Share

บทที่ 2 ฉันต้องกลับไป...

last update Last Updated: 2025-09-25 12:30:12

บทที่ 2

ฉันต้องกลับไป...

“หากไม่รู้... เช่นนั้นก็พักอยู่ที่นี่ก่อนดีหรือไม่?”

“แต่ฉันไม่อยากแต่งงาน...” นางพึมพำราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง...

...หรือข้าจะใจร้อนไป ข้าไม่คิดปล่อยเจ้าไปด้วยสิ หากไม่ทำเช่นนี้เกรงว่าเจ้าคงตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น...

“ได้ เช่นนั้นเอาตามนี้ดีหรือไม่ อีกไม่นานเราจะเดินทางไปเมืองหลวงกัน...”

ไม่ทันที่หยวนซีซวนจะเอ่ยจบ หนิงอวี้เฟยก็พูดขัดขึ้นมา

“ทำไมต้องไปเมืองหลวงด้วย!?” นางหวาดหวั่นเหลือเกิน จากประสบการณ์การดูซีรี่ย์จีนโบราณของนาง เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่น่ากลัวมาก นี่หมายความว่าหยวนซีซวนจะจับนางส่งให้ราชวงศ์อย่างนั้นหรือ!?

“เพราะการปรากฏตัวของเจ้า... การตกลงมาจากฟ้าพร้อมกับสายฝนผู้ใดก็เลียนแบบเจ้าไม่ได้ การปรากฏตัวพร้อมกับเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนี้ฝ่าบาทย่อมอยากพบเจอเจ้า จนกว่าจะกลับมาที่นี่ข้าจะให้เวลาเจ้าคิดเกี่ยวกับการแต่งงาน”

“...” หนิงอวี้เฟยไม่ได้ตอบในทันที นางยังคงสับสน แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วนางจงพยักหน้ารับแทน

“แต่ก่อนอื่นช่วยทำอะไรกับคำพูดคำจาที่ฟังดูแปลกๆ ของเจ้าเสียหน่อยเถิด”

“อ่า ดะ ได้เจ้าค่ะ”

“ข้าชื่อว่าหยวนซีซวน อ๋องแห่งเมืองต้าจวิน เรียกข้าว่าท่านพี่เฉยๆ หรือท่านพี่ซวนแล้วแต่เจ้าจะเรียก”

“…ฉันชื่อ เอ่อ หมายถึง ข้าชื่อฝนดาว”

“เฟิ่นเตา?”

“ไม่ใช่ ฝนดาว”

“เฟิ่นเด่า”

“เฮ้อ งั้น…” สตรีตัวน้อยยกมือขึ้นกุมขมับกับการออกเสียงชื่อคนไทยของคนจีนโบราณอย่างเขา พลันก็นึกชื่อหนึ่งที่อาม่าเคยตั้งให้ “หนิงอวี้เฟย จะเรียกแบบนั้นก็ได้ค่ะ หมายถึงเจ้าค่ะ…”

หยวนซีซวนพึมพำบางสิ่งก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินจากไป ทว่าระหว่างจัดการงานภายในหัวของเขา กลับไม่สามารถสลัดภาพดวงหน้าหวานของเทพธิดาตกสวรรค์ได้เลย

...ต้องทำอย่างไรให้นางยอมเป็นของข้ากันนะ?...

หนิงอวี้เฟยถูกจัดให้พักที่เรือนเหลียนฮวา ซึ่งเป็นเรือนที่ใกล้กับเรือนไท่หยางที่หยวนซีซวนพักอยู่มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นเรือนที่ใหญ่ที่สุดรองจากเรือนไท่หยางอีกด้วย

การปรากฏตัวของนางเป็นดั่งเทพธิดา การต้อนรับนางเช่นนี้ถือว่าสมควร สาวใช้ที่มาคอยปรนนิบัตินางล้วนแล้วแต่ให้ความเคารพนางจนหนิงอวี้เฟยแทบไม่กล้าขยับเขยื้อนไปที่ใด เพราะเมื่อนางขยับ ผู้คนทั้งหลายก็ต้องขยับตามนางไปด้วย

นางนั่งนิ่งอยู่กลางห้อง ประตูและหน้าต่างเปิดกว้างเผยให้เห็นสวนดอกบัวที่บานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้รู้สึกสงบ หากแต่ใจของนางไม่ได้สงบตามไปด้วย 

