห่วง&
ตอนพิเศษ 4สมาชิกใหม่ เป็นเพราะว่ากิจการของเว่ยเถียนเถียนเติบโตขึ้นมาก ที่โรงงานผลิตสินค้าออกมามากมายทั้งส่งออกไปให้กับลูกค้าเจ้าใหญ่ที่สั่งประจำ ทั้งลูกค้าร้านเล็ก ๆ ที่มาสั่งบ้างประปรายแค่นี้ก็มากมายจนล้นมือแล้ว แต่สำหรับเว่ยเถียนเถียนนั้นเธอยังคิดว่าเพียงแค่นี้ยังไม่พอ เพราะในอนาคตเมื่อประเทศจีนเปิดประเทศเธอก็จะได้ส่งสินค้าไปขายที่ต่างประเทศ ดังนั้นการเตรียมการไว้ตั้งแต่ตอนนี้ย่อมดีกว่า เว่ยเถียนเถียนสั่งขยายโรงงานเพิ่มอีก เธอตั้งใจจะเปลี่ยนตึกแถวที่เธออยู่ตอนนี้ซึ่งเลิกเปิดเป็นร้านขายน้ำเต้าหู้นานแล้วให้เป็นหน้าร้านใหญ่เพื่อขายสินค้า เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นย่านการค้าและใกล้กับย่านอาหารจึงคิดว่าน่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะอย่างน้อยหากของที่ร้านอาหารที่เป็นลูกค้าของเธอหมดกะทันหันก็จะได้วิ่งมาเอาที่นี่ได้ อีกอย่างยังง่ายต่อลูกค้ารายย่อยที่มาซื้อวัตถุดิบไปทำอา
ตอนพิเศษ 3พ่อมารับ บรรยากาศช่วงเลิกเรียนที่โรงเรียนประถมเต็มไปด้วยความครึกครื้น เด็ก ๆ ที่เรียนหนักมาทั้งวันต่างก็อยากลับไปพักผ่อนที่บ้านเต็มที บางคนที่ผู้ปกครองมารับก็เดินไปพบกับผู้ปกครองที่รออยู่แล้ว ส่วนเด็กที่โตหน่อยจะกลับบ้านเองก็พากันทยอยเดินออกจากประตูโรงเรียน
ตอนพิเศษ 2เด็กน้อยไปโรงเรียนจางเสวียอี้ตอนนี้อายุจะแปดขวบแล้วถึงเวลาต้องไปโรงเรียนเสียที สมัยนี้การศึกษาค่อนข้างสำคัญเพราะถ้าใครได้รับการศึกษาที่ดีกว่าก็ย่อมจะได้เปรียบกว่าคนอื่น ยิ่งมหาวิทยาลัยเปิดแล้ว คิดว่าต่อไปบ้านเมืองคงเป็นไปในทางที่ดีขึ้นและจางเสวียอี้ก็อาจจะมีอนาคตที่ดีเว่ยเถียนเถียนพาจางเสวียอี้ไปสมัครเรียนที่โรงเรียนประถมของเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเขามากนัก ที่โรงเรียมานักเรียนมากมาย เด็กชายเองก็ตื่นเต้นมากที่จะได้เรียนหนังสือจะได้มีเพื่อน“นี่เป็นหนังสือแล้วก็แบบเรียนทั้งหมดนะคะ คุณแม่ไปชำระค่าธรรมเนียมการศึกษากับค่าหนังสือได้ที่ห้องการเงินเลย เดี๋ยวฉันจัดการเตรียมของไว้ให้” ครูผู้ที่จะเป็นครูประจำชั้นของจางเสวียอี้บอก เธอเตรียมการไว้ให้เสร็จสรรพ เว่ยเถียนเถียนมีหน้าที่เพียงแค่จ่ายเงินเท่านั้น“ขอบคุณมากค่ะครูฟาง ฝากเสวียอี้สักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันไปจ่ายเงินก่อน” เว่ยเถียนเถียนพูดจบก็เดินไปที่ห้
ตอนพิเศษ 1คืนเข้าหอดั่งทองพันชั่ง ในห้องหอที่ตกแต่งอย่างสวยงามในวันแต่งงาน แสงจากโคมไฟหรูหราส่องสว่างทั่วทั้งห้องสะท้อนกับผนังสีครีมที่ประดับด้วยดอกไม้และผ้าซาตินสีขาวดูอ่อนหวาน สร้างบรรยากาศแห่งความรักที่อบอวลอยู่ในอากาศหยางป๋อนั่งอยู่บนเตียงที่เรียงรายด้วยหมอนและผ้าห่มนุ่ม เขายังรู้สึกได้ถึงอาการมึนเมาจากการดื่มเหล้าตลอดงาน เขาหันไปมองเว่ยเถียนเถียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอสวมชุดเจ้าสาวที่สวยงามพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขทำให้ใจของเขาพองโต สายตาที่ทั้งสองมองกันนั้นเต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ“วันนี้เป็นวันพิเศษจริง ๆ เลยนะ” เว่ยเถียนเถียนกล่าวเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก“ใช่แล้ว” หยางป๋อยิ้มตอบ เขายื่นมือไปจับมือเธอไว้แนบชิดกันและรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของมือเธอ “ผมยังไม่อยากให้คืนนี้จบลงเลย”เว่ยเถียนเถียนมองเขาด้วยความรักก่อนที่จะโ