เว่ยเถียนเถียนตื่นขึ้นมาในตอนบ่าย ทว่าเธอก็ยังรู้สึกปวดหัวอยู่ไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะความตึงเครียดที่เจอมาตลอดทั้งวันก็เลยทำให้ไม่สบายเนื้อสบายตัวสักเท่าไร ส่วนลูกชายวัยห้าขวบของเธอนั้นกำลังเดินไปเดินมาเพื่อสำรวจห้องเช่าที่ซึ่งเป็นบ้านใหม่ของพวกเขาอยู่
เธอหันไปพูดกับจางเสวียอี้ลูกชายอันเป็นแสงสว่างในชีวิตของเธอ "แม่ขอพักผ่อนต่อสักหน่อยนะเสวียอี้ ส่วนลูกอยากไปสำรวจรอบ ๆ บ้านใหม่หรือเปล่า"
จางเสวียอี้ยิ้มอย่างกระตือรือร้น "ครับแม่ ผมอยากไปสำรวจดูรอบ ๆ นิดหน่อย จะได้รู้ว่าแถวบ้านใหม่นี้มีอะไรบ้าง”
"งั้นก็ไปเถอะ แต่อย่าไปไกลเกินไปนะและกลับบ้านก่อนค่ำด้วย" เว่ยเถียนเถียนยิ้มให้ลูกชาย
จางเสวียอี้พยักหน้าและออกจากบ้านเช่าด้วยความตื่นเต้น เขามองดูรอบ ๆ บริเวณที่พักใหม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทุกอย่างดูแปลกตาและน่าสนใจสำหรับเด็กน้อยอย่างเขา บ้านเช่าของพวกเขาอยู่ใกล้กับตลาด ทำให้ได้เห็นผู้คนมากมายที่มาเดินซื้อของ จางเสวียอี้เดินผ่านร้านค้าต่าง ๆ ที่มีสินค้ามากมายทั้งของกิน ของใช้ และของตกแต่ง
ในขณะที่จางเสวียอี้สำรวจตลาดก็ได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินไปมา มีร้านขายผลไม้สดใหม่ ร้านขายขนมหวานที่มีกลิ่นหอมอร่อยและร้านขายเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส เขามองเห็นเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานและมีพ่อค้าแม่ค้าที่พูดคุยกับลูกค้าด้วยรอยยิ้ม
เว่ยเถียนเถียนเอนกายลงบนที่นอนเพื่อพักผ่อนในช่วงบ่าย ร่างกายของเธอรู้สึกเหนื่อยล้าจากเรื่องกังวลใจต่าง ๆ ในวันนี้ เมื่อตาหลับเธอก็เข้าสู่ภวังค์แห่งการหลับลึกทันที
ในฝันเว่ยเถียนเถียนพบว่าตนเองมายืนอยู่ในสถานที่แปลกประหลาด มันเป็นโกดังสินค้าขนาดใหญ่ที่มีแสงสว่างมากกว่าปกติ ผนังของโกดังทำจากอิฐแน่นหนา ภายในโกดังมีชั้นวางของสูงเรียงรายอยู่หลายแถว แต่ละแถวเต็มไปด้วยวัตถุดิบหลากหลายชนิด
เว่ยเถียนเถียนรู้สึกหิวมาก เธอเดินเข้าไปใกล้ชั้นวางที่มีผลไม้หลากสีสันและหยิบแอปเปิ้ลสีแดงสดลูกหนึ่งขึ้นมาดู มันดูน่ากินมากจนเธอไม่สามารถห้ามใจได้จึงกัดแอปเปิ้ลลูกนั้นอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติหวานกรอบของแอปเปิ้ลทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
ในขณะที่กำลังเคี้ยวแอปเปิ้ลอย่างเพลิดเพลินเว่ยเถียนเถียนสังเกตเห็นว่าที่ชั้นวางซึ่งเธอหยิบแอปเปิ้ลออกมานั้นมีแอปเปิ้ลลูกใหม่มาแทนที่ทันที มันดูเหมือนว่าแอปเปิ้ลในโกดังนี้จะไม่มีวันหมด เธอรู้สึกประหลาดใจมากแต่ก็รู้สึกดีใจที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ให้ได้เลือกกิน
เธอลองเดินไปดูชั้นวางอื่น ๆ ในโกดัง พบว่ามีผักสดหลากชนิดวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ทั้งผักกาด แครอท หัวไชเท้า และผักชี นอกจากนี้ยังมีธัญพืชต่าง ๆ เช่น ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวโอ๊ต และเมล็ดถั่วหลายชนิด ทุกอย่างดูสดใหม่และมีคุณภาพดีมาก
เว่ยเถียนเถียนเดินไปยังชั้นวางที่มีเครื่องปรุงและเครื่องเทศต่าง ๆ มีทั้งน้ำมันมะกอก น้ำปลา ซอสถั่วเหลือง และเครื่องปรุงอื่น ๆ ที่เธอเคยใช้ทำอาหารในชีวิตประจำวัน ทุกสิ่งทุกอย่างในโกดังนี้มีอยู่ครบครันและไม่มีขาดแคลน
