“ทวดสามท่านมาอยู่กับอาสะใภ้อู๋นี่เอง แม่ให้ฉันมาตามทวดกลับไปกินข้าว”
“ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วเหรอ ตายจริงฉันรั้งย่าสามเอาไว้เสียตั้งนาน” หากเจินเจินเรียกทวด เช่นนั้นหญิงชราก็คงเป็นย่าของอู๋เหวยกระมัง
“เฮ้อ...วันนี้ได้พูดคุยกับอาเหม่ยย่าก็สบายใจขึ้นมาก ดูเหมือนเจ็บป่วยไปครั้งนี้ อาเหม่ยของพวกเราจะรู้ความขึ้นตั้งเยอะแน่ะ ฮ่า ๆ ดีจริง ๆ วิญญาณน้องชายในปรโลกก็คงวางใจได้แล้ว หลานสะใภ้ที่ตัวเองเลือกเปลี่ยนนิสัย ไม่ถือโทษโกรธคนรุ่นเก่าอีก เอาละ ๆ ย่าสามกลับบ้านก่อน เย็นนี้ก็อย่าลืมมาหุงข้าวที่บ้านล่ะ”
“เฮ้อ...เมื่อไรอาสะใภ้อู๋จะไปจ่ายค่าไฟ ไม่รู้หรือไงว่าใช้ไฟบ้านคนอื่นมันน่ารังเกียจ”
“เจินเจินหุบปาก!” เด็กหญิงเจินเจินเบ้ปากคว่ำหน้าลง ทว่าสายตาที่เหลือบขึ้นมามองไป๋จ้าวเหม่ยก็ดูไม่เป็นมิตรนัก แต่จะทำอย่างไรได้ ร่างเก่าสร้างเรื่องเอาไว้ขนาดนี้ แม้แต่เด็กน้อยยังเกลียดเธอเลยคิดดูเอาเองเถอะ เฮ้อ...
“อย่าว่าเสี่ยวเจินเลยค่ะ เด็กเขาไร้เดียงสาคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น แต่ย่าสามคะฉันต้องขอบคุณที่ย่าเป็นห่วงฉัน เงินเดือนของอาเหวยเดือนที่แล้ว ฉันยังไม่ได้ส่งให้แม่เลย เดี๋ยววันนี้ฉันจะออกไปจ่ายค่าไฟ แต่อาเหวยเอารถจักรยานไปทำงานน่ะสิคะ”
“จะไปยากอะไร เธอก็ไปเอาของพ่อเจินเจินไปใช้ก่อนเถอะ”
“ดีเลยค่ะ อย่างนั้นฉันก็คงต้องรบกวนย่าสามแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอากระเป๋าเงินก่อน ย่ารอฉันสักครู่นะคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยกลัวว่าย่าสามกับเจินเจินจะกลับไปก่อน คราวนี้ความลับคงแตกเพราะเธอไม่รู้ว่าบ้านของย่าสามอยู่ที่ไหน ดังนั้นจึงต้องไปพร้อมกัน!
ไป๋จ้าวเหม่ยวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เธอรีบหยิบคูปองซื้อของ และเงินที่แอบเก็บไว้มาจนหมด จากนั้นก็หยิบเสื้อแขนยาวมาสวมทับ ตามย่าสามออกไปที่บ้านทันที
“อาหว่านหล่อนไปจูงรถจักรยานมาให้อาเหม่ยยืมไปในอำเภอหน่อย อาเหม่ยจะไปจ่ายค่าไฟ” เมื่อสักครู่ที่เดินเข้ามา เธอได้ยินผู้หญิงผมหยิกเรียกอาหว่าน ว่าหลานสะใภ้เจียง นั่นแสดงว่าย่าสามแต่งงานกับปู่เจียงและก็มีลูก ลูกชายย่าสามก็แต่งงานแล้ว ส่วนเจินเจินก็เป็นเหลนของย่าสามอีกที โอ้วลำดับญาติของบ้านสกุลเจียงช่างเยอะแยะเหลือเกิน ทว่าเธอก็แอบจดจำเอาไว้แล้ว
“รบกวนพี่สะใภ้เจียงด้วยค่ะ” สะใภ้เจียง หานหว่านแทบจะสะดุดขาตนเองล้ม สะใภ้อู๋เสแสร้งเก่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยเห็นท่าทางของสะใภ้เจียงที่ตกใจเกือบสะดุดล้ม ก็พลันหมดแรง ทำไมการเป็นตัวเองของเธอมันยากเย็นขนาดนี้ สวรรค์ส่งฉันกลับโลกเดิมทีเถอะ!
