Masukเสียงร้องของไป๋จ้าวเหม่ยดังออกไปถึงหน้าบ้าน นี่ยังไม่รวมถึงเสียงลูกไก่ที่ส่งเสียงกันระนาว อู๋ชิงซวนขมวดคิ้วราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย รีบวางประแจไขจักรยานเอาไว้และรีบวิ่งมาที่ในห้อง
“เธอ!...เอ่อ...น้าไป๋ เกิดอะไรขึ้นเหรอ” อู๋ชิงซวนเกือบลืมไปแล้วว่า ถ้าหากเธอพูดไม่เพราะ พ่อจะไม่รัก จึงได้รีบยกมือขึ้นตบปากตนเอง และเรียกแม่เลี้ยงว่าน้า
ไป๋จ้าวเหม่ยเอียงหน้าไปมอง ยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไป เด็กหญิงก็วิ่งมาชะโงกหน้ามองหีบสมบัติอันล้ำค่าที่น้าอ้วนคนนี้หวงนักหวงหนา ก่อนหน้านี้เธออยากรู้มาตลอดว่าแม่เลี้ยงปีศาจแอบซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง แน่นอนว่าของที่พ่อเธอซื้อกลับมาไว้ทำอาหารแป้ง ธัญพืช เครื่องปรุงล้วนถูกเก็บเอาไปทั้งหมด
ครั้งนี้ดีนักถือโอกาสมองสักหน่อยจะได้เอาไปเล่าให้พ่อฟัง ว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยแย่แค่ไหน ทว่าเมื่อใบหน้าชะโงกลงไป ดวงตาเรียวก็พลันเบิกขยาย พร้อมกับริมฝีปากที่ยิ้มจนแทบจะถึงใบหู
“น้าอ้วน น้าซื้อไข่มาฟักเหรอ ว้าว ๆ พวกเราจะเลี้ยงมันใช่ไหม ดูสิทำไมมันน่ารักขนาดนี้ล่ะ แล้วมันกินอะไรเป็นอาหารเหรอคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นท่าทางดีอกดีใจของเด็กน้อย ก็พูดไม่ออกว่า เธอไม่อยากเลี้ยงไก่
“น้าอ้วนรู้หรือเปล่า ในหมู่บ้านเรามีแค่ไม่กี่บ้านที่เลี้ยงไก่ ดีจริงต่อไปนี้ฉันก็จะมีไข่กินทุกวันแล้ว เสี่ยวมี่บอกว่าน้าฟางเอาไข่มาทำไข่ตุ๋นใส่เนื้อสับอร่อยมาก และที่สำคัญลูกไก่ของพวกเรา น่ารักกว่าไก่ของเสี่ยวมี่อีก” พูดถึงขนาดนี้แล้วจะให้ทำอย่างไรได้อีก
“เราเลี้ยงเอาไว้ก็ได้” ทันทีที่คำอนุญาตของไป๋จ้าวเหม่ยดังขึ้น อู๋ชิงซวนก็กระโดดจนตัวลอย เธอร้องเย้ออกมาดังลั่น รีบก้มลงไปอุ้มลูกไก่ตัวน้อยมาไว้บนมือ เอาแก้มตนเองถูไถไปมา ดูท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก
ไป๋จ้าวเหม่ยยกยิ้มขึ้น ตั้งแต่เธอทะลุมิติมา นอกจากสีหน้าอวดดีแล้ว ก็เพิ่งจะเคยเห็นเด็กน้อยดีใจเช่นนี้เป็นครั้งแรก แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเพราะเธอจะเปลี่ยนเด็กคนนี้ให้ได้
“หยุดเลย ก่อนอื่นเราต้องไปทำกรงขังมันก่อน และหน้าที่เลี้ยงพวกมันเธอต้องเป็นคนรับผิดชอบ ซวนซวนเธอทำได้หรือเปล่า ไม่ใช่คิดว่าจะเลี้ยงเพราะมันน่ารัก เพราะสัตว์ทุกตัวพอมันโตความน่ารักก็จะลดลงแล้ว”