“ท่านเทพธิดา โปรดพักผ่อนตามสบายเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้เอ่ยด้วยท่าทีที่อ่อนน้อม พวกนางยืนเรียงรายคอยรับใช้ด้วยความเคารพราวกับนางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 

หนึ่งวันผ่านมาแล้วที่นางถูกสาวใช้ปรนนิบัติเช่นนี้ นางมองไปรอบตัว ความรู้สึกหนักอึ้งเกาะกุมจิตใจ นางครุ่นคิดตลอดทั้งคืนถึงเหตุผลว่าเหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่ นางมาได้อย่างไร แล้วนางจะกลับไปได้หรือไม่ รวมถึงประโยคแปลกๆ ที่อาม่าพูดก่อนที่จะส่งนางมาที่นี่ นางจับใจความไม่ได้เลยว่าอาม่าพูดถึงสิ่งใด

อีกทั้งนางตกลงมาจากฟ้า หากจะกลับก็ต้องขึ้นไปบนฟ้าอย่างนั้นหรือ? มันสมเหตุสมผลอยู่หรอก ทว่าจะให้นางขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร เครื่องมือในยุคนี้หาได้สามารถพาคนขึ้นไปบนฟ้าได้ ถ้าเช่นนั้นนางจะทำอย่างไรดี

“เฮ้อ...” หนิงอวี้เฟยถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นตามความเคยชินเวลาคิดมากเพื่อเดินไปเดินมา

แต่ยังไม่ทันที่หนิงอวี้เฟยจะก้าวเท้าเดิน สาวใช้ที่คอยปรนนิบัตินางก็หยัดกายลุกขึ้น ราวกับกลัวว่านางจะต้องการบางสิ่งและพวกนางต้องรีบสนองตอบ 

นี่มันกดดันเกินไปแล้ว...

...ฉันไม่ใช่เทพธิดาเสียหน่อย ทำไมไม่เชื่อกันบ้างเลย...

“พวกเธอไม่ต้องเดินตามฉันก็ได้นะ”

“เจ้าคะ เอ่อ ท่านเทพธิดาหมายถึง...”

“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ใช่เทพธิดา”

“แต่ท่านเทพธิดาลงมาจากสวรรค์ ประทานน้ำฝนให้แก่ต้าจวินของเรา จะไม่ใช่เทพธิดาได้อย่างไรกันเจ้าคะ?”

“นั่นมัน...” หนิงอวี้เฟยเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยเช่นไรดี จึงได้แต่ทอดถอนหายใจพลางมองสาวใช้ที่ทำตัวราวกับจะถวายชีวิตให้นาง

ในเมื่อยามนี้นางอยู่ที่นี่ รู้เรื่องของคนที่นี่เอาไว้ก็ไม่เสียหาย โดยเฉพาะกับหยวนซีซวนที่เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดในที่นี้ คิดได้เช่นนั้นนางจึงเอ่ยถาม...

“ว่าแต่หยวนซีซวนเป็นอ๋องครองเมืองหรืออ๋องที่เป็นองค์ชายเหรอ?”

“ซวนอ๋องเป็นบุตรชายของเสนาบดีกรมอาญา ไม่ใช่องค์ชายเจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยอย่างนอบน้อม แม้จะรู้สึกแปลกๆ กับวิธีการพูดของเทพธิดาผู้นี้ก็ตาม ทว่ายิ่งให้ความรู้สึกว่าหนิงอวี้เฟยเป็นเทพธิดามากขึ้นไปอีกเพราะความแตกต่างนี้

...เช่นนั้นก็เป็นอ๋องครองเมืองงั้นเหรอ...

“เขาสร้างความดีความชอบอะไร ถึงได้รับยศอ๋องล่ะ?”

“ช่วยตามจับกบฏเมื่อห้าปีก่อนเจ้าค่ะ อีกทั้งยังช่วยชีวิตองค์หญิงที่ถูกกบฏจับตัวไป ฝ่าบาทซาบซึ้งมากจึงมอบยศอ๋องและแคว้นต้าจวินให้ปกครองเจ้าค่ะ”

“งั้นเหรอ...”

