“ใช่แล้ว!” มุมปากซ่งรั่วเจินยกขึ้นไม่หยุด “ก่อนหน้านี้ท่านป้ายังเสียดายลั่วหวยหลี่ไม่สามารถคบหากับเนี่ยนชูได้ คิดไม่ถึงเลยว่าบัดนี้จะได้พบคนในดวงใจแล้ว”“ญาติผู้พี่ พวกท่านกำลังพูดอันใดหรือ?”กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงกระซิบกระซาบกัน มองตามไปอย่างอดไม่ได้ นางเองก็รู้จักลั่วหวยหลี่แม้ว่าได้พบหน้าไม่บ่อยครั้ง แต่ก็เคยพบมาก่อน “คุณชายลั่วมีคนในดวงใจแล้ว?”ซ่งรั่วเจินกระซิบเล่าต้นสายปลายเหตุให้ฟังหนึ่งรอบ กู้ฮวนเอ๋อร์เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา “บังเอิญเพียงนี้เชียวหรือ?”“อันที่จริงลองคิดดูให้ดีแล้ว พวกเขาสองคนก็เหมาะสมกันยิ่งนัก”เดิมทีลั่วหวยหลี่ก็เป็นคนจิตใจบริสุทธิ์งดงาม ส่วนคุณหนูหวงก็อ่อนโยนเอาใจใส่ ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันจึงราบรื่นกลมเกลียว แม้จะไม่หวือหวาร้อนแรง แต่ก็ยั่งยืนดั่งสายน้ำไหลสิ่งที่เรียกว่าวาสนาแท้ก็เป็นเช่นนี้ ไม่ทำให้ต้องเจ็บปวดเสียใจ หากแต่ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจอยู่เสมอ“ซือถิง นี่เป็นขนมหร่วนเล่าที่ข้าเพิ่งซื้อให้เจ้า เป็นของกินที่สกุลซ่งทำขึ้นใหม่ รสชาติอร่อยมาก เจ้าชิมดูเถอะว่าชอบหรือไม่?”ภายในสายตาลั่วหวยหลี่เจือรอยยิ้ม ส่งขนมหร่วนเล่าในมือให้ เขาไ
ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้ว “ไม่มีแน่หรือ?”นางเพ่งพิศมองฮวนเอ๋อร์ ลอบรู้สึกได้ถึงความประหลาดบางอย่าง แต่พอมองดูอย่างละเอียดกลับไม่พบความผิดปกติจากตัวนาง“ไม่มีจริงๆ ญาติผู้พี่ ข้าสบายดีมาก ไม่ต้องกังวลข้าเจ้าค่ะ”กู้ฮวนเอ๋อร์หัวเราะเบาๆ คิดว่าญาติผู้พี่กังวลเรื่องของสกุลสวี่จะทำให้อวิ๋นอ๋องเกิดความร้าวฉานกับตน แต่นางรู้ว่าท่านอ๋องไม่ใส่ใจตั้งแต่แรกยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่สวี่หยวนชิงเองก็บอกกล่าวอย่างชัดเจนแล้ว ตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนเป็นอุบายของหวังเสวี่ย ไม่เกี่ยวอันใดกับนางบัดนี้ในที่สุดนางก็ได้แต่งงานกับคนที่ชอบ ไม่รู้ว่าดีมากเพียงใด“ใช่แล้วญาติผู้พี่ จากนั้นนางพญางูขาวนี้เป็นเช่นไร? ก่อนหน้านี้ข้าฟังเรื่องนี้ค้างไว้ถึงแค่กลางเรื่อง ใจก็ร้อนรนแทบขาด ท่านจะเขียนหนังสือเล่มนี้ให้จบยามใด?”ก่อนหน้านี้นางได้ยินว่าเจียงเย่และเจาย่วนไปฟังเรื่องนางพญางูขาวกัน นางตื่นเต้นดีใจมาก เพียงแต่ต้องเตรียมงานแต่งของตนจึงไม่ได้ใส่ใจนัก“หลายวันมานี้ข้าหาเวลาเขียนเนื้อหาออกมาหมดแล้ว เมื่อวานพี่สี่เองก็เร่งข้าอยู่ตลอด หากข้าไม่เขียนออกมา น่ากลัวว่าเขาจะต้องมาเร่งข้าถึงบ้านแน่”ซ่งรั่วเจินหลุดหัวเราะออ