อู๋ชิงซวนเม้มปากเป็นเส้นตรง ก็เห็นอยู่ว่าลูกไก่ตัวนี้น่ารัก โตขึ้นมันจะไม่น่ารักได้อย่างไร หรือว่าเธอโตขึ้นก็จะไม่น่ารักเหมือนกัน แต่นั่นจะเป็นไปได้ยังไง ย่าเคยบอกว่าตอนเด็ก ๆ พ่อของเธอ ก็หน้าตาน่ารัก โตมาก็เห็นว่าพ่อหล่อเหลาขนาดนี้ น้าอ้วนนี่ต้องโกหกแน่ ๆ
“แต่ฉันเชื่อว่าไก่ตัวนี้ต้องน่ารักแน่ ๆ เหมือนพ่อยังไงล่ะ ย่าก็บอกว่าตอนเด็ก ๆ พ่อก็น่ารัก โตมาก็หล่อ ไก่ตัวนี้ก็ต้องหล่อ น้าอ้วนอย่ามาโกหกให้ยากเลย ฉันไม่เชื่อหรอก พี่สาวหลิวชิงฮุยบอกแล้วคำพูดจาของน้าอ้วนเต็มไปด้วยคำโกหก”
“ซวนซวนก่อนอื่นเลยนะ เธอควรหยุดเรียกฉันว่าอ้วนเสียก่อน ผู้หญิงที่หนักแค่หกสิบ เจ็ดสิบ ไม่นับว่าอ้วน เขาเรียกว่าสาวอวบ และที่สำคัญเธอต้องเรียกแทนตัวเองว่าหนู และถ้าต่อไปนี้ฉันได้ยินเธอพูดไม่เพราะอีกคำ ฉันจะต้มลูกไก่พวกนี้กินให้หมด” อู๋ชิงซวนเอามือที่อุ้มลูกไก่ซ่อนเอาไว้ด้านหลัง เด็กน้อยถอยหลังพลางส่ายหน้า
ทว่าลูกไก่ตัวน้อยที่ถูกบีบจนส่งเสียงร้อง มันกระโดดจนหลุดออกจากมือเล็ก วิ่งหนีไปอยู่ในซอกตู้ ทว่าระหว่างทางที่มันวิ่งไป มันดันขี้ราดไว้เต็มพื้นหญิงสาวต่างขนาด พลันมองหน้ากัน เหมือนกับว่าลูกไก่น้อยเหล่านี้มันส่งสัญญาณถึงกัน ตัวหนึ่งร้องอีกสองตัวก็ร้องรับกันเป็นแถว จากนั้นมันก็พากันกระโดดออกจากหีบใบใหญ่ วิ่งหนีเข้าไปตามซอกตู้เตียง
“ซวนซวนไปปิดประตูเร็วเข้า เดี๋ยวลูกไก่หลุด” อู่ชิงซวนเลิกเล่นแง่กับแม่เลี้ยงอ้วนทันที เด็กน้อยกระโดดทีเดียวก็ถึงประตูห้อง ปิดมันลงพร้อมกับวิ่งกลับเข้ามา ช่วยกันจับลูกไก่ที่วิ่งหนีไปรอบห้อง วิ่งอย่างเดียวไม่พอ ดันขี้ใส่ห้องเต็มไปหมด กว่าจะจับได้ไป๋จ้าวเหม่ยก็ตัวเปียกซ่กไปด้วยเหงื่อ
“เฮือก! โอ๊ย ๆ ฉันจะเป็นลม ซวนซวนเธอช่วยไปตักน้ำให้ฉันสักแก้วเถอะ ฉันไม่เหลือแรงจะเดินแล้ว” ร่างอวบอ้วนนั่งทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียง อ้าปากหอบหายใจดังออกมาเหมือนหมู
ตอนแรกอู๋ชิงซวนก็จะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสภาพทุลักทุเลของแม่เลี้ยง และเห็นลูกไก่ที่ถูกจับเข้าไปอยู่ในหีบไม้เหมือนเดิม เธอก็ยินยอมในที่สุด
“น้ำได้แล้ว” ถึงอย่างไรอู๋ชิงซวนก็ไม่คิดจะสนิทสนมกับแม่เลี้ยงคนนี้อยู่ดี ดังนั้นเมื่อเทน้ำใส่แก้วมาแล้ว เธอจึงยื่นไปตรง ๆ เลย
“ขอบใจเธอมากจ้ะซวนซวน” ไป๋จ้าวเหม่ยรับแก้วน้ำมาถือไว้ แล้วก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเด็กหญิงได้เห็น ว่าการที่เราจะรับอะไรจากใคร ต้องกล่าวขอบคุณด้วยทุกครั้ง
