LOGIN“หากไม่รู้... เช่นนั้นก็พักอยู่ที่นี่ก่อนดีหรือไม่?”
“แต่ฉันไม่อยากแต่งงาน...” นางพึมพำราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง...
...หรือข้าจะใจร้อนไป ข้าไม่คิดปล่อยเจ้าไปด้วยสิ หากไม่ทำเช่นนี้เกรงว่าเจ้าคงตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น...
“ได้ เช่นนั้นเอาตามนี้ดีหรือไม่ อีกไม่นานเราจะเดินทางไปเมืองหลวงกัน...”
ไม่ทันที่หยวนซีซวนจะเอ่ยจบ หนิงอวี้เฟยก็พูดขัดขึ้นมา
“ทำไมต้องไปเมืองหลวงด้วย!?” นางหวาดหวั่นเหลือเกิน จากประสบการณ์การดูซีรี่ย์จีนโบราณของนาง เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่น่ากลัวมาก นี่หมายความว่าหยวนซีซวนจะจับนางส่งให้ราชวงศ์อย่างนั้นหรือ!?
“เพราะการปรากฏตัวของเจ้า... การตกลงมาจากฟ้าพร้อมกับสายฝนผู้ใดก็เลียนแบบเจ้าไม่ได้ การปรากฏตัวพร้อมกับเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนี้ฝ่าบาทย่อมอยากพบเจอเจ้า จนกว่าจะกลับมาที่นี่ข้าจะให้เวลาเจ้าคิดเกี่ยวกับการแต่งงาน”
“...” หนิงอวี้เฟยไม่ได้ตอบในทันที นางยังคงสับสน แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วนางจงพยักหน้ารับแทน
“แต่ก่อนอื่นช่วยทำอะไรกับคำพูดคำจาที่ฟังดูแปลกๆ ของเจ้าเสียหน่อยเถิด”
“อ่า ดะ ได้เจ้าค่ะ”
“ข้าชื่อว่าหยวนซีซวน อ๋องแห่งเมืองต้าจวิน เรียกข้าว่าท่านพี่เฉยๆ หรือท่านพี่ซวนแล้วแต่เจ้าจะเรียก”
“…ฉันชื่อ เอ่อ หมายถึง ข้าชื่อฝนดาว”
“เฟิ่นเตา?”
“ไม่ใช่ ฝนดาว”
“เฟิ่นเด่า”
“เฮ้อ งั้น…” สตรีตัวน้อยยกมือขึ้นกุมขมับกับการออกเสียงชื่อคนไทยของคนจีนโบราณอย่างเขา พลันก็นึกชื่อหนึ่งที่อาม่าเคยตั้งให้ “หนิงอวี้เฟย จะเรียกแบบนั้นก็ได้ค่ะ หมายถึงเจ้าค่ะ…”
หยวนซีซวนพึมพำบางสิ่งก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินจากไป ทว่าระหว่างจัดการงานภายในหัวของเขา กลับไม่สามารถสลัดภาพดวงหน้าหวานของเทพธิดาตกสวรรค์ได้เลย
...ต้องทำอย่างไรให้นางยอมเป็นของข้ากันนะ?...
