LOGINทันทีที่หนิงอวี้เฟยถึงจวน นางแทบไม่เสียเวลามองไปรอบตัว นางเดินตรงไปยังเตียงแล้วล้มตัวลงนอนคว่ำบนเตียง ดวงตาหลับลงด้วยความเหนื่อยล้า
“เดินทางมาหลายวัน ข้าอยากพักจะแย่ ปวดเนื้อปวดตัวไปหมด” นางบ่นเสียงเบาด้วยพร้อมกับห้วงนิทราที่เริ่มคืบคลานเข้ามา “...ข้าจะไม่ขยับอีกแล้ว...”
ทว่าในทันทีทันใดนั้นเอง เพ่ยเพ่ยและเหล่าสาวใช้ก็กรูกันเข้ามาลากตัวนางขึ้นมาจากเตียง
“คุณหนูเจ้าคะ ได้เวลาต้องเตรียมตัวเข้าเฝ้าเจ้าค่ะ”
ก่อนจะช่วยกันผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้นางคนละไม้คนละมือ
“เดี๋ยว! ข้ายังไม่ได้พักเลยนะ!” นางบ่นเสียงอิดออดอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ไม่มีผู้ใดสนใจเพราะสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือการเตรียมตัวเข้าเฝ้าฮ่องเต้!
อาภรณ์สีขาวราวหิมะถูกสวมลงบนเรือนร่างของนาง เนื้อผ้าเนียนละเอียดลื่นไหลราวกับสายน้ำไหลต้องผิว ลวดลายปักบนเนื้อผ้าเป็นรูปเมฆหมอกและดอกเหมย ละเอียดอ่อนราวกับสลักโดยมือของเทพสมกับเป็นอาภรณ์ของเทพธิดาเช่นนาง
มือของสาวใช้ขยับฉับไว ปักปิ่นหยกลงบนเรือนผมของนาง หยกแกะสลักลวดลายวิจิตรประกายแสงเย็นตา เสริมให้นางดูสูงส่งยิ่งขึ้น
เมื่อนางแต่งตัวเสร็จก็ถูกพาไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว นางถูกจับยัดเข้าไปด้านในอย่างรีบร้อนก่อนจะเริ่มออกเดินทางไปยังพระราชวัง
“เมื่อไหร่ข้าจะได้พัก ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว กระดูกของข้าใกล้จะพังแล้ว ที่นี่มีร้านหมอนวดหรือไม่ ข้าอยากนวดสักหน่อย...”
ระหว่างทางหนิงอวี้เฟยก็พร่ำบ่นตลอดทาง เพ่ยเพ่ยได้แต่ให้กำลังใจนาง พลางครุ่นคิดในใจว่าเทพธิดาคงจะไม่เคยเจอความยากลำบาก เช่นนี้แล้วนางจะปรนนิบัติเทพธิดาสุดความสามารถ!
การปรากฏตัวของหนิงอวี้เฟยนำพาสายฝนทำให้ใต้หล้าฟื้นฟูจากความแห้งแล้ง ครอบครัวของนางก็ได้พ้นวิกฤตไปด้วย จึงไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะยกย่องนางเป็นเทพธิดาและเคารพนาง
ไม่นานก็มาถึงพระราชวัง ประตูรถม้าถูกเปิดออก เผยให้เห็นหยวนซีซวนที่ยืนรออยู่ด้านนอก สตรีตัวน้อยมองเขาพลางทำหน้าบึ้งตึง ราวกับการที่นางไม่ได้พักผ่อนเป็นความผิดของเขา
“ถึงแล้ว ลงมาเถิด” บุรุษเอ่ยเสียงเรียบ แล้วยื่นมือรอรับ
หนิงอวี้เฟยถอนหายใจก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น ก้าวลงจากรถม้าด้วยความเหนื่อยล้า แต่ยังไม่ทันได้ยืนมั่นคงดีอาภรณ์ยาวที่ลากพื้นทำให้เธอก้าวพลาด ร่างของเธอเอนไปข้างหน้า