อู๋ชิงซวนเพิ่งเคยได้รับการขอบคุณเป็นครั้งแรก ใบหน้าเล็ก ๆ พลันแดงซ่าน เธอหันหน้าหนีกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะชี้ไปที่ลูกไก่ตัวเล็กที่ถูกขังเอาไว้ในหีบ
“น้าไป๋แล้วลูกไก่พวกนี้ทำยังไงดี”
“เอาไว้ในนั้นก่อน ซวนซวนเธอไปหาผ้ากับถังน้ำเข้ามา เดี๋ยวเราสองคนต้องช่วยกันทำความสะอาดห้องก่อน” เด็กหญิงตัวน้อยเบิกตาขึ้น เธอยกนิ้วมือเล็ก ๆ ขึ้นแคะหู แต่กลัวว่าจะไม่ดีพอ เธอจึงยกมือขึ้นตบหูตัวเองไปเลย
“นี่ ๆ ทำอะไร เดี๋ยวแก้วหูก็ฉีก อยากหูหนวกหรือไงฮะ”
“อะไรคือแก้วหู แก้วจะเข้าไปอยู่ในหูได้ยังไง เฮ้อ...สงสัยน้าจะสมองเสื่อมแล้ว” ถ้าไม่ใช่สมองเสื่อม แล้วน้าอ้วนจะบอกว่าช่วยกันถูพื้นได้ยังไง ปกติแล้วต้องใช้ให้เธอทำ แล้วตัวเองก็นั่งกินขนม หรือไม่ก็นอนอ่านหนังสือนิตยสารที่ชอบเข้าไปขโมยมาจากชุมชน
ไป๋จ้าวเหม่ยไม่สนใจท่าทางสติหลุดของลูกเลี้ยง ครั้นเห็นว่าเด็กน้อยยังยืนเหม่อก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เดินหายออกไปนอกห้อง หญิงสาวจัดการทำความสะอาดห้องเก็บกองขี้ไก่จนหมด แต่ให้ตายเถอะบ้านเล็ก ๆ ทว่าคนอ้วน ๆ อย่างเธอก็แทบจะหมดแรง เธอหันไปนั่งหน้าหีบ ธัญพืชกับแป้งถูกลูกไก่จิกไปหมดแล้ว เหลือก็เพียงแต่ผ้าหลายพับ และเงินอีกเกือบร้อยหยวน แน่นอนว่ายังมีคูปองสำหรับซื้อแป้งสาลีและธัญพืชอีกด้วย
“เอ๋...ยุคนี้ตกลงยังใช้คูปองอยู่ หรือว่าเลิกใช้ไปแล้วกันแน่”
“ซวนซวนพวกเราจะไปซื้อแป้งสาลีและธัญพืชได้จากที่ไหนจ๊ะ” อู๋ชิงซวนที่กำลังคุกเข่าหน้าหีบที่ตอนนี้ ไป๋จ้าวเหม่ยยกให้เป็นลังของลูกไก่ชั่วคราว ผ้าในหีบก็เอามาใช้เป็นตาข่ายตรึงเอาไว้เท่านั้น
“ก็ต้องไปซื้อในอำเภอสิ ปกติพ่อจะซื้อมาจากร้านข้าง ๆ โรงอาหาร เธอ...เอ่อ...น้ามีคูปองที่พ่อให้ไว้ไม่ใช่เหรอ อยากได้อะไรก็ไปซื้อเลย” ประเด็นคือในตลาดมันไกลยังไงล่ะ ให้เธอเดินไปตอนกลับเธอได้กลิ้งกลับมาแน่
“ช่างมันเถอะวันหลังค่อยไปหาซื้อ หนูหิวหรือยังฉันจะทำอาหารให้กินก่อน รอตอนเย็นพ่อหนูกลับมาค่อยกินอีกรอบ” ตอนแรกที่บอกว่าช่วยกันทำความสะอาดว่าน่าตกใจแล้ว ชวนกินข้าวนี่น่าตกใจกว่า อู๋ชิงซวนเบิกตาจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า
ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นดังนั้นก็เลิกถามอีก เฮ้อ...ทำไมมันดูยากไปหมดเลย แค่ถามว่าหิวหรือยัง ก็ทำให้เด็กตกใจขนาดนั้นแล้ว ยัยไป๋อ้วนเอ๊ยเธอทำอะไรกับเด็กกันแน่