เธอรู้สึกเหมือนว่าที่นี่เป็นสวรรค์ของนักทำอาหาร ทั้งวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์และเครื่องปรุงที่มีหลากหลายชนิด ทำให้เธอสามารถสร้างสรรค์เมนูอร่อย ๆ ได้มากมาย ในขณะที่กำลังตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ต่าง ๆ ที่จะทำอาหารในโกดังนี้เธอก็ได้ยินเสียงลูกชายเรียกชื่อจากที่ไกล ๆ
"แม่! แม่!" จางเสวียอี้ร้องเรียก
เสียงเรียกของลูกชายทำให้เว่ยเถียนเถียนสะดุ้งตื่นและพบว่าตนเองนอนอยู่บนที่นอนในห้องเช่าของตนเอง ภายในมือยังคงถือแอปเปิ้ลที่กัดแล้วอยู่ เธอมองดูแอปเปิ้ลในมือด้วยความประหลาดใจ และเมื่อสติสัมปชัญญะกลับมาเต็มที่ก็เริ่มเข้าใจว่าที่ได้เห็นและสัมผัสในโกดังสินค้านั้นไม่ใช่ความฝันธรรมดา มันอาจจะเป็นมิติส่วนตัวที่เชื่อมโยงกับเธอ
เว่ยเถียนเถียนมองดูแอปเปิ้ลในมือและพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอรู้สึกตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน ที่ผ่านมาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมิติลี้ลับและความสามารถพิเศษ แต่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะมีประสบการณ์เช่นนี้
เธอเริ่มคิดถึงสิ่งที่เธอสามารถทำได้กับมิติส่วนตัวนี้ หากมันเป็นความจริงที่เธอสามารถเข้าถึงโกดังสินค้าที่ไม่มีวันหมดได้ ชีวิตของเธอและลูกชายก็จะมีความมั่นคงและสะดวกสบายมากขึ้นหากสามารถนำวัตถุดิบจากโกดังมาขายหรือใช้ทำอาหารขายได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เครื่องปรุงและวัตถุดิบเหล่านั้นเพื่อสร้างสรรค์เมนูอร่อย ๆ ที่จะดึงดูดลูกค้าให้มาที่ร้านของเธอ
จางเสวียอี้เดินเข้ามาในห้อง เห็นแม่ที่เพิ่งตื่นจากการงีบหลับก็นั่งอยู่บนเตียงสีหน้าก็เต็มไปด้วยความกังวล
"แม่เป็นยังไงบ้างครับ แม่คงเหนื่อยมากใช่ไหม" จางเสวียอี้ถามด้วยความห่วงใย
"แม่ไม่เป็นไรหรอก แค่ได้พักสักครู่ก็หายเหนื่อยแล้ว" เว่ยเถียนเถียนตอบกลับลูกชาย
จางเสวียอี้มองเห็นแอปเปิ้ลในมือของแม่ก็รู้สึกประหลาดใจ "แม่ครับ แอปเปิ้ลนั่นแม่ไปเอามาจากไหนเหรอ"
เว่ยเถียนเถียนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ถามกลับไป "ลูกไปสำรวจข้างนอกเจออะไรบ้างเล่าให้แม่ฟังสิ"
"ผมไปเดินรอบ ๆ หมู่บ้านเจอร้านขายของเยอะแยะเลยครับ มีร้านขายขนม ร้านขายของใช้ และมีตลาดสดด้วย น่าสนใจมากเลย ผมเห็นว่ามีหลายอย่างที่เราสามารถซื้อมาใช้ได้" จางเสวียอี้รีบเล่า
"มีความคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาบ้างไหม" เว่ยเถียนเถียนถามด้วยความสนใจ
จางเสวียอี้พยักหน้า "มีสิครับ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกหิวแล้วแม่เรามีอะไรกินบ้างหรือเปล่า"
"แม่ก็หิวเหมือนกัน เอาอย่างนี้ ลูกไปล้างไม้ล้างมือก่อนแล้วเดี๋ยวเรามาทำอาหารกันนะ" เว่ยเถียนเถียนบอก
จางเสวียอี้ทำตามที่แม่บอกรีบไปล้างมือในห้องน้ำ ส่วนเว่ยเถียนเถียนก็รีบเข้ามิติลับของเธอเพื่อเอาวัตถุดิบออกมาเตรียมทำอาหาร
เมื่อเข้ามาในมิติเธอก็เลือกหยิบผักสด ผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่ดูสดใหม่ เธอยังหยิบแอปเปิ้ลออกมาอีกลูกหนึ่งเพื่อให้ลูกชายของเธอด้วย
เว่ยเถียนเถียนออกมาแล้วยื่นแอปเปิ้ลให้ลูกชาย "นี่...กินแอปเปิ้ลรองท้องก่อนนะ แม่จะเตรียมอาหารให้"
จางเสวียอี้รีบกัดแอปเปิ้ลและยิ้มด้วยความพอใจ "หวานกรอบมากเลยครับแม่"
"วันนี้เราจะทำผัดผักกับเนื้อหมู และซุปผักสด ๆ ลูกชอบไหม" เว่ยเถียนเถียนหันไปถามลูกชายด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม
"ชอบครับแม่ ผมชอบทุกอย่างที่แม่ทำ" จางเสวียอี้พยักหน้า