“อ๊ะ!” นางร้องด้วยความตกใจ ทว่าก่อนที่ร่างของนางจะล้มหน้าคว่ำ แขนแข็งแกร่งของหยวนซีซวนก็ยื่นออกมารับตัวนางไว้ได้้
หัวใจดวงน้อยแทบหลุดออกมาจากอกด้วยความตกใจ สองมือของนางวางทาบลงบนแผงอกกว้าง ดวงหน้าของนางเองก็แนบไปกับอกกว้างเช่นกัน สตรีตัวน้อยค่อยๆ ผลักตนเองออกจากอ้อมอกนั้น เงยหน้าขึ้นสบตากับบุรุษ
“ระวังหน่อย” หยวนซีซวนเอ่ยดุนางเสียงเข้ม คิ้วของบุรุษขมวดเข้าหากันราวกับสิ่งที่นางทำมันร้ายแรง
เขาประคองร่างของนางลงมาจากบันไดรถม้า ทว่าขณะช่วยจับนางให้ยืนทรงตัวด้วยตนเอง ร่างบอบบางกลับล้มพับกลับสู่อ้อมอกของบุรุษอีกครั้ง โดยครั้งนี้หยวนซีซวนก็โอบกอดนางเอาไว้แน่นด้วยกลัวว่านางจะบาดเจ็บเช่นเดิม
“โอ้ย!... เจ็บ...!” นางพึมพำเบาๆ ก่อนจะขมวดคิ้ว
หยวนซีซวนเห็นเช่นนั้นจึงพานางไปนั่งตรงม้านั่งยาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ก่อนจะคุกเข่าลงข้างตัวเธอแล้วเอื้อมมือไปจับข้อเท้านาง
“ขอเสียมารยาท…” น้ำเสียงของเขาสุภาพและแฝงไปด้วยความห่วงใย
หนิงอวี้เฟยลังเลเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน นางปล่อยให้เขาประคองข้อเท้าของตนเองเบาๆ
“เจ็บมากหรือไม่?” เขาถามขณะใช้ปลายนิ้วตรวจดูรอยบวม แต่ก่อนที่นางจะตอบ เสียงของกงกงผู้เป็นตัวแทนฮ่องเต้มาต้อนรับพวกเขาในวันนี้ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“ท่านอ๋อง ฝ่าบาทรออยู่ที่ห้องโถงเข้าเฝ้า ต้องรีบแล้วขอรับ”
บุรุษเหลือบสายตามองกงกงแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มกลับไปมองรอยช้ำบนข้อเท้าเล็กๆ ที่ราวกับจะหักได้ง่ายๆ ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจ
“เช่นนั้นก็รีบไป…”
หมับ!
“ว้าย!”
ทันทีที่หยวนซีซวนตัดสินใจ ร่างสูงก็โน้มตัวลงเล็กน้อย มือหนึ่งสอดเข้าที่ใต้ข้อพับขา อีกมือโอบประคองแผ่นหลังของหนิงอวี้เฟย
ด้วยเรี่ยวแรงอันแข็งแกร่งของเขา ร่างอรชรของนางลอยขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว อาภรณ์สีขาวพลิ้วไหวตามแรงเคลื่อนที่ ศีรษะของนางเอนไปเล็กน้อยจากแรงอุ้ม ดวงตากระพริบตาอย่างตกตะลึงจนเผลอหลุดคำคุ้นเคยออกมา
“นะ นาย!?”
นัยน์ตาคมกดสายตามองนางเป็นการตักเตือน หนิงอวี้เฟยจึงรู้ทันทีว่าได้หลุดการพูดแบบยุคปัจจุบันออกไป
“ปะ ปล่อยข้านะ”
“เจ้าเจ็บเท้าไม่ใช่หรือ ให้ข้าอุ้มน่ะดีแล้ว”
“ขะ ข้าเดินเองได้” นางพยายามดิ้นลงจากอ้อมแขนของเขา แต่ก็ถูกบุรุษกระชับแนบแน่นยิ่งขึ้นอย่างไม่สนใจ
“อย่าดื้อ!” บุรุษเอ่ยบอกนางตาดุ แม้นางจะหวาดหวั่นแต่มั่นน่าอายมากกว่า เพราะยามนี้ทุกสายตามองมาที่นางเป็นตาเดียว!
