เสียงร้องของไป๋จ้าวเหม่ยดังออกไปถึงหน้าบ้าน นี่ยังไม่รวมถึงเสียงลูกไก่ที่ส่งเสียงกันระนาว อู๋ชิงซวนขมวดคิ้วราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย รีบวางประแจไขจักรยานเอาไว้และรีบวิ่งมาที่ในห้อง
“เธอ!...เอ่อ...น้าไป๋ เกิดอะไรขึ้นเหรอ” อู๋ชิงซวนเกือบลืมไปแล้วว่า ถ้าหากเธอพูดไม่เพราะ พ่อจะไม่รัก จึงได้รีบยกมือขึ้นตบปากตนเอง และเรียกแม่เลี้ยงว่าน้า
ไป๋จ้าวเหม่ยเอียงหน้าไปมอง ยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไป เด็กหญิงก็วิ่งมาชะโงกหน้ามองหีบสมบัติอันล้ำค่าที่น้าอ้วนคนนี้หวงนักหวงหนา ก่อนหน้านี้เธออยากรู้มาตลอดว่าแม่เลี้ยงปีศาจแอบซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง แน่นอนว่าของที่พ่อเธอซื้อกลับมาไว้ทำอาหารแป้ง ธัญพืช เครื่องปรุงล้วนถูกเก็บเอาไปทั้งหมด
ครั้งนี้ดีนักถือโอกาสมองสักหน่อยจะได้เอาไปเล่าให้พ่อฟัง ว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยแย่แค่ไหน ทว่าเมื่อใบหน้าชะโงกลงไป ดวงตาเรียวก็พลันเบิกขยาย พร้อมกับริมฝีปากที่ยิ้มจนแทบจะถึงใบหู
“น้าอ้วน น้าซื้อไข่มาฟักเหรอ ว้าว ๆ พวกเราจะเลี้ยงมันใช่ไหม ดูสิทำไมมันน่ารักขนาดนี้ล่ะ แล้วมันกินอะไรเป็นอาหารเหรอคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นท่าทางดีอกดีใจของเด็กน้อย ก็พูดไม่ออกว่า เธอไม่อยากเลี้ยงไก่
“น้าอ้วนรู้หรือเปล่า ในหมู่บ้านเรามีแค่ไม่กี่บ้านที่เลี้ยงไก่ ดีจริงต่อไปนี้ฉันก็จะมีไข่กินทุกวันแล้ว เสี่ยวมี่บอกว่าน้าฟางเอาไข่มาทำไข่ตุ๋นใส่เนื้อสับอร่อยมาก และที่สำคัญลูกไก่ของพวกเรา น่ารักกว่าไก่ของเสี่ยวมี่อีก” พูดถึงขนาดนี้แล้วจะให้ทำอย่างไรได้อีก
“เราเลี้ยงเอาไว้ก็ได้” ทันทีที่คำอนุญาตของไป๋จ้าวเหม่ยดังขึ้น อู๋ชิงซวนก็กระโดดจนตัวลอย เธอร้องเย้ออกมาดังลั่น รีบก้มลงไปอุ้มลูกไก่ตัวน้อยมาไว้บนมือ เอาแก้มตนเองถูไถไปมา ดูท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก
ไป๋จ้าวเหม่ยยกยิ้มขึ้น ตั้งแต่เธอทะลุมิติมา นอกจากสีหน้าอวดดีแล้ว ก็เพิ่งจะเคยเห็นเด็กน้อยดีใจเช่นนี้เป็นครั้งแรก แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเพราะเธอจะเปลี่ยนเด็กคนนี้ให้ได้
“หยุดเลย ก่อนอื่นเราต้องไปทำกรงขังมันก่อน และหน้าที่เลี้ยงพวกมันเธอต้องเป็นคนรับผิดชอบ ซวนซวนเธอทำได้หรือเปล่า ไม่ใช่คิดว่าจะเลี้ยงเพราะมันน่ารัก เพราะสัตว์ทุกตัวพอมันโตความน่ารักก็จะลดลงแล้ว”
อู๋ชิงซวนเม้มปากเป็นเส้นตรง ก็เห็นอยู่ว่าลูกไก่ตัวนี้น่ารัก โตขึ้นมันจะไม่น่ารักได้อย่างไร หรือว่าเธอโตขึ้นก็จะไม่น่ารักเหมือนกัน แต่นั่นจะเป็นไปได้ยังไง ย่าเคยบอกว่าตอนเด็ก ๆ พ่อของเธอ ก็หน้าตาน่ารัก โตมาก็เห็นว่าพ่อหล่อเหลาขนาดนี้ น้าอ้วนนี่ต้องโกหกแน่ ๆ
“แต่ฉันเชื่อว่าไก่ตัวนี้ต้องน่ารักแน่ ๆ เหมือนพ่อยังไงล่ะ ย่าก็บอกว่าตอนเด็ก ๆ พ่อก็น่ารัก โตมาก็หล่อ ไก่ตัวนี้ก็ต้องหล่อ น้าอ้วนอย่ามาโกหกให้ยากเลย ฉันไม่เชื่อหรอก พี่สาวหลิวชิงฮุยบอกแล้วคำพูดจาของน้าอ้วนเต็มไปด้วยคำโกหก”
“ซวนซวนก่อนอื่นเลยนะ เธอควรหยุดเรียกฉันว่าอ้วนเสียก่อน ผู้หญิงที่หนักแค่หกสิบ เจ็ดสิบ ไม่นับว่าอ้วน เขาเรียกว่าสาวอวบ และที่สำคัญเธอต้องเรียกแทนตัวเองว่าหนู และถ้าต่อไปนี้ฉันได้ยินเธอพูดไม่เพราะอีกคำ ฉันจะต้มลูกไก่พวกนี้กินให้หมด” อู๋ชิงซวนเอามือที่อุ้มลูกไก่ซ่อนเอาไว้ด้านหลัง เด็กน้อยถอยหลังพลางส่ายหน้า
ทว่าลูกไก่ตัวน้อยที่ถูกบีบจนส่งเสียงร้อง มันกระโดดจนหลุดออกจากมือเล็ก วิ่งหนีไปอยู่ในซอกตู้ ทว่าระหว่างทางที่มันวิ่งไป มันดันขี้ราดไว้เต็มพื้นหญิงสาวต่างขนาด พลันมองหน้ากัน เหมือนกับว่าลูกไก่น้อยเหล่านี้มันส่งสัญญาณถึงกัน ตัวหนึ่งร้องอีกสองตัวก็ร้องรับกันเป็นแถว จากนั้นมันก็พากันกระโดดออกจากหีบใบใหญ่ วิ่งหนีเข้าไปตามซอกตู้เตียง