หนิงอวี้เฟยถูกจัดให้พักที่เรือนเหลียนฮวา ซึ่งเป็นเรือนที่ใกล้กับเรือนไท่หยางที่หยวนซีซวนพักอยู่มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นเรือนที่ใหญ่ที่สุดรองจากเรือนไท่หยางอีกด้วย
การปรากฏตัวของนางเป็นดั่งเทพธิดา การต้อนรับนางเช่นนี้ถือว่าสมควร สาวใช้ที่มาคอยปรนนิบัตินางล้วนแล้วแต่ให้ความเคารพนางจนหนิงอวี้เฟยแทบไม่กล้าขยับเขยื้อนไปที่ใด เพราะเมื่อนางขยับ ผู้คนทั้งหลายก็ต้องขยับตามนางไปด้วย
นางนั่งนิ่งอยู่กลางห้อง ประตูและหน้าต่างเปิดกว้างเผยให้เห็นสวนดอกบัวที่บานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้รู้สึกสงบ หากแต่ใจของนางไม่ได้สงบตามไปด้วย
“ท่านเทพธิดา โปรดพักผ่อนตามสบายเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้เอ่ยด้วยท่าทีที่อ่อนน้อม พวกนางยืนเรียงรายคอยรับใช้ด้วยความเคารพราวกับนางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
หนึ่งวันผ่านมาแล้วที่นางถูกสาวใช้ปรนนิบัติเช่นนี้ นางมองไปรอบตัว ความรู้สึกหนักอึ้งเกาะกุมจิตใจ นางครุ่นคิดตลอดทั้งคืนถึงเหตุผลว่าเหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่ นางมาได้อย่างไร แล้วนางจะกลับไปได้หรือไม่ รวมถึงประโยคแปลกๆ ที่อาม่าพูดก่อนที่จะส่งนางมาที่นี่ นางจับใจความไม่ได้เลยว่าอาม่าพูดถึงสิ่งใด
อีกทั้งนางตกลงมาจากฟ้า หากจะกลับก็ต้องขึ้นไปบนฟ้าอย่างนั้นหรือ? มันสมเหตุสมผลอยู่หรอก ทว่าจะให้นางขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร เครื่องมือในยุคนี้หาได้สามารถพาคนขึ้นไปบนฟ้าได้ ถ้าเช่นนั้นนางจะทำอย่างไรดี
“เฮ้อ...” หนิงอวี้เฟยถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นตามความเคยชินเวลาคิดมากเพื่อเดินไปเดินมา
แต่ยังไม่ทันที่หนิงอวี้เฟยจะก้าวเท้าเดิน สาวใช้ที่คอยปรนนิบัตินางก็หยัดกายลุกขึ้น ราวกับกลัวว่านางจะต้องการบางสิ่งและพวกนางต้องรีบสนองตอบ
นี่มันกดดันเกินไปแล้ว...
...ฉันไม่ใช่เทพธิดาเสียหน่อย ทำไมไม่เชื่อกันบ้างเลย...
“พวกเธอไม่ต้องเดินตามฉันก็ได้นะ”
“เจ้าคะ เอ่อ ท่านเทพธิดาหมายถึง...”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ใช่เทพธิดา”
“แต่ท่านเทพธิดาลงมาจากสวรรค์ ประทานน้ำฝนให้แก่ต้าจวินของเรา จะไม่ใช่เทพธิดาได้อย่างไรกันเจ้าคะ?”
“นั่นมัน...” หนิงอวี้เฟยเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยเช่นไรดี จึงได้แต่ทอดถอนหายใจพลางมองสาวใช้ที่ทำตัวราวกับจะถวายชีวิตให้นาง
ในเมื่อยามนี้นางอยู่ที่นี่ รู้เรื่องของคนที่นี่เอาไว้ก็ไม่เสียหาย โดยเฉพาะกับหยวนซีซวนที่เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดในที่นี้ คิดได้เช่นนั้นนางจึงเอ่ยถาม...
“ว่าแต่หยวนซีซวนเป็นอ๋องครองเมืองหรืออ๋องที่เป็นองค์ชายเหรอ?”
“ซวนอ๋องเป็นบุตรชายของเสนาบดีกรมอาญา ไม่ใช่องค์ชายเจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยอย่างนอบน้อม แม้จะรู้สึกแปลกๆ กับวิธีการพูดของเทพธิดาผู้นี้ก็ตาม ทว่ายิ่งให้ความรู้สึกว่าหนิงอวี้เฟยเป็นเทพธิดามากขึ้นไปอีกเพราะความแตกต่างนี้
...เช่นนั้นก็เป็นอ๋องครองเมืองงั้นเหรอ...
“เขาสร้างความดีความชอบอะไร ถึงได้รับยศอ๋องล่ะ?”
“ช่วยตามจับกบฏเมื่อห้าปีก่อนเจ้าค่ะ อีกทั้งยังช่วยชีวิตองค์หญิงที่ถูกกบฏจับตัวไป ฝ่าบาทซาบซึ้งมากจึงมอบยศอ๋องและแคว้นต้าจวินให้ปกครองเจ้าค่ะ”
“งั้นเหรอ...”