************************
บทส่งท้าย“อู๋ชิงห่าวเจ้าเด็กบ้า พี่บอกให้แต่งตัวยังไงล่ะ เดี๋ยวก็ไปเปิดมูลนิธิของแม่ช้าหรอก”“พี่ซวนซวนพูดมากจริง บ่นเป็นคนแก่ไปได้พี่อายุมากกว่าผมแค่แปดปีเองนะ”“ตั้งแปดปีต่างหากล่ะไอ้เด็กบ้า”“แง้ ๆ พี่ซวนซวนชุดสีชมพูของหนูอยู่ไหนคะ”“อยู่ในตู้ใบเล็กด้านซ้ายมือไงล่ะอีอี นี่เธอหาทุกตู้แล้วแน่นะ”“ห่าวห่าวพี่บอกให้แกไปอาบน้ำ”“พี่คะ หนูหาไม่เจอ” อู๋ชิงซวนยกมือขึ้นตบลงบนหน้าผากของตนเอง ให้ตายเถอะน้องเวรพวกนี้ช่างน่ารำคาญเสียเหลือเกินอู๋ชิงห่าวน้องชายคนแรกที่แม่คลอดเมื่อแปดปีที่แล้ว ก่อนที่น้องชายเธอจะมาเกิด แม่เธอก็เกือบจะตายไปแล้ว จะว่าไปเธอยังรู้สึกผิดอยู่ไม่หาย หากไม่ใช่เพราะเธอชวนแม่ทำนา แม่ก็คงไม่เป็นลม ถึงขั้นเกือบหยุดหายใจอู๋ชิงอีน้องสาวคนต่อมา เกิดห่างจากเธอสิบปี น้องสาวคนนี้หน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา และก็ชอบแต่งตัวเป็นตุ๊กตาจริง ๆ ด้วย เมื่อก่อนเสื้อผ้าที่พวกเธอใส่จะเป็นแม่ที่ออกแบบให้ ทว่าทุกวันนี้กลายเป็นอู๋ชิงซวนที่ชอบออกแบบชุดให้น้อง ๆ ได้ใส่ ยิ่งน้องถูกชมมากเท่าไร ในฐานะพี่สาว และคนออกแบบ ก็จะดีใจเป็นอย่างมาก“พี่ซวนซวนครับ ดื่มน้ำก่อนครับ พวกเราลงไปข้างล่างกันเถอะ ลุงเ
ตอนที่ 52 ในที่สุดน้องก็มาเสียที (จบ)บ้านชานเมืองที่อำเภอเต๋อชิง ยังเต็มไปด้วยไร่นา ชาวบ้านต่างก็ก้มหน้าทำนาอยู่ในที่ของตนเอง เช่นเดียวกับอู๋เหวย ที่บัดนี้ถอดเสื้อใส่กางเกงขายาวทว่าพับขาขึ้นมากลางหน้าแข้ง ชายหนุ่มโน้มตัวหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินปักต้นกล้าในมืออย่างชำนาญ โดยมีลูกสาวตัวเล็กกำต้นกล้าปักดินอยู่ในแถวข้าง ๆ“พ่อคะ ทำไมของหนูมันเอียงอย่างนี้ล่ะคะ” อู๋ชิงซวนยืดตัวขึ้นมองผลงานของตนเอง ใบหน้าที่เริ่มฉายแววแห่งความสวยเบ้ปากขึ้น จ้องมองต้นกล้าในแปลงนา เหมือนดังงูที่คดเคี้ยวเลี้ยวไม่เป็นเส้นตรงเหมือนของพ่อตนเอง และยิ่งมองไปเห็นปู่ของเธอ ดำนาได้สวยยิ่งกว่าพ่อของเธอ เด็กน้อยก็เกิดอาการฮึดฮัด“คอยดูนะหนูไม่ยอมแพ้หรอก แม่คะ เรามาแข่งกันค่ะ หนูจำได้วิชาที่แม่สอน มีวิชาเกี่ยวกับการทำเกษตรอยู่นี่นา ไม่ทราบว่าอาจารย์ จะสาธิตให้ดูได้หรือเปล่าคะ” นับวันยิ่งคารมคมคายเข้าไปทุกที ไป๋จ้าวเหม่ยส่ายหน้าขำ แต่กระนั้นก็ก้มลงไปพับขากางเกงตนเองขึ้นมา กระชับหมวกใบใหญ่ให้แน่นและเดินลงไปในท้องนา“ได้เลย เดี๋ยวจะได้รู้ว่าปรมาจารย์ชั้นครูเขาทำกันยังไง” ไป๋จ้าวเหม่ยคว้าต้นกล้าได้ก็เดินลุยน้ำมาหาลูกสาว เธอหันไ