“ซวนซวนไปปิดประตูเร็วเข้า เดี๋ยวลูกไก่หลุด” อู่ชิงซวนเลิกเล่นแง่กับแม่เลี้ยงอ้วนทันที เด็กน้อยกระโดดทีเดียวก็ถึงประตูห้อง ปิดมันลงพร้อมกับวิ่งกลับเข้ามา ช่วยกันจับลูกไก่ที่วิ่งหนีไปรอบห้อง วิ่งอย่างเดียวไม่พอ ดันขี้ใส่ห้องเต็มไปหมด กว่าจะจับได้ไป๋จ้าวเหม่ยก็ตัวเปียกซ่กไปด้วยเหงื่อ
“เฮือก! โอ๊ย ๆ ฉันจะเป็นลม ซวนซวนเธอช่วยไปตักน้ำให้ฉันสักแก้วเถอะ ฉันไม่เหลือแรงจะเดินแล้ว” ร่างอวบอ้วนนั่งทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียง อ้าปากหอบหายใจดังออกมาเหมือนหมู
ตอนแรกอู๋ชิงซวนก็จะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสภาพทุลักทุเลของแม่เลี้ยง และเห็นลูกไก่ที่ถูกจับเข้าไปอยู่ในหีบไม้เหมือนเดิม เธอก็ยินยอมในที่สุด
“น้ำได้แล้ว” ถึงอย่างไรอู๋ชิงซวนก็ไม่คิดจะสนิทสนมกับแม่เลี้ยงคนนี้อยู่ดี ดังนั้นเมื่อเทน้ำใส่แก้วมาแล้ว เธอจึงยื่นไปตรง ๆ เลย
“ขอบใจเธอมากจ้ะซวนซวน” ไป๋จ้าวเหม่ยรับแก้วน้ำมาถือไว้ แล้วก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเด็กหญิงได้เห็น ว่าการที่เราจะรับอะไรจากใคร ต้องกล่าวขอบคุณด้วยทุกครั้ง
อู๋ชิงซวนเพิ่งเคยได้รับการขอบคุณเป็นครั้งแรก ใบหน้าเล็ก ๆ พลันแดงซ่าน เธอหันหน้าหนีกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะชี้ไปที่ลูกไก่ตัวเล็กที่ถูกขังเอาไว้ในหีบ
“น้าไป๋แล้วลูกไก่พวกนี้ทำยังไงดี”
“เอาไว้ในนั้นก่อน ซวนซวนเธอไปหาผ้ากับถังน้ำเข้ามา เดี๋ยวเราสองคนต้องช่วยกันทำความสะอาดห้องก่อน” เด็กหญิงตัวน้อยเบิกตาขึ้น เธอยกนิ้วมือเล็ก ๆ ขึ้นแคะหู แต่กลัวว่าจะไม่ดีพอ เธอจึงยกมือขึ้นตบหูตัวเองไปเลย
“นี่ ๆ ทำอะไร เดี๋ยวแก้วหูก็ฉีก อยากหูหนวกหรือไงฮะ”
“อะไรคือแก้วหู แก้วจะเข้าไปอยู่ในหูได้ยังไง เฮ้อ...สงสัยน้าจะสมองเสื่อมแล้ว” ถ้าไม่ใช่สมองเสื่อม แล้วน้าอ้วนจะบอกว่าช่วยกันถูพื้นได้ยังไง ปกติแล้วต้องใช้ให้เธอทำ แล้วตัวเองก็นั่งกินขนม หรือไม่ก็นอนอ่านหนังสือนิตยสารที่ชอบเข้าไปขโมยมาจากชุมชน
ไป๋จ้าวเหม่ยไม่สนใจท่าทางสติหลุดของลูกเลี้ยง ครั้นเห็นว่าเด็กน้อยยังยืนเหม่อก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เดินหายออกไปนอกห้อง หญิงสาวจัดการทำความสะอาดห้องเก็บกองขี้ไก่จนหมด แต่ให้ตายเถอะบ้านเล็ก ๆ ทว่าคนอ้วน ๆ อย่างเธอก็แทบจะหมดแรง เธอหันไปนั่งหน้าหีบ ธัญพืชกับแป้งถูกลูกไก่จิกไปหมดแล้ว เหลือก็เพียงแต่ผ้าหลายพับ และเงินอีกเกือบร้อยหยวน แน่นอนว่ายังมีคูปองสำหรับซื้อแป้งสาลีและธัญพืชอีกด้วย
“เอ๋...ยุคนี้ตกลงยังใช้คูปองอยู่ หรือว่าเลิกใช้ไปแล้วกันแน่”
“ซวนซวนพวกเราจะไปซื้อแป้งสาลีและธัญพืชได้จากที่ไหนจ๊ะ” อู๋ชิงซวนที่กำลังคุกเข่าหน้าหีบที่ตอนนี้ ไป๋จ้าวเหม่ยยกให้เป็นลังของลูกไก่ชั่วคราว ผ้าในหีบก็เอามาใช้เป็นตาข่ายตรึงเอาไว้เท่านั้น
“ก็ต้องไปซื้อในอำเภอสิ ปกติพ่อจะซื้อมาจากร้านข้าง ๆ โรงอาหาร เธอ...เอ่อ...น้ามีคูปองที่พ่อให้ไว้ไม่ใช่เหรอ อยากได้อะไรก็ไปซื้อเลย” ประเด็นคือในตลาดมันไกลยังไงล่ะ ให้เธอเดินไปตอนกลับเธอได้กลิ้งกลับมาแน่
“ช่างมันเถอะวันหลังค่อยไปหาซื้อ หนูหิวหรือยังฉันจะทำอาหารให้กินก่อน รอตอนเย็นพ่อหนูกลับมาค่อยกินอีกรอบ” ตอนแรกที่บอกว่าช่วยกันทำความสะอาดว่าน่าตกใจแล้ว ชวนกินข้าวนี่น่าตกใจกว่า อู๋ชิงซวนเบิกตาจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า
ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นดังนั้นก็เลิกถามอีก เฮ้อ...ทำไมมันดูยากไปหมดเลย แค่ถามว่าหิวหรือยัง ก็ทำให้เด็กตกใจขนาดนั้นแล้ว ยัยไป๋อ้วนเอ๊ยเธอทำอะไรกับเด็กกันแน่