สองแม่ลูกนั่งกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย อาหารบนโต๊ะมากมายและมีแต่ของดีทั้งนั้น จางเสวียอี้ตักเนื้อหมูชิ้นใหญ่เข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างมีความสุข ความหอมของเนื้อที่ผสมกับซอสที่เว่ยเถียนเถียนปรุงทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กินอาหารที่ดีที่สุดในชีวิต
"แม่ครับ ผม...ผมรู้สึกว่าผมโชคดีมากที่มีแม่อยู่ด้วย ตอนที่เราอยู่บ้านจางพวกเราไม่เคยได้กินอาหารดี ๆ อย่างนี้เลย ย่ามักจะเก็บเนื้อเอาไว้ให้พ่อกับอาส่วนผมกับแม่ก็ได้แต่กินผัก" จางเสวีอี้พูด
เว่ยเถียนเถียนยิ้มและกอดลูกชายเอาไว้ "แม่เข้าใจ แต่ต่อไปนี้พวกเราจะไม่ต้องทนอดอีกแล้วนะ แม่สัญญาว่าลูกจะได้กินอาหารดี ๆ ทุกวัน"
"แม่ครับ วันนี้ผมมีความสุขที่สุดเลย" จางเสวียอี้ตื้นตันใจจนร้องไห้ออกมา
เว่ยเถียนเถียนลูบศรีษะลูกชายอย่างอ่อนโยน เมื่อนึกถึงควาทรงจำของเจ้าของร่างเดิมแล้วที่ผ่านมาสองแม่ลูกช่างน่าสงสารจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เงินซื้อกับข้าวเข้าบ้านเป็นเงินของเว่ยเถียนเถียน แต่เธอกับลูกชายกลับไม่เคยได้กินอาหารดี ๆ เลย เว่ยเถียนเถียนจึงสัญญากับเจ้าของร่างเดิมว่านับจากนี้ต่อไปเธอจะดูแลลูกชายคนนี้ให้ดีที่สุด
แม่ลูกกินข้าวกันเสร็จก็เริ่มทำความสะอาดบ้าน เว่ยเถียนเถียนสำรวจดูข้าวของในบ้านว่ามีอะไรพอใช้ได้บ้าง เธอเดินไปที่ห้องครัวแล้วเปิดดูภายในตู้พบว่ามีหม้อใบใหญ่สภาพดีวางอยู่บนชั้นล่างสุด ข้าง ๆ กันมีถังและกะละมังสองสามใบ เธอยังเห็นกระทะและอุปกรณ์ครัวอื่น ๆ อีกเล็กน้อยที่สามารถใช้ในการทำอาหารได้ เธอคิดกับตัวเองว่า “เราควรจะใช้ของเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ เริ่มจากทำอะไรที่ง่าย ๆ และราคาไม่แพงขายก่อน”เมื่อหันไปมองลูกชายที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่ ความทรงจำของเจ้าของร่างก็ผุดขึ้นมาในหัวใจ เธอนึกถึงตอนที่จางเสวียอี้ยังเด็กเขาชอบกินน้ำเต้าหู้มาก เว่ยเถียนเถียนมักจะต้มน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ ให้เขากินทุกเช้าก่อนที่เธอจะออกไปทำงานที่คอมมูน ความสุขของลูกชายในตอนนั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยลืมเลือนเมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงตัดสินใจที่จะทำน้ำเต้าหู้ขาย เธอเดินเข้าไปใกล้ลูกชายที่กำลังเช็ดโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง"เสวียอี้" เธอเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงอบอุ่นจางเสวียอี้เงยหน้าขึ้นมองแม่ "ครับแม่ มีอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับ""แม่ว่าพวกเราทำน้ำเต้าหู้ขายกันดีไหม น่าจะเป็นอะไรที่ทำง่ายแ
หลังจากที่เห็นผลตอบรับจากการขายน้ำเต้าหู้ในวันแรกดีเกินคาดเว่ยเถียนเถียนก็เริ่มคิดแผนการสำหรับวันถัดไป เธอตัดสินใจว่าจะเพิ่มปริมาณน้ำเต้าหู้ให้มากขึ้นและยังมีความคิดที่จะเพิ่มเมนูใหม่คือปาท่องโก๋เข้ามาขายควบคู่กันด้วย เนื่องจากน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เป็นของคู่กันที่หลายคนชื่นชอบเช้าวันรุ่งขึ้นเว่ยเถียนเถียนปลุกจางเสวียอี้แต่เช้าเพื่อมาขายย้ำเต้าหู้ช่วย หลังจากปิดร้านก็ชวนกันไปตลาดเพื่อหาซื้อของที่จำเป็นสำหรับการขยายกิจการเล็ก ๆ ของพวกเขา"เสวียอี้...วันนี้เราจะไปซื้อหม้อใบใหญ่กว่าเดิมนะ จะได้ทำทีเดียวได้เยอะ ๆ หน่อย" เว่ยเถียนเถียนบอกลูกชายจางเสวียอี้พยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น การได้ไปเดินตลาดและช่วยแม่เลือกของเป็นสิ่งที่เขาอยากทำเป็นอย่างยิ่งทั้งสองเดินทางมาถึงตลาด เว่ยเถียนเถียนเดินเลือกหม้อขนาดใหญ่กว่าที่เคยใช้ พร้อมทั้งเลือกเตาที่สามารถวางได้หน้าร้าน เพื่อจะได้ทำน้ำเต้าหู้สด ๆ ให้ลูกค้าดูได้เลย นอกจากนี้ยังเดินหาซื้ออุปกรณ์สำหรับการทำปาท่องโก๋ ทั้งกระทะใบใหญ่ ตะหลิว ไม้นวดแป้ง และอื่น ๆ อีกมากมายหลังจากได้ของครบทั้งสองคนก็เดินทางกลับบ้าน จางเส