โอดครวญได้แค่ในใจเท่านั้น ไป๋จ้าวเหม่ยรับจักรยานมาจากสะใภ้เจียง กล่าวลาทุกคนเสร็จก็รีบถีบรถจักรยานเข้าไปในอำเภอ ทว่าเมื่อมาถึงอำเภอเธอจึงเพิ่งรู้ว่า สถานีไฟฟ้าอยู่ที่ในเมือง! หญิงสาวรีบคว้าจักรยานโน้มตัวลงปั่นออกไปอย่างสุดแรง กว่าจะถึงในเมืองก็แทบจะหมดแรงแล้ว
หลังจากจ่ายค่าไฟแล้ว ก็รอให้เขาไปต่อหม้อไฟในวันพรุ่งนี้ ออกจากสถานีไฟฟ้าก็รีบแวะซื้อของใช้ในบ้าน ผ้าอีกหลายหลา ทั้งขนมและเมล็ดผัก อาหารลูกไก่ หนังสือแบบฝึกหัดเรียน หญิงสาวซื้อโดยที่ไม่เสียดายเงินเลยแม้แต่น้อย ครั้นตรวจดูทุกอย่างจนครบแล้ว ก็รีบปั่นจักรยานกลับไปที่หมู่บ้านลั่วฉาง
หมู่บ้านลั่วฉางเวลาสี่ทุ่ม
ย่าสาม เจียงจัวลูกชาย เกาหนี่ย์ลูกสะใภ้ เจียงอู่ลูกชายเจียงจัว สะใภ้เจียง ต่างก็มานั่งที่บ้านของสกุลอู๋ อู๋เหวยเห็นทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดก็พลันโมโหขึ้นมา เขาคิดว่าไป๋จ้าวเหม่ยจะดีแล้วเชียว ที่ไหนได้เธอก็ยังสารเลวเหมือนเดิม
“ย่าสาม อาจัว พี่อู่ไม่ต้องเป็นห่วง จักรยานของบ้านพี่ที่ไป๋จ้าวเหม่ยขโมยไป ผมจะชดใช้เอง พี่อู่ขี่ของผมกลับไปที่บ้านได้เลย รับรองว่าสภาพยังดีอยู่ หากว่ามันพังก็เอามาให้ผมซ่อมให้ฟรี”
“อาเหวยคิดว่าย่าสามเสียดายจักรยานหรือไง เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ที่ย่าสามเป็นห่วงก็คืออาเหม่ยต่างหาก ค่ำมืดขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอยังไม่กลับมาอีก ไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกนะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาด้วย”
ย่าสามส่งสายตาไม่พอใจไปให้หลานชายสกุลอู๋ เวลานี้ใช่เวลามาห่วงจักรยานอีกหรืออย่างไร ไม่รู้จักเป็นห่วงเมียตนเอง
อู๋เหวยถูกตำหนิก็ยิ้มออกมาอย่างจนใจ ในใจเขากลับคิดว่า ไป๋จ้าวเหม่ยคงจะหนีกลับไปบ้านเดิมของเธอที่อยู่อำเภอเต๋อชิงมากกว่า ความจริงครอบครัวสกุลอู๋ก็อยู่ที่อำเภอเต๋อชิงเหมือนกัน
แต่เพราะประมาณสิบปีที่แล้ว เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร ผู้คนจึงได้เดินทางเสาะหาที่อยู่ใหม่ พ่อกับแม่อู๋เหวยจึงพาเขามาอยู่ที่นี่ ทว่าปู่ของเขาก็ยังอยู่ที่เดิม และเมื่อปู่จากไป พ่อกับแม่ก็กลับไปทำไร่ทำนาดูแลย่าที่เดิม