ทว่าหากเรื่องนี้ไปถึงทางการ น่ากลัวว่าจะกลายเป็นที่จับตามองของทั้งเมืองหลวง!“ข้าพูดจริงขอรับ!”ท่าทีของสวี่หยวนชิงแน่วแน่ หลังวิญญาณเขาออกจากร่างก็คิดดีแล้ว อย่างไรเสียก็เสียหน้าไปแล้ว ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้เรื่องตลกของเขา ไฉนเลยจะต้องกลัวถูกหัวเราะเยาะอีกรอบ?เขาไม่มีวันเป็นตัวโง่งม ถูกหวังเสวี่ยปั่นหัวมาโดยตลอด ชนิดที่ว่าเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตน รับนางเข้าบ้านเพื่อแสดงความรับผิดชอบของบุรุษไม่ควรเป็นเช่นนี้!“แม้พูดว่าข้าเป็นบุรุษ แต่ครั้งนี้ข้าเป็นผู้ถูกกระทำจริง ต่อให้เรื่องนี้เล่าลือออกไป ข้าก็จะแจ้งทางการ!”ภายในสายตาซ่งรั่วเจินสะท้อนแววแปลกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าสวี่หยวนชิงจะฮึกเหิมขึ้นมา“จวินถิง เมืองหลวงเคยมีตัวอย่างเช่นนี้มาก่อนหรือไม่?”“ไม่มี” ฉู่จวินถิงส่ายหน้า ภายในสายตาเปี่ยมรอยยิ้ม “แต่ข้าคิดว่าเขาพูดถูกแล้ว เดิมทีก็ถูกคนวางยาลอบทำร้าย ชื่อเสียงเองก็ถูกทำลาย หวังเสวี่ยสมควรชดใช้จริงๆ หากทางการได้รับคดีนี้ จะต้องเกิดความสั่นสะเทือนแน่”“ข้าคิดว่าการกระทำนี้ของเขาไม่มีอันใดไม่เหมาะสม ชายหญิงเท่าเทียมกัน หากสองคนนี้ได้อยู่ร่วมกันจริงก็ไร้ซึ่งความรักความผูกพัน ตรงข้
สีหน้าสวี่หยวนชิงยามสบมองกู้ฮวนเอ๋อร์แดงก่ำ เอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “นางไม่เคยพูดเช่นนี้กับข้า”“หมายความว่าอย่างไร?” กู้ฮวนเอ๋อร์สงสัย“นางบอกข้ามาโดยตลอด เจ้าชอบข้า เพียงแต่ต้องการทดสอบข้า หวังให้ข้าแสดงความจริงใจมากอีกหน่อย”สวี่หยวนชิงย้อนนึกถึงเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่กู้ฮวนเอ๋อร์ปฏิเสธเขา ภายในใจเขาก็เกิดความรู้สึกเสียใจและพ่ายแพ้อย่างลึกซึ้งอันที่จริงตอนแรกไม่ใช่เขาไม่นึกถึงคำตอบนี้ เพราะมารดาเคยไปเอ่ยเรื่องนี้กับสกุลกู้มาก่อน แต่กลับไม่ตอบตกลงรับปาก นี่ก็เดาความคิดของฮวนเอ๋อร์ได้ไม่ยากเพียงแต่ หวังเสวี่ยบอกเขามาโดยตลอดว่าไม่เป็นเช่นนี้นางพูดว่าฮวนเอ๋อร์เป็นแม่นางในห้องหอคนหนึ่ง ต้องการทดสอบเขามากสักหน่อย พิสูจน์ความจริงใจของเขาหวังเสวี่ยให้กำลังใจเขาหลายต่อหลายครั้ง ให้เขาตบแต่งฮวนเอ๋อร์กลับไปให้ได้ ต่อให้เมื่อวานเป็นงานแต่งของฮวนเอ๋อร์ หวังเสวี่ยก็ตามเขาไปด้วย“อะไรนะ?” กู้ฮวนเอ๋อร์ชะงักไป“ข้าคิดว่านางและเจ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ไม่มีวันพูดความเท็จ นี่จึงไม่ยอมแพ้มาโดยตลอด”บัดนี้สวี่หยวนชิงเข้าใจแล้ว เขาถูกหวังเสวี่ยหลอกมาโดยตลอด!“อวิ๋นอ๋อ