หัวหน้าหมู่หยางป๋อประจำการอยู่ที่ค่ายทหารชายแดนได้รับอนุญาตให้ลาพักเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากที่เขาต้องใช้ชีวิตในค่ายทหารมากว่าหกปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงหยางป๋อเดินทางมาด้วยรถไฟใช้เวลาร่วมสามวันสามคืน เมื่อรถไฟหยุดที่สถานีในเมืองเขาก็ก้าวลงจากรถไฟด้วยท่าทางองอาจ มาดมั่น ชุดเครื่องแบบทหารที่ตัดเย็บอย่างดีทำให้ดูมีสง่าราศี รูปร่างสูงใหญ่ของเขาและกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงทำให้ผู้คนรอบข้างต่างต้องชื่นชม หยางป๋อในวัยยี่สิบหกปีนั้นเป็นหนุ่มหล่อที่มีเสน่ห์อย่างมาก ใบหน้าคมเข้มและดวงตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น ทำให้สาวๆ ที่เดินผ่านไปมาต่างพากันมองตามด้วยความสนใจสายลมเย็นๆ ของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านมาพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่น หยางป๋อสูดลมหายใจลึกๆ รู้สึกสดชื่นที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากที่ต้องอดทนกับการฝึกซ้อมและภารกิจหนักหน่วงที่ค่ายทหารมาตลอด หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขที่ได้กลับมาเจอครอบครัวเขามองไปรอบๆ สถานีรถไฟที่คุ้นเคย เห็นร้านค้าขนาดเล็กที่ยังคงตั้งอยู่ในที่เดิม ๆ ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึก
หยางป๋อเดินทางกลับมาถึงบ้าน สายลมอ่อนพัดผ่านท้องทุ่งนาและกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาตามลม บรรยากาศที่บ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความตื่นเต้น เมื่อคนในครอบครัวเห็นเขาก้าวเข้ามาในบ้าน นางหลิวหู่แม่ของหยางป๋อรีบวิ่งออกมาพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า นางโผกอดลูกชายแน่น หยางสุ่ยพ่อของหยางป๋อซึ่งเป็นชายชราที่ยังแข็งแรงแม้จะมีอายุแล้วก็ยิ้มกว้างพลางตบหลังลูกชายเบา ๆ"ต้าป๋อ ลูกกลับมาแล้ว แม่คิดถึงลูกมาก" นางหลิวหู่พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ"ผมก็คิดถึงพ่อกับแม่ครับ" หยางป๋อตอบพลางยิ้มให้แม่ของเขา เขาหันไปกอดพ่อและยิ้มให้กับน้องสาวที่กำลังยืนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถวทันทีที่ข่าวการกลับมาของหยางป๋อแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อนบ้านที่สนิทกับบ้านหยางเขาก็เริ่มทยอยกันมาเยี่ยมเยียน ทุกคนต่างนำของขวัญและสิ่งของมามอบให้เขาเป็นการต้อนรับกลับบ้าน มีทั้งผลไม้สด อาหารพื้นบ้าน และข้าวของเครื่องใช้ในค่ำคืนนั้นคนบ้านหยางได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่ลานบ้าน แสงไฟจากโคมสว่างไสวทั่วบริเวณ กลิ่นหอมของอาหารที่นางหยางเจี่ยทำเองลอยมาตามลม มีทั้งเป็ดตุ๋น หมูสามชั้นต้มซีอ