************************
ตอนที่ 6 ไม่มีใครรับ ก็รับเองตอนเย็นอู๋เหวยกลับมาถึงบ้านพร้อมกับกล่องอาหารเหมือนทุกวัน เขาเดินเข้ามาในบ้าน มองหน้าลูกสาวอันเป็นที่รักก่อนเป็นอันดับแรกเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงา ในใจชายหนุ่มเริ่มวิตกกังวลกลัวว่าลูกสาวจะถูกแม่เลี้ยงรังแกอีกจะไม่ให้กลัวได้ยังไงเพราะทุกวันที่เขาเลิกงานกลับมา ลูกสาวก็มักจะมารอรับที่หน้าบ้านเสมอ แต่วันนี้กลับไม่มี! ในขณะที่กำลังจะเดินไปตามหาที่หลังบ้านนั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกจากนอกรั้วเสียก่อน คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน พลางชะเง้อหน้าไปมอง“พี่เหวยคะ พี่กลับมาหรือยังคะ ฉันเอาจักรยานมาเติมลมน่ะค่ะ”อู๋เหวยถอนหายใจออกมา ตัดใจเดินออกไปที่หน้าบ้านก่อน เพราะได้ยินว่าลูกค้าเอารถมาเติมลม บ้านเล็ก ๆ ของเขาแบ่งส่วนหน้าออกมาทำเป็นร้านซ่อมรถจักรยานเล็ก ๆ คนในหมู่บ้านก็เริ่มมีจักรยานกันหลายคนแล้ว และอีกอย่างพวกทหารที่กองพันสิบเอ็ดก็ชอบเอาจักรยานมาซ่อมที่นี่ อาจเพราะมันอยู่ใกล้กว่าในอำเภอ รายได้ของร้านจึงค่อนข้างที่จะดีมากอยู่ครั้นเมื่ออู๋เหวยออกมาหน้าบ้าน ก็เห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงบานสีแดงยาวจนถึงข้อเท้า และเสื้อสีขาวลายดอกไม้สีแดง เส้นผมดัดเป็นลอนยาว
ตอนที่ 7 สอนลูกยังไงไป๋จ้าวเหม่ยเดินตามสองพ่อลูกกลับเข้ามาในบ้าน เธอเห็นเด็กน้อยนั่งร้องไห้อยู่มุมห้อง โดยมีคนเป็นพ่อกำลังกอดปลอบ ทว่าคำสอนของอู๋เหวยยิ่งฟัง หัวคิ้วของหญิงสาวก็ยิ่งขมวดแน่น“พ่อรู้ว่าลูกไม่ชอบไป๋จ้าวเหม่ย และจริง ๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นนิสัยไม่ดี แต่ลูกก็ไม่ควรจะไปต่อว่าเธอแบบนั้น เพราะนั่นจะทำให้ลูกเหมือนกับเธอ กลายเป็นคนไม่ดีเหมือนเธอ เฮ้อ...พ่อไม่อยากให้ซวนซวนนิสัยเลวร้ายเข้าใจหรือเปล่าครับ”“แต่เธอพูดเหมือนไม่เคยแย่งของหนูกิน ทั้ง ๆ ที่เธอแย่งทุกอย่าง”“นั่นเพราะเธอเป็นผีหิวโซ เป็นตัวตะกละยังไงล่ะ เราไม่ใช่คนแบบเดียวกันกับเธอ เราไม่ตะกละและไม่อยากได้ของของคนอื่น” จะสอนลูกดี ๆ ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องดึงเธอเข้าไปด่าด้วย ถึงจะรู้ว่าพ่อลูกคู่นั้นด่าร่างเดิม แต่ขอละตอนนี้เธออยู่ในร่างนี้นะ!ไป๋จ้าวเหม่ยเลิกสนใจพ่อลูกคู่นี้อีก เพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เธอหยิบกล่องอาหารที่อู๋เหวยเอามา และจากที่หลิวชิงฮุยเอามา แค่นี้กับข้าวก็มีถึงห้าอย่างแล้ว ไม่ต้องทำเพิ่ม เหลือแค่เพียงหุงข้าวเท่านั้น หญิงสาวยกกล่องอาหารเข้าไปในครัว พอดีกับที่มีคนมาซ่อมรถที่หน้าบ้าน อู๋เหวยจึงแยกไปอีกทางแต่เม
ตอนที่ 8 บุญคุณความแค้น“น้าวันนี้ไม่ใช่บอกว่า เราจะสร้างคอกไก่กันหรอกหรือ” ตั้งแต่ส่งคนเป็นพ่อออกไปทำงาน อู๋ชิงซวนก็กลับมานั่งรออยู่นาน ก็ไม่เห็นว่าแม่เลี้ยงจะออกจากห้อง เธอจึงเปิดประตูเดินเข้าไปมอง ทว่าเมื่อเห็นแล้วก็ต้องขมวดคิ้วไม่พอใจ“น้าผิดนัดฉันเพื่อมานอนอ่านนิตยสารเท่านั้นเองเหรอ” เด็กหญิงยกมือกอดอกเชิดหน้า ทำแก้มป่อง ท่าทางของเธอไม่ได้ดูน่ากลัว แต่กลับดูน่ารักเป็นอย่างมากในสายตาของไป๋จ้าวเหม่ย“ใช่แล้วฉันผิดนัด เพราะฉันไม่พอใจ หนูน้อยฉันไม่ชอบที่เธอทำตัวเหมือนจิ้งจก เปลี่ยนสีไปเปลี่ยนสีมา ความจริงเธอฉลาดเลือกก็ดีแล้ว ทั้งยังอยู่เป็นฉันไม่ว่า แต่สำหรับฉัน การกระทำของเธอมันไม่น่ารัก” ไป๋จ้าวเหม่ยวางนิตยสารในมือลง ขยับตัวมานั่งและชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ตรงหน้า“มานั่งคุยกันตรงนี้ก่อน” อู๋ชิงซวนเดินมานั่งอย่างไม่เต็มใจ ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยไม่สนใจแม้แต่น้อยความจริงเธอไม่ได้โกรธเด็กน้อยเลย ทว่าเธอแค่ไม่อยากให้เด็กคนนี้โตไปมีนิสัยกลับกลอกอย่างนี้ แต่ลึก ๆ แล้วก็รู้ว่า ที่อู๋ชิงซวนเป็นแบบนี้เพราะเธอ อยู่กับเธอเด็กย่อมไม่กล้าดื้อ แต่เมื่ออยู่กับพ่อของตัวเอง ในใจเด็กรู้ดีว่า พ่อคอยโอ๋ทำอะไรพ่