ตอนที่ 51 จัดการนังจิ้งจอกไป๋จ้าวเหม่ยรีบก้าวขาจนกลายเป็นวิ่งขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ใบหน้าหวานที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มพลันบึ้งตึง เธอถลกแขนเสื้อขึ้น เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ยิ่งเข้าใกล้หัวใจก็ยิ่งเต้นตึกตัก ๆ มากขึ้นตึ้ง! เสียงของหนักกระแทกกับพื้น จากนั้นก็เป็นเสียงร้องโอ๊ยตามมา ปลายเท้าที่ก้าวออกไปพลันชะงักลง เปลี่ยนเป็นเดินเร็วเข้าไปแทน ยิ่งเข้าใกล้ ก็ยิ่งได้ยินเสียงร้องดังมากขึ้น“พี่เหวย! เพราะอะไร ทำไมพี่ทำกับฉันแบบนี้ พี่ก็รู้ว่าฉันรักพี่มากแค่ไหน นังอ้วนนั่นสารเลวเพียงใด พี่ลืมไปแล้วเหรอ มันตบตีซวนซวน ทั้งยังวางยาพี่ ทำไมพี่ถึงได้ดีกับมันถึงเพียงนี้”“ต่อให้เธอจะตีซวนซวน นั่นก็เป็นสิทธิ์ที่เธอมี หลิวชิงฮุยเธอลืมไปแล้วหรือว่า เหม่ยเหม่ยเป็นเมียฉัน และเป็นแม่ของซวนซวน!”“พี่เหวย มันเอายาอะไรให้พี่กิน พี่ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ แล้วฉันล่ะ ฉันทำเพื่อพี่มากมายขนาดไหน ควักหัวใจออกมาดูบ้าง ฉันสู้อีชั่วนั่นไม่ได้ตรงไหน!”“ต่อให้เธอจะทำอะไรให้ฉันมากแค่ไหน ฉันก็ไม่มีวันมองเธอ หลิวชิงฮุยฉันบอกแล้วว่า ฉันไม่รังเกียจที่จะต่อยปากเธอ หากเธอยังกล้าด่าเมียรักของฉันคอยดูว่า ฟันหน้าเธอยังจะมีอยู่อ
ตอนที่ 50 ขึ้นบ้านใหม่ไป๋จ้าวเหม่ยหัวเราะอย่างไร้เสียง เธอยืนไว้อาลัยให้กับหลิวชิงฮุยหนึ่งรอบ ก่อนจะเดินกลับไปในบ้าน จากตอนแรกที่คิดว่าสามีซื่อ ๆ ของเธอคงจะปฏิเสธนางจิ้งจอกน้อยนั่นไม่เป็น แต่ที่ไหนได้ นอกจากปฏิเสธอย่างเด็ดขาดแล้ว อู๋เหวยยังขู่ต่อยปากเธออีกด้วย ให้ตายต่อยผู้หญิงนี่นะ แต่เอาจริงผู้หญิงอย่างนั้นก็สมควรถูกต่อย“แม่จะไปหาพ่อไม่ใช่เหรอคะ ทำไมกลับมาเร็วจัง” อู๋ชิงซวนเงยหน้าจากกล่องไม้เจาะรูกล่องใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยไก่ นอกจากไอ้ไก่ลี้จงกับลี้ถิงแล้ว มันยังขยายลูกเต้าสารพัดลี้อีกหนึ่งคอก แน่นอนว่าทุกตัวมีชื่อทั้งหมด ไป๋จ้าวเหม่ยไม่เข้าใจลูกสาวจริง ๆ เธอจะตั้งชื่อลูกไก่เพื่อ!“แม่คะไหนบอกจะไปหาพ่อไง ทำไมกลับมาเร็วจังคะ” ซวนซวนและเจินเจินต่างก็ช่วยกันเก็บของ อีกไม่กี่วันพวกเธอก็จะย้ายบ้านแล้ว อู๋ชิงซวนชอบบ้านหลังใหม่มาก ๆ เธอชอบตรงที่ห้องส่วนตัวของเธอเป็นสีชมพู และแม่บอกว่าจะวาดรูปบนผนังห้องให้กับเธอ แม่วาดรูปแปลกและสวยมาก เธอชอบที่สุด“ไม่ต้องไปแล้วละ เรื่องบางเรื่องก็สมควรเป็นพ่อของหนูที่ต้องจัดการให้ชัดเจน ฮ่า ๆ” จะต่อยปากแตกเหรอ ฮ่า ๆ เธอชอบจริง ๆเด็กน้อยสองคนเห็นแม่ตนเอ