“เช่นนั้นก็ดีๆ”ใต้เท้าสวี่ตาแดง นับว่าคนผมขาวไม่ต้องส่งคนผมดำจากไปแล้ว ขอเพียงหยวนชิงปลอดภัยกลับมาได้ นั่นก็เพียงพอแล้วส่วนเรื่องขายหน้า บัดนี้เขาไม่ใส่ใจอีก ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่“ญาติผู้พี่ ท่านยอดเยี่ยมมากจริงๆ ท่าทางเมื่อครู่นั้น...ทุกคนล้วนคิดว่าหมดหนทางช่วยแล้ว”ภายในสายตากู้ฮวนเอ๋อร์เปี่ยมความตกตะลึง คิดว่าสหายที่รู้จักกันมาอย่างเนิ่นนานจากไปเช่นนี้ นางก็เกิดความรู้สึกเสียใจบางอย่างอย่างบอกไม่ถูกซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “วางใจเถอะ ไม่ตายง่ายเพียงนั้น แต่คุณชายสวี่ไม่เป็นไรแล้ว แผนของหวังเสวี่ยก็พังลงแล้ว”กู้ฮวนเอ๋อร์ชะงักไป ขณะกำลังพูดบางอย่าง ก็ได้เห็นสวี่หยวนชิงหันมองทางหวังเสวี่ยด้วยสีหน้าดุดัน“หวังเสวี่ย ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะต่ำช้าเพียงนี้ เมื่อวานฉวยโอกาสตอนข้าหมดสติวางยาข้า ทั้งๆ ที่สั่งให้เจ้าไสหัวไปแล้ว เจ้ายังฝืนเข้ามาหา!”“เห็นข้าตาย เจ้าดีใจมากใช่หรือไม่? เช่นนี้เจ้าก็สามารถเข้าบ้านสกุลสวี่ได้อย่างราบรื่นแล้วกระมัง?”“เจ้าฝันไปเถอะ! ชาตินี้ข้าไม่มีวันให้เจ้าเข้าบ้าน!”สวี่หยวนชิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดเป็นเรื
“พระชายาฉู่อ๋อง บัดนี้หยวนชิงน่าสงสารมากแล้ว หรือท่านยังจะพูดถ้อยคำเหล่านี้เพื่อซ้ำเติมบาดแผลของคนสกุลสวี่อีกกระนั้น?”หวังเสวี่ยร้อนใจอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่วันนี้นางได้ยินว่าใต้เท้าสวี่เดินทางไปสกุลซ่ง เรื่องราวน่าจะวุ่นวายจนตึงเครียด ยากจะฟื้นคืนกลับมาได้ เหตุใดบัดนี้พระชายาฉู่อ๋องถึงมาช่วยเหลือได้เล่า?อิงตามที่นางรู้ แต่ไหนแต่ไรมาพระชายาฉู่อ๋องไม่ใจดีเพียงนี้!“พวกท่านอย่าฟังคำพูดเหลวไหลของนางเลย เพราะหยวนชิงและข้ามีความสัมพันธ์กัน ฮวนเอ๋อร์จึงเกิดความบาดหมางกับพวกเรา ไม่มีวันอยากช่วยเหลือด้วยใจจริง”“พระชายาฉู่อ๋องเป็นญาติผู้พี่ของนาง ไม่แน่ว่าอาจมาเพื่อทำให้วิญญาณของหยวนชิงแตกสลาย!”เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา สายตาทุกคนในสกุลสวี่เปลี่ยนไป ต่อให้พูดว่าหยวนชิงเมาเหล้าอาละวาด แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องพบจุดจบน่ากลัวเช่นนี้“หวังเสวี่ย เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด! พระชายาฉู่อ๋องไม่ใช่คนพรรค์นี้!” สวี่ฮูหยินตะคอกใส่ด้วยความโมโห “ข้าว่าเจ้านังแพศยาคนนี้ไม่อยากเห็นหยวนชิงอาการดีขึ้น เจ้าคงไม่อยากให้หยวนชิงกลับมากระมัง!”“นางย่อมไม่อยาก หาไม่แล้วหากคุณชายสวี่ฟื้นขึ้นมา นางยังจะเอาอันใดมาต่อรองกั