ขณะที่นางกำลังจมอยู่กับความคิด ประตูห้องก็ถูกเปิดออก 

“เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้รับความลำบากใช่หรือไม่?”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม หยวนซีซวนสวมอาภรณ์สีเข้ม ขับเน้นผิวขาวสะอาดของเขา ดวงตาคมล้ำจับจ้องมาที่นางเต็มไปด้วยความใคร่รู้ 

สาวใช้ต่างยอบกายคำนับ หนิงอวี้เฟยเห็นเช่นนั้นก็ทำตามดั่งคำเอ่ยที่ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม

“ฉันไม่ลำบาก เพียงแต่... พวกนางเอาแต่ปรนนิบัติฉันแบบนี้มัน...” นางเอ่ยพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง สาวใช้ประมาณสิบคนรอคอยเพื่อปรนนิบัตินางในห้องนี้

หยวนซีซวนมองนางก่อนจะเดินไปหานางที่ยืนอยู่กลางห้อง ยกมือขึ้นโบกมือไล่บริวารออกไป ในที่นี่จึงเหลือเพียงหยวนซีซวนและหนิงอวี้เฟยเท่านั้น

“เพราะเจ้าคือเทพธิดา ผู้ที่พาเม็ดฝนลงมาจากสวรรค์”

“แต่ฉันไม่ใช่!” นางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาของนางคล้ายกับจะคลอเบ้าน้ำตาเล็กน้อย ที่นี่ที่ใดนางมิอาจรู้ มีผู้คนสวมอาภรณ์แปลกตา พูดจาแปลกไป นางมิอาจวางใจได้เลย “ฉันไม่ได้มาจากที่นี่ ฉันต้องกลับไป...”

บุรุษมองนางครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ หนิงอวี้เฟยรู้สึกว่าระยะห่างมันใกล้เกินไปจนต้องถอยห่างออกมาหนึ่งก้าว ทว่าหยวนซีซวนก็ก้าวตามไม่ห่าง นางจึงเชิดหน้ามองเขาด้วยความสงสัย ทำให้สบตากับบุรุษเข้า

“กลับไป? เจ้าหมายถึงที่ใด?”

หนิงอวี้เฟยชะงัก แววตาของนางเต็มไปด้วยความสับสน นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะตอบเขาอย่างไร เพราะนางเองก็หาคำตอบไม่ได้...

“ฉันเองก็ไม่รู้...”

“แล้วถ้ากลับไปไม่ได้ล่ะ?”

คำถามของบุรุษทำเอาหนิงอวี้เฟยนิ่งงัน นี่เป็นสิ่งที่หนิงอวี้เฟยไม่คิดมาก่อน ไม่ใช่นางไม่รู้ว่านางอาจจะกลับไม่ได้ เพียงแต่นางพยายามไม่คิดถึงมันเพื่อบั่นทอนกำลังใจของตนเอง ตอนนี้แค่ไม่คุ้นชินสถานที่ ไม่คุ้นชินผู้คนก็ย่ำแย่พอแล้ว

“ใช่หรือไม่ไม่สำคัญ เจ้าปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับ ท่ามกลางสายฝนที่ทุกคนรอคอย หากเจ้าปฏิเสธ แล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?”

หนิงอวี้เฟยไร้คำแก้ตัว…สองมือกุมเข้าหากันด้วยความกังวลใจ รับรู้ถึงสิ่งที่บุรุษกำลังสื่อความหมาย เพียงแต่...

...แต่ฉันไม่ใช่เทพธิดานี่นา...

“เอาเถิด อีกสามวันจะเดินทางไปเมืองหลวงแล้ว สามวันนี้เจ้าจะต้องปรับเปลี่ยนคำพูดรวมถึงกิริยาของเจ้า ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับโลกนี้ หากไม่อยากถูกจับจ้องราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลุดออกมาจากตำนาน”

สามวันต่อมา ถึงกำหนดการเดินทาง

การเดินทางด้วยรถม้าไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับเหล่าทหารและขุนนางผู้ชินกับชีวิตที่ต้องเดินทางไกล แต่สำหรับหนิงอวี้เฟย ทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่ และร่างกายของนางยังไม่คุ้นชินกับการโยกไหวอย่างต่อเนื่อง

สีหน้าของนางซีดเซียว มือบางกำชายเสื้อของตนไว้แน่นราวกับพยายามฝืนทน หยวนซีซวนเห็นแล้วขมวดคิ้ว ก่อนจะสั่งให้รถม้าจอดพักหลายครั้ง 

รถม้าจอดพักอีกครั้งกลางป่าริมทาง หยวนซีซวนเหลือบมองไปยังสตรีที่เดินลงจากรถม้าด้วยท่าทีเหนื่อยล้า นางก้าวไปยังต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ ก่อนจะเอนหลังพิงลำต้น ดวงหน้าอ่อนล้าซีดเซียว 

