Share

บทที่ 8 ข้าคือเทพธิดา

last update Last Updated: 2025-09-30 20:30:41

บทที่ 8

ข้าคือเทพธิดา

“ไอ้พวกสารเลว!!”

ทันใดนั้นเมฆดำลอยมาปกคลุมเหนือป่า เงาดำคลืบคลานอย่างน่ากลัว เสียงฟ้าร้องดังสนั่นราวกับกำลังโกรธไปพร้อมๆ กับนาง ที่น่าประหลาดใจก็คือเมฆดำเหล่านั้นก่อตัวขึ้นแค่เพียงพื้นที่ที่นางอยู่

เปรี้ยง!!

สายฟ้าฟาดลงมา กระแทกร่างโจรที่ทำร้ายเด็กจนร่วงลงไป 

ทุกคนตกตะลึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือร่างของนาง หนิงอวี้เฟยเองก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน นางตกใจแต่ก็ไม่เท่าชาวบ้านเหล่านี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เมฆดำครึ้มเหล่านั้นราวกับกำลังปกป้องนางอยู่ หากเอ่ยตามความเชื่อของคนในยุคนี้ก็คงเป็น...สวรรค์กำลังเข้าข้างนาง

เช่นนั้นหากนางจะเอ่ยคำโกหกสีขาวเพื่อเรียกขวัญกำลังใจจากชาวบ้านเสียหน่อยก็คงไม่เป็นไรกระมัง นางสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น

“ข้าคือเทพธิดา มาเพื่อช่วยพวกเจ้า!”

ชาวบ้านลังเล พวกเขามองนางอย่างไม่แน่ใจ เพราะดูอย่างไรในยามนี้ สตรีร่างบอบบางที่ถูกคราบฝุ่นดินกลบจนดำ กระนั้นหากมองดีๆ นางก็งดงามไม่น้อย ทว่าเรื่องความงามจะมาเทียบกับเรื่องที่นางเป็นเทพธิดาไม่ได้ พวกเขาจะเชื่อนางได้อย่างไร?

“เจ้าไม่เห็นกันหรือ สายฟ้าที่ฟาดลงมาเมื่อครู่ไม่ได้ทำร้ายข้า แต่ทำร้ายโจรป่า เรื่องเช่นนี้บังเอิญจริงๆ หรือ?” 

เสียงกระซิบดังขึ้น คนเริ่มมองหน้ากันด้วยความกระวนกระวายเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เสียงของชาวบ้านแตกออกเป็นสองฝั่ง

“ข้าได้ยินมาว่าที่แคว้นเหนือมีเทพธิดาลงมาโปรด ท่านมอบฝนให้กับชาวแคว้นเหนือด้วย!”

“เรื่องเหลวไหลทั้งเพ เทพธิดามีที่ไหน!”

“ลูกข้าทำงานกับคนในวัง บอกว่าเทพธิดามาเยือนเมืองหลวง อ๋องเมืองเหนือถึงกับต้องอุ้มมาเพราะให้เท้าของท่านเทพธิดาแตะพื้นไม่ได้เชียว”

“เช่นนั้นก็หมายความว่าท่านเทพธิดาอยู่เมืองหลวงหรือ?”

“อย่างนั้นปรากฏการณ์เมื่อวันก่อนที่ฝนตกหนักแค่เพียงในวังหลวงก็เพราะเทพธิดาหรือ!!”

หนิงอวี้เฟยฟังถ้อยคำเกินจริงเหล่านั้นเงียบๆ ก่อนจะเอ่ย

“ช่างเถิด หากอยากรอดก็ตามข้ามา หรือจะไปตามทางของพวกเจ้าก็แล้วแต่ การตัดสินใจเป็นของพวกเจ้า” หนิงอวี้เฟยเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ทว่ากลับแน่ใจว่าชาวบ้านจะต้องตามนางไปแน่นอน

นางขยับไปหาต้นไม้แล้วใช้ข้อมือถูกับต้นไม้เพื่อแก้เชือกจนถลอก ก่อนจะเดินไปอุ้มร่างเด็กน้อยขึ้นมา 

บรรยากาศแห่งความสิ้นหวังเปลี่ยนไปชาวบ้านที่ลังเลเริ่มขยับตัว พวกเขาค่อยๆ ลุกขึ้น นางก้าวไปข้างหน้าขณะที่กลุ่มชาวบ้านเริ่มเดินตามนางเป็นขบวน 

“เอ่อ ท่านเทพธิดา ว่าแต่เรากำลังจะเดินไปที่ใดหรือขอรับ?”