ทว่าดิ้นไปไม่นานก็มาถึงหน้าห้องโถงใหญ่ หยวนซีซวนจึงเอ่ยกระซิบเตือนนาง
“หากยังดิ้นอีก ก็ไม่รู้คราวนี้ผู้คนจะมองว่าเจ้าเป็นเทพธิดาเช่นไร”
จบถ้อยคำนั้นหยวนซีซวนก็ก้าวเท้าเข้ามาในห้องโถง เป็นจุดรวมสายตาของทุกคน แต่ดูเหมือนผู้ที่เป็นจุดสนใจที่สุดจะเป็นสตรีตัวน้อยในอ้อมกอดของบุรุษ
ร่างของนางขาวสะอาดราวหิมะ เรือนผมดำขลับรับกับหยกที่ประดับประดา ทุกสายตาภายในห้องจับจ้องมายังนาง บางคนอ้าปากค้าง บางคนสูดลมหายใจลึกด้วยความประหลาดใจ นางงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์จริงๆ
“ถวายบังคมฝ่าบาท” หยวนซีซวนโค้งกายลงเล็กน้อย แม้ในอ้อมแขนของเขาจะยังมีร่างบางของสตรี “โปรดอภัยให้กับการเสียมารยาทในครั้งนี้ด้วย ท่านเทพธิดาได้รับบาดเจ็บ กระหม่อมจึงต้องเสียมารยาทแตะต้องร้างกายอันล้ำค่าของนาง เพื่อพานางมาเข้าเฝ้าฝาบาท”
“ช่างเถิด ไม่ต้องถือสา” ฮ่องเต้ทอดสายตามองภาพตรงหน้า ก่อนจะโบกมือทว่าสายตายังคงจับจ้องไปยังสตรีที่อยู่ในอ้อมแขนของหยวนซีซวนไม่วางตา พลางเอ่ยถามเสียงเรียบ “เจ้าคือเทพธิดาที่ประทานฝนแก่ชาวแคว้นต้าจวิน ที่เขาล่ำลือกันใช่หรือไม่?”
หนิงอวี้เฟยรู้สึกถึงน้ำเสียงทรงอำนาจของผู้ที่อยู่เบื้องหน้า นางเงยหน้ามองฮ่องเต้ รับรู้ถึงแรงกดดันที่ทำให้นางแทบหายใจไม่ทั่วท้อง
บรรยากาศภายในห้องโถงคล้ายเย็นลงอย่างฉับพลัน นางนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้ารับว่านางคือคนในข่าวลือนั่น หากแต่เอ่ยปฏิเสธบางสิ่ง
“…แต่ข้าไม่ใช่เทพธิดา”
“เช่นนั้นเจ้าคือผู้ใด?” ฮ่องเต้เลิกคิ้วเพียงเล็กน้อย ไม่ได้แสดงความแปลกใจออกมาอย่างชัดเจน “แล้วเหตุใดจึงร่วงหล่นลงมาจากฟ้า?”
นางนิ่งเงียบไร้คำตอบ หยวนซีซวนขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเป็นฝ่ายตอบแทนนาง
“เทพธิดายังคงสับสน อาจเป็นเพราะถูกส่งมายังโลกมนุษย์กะทันหัน ขอฝ่าบาทโปรดอภัย” น้ำเสียงของเขาสุขุมเยือกเย็น
“ช่างเถิด ข้าไม่ถือสา ว่าแต่...” ฮ่องเต้หัวเราะเบาๆ พลางโบกมือราวกับไม่ถือสา แต่แล้วเสียงหัวเราะก็เงียบลงทันใด พร้อมกับเอ่ยบางสิ่งขึ้นมาแทนที่ราวกับกำลังจ้องจับผิดนาง “ตอนนี้เจ้าทำให้ฝนตกได้หรือไม่?”
สตรีตัวน้อยนิ่งงันไปทันที นางไม่รู้ว่าต้องตอบอะไร เพราะนางไม่ใช่เทพธิดาเรียกฝน ทว่าหากปฏิเสธก็คล้ายกับหัวนางจะหลุดออกจากบ่า!