ขณะที่นางกำลังจมอยู่กับความคิด ประตูห้องก็ถูกเปิดออก
“เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้รับความลำบากใช่หรือไม่?”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม หยวนซีซวนสวมอาภรณ์สีเข้ม ขับเน้นผิวขาวสะอาดของเขา ดวงตาคมล้ำจับจ้องมาที่นางเต็มไปด้วยความใคร่รู้
สาวใช้ต่างยอบกายคำนับ หนิงอวี้เฟยเห็นเช่นนั้นก็ทำตามดั่งคำเอ่ยที่ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
“ฉันไม่ลำบาก เพียงแต่... พวกนางเอาแต่ปรนนิบัติฉันแบบนี้มัน...” นางเอ่ยพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง สาวใช้ประมาณสิบคนรอคอยเพื่อปรนนิบัตินางในห้องนี้
หยวนซีซวนมองนางก่อนจะเดินไปหานางที่ยืนอยู่กลางห้อง ยกมือขึ้นโบกมือไล่บริวารออกไป ในที่นี่จึงเหลือเพียงหยวนซีซวนและหนิงอวี้เฟยเท่านั้น
“เพราะเจ้าคือเทพธิดา ผู้ที่พาเม็ดฝนลงมาจากสวรรค์”
“แต่ฉันไม่ใช่!” นางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาของนางคล้ายกับจะคลอเบ้าน้ำตาเล็กน้อย ที่นี่ที่ใดนางมิอาจรู้ มีผู้คนสวมอาภรณ์แปลกตา พูดจาแปลกไป นางมิอาจวางใจได้เลย “ฉันไม่ได้มาจากที่นี่ ฉันต้องกลับไป...”
บุรุษมองนางครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ หนิงอวี้เฟยรู้สึกว่าระยะห่างมันใกล้เกินไปจนต้องถอยห่างออกมาหนึ่งก้าว ทว่าหยวนซีซวนก็ก้าวตามไม่ห่าง นางจึงเชิดหน้ามองเขาด้วยความสงสัย ทำให้สบตากับบุรุษเข้า
“กลับไป? เจ้าหมายถึงที่ใด?”
หนิงอวี้เฟยชะงัก แววตาของนางเต็มไปด้วยความสับสน นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะตอบเขาอย่างไร เพราะนางเองก็หาคำตอบไม่ได้...
“ฉันเองก็ไม่รู้...”
“แล้วถ้ากลับไปไม่ได้ล่ะ?”
คำถามของบุรุษทำเอาหนิงอวี้เฟยนิ่งงัน นี่เป็นสิ่งที่หนิงอวี้เฟยไม่คิดมาก่อน ไม่ใช่นางไม่รู้ว่านางอาจจะกลับไม่ได้ เพียงแต่นางพยายามไม่คิดถึงมันเพื่อบั่นทอนกำลังใจของตนเอง ตอนนี้แค่ไม่คุ้นชินสถานที่ ไม่คุ้นชินผู้คนก็ย่ำแย่พอแล้ว
“ใช่หรือไม่ไม่สำคัญ เจ้าปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับ ท่ามกลางสายฝนที่ทุกคนรอคอย หากเจ้าปฏิเสธ แล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?”
หนิงอวี้เฟยไร้คำแก้ตัว…สองมือกุมเข้าหากันด้วยความกังวลใจ รับรู้ถึงสิ่งที่บุรุษกำลังสื่อความหมาย เพียงแต่...
...แต่ฉันไม่ใช่เทพธิดานี่นา...