“หรือจะไปแดนสวรรค์เจ้าคะ?”

ชาวบ้านคู่สามีภรรยาเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเดินตามมาสักพักแล้วทั้งหิวและเหนื่อยล้า

“กลับเมืองหลวงน่ะสิ”

“ขอรับ? ตะ แต่เมืองหลวงอยู่อีกทางหนึ่งนะขอรับ”

สตรีตัวน้อยชะงักฝีเท้ากึก อันที่จริงนางไม่รู้ทาง รู้แค่ว่าต้องเดินออกมาจากตรงนั้น ไปที่ไหนก็ดีกว่าอยู่ที่นั่นแล้วรอให้โจรป่าที่อาจเหลือรอดมาจับพวกนางไป แต่ใครจะคิดว่าทางนี้จะเป็นคนละทางกับทางไปเมืองหลวงล่ะ!

ก็นางไม่รู้เส้นทางนี่!

ทางด้านของโม่โฉวและเหยียนอู่ แกะร่องรอยมาจนถึงค่ายของโจรป่าและจับกุมพวกมันที่เหลือ จากนั้นก็เดินตามร่องรอยที่คาดว่าพวกตัวประกันหลบหนีไป ทว่าในยามนั้นเองก็เห็นว่ามีเมฆดำครึ้มก่อตัวขึ้นอยู่จุดหนึ่งอย่างแปลกประหลาด โม่โฉวรับรู้ได้ว่าที่ตรงนั้นจะต้องมีหนิงอวี้เฟยอยู่แน่จึงรีบมุ่งตรงไป

ในที่สุดเขาก็เจอกับหนิงอวี้เฟยและพวกชาวบ้าน ก่อนจะพากลับไปยังจวนอ๋อง นางขึ้นม้าตัวเดียวมากับโม่โฉว เมื่อมาถึงหยวนซีซวนก็รออยู่ที่หน้าจวนแล้ว สตรีตัวน้อยดูเหนื่อยล้าเหลือเกิน นางพิงอกของโม่โฉวอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อม้าหยุดลงก็ถูกโม่โฉวส่งให้หยวนซีซวนที่รอรับอยู่ด้านล่าง

“ท่าน... พี่?” สตรีตัวน้อยเอ่ยเสียงแผ่งเบา

“พักผ่อนเถิด”

“ดะ เด็ก มีเด็ก…”

“ข้าจะจัดการเอง วางใจเถิด”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางก็พิงอกแกร่ง หลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงนิทราไป... ทิ้งไว้เพียงหยวนซีซวนที่เต็มไปด้วยความโกรธจนแทบคลั่ง

แม้ร่างกายของนางจะมีอาภรณ์ของโม่โฉวช่วยปกปิด แต่ก็เห็นว่าอาภรณ์ของนางโดยเฉพาะช่วงอกนั้นฉีกขาด!

ไม่เพียงเท่านั้นตามร่างกายของนางก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและรอยถลอก รวมถึงคราบเลือดตามอาภรณ์ หยวนซีซวนมิอาจคาดเดาสิ่งที่นางเผชิญได้เลย!

พวกมันทำสิ่งใดกับนางกันแน่!!

บุรุษพานางกลับไปที่ห้อง เรียกหมอมาดูอาการอย่างลับๆ ส่วนตนเองนั้นรีบตรงไปสำเร็จโทษ พวกที่ทำให้หนิงอวี้เฟยมีสภาพเป็นเช่นนี้!

“พวกโจรป่าล่ะ?” เมื่อเดินออกมา เขาก็เอ่ยถามโม่โฉวทันที

“กำลังรวบรวมส่งให้ทางการขอรับ”

“พามาที่นี่ก่อน”

“ขอรับ!”