ตอนที่ 9 คิดว่าหนีกลับบ้าน“ทวดสามท่านมาอยู่กับอาสะใภ้อู๋นี่เอง แม่ให้ฉันมาตามทวดกลับไปกินข้าว”“ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วเหรอ ตายจริงฉันรั้งย่าสามเอาไว้เสียตั้งนาน” หากเจินเจินเรียกทวด เช่นนั้นหญิงชราก็คงเป็นย่าของอู๋เหวยกระมัง“เฮ้อ...วันนี้ได้พูดคุยกับอาเหม่ยย่าก็สบายใจขึ้นมาก ดูเหมือนเจ็บป่วยไปครั้งนี้ อาเหม่ยของพวกเราจะรู้ความขึ้นตั้งเยอะแน่ะ ฮ่า ๆ ดีจริง ๆ วิญญาณน้องชายในปรโลกก็คงวางใจได้แล้ว หลานสะใภ้ที่ตัวเองเลือกเปลี่ยนนิสัย ไม่ถือโทษโกรธคนรุ่นเก่าอีก เอาละ ๆ ย่าสามกลับบ้านก่อน เย็นนี้ก็อย่าลืมมาหุงข้าวที่บ้านล่ะ”“เฮ้อ...เมื่อไรอาสะใภ้อู๋จะไปจ่ายค่าไฟ ไม่รู้หรือไงว่าใช้ไฟบ้านคนอื่นมันน่ารังเกียจ”“เจินเจินหุบปาก!” เด็กหญิงเจินเจินเบ้ปากคว่ำหน้าลง ทว่าสายตาที่เหลือบขึ้นมามองไป๋จ้าวเหม่ยก็ดูไม่เป็นมิตรนัก แต่จะทำอย่างไรได้ ร่างเก่าสร้างเรื่องเอาไว้ขนาดนี้ แม้แต่เด็กน้อยยังเกลียดเธอเลยคิดดูเอาเองเถอะ เฮ้อ...“อย่าว่าเสี่ยวเจินเลยค่ะ เด็กเขาไร้เดียงสาคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น แต่ย่าสามคะฉันต้องขอบคุณที่ย่าเป็นห่วงฉัน เงินเดือนของอาเหวยเดือนที่แล้ว ฉันยังไม่ได้ส่งให้แม่เลย เดี๋ยววัน
ตอนที่ 10 ตรวจสายตา“พ่อคะ พ่อคะ” อู๋ชิงซวนตะโกนเรียกพ่อของเธอดังลั่น น้ำเสียงนั้นฟังดูทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ เสียงเธอดังก่อนที่ตัวเธอจะโผล่มาเสียอีก“หืม...ดูเหมือนซวนซวนของพ่อจะดีใจนะ อะไรทำให้หนูดีใจได้ขนาดนั้นกันคะลูก”“ก็นี่อย่างไรล่ะคะ พ่อแอบซื้อมาเหรอคะ ทำไมเมื่อวานไม่เอามาให้หนูนะ ฮื้อ...ลูกอมกระต่ายขาว หนูรักพ่อที่สุดเลยค่ะ ตอนนั้นพี่ชิงฮุยเคยเอามาให้กิน แต่แค่เม็ดเดียวเอง หนูยังจำได้เลย ตอนที่นมละลายในปากมันอร่อยมากแค่ไหน โอ้วนั่นแค่เม็ดเดียว แต่นี่ทั้งถุง ให้ตายเถอะหนูตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว”อู๋ชิงซวนกอดห่อลูกอมยอดฮิตไว้แนบอก ใบหน้าเด็กหญิงแสดงออกถึงความดีใจเป็นอย่างมาก อู๋เหวยยิ้มกว้างออกมา ทว่าในใจกลับเจ็บปวดไปทั้งใจ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวชอบกินอะไร เขาไม่เคยซื้อของพวกนี้ให้ลูกกิน เพราะว่ามันไม่อิ่มท้องของที่เขาซื้อมักจะเป็นขนมโก๋ กินชิ้นเดียวก็อิ่มไปทั้งวัน และไม่ใช่ว่าจะซื้อมาบ่อย ๆ นาน ๆ ครั้งซวนซวนถึงจะได้กิน เพราะเขาไม่มีเงิน ทั้งเงินหยวนทั้งคูปอง ทุกครั้งไป๋จ้าวเหม่ยก็จะบังคับเอาไปจนหมด“พ่อคะพ่อรู้หรือเปล่า เปลือกห่อมันทำมาจากข้าว เรากินมันได้ด้วยนะคะ นี่ค่ะ
ตอนที่ 1 บทนำแสงสีนวลของหลอดไฟส่องลงมาจากเพดานสีขาว ร่างอวบอั๋นนอนบนเตียงขนาดสามฟุตยกมือขึ้นป้องสายตา ดวงตาหงส์หรี่ลง พร้อมกับความเจ็บปวด แล่นปรี๊ดเข้ามาในก้านสมอง เธอนิ่วหน้าลง“โอ๊ย!...ทำไมปวดหัวแบบนี้นะ” ริมฝีปากบางส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ มือเล็กยกไปลูบที่ด้านหลังท้ายทอย แต่เมื่อสัมผัสกับผ้าอะไรบางอย่างที่สาก ๆ มือ หญิงสาวก็พลันลืมตาขึ้น ทว่าภาพที่เห็นในสายตากลับทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าเดิม“นี่มัน! ฉันบาดเจ็บได้ยังไงกัน” หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้องสี่เหลี่ยมสีขาวหม่น สายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางจากเสาต่อเข้าแขนของเธอ พร้อมกับหัวที่ปวดตุ๊บ ๆ บ่งบอกได้อย่างเดียวว่าเธอกำลังบาดเจ็บ แต่ทำไมกัน เธอกำลังนั่งตรวจการบ้านเด็กนักเรียนในห้องพักครูอยู่ไม่ใช่เหรอ อยู่ ๆ มานอนให้น้ำเกลือในโรงพยาบาลได้อย่างไร แต่แล้วเสียงเล็ก ๆ ก็ดังขัดความคิดให้สะดุดลง“คนใจร้าย ทำไมเธอถึงตื่นขึ้นมาอีกล่ะ ไหนพ่อบอกว่าเธอตายไปแล้ว ไม่รู้เหรอว่าทุกคนอยากให้เธอตาย ตื่นขึ้นมาทำไม!” เสียงเด็กน้อยทั้งห้วนและทั้งกระด้างเจือไปด้วยความโมโหดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด หญิงสาวบนเตียงหันไปมองช้า ๆ ก็เห็นเข้ากับเด็กหญิงตัวน้อย ที่ใบหน