“ยังไม่รีบไปตามหาเมียอีกอาเหวยนี่ยังไงกัน”
“ครับ ๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนย่าสามดูแลซวนซวนให้ผมด้วย” ย่าสามโบกมือไล่อีกครั้ง
“ซวนซวนอยู่กับเจินเจินในบ้าน ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าดึกนักคืนนี้ย่าสามกับเจินเจินจะนอนเป็นเพื่อนซวนซวนเอง อาเหวยรีบไปเถอะ”
อู๋เหวยผงกศีรษะขึ้น เขาเดินไปคว้าจักรยานและมัดไฟฉายที่หน้ารถ เตรียมจะออกไปตามหาไป๋จ้าวเหม่ย ทว่ายังไม่ทันได้ออกพ้นประตูบ้าน ร่างอวบอ้วนก็ปั่นจักรยานกลับเข้ามา มาถึงก็รีบลงจากรถตั้งขาตั้งได้ ก็ทิ้งตัวนั่งเหยียดขากับพื้น ใบหน้าอ้วนแดงก่ำ อ้าปากหอบหายใจจนลิ้นห้อย
“เร็วเข้าไปตักน้ำมาให้อาเหม่ยกิน” สะใภ้เจียงถูกย่าสามีถลึงตามองก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน และตักน้ำมาให้ไป๋จ้าวเหม่ยกิน ในใจก็ด่ากราดเป็นร้อย ๆ รอบ นังหมูอ้วนสร้างแต่ปัญหา
“อาเหม่ยดื่มน้ำก่อน ค่อย ๆ นะเดี๋ยวสำลัก” ไป๋จ้าวเหม่ยรับแก้วน้ำมาดื่มดังอึก ๆ
“สะใภ้เจียงฉันขออีกสักแก้วเถอะ เหนื่อยแทบขาดใจแล้วจริง ๆ” สะใภ้เจียงหน้าบึ้งตึง แต่ก็รับแก้วมาและวิ่งกลับไปในบ้านอีกรอบ หลังจากดื่มน้ำนั่งพักจนหายเหนื่อย ถึงได้รู้ตัวว่าตอนนี้ มีแต่คนมองมาที่เธอด้วยความสงสัย คนบ้านเจียงขนกันมาทั้งบ้านแล้วกระมัง
“แฮ่ ๆ ย่าสาม ฉันขอโทษนะคะที่เอารถจักรยานบ้านเจียงไปนานเลย พอดีฉันคิดว่าจ่ายค่าไฟในอำเภอได้ ที่ไหนได้ต้องเข้าไปในเมือง ฉันรีบแล้วนะคะ แต่เพราะฉันอ้วนเกินไปจึงทำให้มาช้ามาก”
“เฮ้อฉันก็คิดว่าเธอจะเข้าไปหาอาเหวย ให้อาเหวยยืมรถเจ้าของโรงอาหารเสียอีก ไม่คิดว่าเธอจะเข้าไปในเมืองเอง เอาเถอะ ๆ กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ เสี่ยวอู่ไปอุ้มเจินเจินกลับบ้าน อาหว่านขี่จักรยานกลับไปก่อนเลย อาจัว อาหนี่ย์มาประคองแม่กลับ”
“พี่สะใภ้เจียงเดี๋ยวก่อนค่ะ ล้อรถมันลมอ่อน เดี๋ยวฉันเติมให้”
“เอาไว้พรุ่งนี้เช้าก็ได้สะใภ้อู๋ วันนี้ดึกแล้ว ของในกล่องนี่ฉันช่วยยกเอาไปเก็บในบ้านให้เธอก็แล้วกัน” สะใภ้เจียงสอดส่ายสายตามองไปในกล่อง ทว่าเห็นสายตาดุดันของย่าสามีก็พลันหดคอหนีไม่กล้ามองอีก