แม้จะสงสัยแต่โม่โฉวก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่ง เมื่อพวกโจรป่ามาถึงเห็นหยวนซีซวน ต่างก็คุกเข่าพร้อมทั้งโขลกศีรษะลงพื้นราวกับโขลกกระเทียม[1]

“โปรดเมตตาด้วย ซวนอ๋อง! โปรดเมตตาด้วย!”

ฉึ้ง!!

คมดาบสะท้อนเงาของดวงจันทร์ยามค่ำคืน รวมถึงใบหน้าของผู้ที่ถึงฆาต! ดาบยาวบาดอยู่บนบ่าของโจรป่าผู้หนึ่ง ทำเอาพวกมันตัวแข็งทื่อ

“ชู่ว! พวกชอบเสียงดังเกินไปแล้ว นางหลับอยู่ หากนางตื่นเพราะเสียงของพวกเจ้าล่ะก็…” บุรุษไม่ได้เอ่ยต่อ ทว่าถ้อยคำต่อจากนี้ถึงไม่เอ่ยก็คาดเดาได้!

คงหนีไม่พ้นความตายกระมัง!

“ผู้ใดแตะต้องเทพธิดา…”

เงียบ… ไม่มีผู้ใดยอมรับ

“เช่นนั้น… ตัดนิ้วพวกเจ้าทีละนิ้ว จนกว่าจะมีคนยอมรับดีหรือไม่?”

ไม่เอ่ยเปล่า หยวนซีซวนจับมือของโจรป่าวางลงกับพื้น แล้วลงมือตัดนิ้วด้วยตนเองจนอีกฝ่ายอ้าปากเตรียมร้องด้วยความเจ็บปวด ทว่ายังไม่ทันส่งเสียง ทหารของหยวนซีซวนก็ตระครุบปิดปากมันเอาไว้!

“ชู่ว! ข้าบอกว่าอย่างไร หากนางตื่น เจ้าตาย…!”

“อื้อ!!!”

โจรป่าเริ่มหวาดหวั่น หันซ้ายหันขวามองหน้ากัน สุดท้ายหนึ่งในนั้นก็สารภาพ

“ข้าบอกแล้ว ข้าบอกเอง” โจรผู้นี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แม้จะอยากพูดแต่กลับพูดได้ยาก เพราะมันค่อนข้างเหนือธรรมชาติ “คะ คนที่แตะต้องเทพธิดา ถูกความพิโรธจากสวรรค์ลงโทษ ฟ้าผ่าจนตายไปแล้วขอรับ!”

บุรุษส่งสัญญาณให้คนไปตรวจสอบ เพียงไม่นานก็ได้คำตอบ หยวนซีซวนถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคนที่แตะต้องนางได้หมดลมหายใจไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นเขาจะระบายความโกรธนี้กับผู้ใดล่ะ?

นัยน์ตากลมตวัดมองโจรป่าเป็นรายคน ก่อนจะออกคำสั่ง

“ทรมาน”

องครักษ์พยักหน้า ก่อนจะจัดการทรมานพวกโจรป่า ให้สาสมกับที่พวกมันทำร้ายคนบริสุทธิ์ และบังอาจลักพาตัวหนิงอวี้เฟยไปด้วย หลังจากการทรมานกว่าสองชั่วยามผ่านไป เขาก็ออกคำสั่งอีกครั้ง

“ส่งให้ทางการ”

เช้าวันต่อมาหยวนซีซวนไปร่วมการพิพากษา รวมถึงรายงานข้อมูลรวมถึงหลักฐานเพิ่มเติมให้แก่ฮ่องเต้และขุนนางคนอื่น

ภายในห้องโถงหลวง บรรยากาศตึงเครียดราวกับสายฟ้าก่อนพายุ พระราชวังเต็มไปด้วยขุนนางที่ยืนเรียงราย ทั้งคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ และจับจ้องไปยังบุรุษผู้หนึ่งที่ถูกตรึงอยู่กลางตำหนัก