ตอนที่ 49 อยู่ผิดที่สิบปีก็ไม่รวยอยู่ผิดที่สิบปีก็ไม่รวย ทว่าเมื่อวันที่ไป๋จ้าวเหม่ยก้าวเข้ามาในชีวิตของอู๋เหวย เขาก็รู้สึกว่า ไม่ใช่อยู่ผิดที่ แต่อยู่ผิดคนมากกว่า เพราะตั้งแต่วันแรกที่ไป๋จ้าวเหม่ยข้ามมิติเข้ามาในโลกของเขา ชีวิตเขาและลูกสาวก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับวันนี้ ครอบครัวสกุลอู๋ กำลังยืนมองบ้านหลังขนาดกลางที่ตั้งอยู่หลังตลาด ตัวบ้านสีขาว มีบริเวณด้านข้างกว้างขวาง“ซวนซวนหนูเข้าไปดูสิ ชอบหรือเปล่า” ซื้อบ้านก็ต้องตามใจผู้อยู่ หากลูกสาวเธอชอบ บ้านหลังนี้ก็ถือว่าผ่านแล้วอู๋เหวยเหลือบไปมองหน้าเยี่ยซานที่ยืนล้วงกระเป๋าทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ก็ถลึงตาใส่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้ เป็นบ้านที่เมื่อสามเดือนก่อนสหายเคยมาเสนอให้เขา ก็ที่บอกว่าเจ้าของต้องการขายเพื่อย้ายไปอยู่กับลูกที่ต่างประเทศ ผ่านมาสาม สี่เดือนแล้ว ยังขายไม่ได้อีกเหรอ น่ากลัวว่าเหล่าซานนี่แหละที่ซื้อเก็บเอาไว้“นายบอกฉันมาตามตรงเหล่าซาน นายซื้อเก็บไว้แล้วเอามาขายให้ฉันใช่ไหม”“ฉันเป็นนักธุรกิจนะ ก็ต้องซื้อไว้เก็งกำไรบ้าง นายไม่ต้องห่วง ราคาบ้านฉันเพิ่มขึ้นจากเดิมแน่”“เหล่าซาน นายทำเพื่อฉันมากเกินไปแล้ว ก่อนที่น
ตอนที่ 48 ประธานอู๋กับคุณครูไป๋ไป๋จ้าวเหม่ยยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ชุดเดรสสีขาวลายดอกเดซีสีแดงขับเน้นให้หญิงสาวดูขาวราวกับหยกชั้นดี ยิ่งชุดที่เธอใส่เป็นชุดที่เธอเพิ่งจะออกแบบเอง โดยนำแฟชั่นสมัยใหม่ มาผสมผสานกับแฟชั่นในยุคนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอดูโดดเด่นยิ่งกว่าใคร“ผมชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า ผมควรปล่อยคุณออกจากบ้าน หรือจะขังคุณเอาไว้ในกรงเหมือนเสี่ยวจง กับเสี่ยวถิงดี”“นี่อาเหวยคุณเอาฉันไปเปรียบกับไก่เลยเหรอ” หญิงสาวหมุนตัวมาถลึงตาใส่ ทว่ามีหรือที่คนหน้าบึ้งจะสนใจ เขาเบะปากพลางมองไปทางอื่น“อาเหวยฉันไม่สวยเหรอคะ ทำไมคุณไม่มองฉันเลยล่ะ นี่ฉันเสียความมั่นใจนะ อุตส่าห์ตัดเย็บชุดด้วยตัวเอง” น้ำเสียงที่แฝงแววเสียใจดังขึ้นมาเบา ๆ ไป๋จ้าวเหม่ยเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะกระจก ยิ่งจ้องมองตนเองก็ยิ่งไม่มั่นใจ เพราะหากเป็นเหมือนทุกที ไม่ว่าเธอจะใส่เสื้อผ้าชุดไหน อู๋เหวยก็มักจะเอ่ยปากชมเธอทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่มีแม้แต่คำเดียว!“เหม่ยเหม่ยคุณสวยมาก สวยจนผมกลัว เหม่ยเหม่ยผมมีอะไรดีบ้าง ผมมีสิ่งใดคู่ควรกับคุณบ้าง วันนี้คุณเป็นคุณครูโรงเรียนดัง เป็นคนมีความรู้ มีหน้ามีตา เป็นคุณครูไป๋ที่ต่อไปก็จะเ