ตั้งแต่การเดินทางเริ่มต้น หนิงอวี้เฟยดูตื่นเต้นผิดปกติ นางมองขบวนม้าด้วยแววตาใคร่รู้ ตั้งคำถามกับทุกสิ่งราวกับไม่เคยสัมผัสมาก่อน แม้กระทั่งเมื่อรู้ว่าต้องนั่งรถม้า นางก็แสดงท่าทีตื่นเต้นอย่างเปิดเผย ราวกับเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนาง 

แต่บัดนี้ความตื่นเต้นในตอนแรกหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงร่างที่อ่อนล้าจากการเมารถม้า

หยวนซีซวนเดินไปหยุดตรงหน้านาง ก่อนจะยื่นถ้วยยาที่เขาบดเตรียมไว้ให้ 

“กินเสีย จะช่วยบรรเทาอาการของเจ้าได้”

หนิงอวี้เฟยไม่เอ่ยสิ่งใด นางรับถ้วยยามาจิบอย่างว่าง่าย

“อึก! ขม…!”

ทว่ารสชาติของมันช่างขมเหลือเกิน ยิ่งมองสีของมันก็ยิ่งทำให้รู้สึกขมมากขึ้น กระนั้นนางก็ฝืนดื่มจนหมด ยามนี้สิ่งใดช่วยนางให้พ้นจากอาการเมารถม้าได้ยนางเอาหมด ก่อนจะเอนกายแนบไปกับต้นไม้แล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อน

บุรุษมองนางเงียบๆ ก่อนจะหยิบพัดที่วางอยู่ข้างๆ ตัวนางขึ้นมาแล้วกางออกเพื่อพัดให้นางพลางครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย คำพูดคำจาของนางนั้นดูแปลกสำหรับพวกเขา แต่นอกเหนือจากนั้นนางก็ไม่น่างไปจากคนทั่วไปเลย ทุกคนเห็นว่านางเป็นเทพธิดา เป็นสตรีที่มาจากสวรรค์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หยวนซีซวนมองเห็น

ในสายตาของหยวนซีซวน นางเป็นเพียงสตรีทั่วไปที่ไม่คุ้นชินกับโลกใบนี้ มีเพียงรูปโฉมของนางเท่านั้นที่งดงามราวกับเทพธิดา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 6 ป๋ามาก

    บทที่ 6ป๋ามาก“เป็นข้าที่ผิดเอง เทพธิดาโปรดระงับโทสะด้วย”ดวงตากลมกะพริบปริบๆ มองหยวนซีซวนที่อยู่ดีๆ ก็คำนับให้กับนาง ฮ่องเต้เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยถามด้วยความสงสัยระคนร้อนใจ“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย ก่อนหน้านี้กระหม่อมได้ให้สัญญากับเทพธิดาว่าจะพากลับต้าจวิน เพราะสวรรค์ส่งนางลงมาจากที่นั่น ต้าจวินจึงไม่ต่างจากบ้านของนาง เมื่อได้ยินว่าจะต้องเป็นกุ้ยเฟยอยู่ที่นี่จึงเกิดโทสะ โปรดถอนราชโองการด้วยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”ขุนนางทั้งหลายได้ยินเช่นนี้ก็เห็นด้วย รีบคุกเข่าก้มศีรษะจรดพื้นเพื่อขอให้ฮ่องเต้ถอนพระราชโองการ“โปรดถอนพระราชโองการด้วย!!!”ฮ่องเต้สองจิตสองใจ ใจหนึ่งยังอยากให้หนิงอวี้เฟยเป็นกุ้ยเฟยอยู่เคียงข้าง การมีเทพธิดาอยู่ด้วยย่อมทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองราวกับได้รับการอวยพรจากสวรรค์ ทว่าหากบังคับนางจนสวรรค์พิโรธเช่นนี้นอกจากไม่ได้รับการอวยพรแล้ว อาจจะถูกลงทัณฑ์ด้วยก็เป็นได้