อู่เฉิงคุกเข่าลง พันธนาการแน่นหนารัดแขนของเขาไว้ ใบหน้าซีดเซียวด้วยความตื่นตระหนก ทว่ายังคงฝืนตั้งตัว พยายามแก้ต่างให้ตนเอง

“ฝ่าบาท! กระหม่อมถูกใส่ร้าย!” เสียงของเขาสั่นเครือ แต่ยังคงแข็งกร้าว “ทุกสิ่งที่กระหม่อมทำไป ล้วนเป็นเพื่อแผ่นดิน กระหม่อมรับผิดชอบดูแลเรื่องโจรป่าตามพระบัญชา! หากมีข้อบกพร่องก็เป็นเพียงความผิดพลาด ไม่ใช่เจตนาทุจริต”

หยวนซีซวนก้าวออกมายืนเบื้องหน้า ประสานมือคำนับก่อนเอ่ยเสียงนิ่ง 

“ข้าขอถามหากไม่ใช่เจตนา แล้วเหตุใดเงินที่ถูกจัดสรรไปปราบโจรป่า กลับไปอยู่ในมือพวกมัน?” 

อู่เฉิงชะงัก ใบหน้าของเขาตึงเครียดขึ้นทันที 

“กระหม่อม… กระหม่อมไม่ได้รู้เรื่องนี้!”  

“แล้วนี่ล่ะ?”

หยวนซีซวนสะบัดเอกสารแผ่นหนึ่งต่อหน้าทุกคน เป็นบัญชีลับที่บ่งบอกว่าขุนนางอู่เฉิงเคยโอนเงินจำนวนมหาศาลไปยังกลุ่มโจร

“อู่เฉิง เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้เช่นไร?” ฮ่องเต้กดดัน นี่เป็นหลักฐานมัดตัวแน่นหนา มิอาจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้

“อาจมีผู้ใส่ร้ายกระหม่อม! กระหม่อมเป็นเพียงผู้ดูแล…”

“พยานที่เราสืบพบล้วนเอ่ยตรงกันว่าเจ้าเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขแบ่งทรัพย์สินกับพวกโจร หากท่านไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลัง เหตุใดร่องรอยจึงชี้ไปยังท่านเพียงผู้เดียว?”

อู่เฉิงตัวสั่น ลมหายใจติดขัด ขณะที่เสียงกระซิบในหมู่ขุนนางดังขึ้น

“นี่มันทรยศต่อราชสำนัก!”

“นี่ไม่ใช่เพียงการฉ้อโกง แต่คือการสมรู้ร่วมคิดกับโจร!”

“ฝ่าบาท… ขอพระเมตตา!” อู่เฉิงคุกเข่ากับพื้น มือสั่นไหว ก้มศีรษะโขกกับพื้นราวกับโขลกกระเทียม แม้เลือดไหลอาบก็ยังไม่ยอมหยุด

“เมตตาหรือ? แล้วประชาชนที่ถูกขายไปเล่า? แล้วเทพธิดาที่ถูกลักพาตัวไปเล่า? เมตตาต้องมีต่อผู้บริสุทธิ์ ไม่ใช่ผู้ที่ทรยศต่อราชสำนักและสวรรค์”

บุรุษเอ่ยเสียงแข็งกร้าว เผยถึงอำนาจที่ตนมีแม้ไม่ใช่ราชวงศ์ แต่ก็เป็นคนหนึ่งที่มีความสามารถพอสำหรับยศอ๋องที่ได้รับ

“กระหม่อมมีความเห็นว่าควรลงโทษสถานหนักตามพระราชบัญญัติแห่งราชสำนัก หนึ่งสร้างความวุ่นวายในเมืองหลวง บุกเข้ามาลักพาตัวชาวบ้านราวกับท้าทายอำนาจทางการ อีกทั้งชาวบ้านบางส่วนยังถูกนำไปขายเป็นทาส สองลักพาตัวเทพธิดาจนได้รับบาดเจ็บ ไม่ต่างจากการละเมิดผู้ที่สวรรค์ประทานมาเทียบได้กับการท้าทายฟ้าดิน หากปล่อยให้พวกมันลอยนวล อาจนำไปสู่หายนะแก่แผ่นดิน แน่นอนว่าโทษทัณฑ์รวมถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างขุนนางอู่ด้วย ฝ่าบาทโปรดพิจารณา”

“เจ้าเสนอให้ลงโทษเช่นไร?”