“พลังควบคุมฟ้าดินต้องใช้พลังมหาศาล นางเพิ่งทำให้ฝนตก คงมิอาจเรียกฝนมาได้เร็วๆ นี้ ขอให้ฝ่าบาทโปรดอภัย ให้นางได้พักสักหน่อย…”
ยังไม่ทันที่หยวนซีซวนจะเอ่ยจบ ทันใดนั้นเองเสียงแรกของหยดน้ำดังขึ้นจากด้านนอก เสียงหยาดฝนกระทบกระเบื้องหลังคาก้องไปทั่ว ทุกคนภายในห้องโถงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเร่งเดินไปยังบานหน้าต่างใหญ่
ฟ้ากลางเมืองหลวงที่แดดจ้าเมื่อครู่ ถูกเมฆครึ้มปกคลุมทั่วทุกที่ เม็ดฝนโปรยปรายลงมาช้าๆ ท่ามกลางเสียงอุทานของเหล่าขุนนาง
“นางทำได้จริงๆ”
“นางคือเทพธิดาจริงๆ”
“ฝ่าบาทโปรดทอดพระเนตร นี่เป็นปาฏิหาริย์แท้จริง”
“สวรรค์ทรงเมตตา เทพธิดาโปรดประทานฝนให้แคว้นเราแล้ว”
เสียงสรรเสริญดังระงม ขุนนางบางคนรีบคุกเข่าลงถวายคำนับ ใบหน้าประดับด้วยความศรัทธา บรรยากาศภายในห้องโถงแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตะลึง
หนิงอวี้เฟยเองก็อึ้งไม่แพ้กัน นางมองผ่านม่านฝนที่ตกลงมา สัมผัสความเย็นที่กระจายไปทั่วอากาศ
…กะ เกิดอะไรขึ้น ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!...
หยวนซีซวนกดสายตามองนาง เฝ้ามองหาคำตอบในดวงตาของนาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นเพียงสายตาสับสน กระวนกระวาย และตกลตะลึงของนาง
เสียงหัวเราะของฮ่องเต้ดังขึ้นแผ่วเบา ทว่าก้องกังวานไปทั่วห้องโถงอันโอ่อ่า ร่างของฮ่องเต้หยัดกายขึ้นจากบัลลังก์ อาภรณ์สีทองสะท้อนแสงเทียนภายในห้อง เสริมให้เขาดูทรงอำนาจยิ่งกว่าเดิม
“เป็นเทพธิดาจริงๆ” ฮ่องเต้เอ่ยพร้อมกับประสานมือคำนับแด่นาง
หนิงอวี้เฟยไม่ได้ตอบรับ นางยังคงตกตะลึง สายตาของนางจ้องไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย ราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
ตอนพิเศษ 4ทุกอย่างก็เพื่อเจ้าตัวน้อยหลังจากวันนั้นนางก็เริ่มตระหนักได้ถึงความรับผิดชอบ นางจะทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้ต่อไปไม่ได้“ท่านพี่ ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องอยู่กับข้าตลอดทุกวันแล้วเจ้าค่ะ” หนิงอวี้เฟยเอ่ยเสียงอ่อนโยน ทว่าหนักแน่น “บ้านเมืองต้องสงบสุข ชาวบ้านต้องมีรอยยิ้ม เมืองต้องน่าอยู่เพื่อให้ลูกของเราเติบโตในโลกที่ดีที่สุด หากท่านพี่มัวแต่กังวลเรื่องข้า แล้วสิ่งเหล่านั้นเล่า… ใครจะดูแล?”หนิงอวี้เฟยมองเขาด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความห่วงใยและเลื่อมใส ทว่าใบหน้าของหยวนซีซวนกลับขมวดคิ้ว มองนางด้วยความลังเล ราวกับไม่อยากปล่อยมือจากนางได้ก่อนหน้านี้นางติดตนแจ ทว่าคราวนี้กลับผลักไส เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ อารมณ์คนตั้งครรภ์ช่างแปรปรวนเหลือเกิน“ข้าเคยสัญญาว่าจะดูแลเจ้า แล้วจะให้ข้าละทิ้งเจ้าไปทำงานหรือ?”“ไม่ใช่ละทิ้ง ข้ายังอยู่ตรงนี้เสมอ เพียงแค่เจ้าต้องดูแลทั้งเมือง ไม่ใช่เพียงข้า… ลูกของเราต้องการอนาคตที่ดี ท่านพี่&r