ตอนที่ 2 คนเลวอย่างเธอแม้แต่นรกก็ไม่ต้องการปัง!บานประตูถูกกระชากจนกระแทกเข้ากับผนังห้องจนเกิดเสียงดัง ร่างอวบอั๋นบนเตียงนอนสะดุ้งตื่น พลางกวาดสายตาที่สั่นระริกมองไปรอบ ๆ เสียงรองเท้าหนังกระแทกพื้นเดินเข้ามาหน้าเตียงนอน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพ่อหนุ่มมังกรเทียนเย่า ซีรีส์จีนที่เธอเพิ่งถ่างตาดูจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตาเรียวโค้งขึ้นเป็นรูปหัวใจ โรคบ้าดารากำเริบขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่“เทียนเย่า” ริมฝีปากอวบอิ่ม เอ่ยเรียกพร้อมกับดวงตาเปล่งประกายเป็นรูปหัวใจ เทียนเย่าเชียวนะ เสี่ยวโยวของเมีย โอ๊ย!“ไม่มีเทียนเย่า เส่าเย่าอะไรทั้งนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยผู้หญิงสารเลวอย่างเธอนี่มันตายยากเหลือเกินนะ แต่ฉันก็เข้าใจ คนเลวอย่างเธอแม้แต่นรกก็ไม่ต้องการ ดังนั้นท่านจึงได้ถีบส่งดวงวิญญาณชั่ว ๆ ของเธอ ให้ฟื้นกลับมาอีกยังไงล่ะ” แต่แล้วคำพูดที่แสนจะระคายเคืองหู ก็บิดเบือนให้ใบหน้าหล่อราวฟ้าประทานพลันดูแสลงตาลงไปทันทีแน่นอนว่าอู๋เหวยเห็นสายตาที่มองเขาอย่างหลงใหลก็พลันรังเกียจ ผู้หญิงสารเลวคนนี้ชอบมองเขาเช่นนี้มาตลอด บ้าผู้ชาย!“เป็นบ้าหรือไง อยู่ ๆ ก็มาอวยพรให้ฉันขนาดนี้ นายเป็นโรคทางสมองเหรอ
ตอนที่ 3 หรือว่าเธอไม่ปากร้ายหลังจากที่อู๋เหวยออกไปแล้ว ไป๋จ้าวเหม่ยก็นอนก่ายหน้าผากมองเพดานสีขาวออกเหลือง บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอถอนหายใจออกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้ป่านนี้ร่างกายของเธอจะถูกเผาหรือถูกฝัง ในยุคที่เธอจากมา ประเทศจีนเริ่มรณรงค์ให้มีการเผาศพกันมากขึ้น อาจเพราะพื้นที่มีจำนวนจำกัด แต่ผู้คนก็ยังไม่ยอมรับกันเท่าไรนัก และเธอเองก็ไม่อยากถูกเผาเช่นกัน“เฮ้อ...เอาเถอะจะเผาหรือฝัง ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับฉันอีกแล้ว ฮื้อ...แต่ฉันอยากกลับบ้าน”“อยากกลับบ้านก็ต้องทน ใครใช้ให้น้าอ้วนวิ่งเข้าชนรถพ่อล่ะ รู้ไหมว่าพ่อต้องเสียเงินให้ลุงเยี่ยซานเจ้าของรถ เพื่อซ่อมรอยบุบที่ชนเธอน่ะ แล้วจะบอกอะไรให้ เงินเดือนนี้ของพ่อคงถูกหักหมด เธออย่ามาร้องขอเงินเชียวล่ะ เพราะที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเธอน้าอ้วน!” เด็กหญิงตัวน้อยนั่งกอดอก เชิดปลายคางขึ้นสูง ปรายตามองลงมาผ่านปลายจมูก ใบหน้าแสดงความรังเกียจแกมปวดใจออกมาไม่รู้ว่าไป๋จ้าวเหม่ยจะตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี ระหว่างคำว่าอ้วน หรือระหว่างคำว่า ที่รถบุบเพราะชนเธอ ให้ตายไม่ว่าจะอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น ให้ตายเถอะเธอทะลุมิติมาอยู่ในยุคบ้าอะไรกั
ตอนที่ 10 ตรวจสายตา“พ่อคะ พ่อคะ” อู๋ชิงซวนตะโกนเรียกพ่อของเธอดังลั่น น้ำเสียงนั้นฟังดูทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ เสียงเธอดังก่อนที่ตัวเธอจะโผล่มาเสียอีก“หืม...ดูเหมือนซวนซวนของพ่อจะดีใจนะ อะไรทำให้หนูดีใจได้ขนาดนั้นกันคะลูก”“ก็นี่อย่างไรล่ะคะ พ่อแอบซื้อมาเหรอคะ ทำไมเมื่อวานไม่เอามาให้หนูนะ ฮื้อ...