“เอาเถิด อีกสามวันจะเดินทางไปเมืองหลวงแล้ว สามวันนี้เจ้าจะต้องปรับเปลี่ยนคำพูดรวมถึงกิริยาของเจ้า ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับโลกนี้ หากไม่อยากถูกจับจ้องราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลุดออกมาจากตำนาน”
สามวันต่อมา ถึงกำหนดการเดินทาง
การเดินทางด้วยรถม้าไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับเหล่าทหารและขุนนางผู้ชินกับชีวิตที่ต้องเดินทางไกล แต่สำหรับหนิงอวี้เฟย ทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่ และร่างกายของนางยังไม่คุ้นชินกับการโยกไหวอย่างต่อเนื่อง
สีหน้าของนางซีดเซียว มือบางกำชายเสื้อของตนไว้แน่นราวกับพยายามฝืนทน หยวนซีซวนเห็นแล้วขมวดคิ้ว ก่อนจะสั่งให้รถม้าจอดพักหลายครั้ง
รถม้าจอดพักอีกครั้งกลางป่าริมทาง หยวนซีซวนเหลือบมองไปยังสตรีที่เดินลงจากรถม้าด้วยท่าทีเหนื่อยล้า นางก้าวไปยังต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ ก่อนจะเอนหลังพิงลำต้น ดวงหน้าอ่อนล้าซีดเซียว
ตั้งแต่การเดินทางเริ่มต้น หนิงอวี้เฟยดูตื่นเต้นผิดปกติ นางมองขบวนม้าด้วยแววตาใคร่รู้ ตั้งคำถามกับทุกสิ่งราวกับไม่เคยสัมผัสมาก่อน แม้กระทั่งเมื่อรู้ว่าต้องนั่งรถม้า นางก็แสดงท่าทีตื่นเต้นอย่างเปิดเผย ราวกับเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนาง
แต่บัดนี้ความตื่นเต้นในตอนแรกหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงร่างที่อ่อนล้าจากการเมารถม้า
หยวนซีซวนเดินไปหยุดตรงหน้านาง ก่อนจะยื่นถ้วยยาที่เขาบดเตรียมไว้ให้
“กินเสีย จะช่วยบรรเทาอาการของเจ้าได้”
หนิงอวี้เฟยไม่เอ่ยสิ่งใด นางรับถ้วยยามาจิบอย่างว่าง่าย
“อึก! ขม…!”
ทว่ารสชาติของมันช่างขมเหลือเกิน ยิ่งมองสีของมันก็ยิ่งทำให้รู้สึกขมมากขึ้น กระนั้นนางก็ฝืนดื่มจนหมด ยามนี้สิ่งใดช่วยนางให้พ้นจากอาการเมารถม้าได้ยนางเอาหมด ก่อนจะเอนกายแนบไปกับต้นไม้แล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
บุรุษมองนางเงียบๆ ก่อนจะหยิบพัดที่วางอยู่ข้างๆ ตัวนางขึ้นมาแล้วกางออกเพื่อพัดให้นางพลางครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย คำพูดคำจาของนางนั้นดูแปลกสำหรับพวกเขา แต่นอกเหนือจากนั้นนางก็ไม่น่างไปจากคนทั่วไปเลย ทุกคนเห็นว่านางเป็นเทพธิดา เป็นสตรีที่มาจากสวรรค์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หยวนซีซวนมองเห็น
ในสายตาของหยวนซีซวน นางเป็นเพียงสตรีทั่วไปที่ไม่คุ้นชินกับโลกใบนี้ มีเพียงรูปโฉมของนางเท่านั้นที่งดงามราวกับเทพธิดา