ตอนพิเศษ 3เมื่อหนิงอวี้เฟยไร้เหตุผลไม่กี่วันต่อมา...บรรยากาศในเรือนหลักอบอวลไปด้วยความอบอุ่น เมื่อราชวงศ์หนิงส่งของขวัญมาให้ทันทีที่รู้ข่าวตั้งครรภ์ หนิงเสี่ยวอวี้ตื่นเต้นเสียจนติดหนิงอวี้เฟยแจ ไม่ยอมไปที่ใดไกล ก่อนจะประกาศเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน“โตไป ข้าจะดูแลน้อง แล้วก็จะปกป้องท่านพี่เฟยด้วย!”ทุกคนหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อย หนิงเหยาเฉิน หนิงเหยาเหวิน และหนิงเหยาหลินต่างมาอยู่เป็นเพื่อน คอยดูแลและพูดคุยเล่นให้นางคลายเครียด ท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลาย“ท่านพี่เฉิน ท่านพี่เหวิน ท่านพี่หลิน น้องข้าไม่ได้ดื้อไปหรือ?” หนิงอวี้เฟยเอ่ย พลางมองหนิงเสี่ยวอวี้ที่กำลังปีนขึ้นมานั่งข้างนาง“เสี่ยวอวี้แค่รักเจ้า…” หนิงเหยาเฉินหัวเราะเบาๆ “ดูเถิด จ้องเจ้าเขม็งเช่นนี้ เสี่ยวอวี้จะยอมไปที่ไหนเล่า!”“แน่นอนขอรับ!” หนิงเสี่ยวอวี้ยืนยันเสียงดัง ก่อนยกกำปั
ตอนพิเศษ 2เรามีลูกแล้วนะ“พระชายาตั้งครรภ์ขอรับ”ราวกับห้วงเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ ดวงตาของหยวนซีซวนเบิกกว้าง จ้องมองหมอหลวงราวกับต้องการให้ทวนคำอีกครั้ง ความตกใจแล่นวาบผ่านร่าง ทว่าทันทีที่คำพูดนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความจริง ความรู้สึกสุขใจมหาศาลก็ไหลทะลักเข้ามาแทนที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆ ปรากฏขึ้น แม้เขาจะเป็นผู้สงบนิ่งเสมอ ทว่าในเวลานี้…มิอาจห้ามความปลื้มปิติที่ซัดเข้ามาได้อีกต่อไป!ทว่าคนที่ยินดีรองจากหยวนซีซวนและตั้งสติได้ก่อนเห็นจะเป็นเหล่าบริวารที่เฝ้ารอทายาทของคนทั้งคู่“หมอหลวง! พระชายาต้องดูแลเช่นไรบ้างในช่วงตั้งครรภ์? ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ?”“เรื่องอาหารล่ะเจ้าคะ? มีสิ่งใดที่ต้องเน้นเป็นพิเศษเพื่อบำรุงทั้งพระชายาและเด็กน้อย?”“อาการแพ้ท้องจะเป็นหนักหรือไม่? พระชายาจะรู้สึกไม่สบายไปอีกนานเท่าใดขอรับ?”“พระชายาออกเดินเที่ยวงานเทศกาลทุกปี ปีนี้ยังสามารถทำเ
ตอนพิเศษ 1เมื่อหนิงอวี้เฟย กลายเป็นเด็กน้อยไปเสียแล้วงานเทศกาลคึกคักไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของอาหาร หนิงอวี้เฟยใช้เวลาสนุกสนานกับสาวใช้และองครักษ์บางส่วนที่หยวนซีซวนส่งมาคุ้มกันนาง นอกจากเขาไม่ว่างมาเป็นเพื่อน นางเดินเล่นไปตามแผงขายของ ลิ้มรสขนมถั่วหวานและถังหูลู่ด้วยท่าทีร่าเริง ทว่าในจังหวะที่มัวแต่หัวเราะเพลิดเพลิน นางกลับสะดุดอะไรบางอย่างจนล้มลง!