ลูกอมกระต่ายขาว หนูรักพ่อที่สุดเลยค่ะ ตอนนั้นพี่ชิงฮุยเคยเอามาให้กิน แต่แค่เม็ดเดียวเอง หนูยังจำได้เลย ตอนที่นมละลายในปากมันอร่อยมากแค่ไหน โอ้วนั่นแค่เม็ดเดียว แต่นี่ทั้งถุง ให้ตายเถอะหนูตื่นเต้นไม่ไหวแล้ว”อู๋ชิงซวนกอดห่อลูกอมยอดฮิตไว้แนบอก ใบหน้าเด็กหญิงแสดงออกถึงความดีใจเป็นอย่างมาก อู๋เหวยยิ้มกว้างออกมา ทว่าในใจกลับเจ็บปวดไปทั้งใจ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวชอบกินอะไร เขาไม่เคยซื้อของพวกนี้ให้ลูกกิน เพราะว่ามันไม่อิ่มท้องของที่เขาซื้อมักจะเป็นขนมโก๋ กินชิ้นเดียวก็อิ่มไปทั้งวัน และไม่ใช่ว่าจะซื้อมาบ่อย ๆ นาน ๆ ครั้งซวนซวนถึงจะได้กิน เพราะเขาไม่มีเงิน ทั้งเงินหยวนทั้งคูปอง ทุกครั้งไป๋จ้าวเหม่ยก็จะบังคับเอาไปจนหมด“พ่อคะพ่อรู้หรือเปล่า เปลือกห่อมันทำมาจากข้าว เรากินมันได้ด้วยนะคะ นี่ค่ะ
ตอนที่ 9 คิดว่าหนีกลับบ้าน“ทวดสามท่านมาอยู่กับอาสะใภ้อู๋นี่เอง แม่ให้ฉันมาตามทวดกลับไปกินข้าว”“ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วเหรอ ตายจริงฉันรั้งย่าสามเอาไว้เสียตั้งนาน” หากเจินเจินเรียกทวด เช่นนั้นหญิงชราก็คงเป็นย่าของอู๋เหวยกระมัง“เฮ้อ...วันนี้ได้พูดคุยกับอาเหม่ยย่าก็สบายใจขึ้นมาก ดูเหมือนเจ็บป่วยไปครั้งนี้ อาเหม่ยของพวกเราจะรู้ความขึ้นตั้งเยอะแน่ะ ฮ่า ๆ ดีจริง ๆ วิญญาณน้องชายในปรโลกก็คงวางใจได้แล้ว หลานสะใภ้ที่ตัวเองเลือกเปลี่ยนนิสัย ไม่ถือโทษโกรธคนรุ่นเก่าอีก เอาละ ๆ ย่าสามกลับบ้านก่อน เย็นนี้ก็อย่าลืมมาหุงข้าวที่บ้านล่ะ”“เฮ้อ...เมื่อไรอาสะใภ้อู๋จะไปจ่ายค่าไฟ ไม่รู้หรือไงว่าใช้ไฟบ้านคนอื่นมันน่ารังเกียจ”“เจินเจินหุบปาก!” เด็กหญิงเจินเจินเบ้ปากคว่ำหน้าลง ทว่าสายตาที่เหลือบขึ้นมามองไป๋จ้าวเหม่ยก็ดูไม่เป็นมิตรนัก แต่จะทำอย่างไรได้ ร่างเก่าสร้างเรื่องเอาไว้ขนาดนี้ แม้แต่เด็กน้อยยังเกลียดเธอเลยคิดดูเอาเองเถอะ เฮ้อ...“อย่าว่าเสี่ยวเจินเลยค่ะ เด็กเขาไร้เดียงสาคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น แต่ย่าสามคะฉันต้องขอบคุณที่ย่าเป็นห่วงฉัน เงินเดือนของอาเหวยเดือนที่แล้ว ฉันยังไม่ได้ส่งให้แม่เลย เดี๋ยววัน
ตอนที่ 8 บุญคุณความแค้น“น้าวันนี้ไม่ใช่บอกว่า เราจะสร้างคอกไก่กันหรอกหรือ” ตั้งแต่ส่งคนเป็นพ่อออกไปทำงาน อู๋ชิงซวนก็กลับมานั่งรออยู่นาน ก็ไม่เห็นว่าแม่เลี้ยงจะออกจากห้อง เธอจึงเปิดประตูเดินเข้าไปมอง ทว่าเมื่อเห็นแล้วก็ต้องขมวดคิ้วไม่พอใจ“น้าผิดนัดฉันเพื่อมานอนอ่านนิตยสารเท่านั้นเองเหรอ” เด็กหญิงยกมือกอดอกเชิดหน้า ทำแก้มป่อง ท่าทางของเธอไม่ได้ดูน่ากลัว แต่กลับดูน่ารักเป็นอย่างมากในสายตาของไป๋จ้าวเหม่ย“ใช่แล้วฉันผิดนัด เพราะฉันไม่พอใจ หนูน้อยฉันไม่ชอบที่เธอทำตัวเหมือนจิ้งจก เปลี่ยนสีไปเปลี่ยนสีมา ความจริงเธอฉลาดเลือกก็ดีแล้ว ทั้งยังอยู่เป็นฉันไม่ว่า แต่สำหรับฉัน การกระทำของเธอมันไม่น่ารัก” ไป๋จ้าวเหม่ยวางนิตยสารในมือลง ขยับตัวมานั่งและชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ตรงหน้า“มานั่งคุยกันตรงนี้ก่อน” อู๋ชิงซวนเดินมานั่งอย่างไม่เต็มใจ ทว่าไป๋จ้าวเหม่ยไม่สนใจแม้แต่น้อยความจริงเธอไม่ได้โกรธเด็กน้อยเลย ทว่าเธอแค่ไม่อยากให้เด็กคนนี้โตไปมีนิสัยกลับกลอกอย่างนี้ แต่ลึก ๆ แล้วก็รู้ว่า ที่อู๋ชิงซวนเป็นแบบนี้เพราะเธอ อยู่กับเธอเด็กย่อมไม่กล้าดื้อ แต่เมื่ออยู่กับพ่อของตัวเอง ในใจเด็กรู้ดีว่า พ่อคอยโอ๋ทำอะไรพ่
ตอนที่ 7 สอนลูกยังไงไป๋จ้าวเหม่ยเดินตามสองพ่อลูกกลับเข้ามาในบ้าน เธอเห็นเด็กน้อยนั่งร้องไห้อยู่มุมห้อง โดยมีคนเป็นพ่อกำลังกอดปลอบ ทว่าคำสอนของอู๋เหวยยิ่งฟัง หัวคิ้วของหญิงสาวก็ยิ่งขมวดแน่น“พ่อรู้ว่าลูกไม่ชอบไป๋จ้าวเหม่ย และจริง ๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นนิสัยไม่ดี แต่ลูกก็ไม่ควรจะไปต่อว่าเธอแบบนั้น เพราะนั่นจะทำให้ลูกเหมือนกับเธอ กลายเป็นคนไม่ดีเหมือนเธอ เฮ้อ...