ตอนพิเศษ 4ทุกอย่างก็เพื่อเจ้าตัวน้อยหลังจากวันนั้นนางก็เริ่มตระหนักได้ถึงความรับผิดชอบ นางจะทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้ต่อไปไม่ได้“ท่านพี่ ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องอยู่กับข้าตลอดทุกวันแล้วเจ้าค่ะ” หนิงอวี้เฟยเอ่ยเสียงอ่อนโยน ทว่าหนักแน่น “บ้านเมืองต้องสงบสุข ชาวบ้านต้องมีรอยยิ้ม เมืองต้องน่าอยู่เพื่อให้ลูกของเราเติบโตในโลกที่ดีที่สุด หากท่านพี่มัวแต่กังวลเรื่องข้า แล้วสิ่งเหล่านั้นเล่า… ใครจะดูแล?”หนิงอวี้เฟยมองเขาด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความห่วงใยและเลื่อมใส ทว่าใบหน้าของหยวนซีซวนกลับขมวดคิ้ว มองนางด้วยความลังเล ราวกับไม่อยากปล่อยมือจากนางได้ก่อนหน้านี้นางติดตนแจ ทว่าคราวนี้กลับผลักไส เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ อารมณ์คนตั้งครรภ์ช่างแปรปรวนเหลือเกิน“ข้าเคยสัญญาว่าจะดูแลเจ้า แล้วจะให้ข้าละทิ้งเจ้าไปทำงานหรือ?”“ไม่ใช่ละทิ้ง ข้ายังอยู่ตรงนี้เสมอ เพียงแค่เจ้าต้องดูแลทั้งเมือง ไม่ใช่เพียงข้า… ลูกของเราต้องการอนาคตที่ดี ท่านพี่&r
ตอนพิเศษ 3เมื่อหนิงอวี้เฟยไร้เหตุผลไม่กี่วันต่อมา...บรรยากาศในเรือนหลักอบอวลไปด้วยความอบอุ่น เมื่อราชวงศ์หนิงส่งของขวัญมาให้ทันทีที่รู้ข่าวตั้งครรภ์ หนิงเสี่ยวอวี้ตื่นเต้นเสียจนติดหนิงอวี้เฟยแจ ไม่ยอมไปที่ใดไกล ก่อนจะประกาศเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน“โตไป ข้าจะดูแลน้อง แล้วก็จะปกป้องท่านพี่เฟยด้วย!”ทุกคนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อย หนิงเหยาเฉิน หนิงเหยาเหวิน และหนิงเหยาหลินต่างมาอยู่เป็นเพื่อน คอยดูแลและพูดคุยเล่นให้นางคลายเครียด ท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลาย“ท่านพี่เฉิน ท่านพี่เหวิน ท่านพี่หลิน น้องข้าไม่ได้ดื้อไปหรือ?” หนิงอวี้เฟยเอ่ย พลางมองหนิงเสี่ยวอวี้ที่กำลังปีนขึ้นมานั่งข้างนาง“เสี่ยวอวี้แค่รักเจ้า…” หนิงเหยาเฉินหัวเราะเบาๆ “ดูเถิด จ้องเจ้าเขม็งเช่นนี้ เสี่ยวอวี้จะยอมไปที่ไหนเล่า!”“แน่นอนขอรับ!” หนิงเสี่ยวอวี้ยืนยันเสียงดัง ก่อนยกกำปั
ตอนพิเศษ 2เรามีลูกแล้วนะ“พระชายาตั้งครรภ์ขอรับ”ราวกับห้วงเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ ดวงตาของหยวนซีซวนเบิกกว้าง จ้องมองหมอหลวงราวกับต้องการให้ทวนคำอีกครั้ง ความตกใจแล่นวาบผ่านร่าง ทว่าทันทีที่คำพูดนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความจริง ความรู้สึกสุขใจมหาศาลก็ไหลทะลักเข้ามาแทนที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆ ปรากฏขึ้น แม้เขาจะเป็นผู้สงบนิ่งเสมอ ทว่าในเวลานี้…มิอาจห้ามความปลื้มปิติที่ซัดเข้ามาได้อีกต่อไป!ทว่าคนที่ยินดีรองจากหยวนซีซวนและตั้งสติได้ก่อนเห็นจะเป็นเหล่าบริวารที่เฝ้ารอทายาทของคนทั้งคู่“หมอหลวง! พระชายาต้องดูแลเช่นไรบ้างในช่วงตั้งครรภ์? ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ?”“เรื่องอาหารล่ะเจ้าคะ? มีสิ่งใดที่ต้องเน้นเป็นพิเศษเพื่อบำรุงทั้งพระชายาและเด็กน้อย?”“อาการแพ้ท้องจะเป็นหนักหรือไม่? พระชายาจะรู้สึกไม่สบายไปอีกนานเท่าใดขอรับ?”“พระชายาออกเดินเที่ยวงานเทศกาลทุกปี ปีนี้ยังสามารถทำเ