“ขอบคุณพี่สะใภ้เจียงมาก แต่เดี๋ยวฉันยกเองก็ได้ค่ะ” ไป๋จ้าวเหม่ยเดินไปแก้เชือกที่มัดเอาไว้แน่น เธอหยิบของในกล่องออกมา
“ขนมถุงนี้เอาให้เจินเจินพรุ่งนี้นะคะ ส่วนชากล่องนี้ของย่าสามและอาสะใภ้หนี่ย์ค่ะ ยาสูบของอาจัว เนื้อชิ้นนี้พี่สะใภ้เจียงทำอาหารให้พี่อู่กับเจินเจินพรุ่งนี้เถอะ”
“โอ๊ยเอาเก็บไว้ที่นี่ให้หมด ของดี ๆ ซื้อมาหลายหยวน เสียดายเงินทอง เอาไว้ ๆ อีกอย่างบ้านสกุลเจียงไม่ขาดเนื้อ เธอลืมไปแล้วหรือว่าอาจัวและพี่อู่ของเธอมีอาชีพล่าสัตว์ขาย”
“ฉันไม่ลืมหรอกค่ะ แต่นี่คือขาหมูของยูนนานเชียวนะ อีกอย่างหากย่าสามทำแบบนี้ คราวหน้าฉันไม่กล้าไปยืมรถบ้านย่าแล้วละค่ะ” อู๋เหวยที่เงียบมาตลอดก็พลันเปิดปากขึ้น ที่เขาเงียบไปเพราะตั้งแต่ที่ไป๋จ้าวเหม่ยขี่รถจักรยานเข้ามา เขาก็เริ่มสังเกตเธอมาตลอด และยิ่งมองก็ยิ่งแปลกใจมากยิ่งขึ้น คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงได้มากขนาดนี้เชียวหรือ
“ในเมื่อเธอซื้อมาให้แล้ว ย่าสามก็รับเอาไว้เถอะครับ ของที่เธอซื้อมายังมีอีกเต็มกล่อง พวกเราแบ่งให้ย่าก็สมควรแล้ว”
“ใช่ๆ อาเหวยพูดถูก ย่ารับไปเถอะค่ะ เดี๋ยวครั้งหน้าวันหยุดอาเหวย ฉันก็ตั้งใจจะซื้อของกลับไปเยี่ยมแม่ฉัน กับพ่อแม่อาเหวยที่หมู่บ้านลั่วจงอีกด้วย
“เฮ้อ...อาเหม่ยมีน้ำใจแล้ว ย่าสามไม่เกรงใจแล้วนะ ขอบใจมาก ๆ”
ย่าสามและคนบ้านเจียงกลับไปแล้ว ไป๋จ้าวเหม่ยก็ยกกล่องใบใหญ่เข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี พรุ่งนี้บ้านเธอก็จะมีไฟฟ้าใช้แล้ว ไม่ต้องหุงข้าวกับไม้ฟืนอีก
“เธอกินอะไรมาหรือยัง อาหารในครัวฉันแบ่งเก็บไว้ให้แล้วไปกินสิ”
“ได้...ฉันไปกินข้าว นายเข้านอนก่อนเลย” ริมฝีปากอวบกัดปากตนเอง พูดออกไปแล้วก็อดจะหน้าแดงไม่ได้ บ้าจริงดีนะที่อู๋เหวยไม่ได้สนใจคำพูดเธอ
ให้ตายเถอะ เธอพูดเหมือนกับว่าเธอกับอู๋เหวยจะนอนด้วยกันอย่างนั้นแหละ เฮ้อ...เหนื่อยจนเพี้ยนไปแล้วกระมัง แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เรื่องที่เร่งด่วนสำหรับเธอ ก็คือการลดน้ำหนัก ไม่ไหวแล้วโว้ย!