บทที่ 11 ความฝันของเด็กชายเช้าวันถัดมาหยางป๋อตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง นาฬิกาในบ้านยังแสดงเวลาเพียงแค่ตีห้า เขาหยิบชุดธรรมดาที่ดูดีและเหมาะสมมาสวมใส่ เลือกเสื้อผ้าสีเรียบแต่มีรสนิยมที่สะท้อนถึงความเรียบร้อย เมื่อลงมาจากบ้านก็คว้าเสื้อคลุมและหมวกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินออกไปยังลานหน้าบ้านพ่อแม่และน้องสาวของเขายืนอยู่ที่หน้าบ้าน เห็นเขากำลังเตรียมตัวออกจากบ้านในช่วงเวลาตรู่จึงหากันมองอย่างสงสัย ในใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมถึงต้องเร่งรีบออกจากบ้านแต่เช้าขนาดนี้"ลูกชายของแม่จะไปไหนตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้" นางหลิวหู่ถามด้วยความสงสัยขณะยืนอยู่ที่หน้าบ้านหยางป๋อหันมาหาแม่และยิ้มอย่างอบอุ่น "ผมแค่จะเข้าไปในเมืองนิดหน่อยครับ ผมต้องการซื้อของบางอย่าง และยังมีเรื่องที่อยากทำ""พี่ชายจะไปซื้ออะไรเหรอคะ" หยางเสี่ยวเจียงน้องสาวของเขาถามขึ้น"พี่ตั้งใจจะซื้ออาหารเช้าให้พวกเราน่ะ พี่ชอบน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาก” หยางป๋อตอบ&ld
บทที่ 12 ลูกค้าประจำหยางป๋อยังคงมาซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ในตอนเช้าทุกวัน ทั้งสองคนค่อยๆสนิทสนมกันมากขึ้น จากที่เคยซื้อกลับไปกินที่บ้าน ตอนนี้เว่ยเถียนเถียนได้จัดโต๊ะเก้าอี้ให้เขานั่งกินที่ร้านแล้ว จางเสวียอี้ก็ดีใจมากที่ได้พบกับคุณลุงทุกวัน พอได้พูดคุยกันมากขึ้นเด็กน้อยก็ยิ่งชื่นชอบเขาเช้าวันหนึ่งในขณะที่หยางป๋อนั่งกินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ จางเสวียอี้ก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม“คุณลุงหยางครับ เล่าเรื่องในค่ายทหารให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ” จางเสวียอี้ถามด้วยความตื่นเต้นหยางป๋อยิ้มและวางถ้วยน้ำเต้าหู้ลง “ได้สิ ชีวิตในค่ายทหารนั้นมีหลายอย่างที่น่าสนใจ เสวียอี้อยากจะฟังเรื่องอะไรก่อนล่ะ”จางเสวียอี้ตาเป็นประกาย นั่งลงข้างๆ เขา “ในค่ายทหารมีอะไรบ้างครับคุณลุง”หยางป๋อเริ่มเล่า “ในค่ายทหาร พวกเรามีกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำกันทุกวัน เราตื่นเช้ากันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจากนั้นเราก็ทำการฝึกซ้อมร่างกาย วิ่งออ
บทที่ 13 จัดการกับสามีเก่า ช่วงสาย ๆ จนเกือบเที่ยงแสงแดดกำลังสาดส่อง อากาศค่อนข้างร้อนเมื่อเทียบกับตอนเช้า นางหยางเจี่ยที่เพิ่งจะซักผ้าเสร็จก็หอบกะลังที่มีผ้าอยู่เต็มเตรียมจะเอามาตากที่ราวตากผ้าข้างบ้าน เมื่อเปิดประตูบ้านออกมาก็พบว่ามีผู้คนมายืนล้อมกันอยู่ที่หน้าบ้างจางเต็มไปหมด ในนั้นมีตำรวจ 2 นาย หยางป๋อแล้วก็ชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง นางหยางเจี่ยเห็นดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนหน้าหนาจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร กลับตะโกนถามตำรวจไปว่า “ตำรวจมาที่บ้านของฉันมีธุระอะไร ปกติแล้วฉันไม่มีธุระกับพวกตำรวจทหารหรอกนะ” สีหน้าของนางหยางเจี่ยบอกบุญไม่รับ นางมองตำรวจและชาวบ้านอย่างไม่คิดจะแยแส “คุณคือแม่ของจางกวนหย่งใช่ไหมครับ พวกเ
บทที่ 14 เรื่องร้ายผ่านพ้นไปแล้ว เรื่องดีก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน เมื่อเสร็จเรื่องแล้วทั้งสามคนก็กลับมาที่ร้าน เว่ยเถียนเถียนมองดูร้านที่พังเละเทะนั้นพลางถอนหายใจออกมา ถึงแม้ว่าวัตถุดิบที่เธอเอาออกมาใช้เหล่านี้จะไม่ได้มีต้นทุนแต่ทว่าก็เป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะ พอเห็นมันเสียหายไปแล้วก็อดที่จะเสียดายไม่ได้ ทั้งน้ำเต้าหู้ที่ทำเสร็จแล้วแล้วก็มีพวกแป้งปาท่องโก๋อีกที่ตอนนี้แห้งแข็งติดโต๊ะไปแล้ว “ไม่ต้องเสียดายไปหรอกเถียนเถียน ว่าแต่คุณมีเงินทุนไปซื้อของอีกไหม” หยางป๋อถาม เพราะเห็นว่าข้าวของเสียหายไปเยอะ หากคิดเป็นเงินแล้วละก็หายสิบหยวนเลยทีเดียว เขาจึงรู้สึกเป็นห่วงคิดว่าจะเอาเงินของตัวเองบางส่วนออกให้ก่อน “เรื่องเงินไม่มีปัญหาค่ะ ฉันเพียงเสียดายของพวกนี้ที่ต้องทิ้งมันไปโดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย แต่ก็ช่