ตอนพิเศษ 1เมื่อหนิงอวี้เฟย กลายเป็นเด็กน้อยไปเสียแล้วงานเทศกาลคึกคักไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของอาหาร หนิงอวี้เฟยใช้เวลาสนุกสนานกับสาวใช้และองครักษ์บางส่วนที่หยวนซีซวนส่งมาคุ้มกันนาง นอกจากเขาไม่ว่างมาเป็นเพื่อน นางเดินเล่นไปตามแผงขายของ ลิ้มรสขนมถั่วหวานและถังหูลู่ด้วยท่าทีร่าเริง ทว่าในจังหวะที่มัวแต่หัวเราะเพลิดเพลิน นางกลับสะดุดอะไรบางอย่างจนล้มลง!ขนมในมือกระเด็นหลุดออกจากมือ บางส่วนตกพื้น บางส่วนเปื้อนดิน เพ่ยเพ่ยรีบเข้ามาพยุงนางขึ้น ทว่าแทนที่นางจะเอ่ยคำใดออกมา นางกลับนิ่งไป ดวงตาจับจ้องขนมในมืออย่างไม่วางตา มุมปากของนางเริ่มขยับคว่ำลง ก่อนเสียงร้องไห้จะดังขึ้นทันที“ฮือ!!!”น้ำตาไหลรินลงมาจนทุกคนรอบข้างชะงัก บริวารทั้งบุรุษและสตรีต่างตกใจ รีบเข้ามาดูอาการของนางคิดว่านางต้องบาดเจ็บหนัก ทว่าหลังตรวจดูพบว่ามีเพียงแผลถลอกที่หลังมือเท่านั้น…“พระชายา! ท่านเจ็บตรงไหนหรือเจ้าคะ!?”“เหตุใดท่านร้องไห้เช่นนี้เจ้าคะ!?&rdq
บทที่ 45คืนนี้อีกรอบหนิงอวี้เฟยยังคงอาบน้ำเงียบๆ ในสายน้ำเย็นชื่น ทว่าอยู่ดีๆ ร่างของหยวนซีซวนก้าวเข้ามาใกล้ นางยังไม่ทันรู้ตัวมือแข็งแกร่งของเขาก็โอบรอบเอวนางจากด้านหลัง“ท่านพี่!!” สตรีตัวน้อยร้องออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อสัมผัสถึงอ้อมแขนที่แนบชิด ร่างของเขาไม่ได้เคลื่อนไหวใดต่อไป เพียงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น“เจ้าคิดหรือยัง?” บุรุษเอ่ยพลางกดใบหน้าเข้าที่ลำคอของนาง แล้วใช้จมูกไล้ที่ผิวกายเบาๆ กลิ่นหอมหวานทำให้หยวนซีซวนแอบกัดฟันกรอด“คิดอะไรเจ้าคะ?” นางขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย“เรื่องลูกของเรา” เขากระซิบเบาๆ พลางจูบลงบนเรือนผมนางอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความออดอ้อน “เจ้าอยากมีกี่คน สามคน ห้าคน หรือสักเจ็ดคนดี?”“ขะ ข้ายังไม่ได้คิด...”“เช่นนั้นก็คิดเสีย”“ให้เวลาข้าอีกนิดเถิดเจ้าค่ะ”“ยังใ
บทที่ 43ไม่ตายไม่แยกจาก“เฮ้อ เจ้าระแวงเกินไปแล้ว เมื่อคืนก็ทั้งคืน ข้าจะไปกล้ารังแกเจ้าต่อได้อย่างไร มาๆ ข้าพาเจ้าไปอาบน้ำดีกว่า”“กรี๊ด! ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า! ท่านพี่!”หยวนซีซวนโอบอุ้มสตรีตัวน้อยขึ้นสู่อ้อมแขน แล้วพาเดินไปที่ห้องน้ำที่สาวใช้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วระหว่างที่นางหลับ เมื่อมาถึงก็ค่อยๆ วางนางลงในอ่างอาบน้ำ จากนั้นก็ช่วยนางอาบน้ำอย่างจริงจัง ทำเอาหนิงอวี้เฟยรู้สึกประหลาดใจยิ่งนักเขาไม่เพียงแต่ไม่รังแกนางในน้ำ ยังช่วยอาบน้ำชำระกายอย่างดี บีบนวดตัวนางเพื่อคลายความเมื่อยล้าให้อีกต่างหาก จนนางวางใจอาจจะเพราะบุรุษรู้สึกผิดที่เมื่อคืนนี้เคี่ยวกรำนางหนักเกินไปก็เป็นได้หลังจากอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จ ทั้งสองก็นั่งกินข้าวอยู่ในห้อง อาหารมากหน้าหลายตาถูกวางเรียงเต็มโต๊ะ ผลัดกันตักให้ ผลัดกันป้อนอย่างหวานชื่น เมื่อกินอิ่มสาวใช้ก็เข้ามาเก็บสำรับหมับ!หยวนซีซวนโอบกอดนางทันทีที่สาวใช้ออกไป ร่างของบุรุษแนบชิดเข้า