พ่อไม่อยากให้ซวนซวนนิสัยเลวร้ายเข้าใจหรือเปล่าครับ”“แต่เธอพูดเหมือนไม่เคยแย่งของหนูกิน ทั้ง ๆ ที่เธอแย่งทุกอย่าง”“นั่นเพราะเธอเป็นผีหิวโซ เป็นตัวตะกละยังไงล่ะ เราไม่ใช่คนแบบเดียวกันกับเธอ เราไม่ตะกละและไม่อยากได้ของของคนอื่น” จะสอนลูกดี ๆ ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องดึงเธอเข้าไปด่าด้วย ถึงจะรู้ว่าพ่อลูกคู่นั้นด่าร่างเดิม แต่ขอละตอนนี้เธออยู่ในร่างนี้นะ!ไป๋จ้าวเหม่ยเลิกสนใจพ่อลูกคู่นี้อีก เพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เธอหยิบกล่องอาหารที่อู๋เหวยเอามา และจากที่หลิวชิงฮุยเอามา แค่นี้กับข้าวก็มีถึงห้าอย่างแล้ว ไม่ต้องทำเพิ่ม เหลือแค่เพียงหุงข้าวเท่านั้น หญิงสาวยกกล่องอาหารเข้าไปในครัว พอดีกับที่มีคนมาซ่อมรถที่หน้าบ้าน อู๋เหวยจึงแยกไปอีกทางแต่เม
ตอนที่ 6 ไม่มีใครรับ ก็รับเองตอนเย็นอู๋เหวยกลับมาถึงบ้านพร้อมกับกล่องอาหารเหมือนทุกวัน เขาเดินเข้ามาในบ้าน มองหน้าลูกสาวอันเป็นที่รักก่อนเป็นอันดับแรกเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงา ในใจชายหนุ่มเริ่มวิตกกังวลกลัวว่าลูกสาวจะถูกแม่เลี้ยงรังแกอีกจะไม่ให้กลัวได้ยังไงเพราะทุกวันที่เขาเลิกงานกลับมา ลูกสาวก็มักจะมารอรับที่หน้าบ้านเสมอ แต่วันนี้กลับไม่มี! ในขณะที่กำลังจะเดินไปตามหาที่หลังบ้านนั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกจากนอกรั้วเสียก่อน คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน พลางชะเง้อหน้าไปมอง“พี่เหวยคะ พี่กลับมาหรือยังคะ ฉันเอาจักรยานมาเติมลมน่ะค่ะ”อู๋เหวยถอนหายใจออกมา ตัดใจเดินออกไปที่หน้าบ้านก่อน เพราะได้ยินว่าลูกค้าเอารถมาเติมลม บ้านเล็ก ๆ ของเขาแบ่งส่วนหน้าออกมาทำเป็นร้านซ่อมรถจักรยานเล็ก ๆ คนในหมู่บ้านก็เริ่มมีจักรยานกันหลายคนแล้ว และอีกอย่างพวกทหารที่กองพันสิบเอ็ดก็ชอบเอาจักรยานมาซ่อมที่นี่ อาจเพราะมันอยู่ใกล้กว่าในอำเภอ รายได้ของร้านจึงค่อนข้างที่จะดีมากอยู่ครั้นเมื่ออู๋เหวยออกมาหน้าบ้าน ก็เห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงบานสีแดงยาวจนถึงข้อเท้า และเสื้อสีขาวลายดอกไม้สีแดง เส้นผมดัดเป็นลอนยาว
ตอนที่ 5 เลิกเรียกฉันว่าอ้วนเสียงร้องของไป๋จ้าวเหม่ยดังออกไปถึงหน้าบ้าน นี่ยังไม่รวมถึงเสียงลูกไก่ที่ส่งเสียงกันระนาว อู๋ชิงซวนขมวดคิ้วราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย รีบวางประแจไขจักรยานเอาไว้และรีบวิ่งมาที่ในห้อง“เธอ!...เอ่อ...น้าไป๋ เกิดอะไรขึ้นเหรอ” อู๋ชิงซวนเกือบลืมไปแล้วว่า ถ้าหากเธอพูดไม่เพราะ พ่อจะไม่รัก จึงได้รีบยกมือขึ้นตบปากตนเอง และเรียกแม่เลี้ยงว่าน้าไป๋จ้าวเหม่ยเอียงหน้าไปมอง ยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไป เด็กหญิงก็วิ่งมาชะโงกหน้ามองหีบสมบัติอันล้ำค่าที่น้าอ้วนคนนี้หวงนักหวงหนา ก่อนหน้านี้เธออยากรู้มาตลอดว่าแม่เลี้ยงปีศาจแอบซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง แน่นอนว่าของที่พ่อเธอซื้อกลับมาไว้ทำอาหารแป้ง ธัญพืช เครื่องปรุงล้วนถูกเก็บเอาไปทั้งหมดครั้งนี้ดีนักถือโอกาสมองสักหน่อยจะได้เอาไปเล่าให้พ่อฟัง ว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยแย่แค่ไหน ทว่าเมื่อใบหน้าชะโงกลงไป ดวงตาเรียวก็พลันเบิกขยาย พร้อมกับริมฝีปากที่ยิ้มจนแทบจะถึงใบหู“น้าอ้วน น้าซื้อไข่มาฟักเหรอ ว้าว ๆ พวกเราจะเลี้ยงมันใช่ไหม ดูสิทำไมมันน่ารักขนาดนี้ล่ะ แล้วมันกินอะไรเป็นอาหารเหรอคะ” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นท่าทางดีอกดีใจของเด็กน้อย ก็พูดไม่ออกว่า เธอไม่อยากเ