“ผู้บงการหลักขุนนางอู่ ต้องรับโทษประหารชีวิต เขาไม่ใช่เพียงผู้หนุนหลังให้โจรเหล่านี้ แต่ยังฉ้อโกงราชสำนัก ใช้เงินหลวงไปในทางไม่ชอบ ทำให้ประชาชนต้องทุกข์ยาก กระหม่อมขอเสนอให้ยึดทรัพย์สินสกุลอู่ทั้งหมด นำมาเยียวยาผู้ที่ถูกจับตัวไป และส่งกองกำลังติดตามผู้ที่ถูกขายไปยังดินแดนอื่นเพื่อนำกลับคืน”

เสียงของเขาหนักแน่น ไม่ใช่แค่เพื่อลงโทษผู้กระทำผิด แต่ยังเป็นเพื่อความยุติธรรมแก่ผู้บริสุทธิ์ 

ฮ่องเต้ทรงนิ่งไปครู่หนึ่ง กวาดสายตามองขุนนางหลายคนที่ส่งเสียงเห็นด้วย

“เช่นนั้นจงดำเนินการตามที่เจ้าเสนอไป จับตัวอู่เฉิงมารับโทษ และนำทรัพย์สินของสกุลอู่เยียวยาให้แก่ประชาชน”

[1] โขลกศีรษะลงพื้นราวกับโขลกกระเทียม = โขกหัวลงพื้นรัวๆ เพื่อร้องขอความเมตตา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 8 ข้าคือเทพธิดา

    บทที่ 8ข้าคือเทพธิดา“ไอ้พวกสารเลว!!”ทันใดนั้นเมฆดำลอยมาปกคลุมเหนือป่า เงาดำคลืบคลานอย่างน่ากลัว เสียงฟ้าร้องดังสนั่นราวกับกำลังโกรธไปพร้อมๆ กับนาง ที่น่าประหลาดใจก็คือเมฆดำเหล่านั้นก่อตัวขึ้นแค่เพียงพื้นที่ที่นางอยู่เปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมา กระแทกร่างโจรที่ทำร้ายเด็กจนร่วงลงไปทุกคนตกตะลึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือร่างของนาง หนิงอวี้เฟยเองก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน นางตกใจแต่ก็ไม่เท่าชาวบ้านเหล่านี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เมฆดำครึ้มเหล่านั้นราวกับกำลังปกป้องนางอยู่ หากเอ่ยตามความเชื่อของคนในยุคนี้ก็คงเป็น...สวรรค์กำลังเข้าข้างนางเช่นนั้นหากนางจะเอ่ยคำโกหกสีขาวเพื่อเรียกขวัญกำลังใจจากชาวบ้านเสียหน่อยก็คงไม่เป็นไรกระมัง นางสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น“ข้าคือเทพธิดา มาเพื่อช่วยพวกเจ้า!”ชาวบ้านลังเล พวกเขามองนางอย่างไม่แน่ใจ เพราะดูอย่างไรในยามนี้ สตรีร่างบอบบางที่ถูกคราบฝุ่นดินกลบจน