ตอนที่ 26 สมุนไพรแพงขนาดนี้เลยเหรอไป๋จ้าวเหม่ยเปิดถุงกระดาษหยิบชุดที่หลิวชิงฮุยซื้อมาฝากซวนซวน เมื่อตอนเย็นแม่ดอกบัวขาวใต้ตมพยายามจะชวนเด็กน้อยคุยเล่น ทว่าซวนซวนก็ไม่ได้สนใจเท่าที่ควร เธอเอาเวลาไปคัดแยกพุทราจีนที่เก็บมาจากบนเขา พรุ่งนี้พ่อของเธอจะเอาไปขายให้หลิวชิงฮุยเห็นว่าเด็กน้อยไม่สนใจ จึงได้กลับไปอย่างพ่ายแพ้“ซวนซวนหนูมาดูชุดที่พี่ชิงฮุยซื้อมาฝาก สวยดีนะ ว้าวชุดนี้เหมือนชุดกะลาสีเรือเลย”“อะไรคือกะลาสีเรือคะ” เด็กน้อยละสายตาจากแบบฝึกหัดที่กำลังเขียนอยู่ หันมาเอียงคอถามตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับชุดใหม่อีกแล้ว อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงของเธอตัดให้จนครบเจ็ดวัน ไหนจะมีชุดที่เอาไว้ใส่ไปข้างนอก ชุดนอน ชุดใส่เล่น เต็มไปหมด อะไรที่ได้มามากพอก็ทำให้เธอหมดความสนใจ อีกอย่างชุดที่แม่เธอตัดก็สวยกว่าชุดที่วางขายมาก“ก็นี่ยังไงชุดที่มีคอปกข้างหลัง ชอบไหม ว่าไม่ได้หลิวชิงฮุยซื้อของดีมาให้เชียวนะ ผ้านุ่มเชียวใส่สบายตัวเลยละ”“ชอบค่ะ แต่ชอบชุดที่แม่ตัดเย็บให้มากกว่า เหมือนชุดนี้ไง ชุดนอนของหนู พ่อคะพ่อเห็นด้วยหรือเปล่า ชุดนอนที่แม่ทำสวยกว่าอีกเนอะ” อู๋ชิงซวนหมุนตัวหนึ่งรอบ ให้ดูชุดนอนก
ตอนที่ 25 สงสัยไป๋จ้าวเหม่ยพลาดไปแล้ว เธอพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ลืมไปได้อย่างไรว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เธอมองท้องฟ้าที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย“เธอจะให้ฉันเอาสมุนไพรไปขายให้หรือเปล่า แต่เอาไปแบบไม่ตากแห้งมันจะขายได้ไหม ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราเก็บเอาไว้ก่อน อบกับไฟก็แห้งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“แบบสดมันก็ขายได้ ฉันไม่แน่ใจว่าราคามันจะดีเหมือนแห้งหรือเปล่าน่ะสิ” บอกตรง ๆ เรื่องราคาของ หรือค่าเงินในยุคนี้เธอไม่ค่อยรู้เลยด้วยซ้ำ ดูอย่างที่ว่าทุกอย่างในยุคนี้ ราคาถูก เต้าหู้ก้อนหนึ่งแค่หนึ่งเหมาเท่านั้น ผ้าสวย ๆ หนึ่งพับแค่หนึ่งหยวน แต่!...มันกลับแพงยิ่งกว่าในยุคของเธอเสียอีก อาจเพราะค่าเงินมันไม่เท่ากันกระมัง“จะดีไม่ดียังไงก็ต้องขายไม่ใช่เหรอ เอาไว้หมดหน้าฝน ฉันจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรพวกนี้ให้เธอเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เงินเท่าเดิมแล้ว”ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ ยังไงก็ต้องทำตามที่อู๋เหวยบอกนั่นแหละ เพราะนี่ก็สองวันแล้ว หากไม่รีบขายสมุนไพรของเธอก็คงจะเหี่ยวหมดราคาแน่ ๆ เห็ดหลินจือเธอสามารถเก็บเอาไว้ขายทีหลังได้ แต่โสมคนกับโสมซานซีและสมุนไพรอื่น ๆ คงต้องขายออกไป รวมทั้งพุทราแห้งด้ว