ตอนที่ 4 บ้านหรือรังขยะวันต่อมาไป๋จ้าวเหม่ยก็ได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที แน่นอนว่าคนที่ออกจากโรงพยาบาลเป็นไป๋จ้าวเหม่ยคุณครูประถมโรงเรียนซีหู่จากยุคปัจจุบัน ไม่ใช่ไป๋จ้าวเหม่ยแม่เลี้ยงใจร้าย ที่ตอนนี้ไม่รู้วิญญาณไปอยู่ที่ไหนแล้ว“นี่ไงรถที่น้าอ้วนวิ่งชน ยังเป็นรอยบุบอยู่เลย เขายังไม่ได้ซ่อมหรือคะพ่อ”“ลุงเยี่ยซานของลูกบอกว่าบุบแค่นิดเดียวไม่ต้องซ่อม รอเข้าตรวจสภาพประจำปีค่อยทำน่ะ” ไป๋จ้าวเหม่ยเดินไปที่หน้ารถทรงสี่เหลี่ยม และก็เป็นจริงดังคาด ที่หน้ากระโปรงรถมีรอยยุบหนึ่งรอยอยู่จริง ๆ ไม่รู้ชนตรงไหนของเธอ แขนขาไม่หักแต่รถยุบ พระเจ้า!ร่างอวบอ้วนเดินคอตกกลับขึ้นไปนั่งบนรถ เธอเลือกนั่งที่ด้านหลัง ไม่ได้สนใจสีหน้าของสองพ่อลูกที่มองกันอย่างตกใจ และคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่คลั่งรักอู๋เหวยจะไม่ยอมไปนั่งหน้า แสดงตัวตนอวดชาวบ้านเมื่อมีโอกาส กลับปล่อยให้เป็นที่นั่งของอู๋ชิงซวนไปได้ แต่ใครสนสีหน้าหมางงของสองพ่อลูกกันเล่า รอยยุบนั้นทำเอาหัวใจหญิงสาวสะเทือนไปทั้งใจแล้วจริง ๆอู๋เหวยไม่ได้สนใจสีหน้าหมดอาลัยตายอยากของไป๋จ้าวเหม่ยอีก เขาเดินมาเปิดประตูข้างคนขับ อุ้มลูกสาวขึ้นไป ยกมือขยี้ผมเธอเบา ๆ และปิดป
ตอนที่ 3 หรือว่าเธอไม่ปากร้ายหลังจากที่อู๋เหวยออกไปแล้ว ไป๋จ้าวเหม่ยก็นอนก่ายหน้าผากมองเพดานสีขาวออกเหลือง บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอถอนหายใจออกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้ป่านนี้ร่างกายของเธอจะถูกเผาหรือถูกฝัง ในยุคที่เธอจากมา ประเทศจีนเริ่มรณรงค์ให้มีการเผาศพกันมากขึ้น อาจเพราะพื้นที่มีจำนวนจำกัด แต่ผู้คนก็ยังไม่ยอมรับกันเท่าไรนัก และเธอเองก็ไม่อยากถูกเผาเช่นกัน“เฮ้อ...เอาเถอะจะเผาหรือฝัง ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับฉันอีกแล้ว ฮื้อ...แต่ฉันอยากกลับบ้าน”“อยากกลับบ้านก็ต้องทน ใครใช้ให้น้าอ้วนวิ่งเข้าชนรถพ่อล่ะ รู้ไหมว่าพ่อต้องเสียเงินให้ลุงเยี่ยซานเจ้าของรถ เพื่อซ่อมรอยบุบที่ชนเธอน่ะ แล้วจะบอกอะไรให้ เงินเดือนนี้ของพ่อคงถูกหักหมด เธออย่ามาร้องขอเงินเชียวล่ะ เพราะที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเธอน้าอ้วน!” เด็กหญิงตัวน้อยนั่งกอดอก เชิดปลายคางขึ้นสูง ปรายตามองลงมาผ่านปลายจมูก ใบหน้าแสดงความรังเกียจแกมปวดใจออกมาไม่รู้ว่าไป๋จ้าวเหม่ยจะตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี ระหว่างคำว่าอ้วน หรือระหว่างคำว่า ที่รถบุบเพราะชนเธอ ให้ตายไม่ว่าจะอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น ให้ตายเถอะเธอทะลุมิติมาอยู่ในยุคบ้าอะไรกั
ตอนที่ 2 คนเลวอย่างเธอแม้แต่นรกก็ไม่ต้องการปัง!บานประตูถูกกระชากจนกระแทกเข้ากับผนังห้องจนเกิดเสียงดัง ร่างอวบอั๋นบนเตียงนอนสะดุ้งตื่น พลางกวาดสายตาที่สั่นระริกมองไปรอบ ๆ เสียงรองเท้าหนังกระแทกพื้นเดินเข้ามาหน้าเตียงนอน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพ่อหนุ่มมังกรเทียนเย่า ซีรีส์จีนที่เธอเพิ่งถ่างตาดูจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตาเรียวโค้งขึ้นเป็นรูปหัวใจ โรคบ้าดารากำเริบขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่“เทียนเย่า” ริมฝีปากอวบอิ่ม เอ่ยเรียกพร้อมกับดวงตาเปล่งประกายเป็นรูปหัวใจ เทียนเย่าเชียวนะ เสี่ยวโยวของเมีย โอ๊ย!“ไม่มีเทียนเย่า เส่าเย่าอะไรทั้งนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยผู้หญิงสารเลวอย่างเธอนี่มันตายยากเหลือเกินนะ แต่ฉันก็เข้าใจ คนเลวอย่างเธอแม้แต่นรกก็ไม่ต้องการ ดังนั้นท่านจึงได้ถีบส่งดวงวิญญาณชั่ว ๆ ของเธอ ให้ฟื้นกลับมาอีกยังไงล่ะ” แต่แล้วคำพูดที่แสนจะระคายเคืองหู ก็บิดเบือนให้ใบหน้าหล่อราวฟ้าประทานพลันดูแสลงตาลงไปทันทีแน่นอนว่าอู๋เหวยเห็นสายตาที่มองเขาอย่างหลงใหลก็พลันรังเกียจ ผู้หญิงสารเลวคนนี้ชอบมองเขาเช่นนี้มาตลอด บ้าผู้ชาย!“เป็นบ้าหรือไง อยู่ ๆ ก็มาอวยพรให้ฉันขนาดนี้ นายเป็นโรคทางสมองเหรอ