บทที่ 25ร้านใหม่หลังจากที่ได้พบกันในครั้งนี้เว่ยเถียนเถียนรู้สึกมั่นใจในตัวหยางป๋อมากยิ่งขึ้น ทุกการกระทำและคำพูดของเขาในวันที่ช่วยเธอจากคนร้ายเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ เขาไม่เพียงแค่ปกป้องเธอจากภัยอันตรายแต่ยังยืนหยัดเคียงข้างเธอในทุกสถานการณ์ ความเชื่อมั่นและความรักที่เขามีให้เป็นสิ่งที่เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนความรักที่เว่ยเถียนเถียนมีต่อหยางป๋อเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความมั่นคงที่เขามอบให้ ความห่วงใยและความตั้งใจจริงของหยางป๋อทำให้เธอเปิดใจให้เขาเต็มที่ เธอไม่กลัวที่จะรักเขาอย่างหมดใจ เพราะรู้ว่าเขาคือคนที่รักเธอมากที่สุดกลับมาถึงร้านเว่ยเถียนเถียนเห็นหลินเสี่ยวเป้ยกับลูกชายกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น สถานการณ์ในร้านคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีคนสั่งซื้อฟองเต้าหู้มากมาย เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นความตั้งใจของทุกคนจางเสวียอี้เห็นแม่ของเขากลับมาก็วิ่งมากอดขาด้วยความดีใจ"แม่กลับมาแล้
บทที่ 24ต้องกำจัดเย็นวันนั้นเว่ยเถียนเถียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องพักของโรงแรมที่เธอพักอยู่ ความเงียบสงบของช่วงเย็นทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย แต่ความสงบนั้นกลับถูกทำลายเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างรุนแรง เธอเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย และเมื่อเปิดออกมาก็ต้องตะลึงเมื่อผู้ชายสองคนที่เธอไม่รู้จักบุกเข้ามาในห้องทันที"เธอคือเว่ยเถียนเถียนใช่ไหม" หนึ่งในนั้นถามด้วยน้ำเสียงข่มขู่เว่ยเถียนเถียนพยายามถอยหลัง แต่ถูกดันให้ถอยจนชนกับผนังห้อง "ใช่...พวกคุณต้องการอะไร"ชายคนหนึ่งยิ้มเย็น "มีคนสั่งพวกเราให้มาสั่งสอนเธอ ให้เธอรู้ว่าไม่ควรยุ่งกับคนของคนอื่น"พวกมันเริ่มเข้ามาใกล้ เว่ยเถียนเถียนรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น เธอพยายามถอยหลังไปอีกแต่ว่าตอนนี้ชนกับผนังห้องแล้ว ไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก ความหวาดกลัวที่ท่วมท้นเข้ามาทำให้มือของเธอสั่นและเหงื่อไหลออกมาตามหน้าผาก ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก มองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
บทที่ 23หัวใจที่หนักแน่น หลังจากที่ฝึกเสร็จหยางป๋อก็รีบตรงดิ่งเข้ามาในเมืองทันที วันนี้เลิกเร็วคงพอมีเวลาอยู่กับเว่ยเถียนเถียนได้นานหน่อยเขาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขารออยู่ที่หน้าโรงแรมพอเห็นเธอเดินออกมาก็ยิ้มอย่างดีใจ “วันนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่พาไปกินนะ” “เอาที่พี่คิดว่าอร่อยที่สุดค่ะ” เว่ยเถียนเถียนตอบ “ที่อร่อยที่สุดพี่พาเถียนเถียนไปกินมาแล้ว เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวพี่พาไปกินซวนล่าเฝิ่นร้านคุณลุงจวงดีกว่า ที่นั่นพี่ไปกินกับเพื่อน ๆ บ่อย ค่อยข้างอร่อยเลยล่ะ” หยางป๋อเสนอ “ได้ค่ะ พี่พาไปที่ไหนฉันก็ไปหมดแหละ” เว่ยเถียนเถียนยิ้มอย่างดีใจ