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 5 ข้าไม่แต่ง

    บทที่ 5ข้าไม่แต่ง“ในเมื่อเทพธิดาบาดเจ็บ อีกทั้งยังใช้พลังเรียนฝนฟ้ามาพิสูจน์ให้พวกเราได้เป็นที่ประจักษ์ คงจะเหนื่อยมากแล้ว เช่นนั้นจงไปพักก่อนเถิด ข้าจะให้คนจัดเตรียมห้องไว้ให้”ฮ่องเต้เอ่ยเช่นนั้น ลึกไปในแววตาของเขากลับดูไม่น่าไว้วางใจ ราวกับตั้งใจวางแผนวางสิ่ง และหยวนซีซวนก็พอจะรู้ว่ายามนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะออกตัว“ขอบพระทัยฝ่าบาท” บุรุษเอ่ยพลางโค้งศีรษะ ก่อนจะขยับตัวพาหนิงอวี้เฟยออกจากห้องโถง เดินตามนางกำนัลนางหนึ่งมายังห้องว่างไม่ไกลกันนักเขาวางร่างของนางลงบนเก้าอี้ยาว ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ“รอข้าอยู่ที่นี่”บุรุษเอ่ยก่อนจะเดินจากไปทว่ากลับต้องหยุดกึก ดวงตาคมกริบเหลือบลงมองมือของนางที่กำชายอาภรณ์ของเขาไว้ ก่อนจะเลื่อนสายตามองใบหน้าของนาง“เจ้าจะไปไหน?” นางถามเสียงเบา ดวงตาจับจ้องเขาอย่างไม่สบายใจหยวนซีซวนปรายตามองนางครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบนิ่ง“ข้าต้อง

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 4 ให้ข้าอุ้มน่ะดีแล้ว

    บทที่ 4ให้ข้าอุ้มน่ะดีแล้วทันทีที่หนิงอวี้เฟยถึงจวน นางแทบไม่เสียเวลามองไปรอบตัว นางเดินตรงไปยังเตียงแล้วล้มตัวลงนอนคว่ำบนเตียง ดวงตาหลับลงด้วยความเหนื่อยล้า“เดินทางมาหลายวัน ข้าอยากพักจะแย่ ปวดเนื้อปวดตัวไปหมด” นางบ่นเสียงเบาด้วยพร้อมกับห้วงนิทราที่เริ่มคืบคลานเข้ามา “...ข้าจะไม่ขยับอีกแล้ว...”ทว่าในทันทีทันใดนั้นเอง เพ่ยเพ่ยและเหล่าสาวใช้ก็กรูกันเข้ามาลากตัวนางขึ้นมาจากเตียง“คุณหนูเจ้าคะ ได้เวลาต้องเตรียมตัวเข้าเฝ้าเจ้าค่ะ”ก่อนจะช่วยกันผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้นางคนละไม้คนละมือ“เดี๋ยว! ข้ายังไม่ได้พักเลยนะ!” นางบ่นเสียงอิดออดอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ไม่มีผู้ใดสนใจเพราะสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือการเตรียมตัวเข้าเฝ้าฮ่องเต้!อาภรณ์สีขาวราวหิมะถูกสวมลงบนเรือนร่างของนาง เนื้อผ้าเนียนละเอียดลื่นไหลราวกับสายน้ำไหลต้องผิว ลวดลายปักบนเนื้อผ้าเป็นรูปเมฆหมอกและดอกเหมย ละเอียดอ่อน

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 3  สัมผัสที่ข้างแก้ม

    บทที่ 3สัมผัสที่ข้างแก้มยิ่งได้มองดวงหน้าหวาน ความรู้สึกบางอย่างแล่นกลับมาในห้วงความคิด ความรู้สึกเมื่อแรกพบหวนกลับมาวันที่เขาพบกับนางเป็นครั้งแรก วันที่นางตกลงมาจากฟ้าสู่อ้อมแขน ช่วงเวลานั้นทุกสิ่งราวกับหยุดนิ่ง ร่างของนางเบาบางอยู่ในอ้อมแขน สายลมพัดไปรอบตัว ฝนแรกที่ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าหลังจากแห้งแล้งมาหลายเดือนโอบล้อมพวกเขาทั้งสอง ยามสบตาคล้ายกับถูกบางอย่างดึงดูดจนมิอาจต้านทานได้คล้ายกับหัวใจจะหยุดเต้นในตอนนั้น…ไม่ใช่เพราะความงามเหนือมนุษย์ของนาง ไม่ใช่เพราะความแปลกประหลาดของสถานการณ์ แต่เป็นเพราะสิ่งใดบุรุษเองก็มิอาจหาคำตอบได้เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม ก็ได้เวลาเดินทางต่อ มิเช่นนั้นอาจจะไปถึงช้ากว่ากำหนด เพ่ยเพ่ยสาวใช้ของหนิงอวี้เฟยพานางไปที่รถม้า นางเงยหน้ามองรถม้าที่รออยู่ก่อนจะถอนหายใจ จากนั้นก็หันไปมองหยวนซีซวน“ข้าขอนั่งม้าไปกับท่านได้หรือไม่?” สตรีตัวน้อยทำสายตาออดอ้อนระคนน่าสงสารราวกับลูกกวางตัวน้อย หยวนซีซวนมองนางนิ่งๆ ราวกั

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 2 ฉันต้องกลับไป...