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 7 คดีคลี่คลาย

    บทที่ 7คดีคลี่คลาย“เทพธิดาถูกจับตัวไปขอรับ กระหม่อมเร่งไปช่วยแล้ว ทว่าโจรป่าเข้ามาขวางเอาไว้จึงไม่สามารถช่วยเทพธิดาได้ กระหม่อมน้อมรับโทษขอรับ!”บุรุษชะงักไปเพียงครู่ ก่อนที่สายตาของเขาจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม“จุดที่ถูกจับอยู่ที่ใด?”“บริเวณท้ายตลาด พวกมันพาหนีไปทางตรอกหลัง!”“ระดมกำลังออกติดตามทันที!”“ขอรับ!!”แม้เขาจะออกไล่ล่าอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไปถึงจุดที่นางถูกพาตัวไปก็ไม่ทัน...รวดเร็วเกินไป ไร้ร่องรอยเกินไป ราวกับว่ามีคนช่วยหลบหนีออกจากเมืองหลวงดวงตาคมกริบของเขาสอดส่องไปทั่วตรอกแห่งความมืด เส้นทางนี้คดเคี้ยว ซับซ้อน และมีเพียงผู้ที่รู้จักเมืองหลวงเป็นอย่างดีเท่านั้นที่จะพาหนีไปได้หากไม่ใช่คนในเมืองหลวง แล้วจะเป็นผู้ใด?โจรป่าจะมาคุ้นเคยเส้นทางในเมืองหลวงได้อย่างไร นอกเสียจากมีคนพามาจนชินเส้นทาง หรือมีคนคอยช่วยอย่างลับๆย

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 6 ป๋ามาก

    บทที่ 6ป๋ามาก“เป็นข้าที่ผิดเอง เทพธิดาโปรดระงับโทสะด้วย”ดวงตากลมกะพริบปริบๆ มองหยวนซีซวนที่อยู่ดีๆ ก็คำนับให้กับนาง ฮ่องเต้เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยถามด้วยความสงสัยระคนร้อนใจ“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย ก่อนหน้านี้กระหม่อมได้ให้สัญญากับเทพธิดาว่าจะพากลับต้าจวิน เพราะสวรรค์ส่งนางลงมาจากที่นั่น ต้าจวินจึงไม่ต่างจากบ้านของนาง เมื่อได้ยินว่าจะต้องเป็นกุ้ยเฟยอยู่ที่นี่จึงเกิดโทสะ โปรดถอนราชโองการด้วยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”ขุนนางทั้งหลายได้ยินเช่นนี้ก็เห็นด้วย รีบคุกเข่าก้มศีรษะจรดพื้นเพื่อขอให้ฮ่องเต้ถอนพระราชโองการ“โปรดถอนพระราชโองการด้วย!!!”ฮ่องเต้สองจิตสองใจ ใจหนึ่งยังอยากให้หนิงอวี้เฟยเป็นกุ้ยเฟยอยู่เคียงข้าง การมีเทพธิดาอยู่ด้วยย่อมทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองราวกับได้รับการอวยพรจากสวรรค์ ทว่าหากบังคับนางจนสวรรค์พิโรธเช่นนี้นอกจากไม่ได้รับการอวยพรแล้ว อาจจะถูกลงทัณฑ์ด้วยก็เป็นได้

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 5 ข้าไม่แต่ง

    บทที่ 5ข้าไม่แต่ง“ในเมื่อเทพธิดาบาดเจ็บ อีกทั้งยังใช้พลังเรียนฝนฟ้ามาพิสูจน์ให้พวกเราได้เป็นที่ประจักษ์ คงจะเหนื่อยมากแล้ว เช่นนั้นจงไปพักก่อนเถิด ข้าจะให้คนจัดเตรียมห้องไว้ให้”ฮ่องเต้เอ่ยเช่นนั้น ลึกไปในแววตาของเขากลับดูไม่น่าไว้วางใจ ราวกับตั้งใจวางแผนวางสิ่ง และหยวนซีซวนก็พอจะรู้ว่ายามนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะออกตัว“ขอบพระทัยฝ่าบาท” บุรุษเอ่ยพลางโค้งศีรษะ ก่อนจะขยับตัวพาหนิงอวี้เฟยออกจากห้องโถง เดินตามนางกำนัลนางหนึ่งมายังห้องว่างไม่ไกลกันนักเขาวางร่างของนางลงบนเก้าอี้ยาว ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ“รอข้าอยู่ที่นี่”บุรุษเอ่ยก่อนจะเดินจากไปทว่ากลับต้องหยุดกึก ดวงตาคมกริบเหลือบลงมองมือของนางที่กำชายอาภรณ์ของเขาไว้ ก่อนจะเลื่อนสายตามองใบหน้าของนาง“เจ้าจะไปไหน?” นางถามเสียงเบา ดวงตาจับจ้องเขาอย่างไม่สบายใจหยวนซีซวนปรายตามองนางครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบนิ่ง“ข้าต้อง