บทที่ 22ศัตรูหัวใจวันต่อมาเว่ยเถียนเถียนมาหาหยางป๋อที่กองทัพในตอนเย็นและวันนี้เธอตั้งใจนำของจากมิติมาฝากเพื่อนทหารของเขาด้วย เขาพาเธอเข้าไปยังพื้นที่หน่วยของเขา เมื่อเพื่อน ๆ เห็นเว่ยเถียนเถียนมาด้วยทุกคนต่างก็เข้ามาต้อนรับและทักทายอย่างอบอุ่น“สวัสดีครับคุณเว่ย” เสียงหนึ่งของทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“สวัสดีค่ะพี่ ๆ ทุกคน วันนี้ฉันนำของมาให้ทุกคนลองชิมกัน” เว่ยเถียนเถียนยิ้มหวานและกล่าวอย่างใจดีเธอเอาของออกมาจากมิติมากมายหอบมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด โดยเฉพาะผลไม้ที่สดและหายากในพื้นที่นี้ ทุกคนต่างตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งที่เธอนำมา“โอ้โห ผลไม้เยอะขนาดนี้ พวกเราจะได้กินกันหลายวันเลย” ทหารคนหนึ่งพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าในช่วงนี้พวกพี่ ๆ คงอยากกินอะไรหวาน ๆ อร่อย ๆ จะได้หายเหนื่อยจากการฝึก” เว่ยเถียนเถียนตอบ“เถียนเถียน คุณน่ารักมากจริง ๆ ยังถึงคิดถึงพวกเราขนาดน
บทที่ 21ลูกค้ารายใหญ่ เช้าวันรุ่งขึ้นหยางป๋อมารับเว่ยเถียนเถียนที่โรงแรมแต่เช้าตรู่ ทั้งสองเตรียมตัวให้พร้อมแล้วนั่งสามล้อเข้าไปที่กองทัพด้วยกัน เว่ยเถียนเถียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ก็มุ่งมั่นที่จะทำให้การเจรจาธุรกิจในครั้งนี้ประสบความสำเร็จจึงฮึดสู้ขึ้นมา เมื่อพวกเขามาถึงกองทัพผู้พันและคุณนายก็รออยู่แล้วเมื่อได้พบกันหยางป๋อก็แนะนำเว่ยเถียนเถียนให้ผู้พันและคุณนายรู้จัก "ผู้พันครับ นี่คือเว่ยเถียนเถียน เธอคือคนที่ทำฟองเต้าหู้ที่พวกเราทดลองกินกันเมื่อคราวก่อน"ผู้พันยิ้มแย้ม "ยินดีที่ได้รู้จัก คุณเว่ย ฟองเต้าหู้ที่คุณทำอร่อยมาก ผมและภรรยาชอบมาก ๆ เลย""ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะผู้พัน คุณนาย ขอบคุณที่ชื่นชอบฟองเต้าหู้ที่ฉันทำนะคะ" เว่ยเถียนเถียนยิ้มและโค้งตัวให้หลังจากทักทายกันเรียบร้อยพวกเขาเริ่มเข้าเรื่องการค้ากัน เว่ยเถียนเถียนนำฟองเต้าหู้แห้งรูปแบบต่าง ๆ ออกมาเสนอให้ผู้พันและคุณนายดู แต่ละแบ
บทที่ 20ข่าวดีผู้พันเรียกให้หยางป๋อมาพบในเช้าวันถัดมา เมื่อหยางป๋อมาถึงห้องทำงานของผู้พันเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น“หัวหน้าหมู่หยาง นั่งก่อนสิผมมีเรื่องจะพูดกับคุณเกี่ยวกับฟองเต้าหู้พวกนั้น” ผู้พันเริ่มต้นการสนทนาด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง“ผมสนใจฟองเต้าหู้พวกนี้มาก มันมีรสชาติดีมากก็เลยคิดว่าจะเอาไปขายที่ร้านค้าของภรรยา ตอนนี้ร้านของเธอมีสาขาอยู่ที่สามเมือง ถ้าคุณสนใจผมจะช่วยนัดพบกับภรรยาให้พวกเราจะได้คุยเรื่องการค้ากัน”หยางป๋อฟังด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกยินดีที่สินค้าของเว่ยเถียนเถียนได้รับความสนใจอย่างมาก “ฟองเต้าหู้พวกนี้เป็นคนรักของผมที่ทำขึ้นมาครับ เธอส่งมาจากเมืองบ้านเกิดของผม ถ้าผู้พันอยากคุยเรื่องการค้าผมก็จะนัดเธอให้ครับ”“ดีมาก หัวหน้าหมู่หยาง ผมก็จะนัดภรรยามาด้วยเช่นกัน พวกเรามาเจอกันในวันหยุดดีไหม” ผู้พันถามหยางป๋อตอบรับด้วยความเต็มใจ “ได้ครับผู้พัน ผมจะแจ้งคนรักขอ