ตอนที่ 24 ออกตามหากว่าจะปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ ร่างอวบ ๆ ของเธอก็หนาวสั่น เธอรีบล้วงเข้าไปในตะกร้าสมุนไพร หยิบกลักไม้ขีดออกมา รวบเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้ง ๆ ที่ถูกลมปลิวพัดมากระจุกอยู่ในถ้ำ และจุดไฟให้ความอบอุ่น“ซวนซวนหนูใส่เสื้อทับด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”“ใส่ค่ะ”“ดีเลย ตอนนี้หนูถอดเสื้อผ้าออกมาก่อน เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในและเสื้อกล้ามก็พอ เอาออกมาอังไฟให้แห้งก่อน” อู๋ชิงซวนรีบถอดชุดออกมา รวมทั้งถุงเท้ารองเท้าทั้งหมด กางเกงในของเด็กน้อยเป็นทรงสามเหลี่ยม ที่แม่เลี้ยงตัดเย็บให้ และเสื้อกล้ามก็เป็นเสื้อที่ปิดถึงแค่เหนือสะดือ แต่เพราะที่นี่มีเพียงเธอสองคน เด็กหญิงจึงไม่อาย“รอน้าอยู่ตรงนี้แป๊บเดียว น้าจะไปเอากิ่งไม้ ถึงจะเปียกแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย” กำลังจะก้าวขาออกไป ทว่ามือเล็กก็ดึงเอาไว้ก่อน“น้าไปตรงนี้เอง หนูนั่งมองออกไปก็เห็น”“ไม่ใช่น้า” เด็กหญิงทำปากยู่ราวกับเป็ดตัวน้อยแสนงอนอย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยหลุดขำออกมา พลางยื่นมือไปบีบปากแหลม ๆ นั่น“เอาละ ๆ แม่ผิดไปแล้ว ต้องโทษที่แม่สมองไม่ดี ทำให้ลืมเสียได้ ซวนซวนน้อยไม่โกรธแม่นะคะลูก”“ไม่โกรธค่ะ แม่รีบไปรีบมานะคะ หนูนั่งผิงไฟตรงนี้ แต่แม่ถอดเส
ตอนที่ 23 ติดถ้ำเปรี้ยง! เสียงสายฟ้าร้องลั่นสั่นสะเทือน สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าถล่ม หญิงสาวโหนตัวอยู่ที่บนหน้าผา เธอกัดฟันปีนขึ้นไป แต่เพราะน้ำฝนที่สาดลงมาทำให้มือที่เกาะลื่น ร่างอวบร่วงพรืดลงไป มือเล็กรีบจิกเล็บลงที่ซอกหิน จนเล็บหักสิบนิ้วสื่อถึงหัวใจ ทว่าความเจ็บปวดไม่เท่ากับความหวาดกลัว คนตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่อยากตายอีก และที่สำคัญซวนซวนอยู่คนเดียว! ไม่รู้เด็กคนนั้นจะกลัวแค่ไหน ป่านนี้ไม่ใช่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเหรอ“ฉันก็ว่าแล้ว โชคดีมันจะมาง่าย ๆ ได้ยังไง ได้โสมได้เห็ด แต่เกือบตกเขา ไม่ได้ฉันจะตายไม่ได้ซวนซวนรออยู่” เธอจะบ่นออกมาไม่ได้ ใบหูแว่วได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย ถึงจะรู้ว่าตอนนี้คงเป็นจิตใจเธอที่ปรุงแต่งไปเอง แต่กระนั้นพอได้คิดว่าเจ้าตัวเล็กนั่นกำลังร้องไห้ เธอก็ยิ่งจิกเล็บเข้าไปในซอกหิน กัดฟันปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ดีที่ครั้งนี้เธอเลือกลงเขาด้านที่มีหน้าผาบังลม หากลงที่เดิมเธอคงตกตายไปแล้วไป๋จ้าวเหม่ยรีบวิ่งไปแกะเชือกที่มัดกับต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็วิ่งไปหาอู๋ชิงซวนที่ถ้ำหิน ริมฝีปากก็ตะโกนร้องบอกว่า “ซวนซวนน้ามาแล้ว” ไปตลอดทางทางด้านอู๋ชิงซวนหลังจากที่ฝ