ขนมในมือกระเด็นหลุดออกจากมือ บางส่วนตกพื้น บางส่วนเปื้อนดิน เพ่ยเพ่ยรีบเข้ามาพยุงนางขึ้น ทว่าแทนที่นางจะเอ่ยคำใดออกมา นางกลับนิ่งไป ดวงตาจับจ้องขนมในมืออย่างไม่วางตา มุมปากของนางเริ่มขยับคว่ำลง ก่อนเสียงร้องไห้จะดังขึ้นทันที“ฮือ!!!”น้ำตาไหลรินลงมาจนทุกคนรอบข้างชะงัก บริวารทั้งบุรุษและสตรีต่างตกใจ รีบเข้ามาดูอาการของนางคิดว่านางต้องบาดเจ็บหนัก ทว่าหลังตรวจดูพบว่ามีเพียงแผลถลอกที่หลังมือเท่านั้น…“พระชายา! ท่านเจ็บตรงไหนหรือเจ้าคะ!?”“เหตุใดท่านร้องไห้เช่นนี้เจ้าคะ!?&rdq
บทที่ 45คืนนี้อีกรอบหนิงอวี้เฟยยังคงอาบน้ำเงียบๆ ในสายน้ำเย็นชื่น ทว่าอยู่ดีๆ ร่างของหยวนซีซวนก้าวเข้ามาใกล้ นางยังไม่ทันรู้ตัวมือแข็งแกร่งของเขาก็โอบรอบเอวนางจากด้านหลัง“ท่านพี่!!” สตรีตัวน้อยร้องออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อสัมผัสถึงอ้อมแขนที่แนบชิด ร่างของเขาไม่ได้เคลื่อนไหวใดต่อไป เพียงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น“เจ้าคิดหรือยัง?” บุรุษเอ่ยพลางกดใบหน้าเข้าที่ลำคอของนาง แล้วใช้จมูกไล้ที่ผิวกายเบาๆ กลิ่นหอมหวานทำให้หยวนซีซวนแอบกัดฟันกรอด“คิดอะไรเจ้าคะ?” นางขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย“เรื่องลูกของเรา” เขากระซิบเบาๆ พลางจูบลงบนเรือนผมนางอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความออดอ้อน “เจ้าอยากมีกี่คน สามคน ห้าคน หรือสักเจ็ดคนดี?”“ขะ ข้ายังไม่ได้คิด...”“เช่นนั้นก็คิดเสีย”“ให้เวลาข้าอีกนิดเถิดเจ้าค่ะ”“ยังใ
บทที่ 43ไม่ตายไม่แยกจาก“เฮ้อ เจ้าระแวงเกินไปแล้ว เมื่อคืนก็ทั้งคืน ข้าจะไปกล้ารังแกเจ้าต่อได้อย่างไร มาๆ ข้าพาเจ้าไปอาบน้ำดีกว่า”“กรี๊ด! ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า! ท่านพี่!”หยวนซีซวนโอบอุ้มสตรีตัวน้อยขึ้นสู่อ้อมแขน แล้วพาเดินไปที่ห้องน้ำที่สาวใช้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วระหว่างที่นางหลับ เมื่อมาถึงก็ค่อยๆ วางนางลงในอ่างอาบน้ำ จากนั้นก็ช่วยนางอาบน้ำอย่างจริงจัง ทำเอาหนิงอวี้เฟยรู้สึกประหลาดใจยิ่งนักเขาไม่เพียงแต่ไม่รังแกนางในน้ำ ยังช่วยอาบน้ำชำระกายอย่างดี บีบนวดตัวนางเพื่อคลายความเมื่อยล้าให้อีกต่างหาก จนนางวางใจอาจจะเพราะบุรุษรู้สึกผิดที่เมื่อคืนนี้เคี่ยวกรำนางหนักเกินไปก็เป็นได้หลังจากอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จ ทั้งสองก็นั่งกินข้าวอยู่ในห้อง อาหารมากหน้าหลายตาถูกวางเรียงเต็มโต๊ะ ผลัดกันตักให้ ผลัดกันป้อนอย่างหวานชื่น เมื่อกินอิ่มสาวใช้ก็เข้ามาเก็บสำรับหมับ!หยวนซีซวนโอบกอดนางทันทีที่สาวใช้ออกไป ร่างของบุรุษแนบชิดเข้า