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 4 ให้ข้าอุ้มน่ะดีแล้ว

    บทที่ 4ให้ข้าอุ้มน่ะดีแล้วทันทีที่หนิงอวี้เฟยถึงจวน นางแทบไม่เสียเวลามองไปรอบตัว นางเดินตรงไปยังเตียงแล้วล้มตัวลงนอนคว่ำบนเตียง ดวงตาหลับลงด้วยความเหนื่อยล้า“เดินทางมาหลายวัน ข้าอยากพักจะแย่ ปวดเนื้อปวดตัวไปหมด” นางบ่นเสียงเบาด้วยพร้อมกับห้วงนิทราที่เริ่มคืบคลานเข้ามา “...ข้าจะไม่ขยับอีกแล้ว...”ทว่าในทันทีทันใดนั้นเอง เพ่ยเพ่ยและเหล่าสาวใช้ก็กรูกันเข้ามาลากตัวนางขึ้นมาจากเตียง“คุณหนูเจ้าคะ ได้เวลาต้องเตรียมตัวเข้าเฝ้าเจ้าค่ะ”ก่อนจะช่วยกันผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้นางคนละไม้คนละมือ“เดี๋ยว! ข้ายังไม่ได้พักเลยนะ!” นางบ่นเสียงอิดออดอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ไม่มีผู้ใดสนใจเพราะสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้คือการเตรียมตัวเข้าเฝ้าฮ่องเต้!อาภรณ์สีขาวราวหิมะถูกสวมลงบนเรือนร่างของนาง เนื้อผ้าเนียนละเอียดลื่นไหลราวกับสายน้ำไหลต้องผิว ลวดลายปักบนเนื้อผ้าเป็นรูปเมฆหมอกและดอกเหมย ละเอียดอ่อน

  • ทะลุมิติสู่อ้อมกอดของคุณสามี   บทที่ 3  สัมผัสที่ข้างแก้ม

    บทที่ 3สัมผัสที่ข้างแก้มยิ่งได้มองดวงหน้าหวาน ความรู้สึกบางอย่างแล่นกลับมาในห้วงความคิด ความรู้สึกเมื่อแรกพบหวนกลับมาวันที่เขาพบกับนางเป็นครั้งแรก วันที่นางตกลงมาจากฟ้าสู่อ้อมแขน ช่วงเวลานั้นทุกสิ่งราวกับหยุดนิ่ง ร่างของนางเบาบางอยู่ในอ้อมแขน สายลมพัดไปรอบตัว ฝนแรกที่ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าหลังจากแห้งแล้งมาหลายเดือนโอบล้อมพวกเขาทั้งสอง ยามสบตาคล้ายกับถูกบางอย่างดึงดูดจนมิอาจต้านทานได้คล้ายกับหัวใจจะหยุดเต้นในตอนนั้น…ไม่ใช่เพราะความงามเหนือมนุษย์ของนาง ไม่ใช่เพราะความแปลกประหลาดของสถานการณ์ แต่เป็นเพราะสิ่งใดบุรุษเองก็มิอาจหาคำตอบได้เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม ก็ได้เวลาเดินทางต่อ มิเช่นนั้นอาจจะไปถึงช้ากว่ากำหนด เพ่ยเพ่ยสาวใช้ของหนิงอวี้เฟยพานางไปที่รถม้า นางเงยหน้ามองรถม้าที่รออยู่ก่อนจะถอนหายใจ จากนั้นก็หันไปมองหยวนซีซวน“ข้าขอนั่งม้าไปกับท่านได้หรือไม่?” สตรีตัวน้อยทำสายตาออดอ้อนระคนน่าสงสารราวกับลูกกวางตัวน้อย หยวนซีซวนมองนางนิ่งๆ ราวกั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status