ตอนที่ 22 ความคิดของอู๋เหวยวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน สองหญิงสาวเดินออกมาส่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ทว่าหลายวันมานี้อู๋เหวยมักจะอิดออดไม่ยอมรีบขี่รถออกไปเร็วเหมือนเดิม เช่นเดียวกับตอนนี้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ไป๋จ้าวเหม่ยเข้าโรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม่กับน้องของเธอไม่ได้มาขอเงินอีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ส่งเงินไปเช่นกัน แปลกเหลือเกิน มีแต่ความแปลกเต็มไปหมด“ซวนซวนพ่อไปทำงานแล้วนะ”“ค่ะ...พ่อขี่รถดี ๆ นะคะ อย่าหักโหมนะหนูกับน้าเป็นห่วง” อู๋ชิงซวนเอ่ยถ้อยคำห่วงใยให้กับพ่อตนเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็อยากตามไปด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้ เธออยากอยู่เรียนหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากน้าเหม่ยมากกว่า“ขอบคุณครับ ซวนซวนเป็นเด็กดีอย่าดื้ออย่าซน เชื่อฟังน้าเหม่ยของลูกให้มาก ๆ นะ” สายตาอู๋เหวยเหลือบไปมองคนที่ยืนหมุนคอกระดูกลั่นดังกร๊อบ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอออกกำลังกายแปลก ๆ นั่นหรือไงและใช่ไป๋จ้าวเหม่ยยังคงออกกำลังกายท่าแปลก ๆ ของเธอทุกวันเหมือนเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าคนอ้วนอย่างเธอจะล้มเลิกกลางคัน แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเอาจริง ทั้งอ
ตอนที่ 21 คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรออู๋เหวยเอาข้าวของที่ไป๋จ้าวเหม่ยซื้อมาใส่ตะกร้าหน้ารถตัวเอง ที่ใส่ไม่หมดก็ห้อยเอาไว้ เขามองข้าวของที่เต็มรถ ก็พอจะรู้ว่าเธอหมดไปหลายหยวน ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวได้เงินมาจากการขายสมุนไพร เพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาก็เห็นแล้วว่าเธอวุ่นวายอยู่กับสมุนไพรเหล่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะขายได้ราคาดีเพียงใด“ซวนซวนหนูมาซ้อนท้ายพ่อดีไหมคะ น้าเหม่ยของลูกจะได้ไม่หนัก”“พ่อคะ!...หนูตัวไม่หนักเสียหน่อยจริงไหมคะน้าเหม่ย”“จริงจ้ะ ซวนซวนของพวกเราหุ่นดีขนาดนี้จะหนักได้ยังไง หนูมาซ้อนท้ายน้าเหมือนเดิมดีกว่า พ่อหนูถือของเต็มรถแล้ว” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นว่าอู๋เหวยรับหน้าที่ขนของแล้ว ดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่บรรทุกคนไปเอง ทว่ายังไม่ทันที่เด็กหญิงจะได้ตอบ เสียงรีบร้อนของคนบางคนก็ตะโกนออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก“ซวนซวนหนูอยากมาซ้อนรถของพี่ชิงฮุยหรือเปล่าจ๊ะ ป้าพี่ส่งจดหมายมาจากเซี่ยงไฮ้ มีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย พี่เล่าให้ฟังดีไหมจ๊ะ” หลิวชิงฮุยเห็นทั้งสามกำลังจะไปอยู่แล้ว เธอก็รีบจูงรถจักรยานตามมา ในใจนึกโมโหตั้งแต่ที่กินอาหารข้างในแล้ว มีเพียงแค่เธอที่ชวนคุย พี่เห