    บทที่ 2ฉันต้องกลับไป... “หากไม่รู้... เช่นนั้นก็พักอยู่ที่นี่ก่อนดีหรือไม่?”“แต่ฉันไม่อยากแต่งงาน...” นางพึมพำราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง......หรือข้าจะใจร้อนไป ข้าไม่คิดปล่อยเจ้าไปด้วยสิ หากไม่ทำเช่นนี้เกรงว่าเจ้าคงตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น...“ได้ เช่นนั้นเอาตามนี้ดีหรือไม่ อีกไม่นานเราจะเดินทางไปเมืองหลวงกัน...”ไม่ทันที่หยวนซีซวนจะเอ่ยจบ หนิงอวี้เฟยก็พูดขัดขึ้นมา“ทำไมต้องไปเมืองหลวงด้วย!?” นางหวาดหวั่นเหลือเกิน จากประสบการณ์การดูซีรี่ย์จีนโบราณของนาง เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่น่ากลัวมาก นี่หมายความว่าหยวนซีซวนจะจับนางส่งให้ราชวงศ์อย่างนั้นหรือ!?“เพราะการปรากฏตัวของเจ้า... การตกลงมาจากฟ้าพร้อมกับสายฝนผู้ใดก็เลียนแบบเจ้าไม่ได้ การปรากฏตัวพร้อมกับเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนี้ฝ่าบาทย่อมอยากพบเจอเจ้า จนกว่าจะกลับมาที่นี่ข้าจะให้เวลาเจ้าคิดเกี่ยวกับการแต่งงาน”“...” หนิงอวี้เ

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 1 เทพธิดาตกสวรรค์

    บทที่ 1เทพธิดาตกสวรรค์ดวงตะวันส่องแสงสว่างจ้า ความร้อนระอุส่งผลให้ชาวเมืองหวาดหวั่น หลายปีมานี้เกิดอาเพสอันใดก็ไม่ทราบ จึงทำให้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ชาวไร่ชาวนา หรือแม้แต่พ่อค้าแม่ขายต่างก็เดือดร้อนไปตามๆ กัน แล้งเช่นนี้พืชผลก็ไม่สามารถเติบโตได้ดี รายได้จึงน้อยลง ส่วนผู้ที่ทำอาชีพค้าขายเป็นหลักก็ไม่มีผู้ซื้อจึงขาดทุนไปตามๆ กันเจ้าเมืองอ๋องเห็นเช่นนั้นจึงจัดพิธีบวงสรวงฟ้าดินด้วยเครื่องสังเวยมากมาย ทั้งช้าง ม้า วัว ควาย อาหารทั้งคาวหลาน และสุราชั้นดี รวบรวมเหล่าประชาชนแผ่นดินทองที่หน้าพระราชวังไท่หยาง พิธีเริ่มไปประมาณครึ่งชั่วยาม ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีเมฆดำทะมึนก่อตัวอยู่เหนือแท่นพิธีบวงสรวงสร้างเสียงฮือฮาจากผู้คนใต้หล้า เสียงครึกโครมของท้องฟ้าดังกึกก้องกังวาบไปทั่ว เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาได้ทั่วไปแต่ทว่าไม่ใช่กลับแผ่นดินแดนเหนือแห่งนี้หยวนซีซวนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน จดจ้องมองท้องฟ้าด้วยดวงตาสีหยดหมึกคู่งามพลันเกิดแสงประกายดุจดวงดาวอยู่แวบหนึ่ง ก่อนที่บางสิ่งบางอย่างจะตกลงมาจากฟากฟ้า คิ้วดกเข้มขมวดเข้าหากันแล้วเพ่งพิจารณาด้วยความฉงนใจ รูปร่างของสิ่งที่ตกลงมาจากเบื้อ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status