บทที่ 19 ขยายกิจการ เมื่อมีหลินเสี่ยวเป้ยมาช่วยงานแล้วก็ทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น เว่ยเถียนเถียนจึงคิดที่จะขยายกิจการเพิ่ม เธอเริ่มสำรวจตลาดอย่างละเอียดก็พบว่ามีฟองเต้าหู้ขายแต่ว่ามีอยู่แบบเดียว อีกทั้งยังไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไร ในขณะที่เดินสำรวจเธอคิดย้อนกลับไปถึงชาติที่แล้ว ฟองเต้าหู้หลายแบบที่เธอส่งออกในเวลานั้นได้รับความนิยมมากและเป็นที่ต้องการสูงในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศความคิดเกี่ยวกับฟองเต้าหู้ที่หลากหลายชนิดนั้นทำให้เธอตื่นเต้น ภาพในจินตนาการของเธอเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ร้านอาหารหลายแห่งโดยเฉพาะร้านหม้อไฟในยุคนี้ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเห็นว่ามีโอกาสมากมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เว่ยเถียนเถียนนั่งคิดถึงการทำฟองเต้าหู้แบบต่าง ๆ ในใจ เธอจำได้ถึงวิธีการทำฟองเต้าหู้ทั้งแบบบาง แบบหนา แบบตากแห้ง ที่สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ใช้ห่อเ
บทที่ 18ผู้ช่วยคนแรกของร้าน เวลาผ่านไปเว่ยเถียนเถียนและหยางป๋อต่างเขียนจดหมายหากันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งสองใช้ตัวอักษรเป็นสะพานเชื่อมความรู้สึกจากใจถึงใจ ทุกถ้อยคำที่ส่งถึงกันทำให้ความรักระหว่างพวกเขาเบ่งบานและเติบโตอย่างงดงามทุกเดือนเว่ยเถียนเถียนจะส่งจดหมายและของฝากมาให้หยางป๋อที่กองทัพ ในกล่องของขวัญที่เธอส่งมามักมีของกินที่หยางป๋อชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นขนมหวานต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งน้ำเต้าหู้ที่เธอพาสเจอร์ไรส์ด้วยความพิถีพิถันเพื่อให้เก็บได้นานขึ้น การได้รับจดหมายและของฝากจากเธอเป็นความสุขที่เขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อทุกครั้งที่จดหมายและของฝากมาถึงหยางป๋อจะรีบเปิดอ่านจดหมายก่อนเสมอ เขายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเวลาที่อ่านถ้อยคำอ่อนโยนและห่วงใยจากเว่ยเถียนเถียน เขามักจะเก็บจดหมายของเธอไว้อย่างดีและเมื่อมีเวลาว่างก้จะหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำทำให้ความรักที่มีต่อเธอเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้อยคำเธอทำให้เขามีกำลังใจในการฝึกซ้อมและทำหน้าที่ในฐานะทหารอย่างไม่ย่อท้อ
บทที่ 17กรรมวิธีใหม่หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวของบ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของถั่วเหลืองอบอวลเต็มไปหมด เธอมีความคิดที่หนึ่งอยู่ในใจหลังจากอ่านจดหมายของหยางป๋อ ถึงแม้จะดีใจมากที่เขาเขียนจดหมายมาหาแต่ก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้กังวลใจซึ่งก็คือการที่เขาอยู่ที่กองทัพแล้วจะไม่มีของอร่อยกิน การฝึกที่กองทัพนั้นหนักมากและทหารทุกคนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะกินอะไรเธอเริ่มคิดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการส่งน้ำเต้าหู้และของกินอื่นๆ ไปให้เขา แต่การส่งของที่มีระยะเวลาการเก็บสั้นอย่างน้ำเต้าหู้ที่สดใหม่ก็คงจะเน่าเสียก่อนถึงกองทัพอย่างแน่นอน อาหารแห้งอย่างอื่นเก็บไว้ได้นานก็จริงแต่สิ่งที่เธออยากให้เขาได้กินก็คือน้ำเต้าหู้ฝีมือของเธอนั่งคิดอยู่หลายวันจนกระทั่งความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวซึ่งก็คือการพาสเจอไรส์ เธอจำได้ว่าชาติก่อนตอนเรียนมัธยมได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีนี้ซึ่งสามารถทำให้น้ำเต้าหู้เก็บได้นานโดยไม่เน่าเสีย วิธีการพาสเจอไรส์คือการทำให้ของเหลวร้อนขึ้นที่อุณหภูมิสูงพอสมควรเพื