เมื่องานเลี้ยงราตรีถึงคราวเลิกรา ซ่งรั่วเจินกับเมิ่งชิ่นก็กลายเป็นเพื่อนสาวที่สนิทสนมกัน ถึงขั้นนึกแค้นใจที่เจอกันช้าไปเลยทีเดียว“รั่วเจิน พรุ่งนี้ข้าต้องไปไหว้พระกับท่านแม่ อีกสองวันข้าค่อยไปหาเจ้าที่บ้านเจ้าก็แล้วกัน” เมิ่งชิ่นกล่าว“ตกลง ข้าจะรอเจ้า” ซ่งรั่วเจินพยักหน้าแล้วว่า “ยันต์คุ้มภัยที่ข้าให้เจ้าไปจะต้องพกติดตัวไว้ให้ดี ห้ามยกให้ใครทั้งนั้น”เวลานั้นเอง เสียงหลิ่วหรูเยียนก็ดังขึ้นมา “เจินเอ๋อร์ เตรียมตัวกลับจวนได้แล้ว”หลิ่วหรูเยียนเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าคืนนี้พูดคุยกับพระชายาเซียงอ๋องและต่งฮูหยินอย่างเพลิดเพลิน ส่วนเรื่องช่วยขอร้องแทนสกุลซุน นางก็ไม่เอ่ยถึงอย่างรู้กาลเทศะยิ่งนักในงานเลี้ยง สวี่ชิงเหมยทราบความสัมพันธ์ระหว่างหลิ่วหรูเยียนกับสกุลซุน เข้าใจว่าหลิ่วหรูเยียนไม่สะดวกจะเอ่ยปาก นางจึงเลียบเคียงถามให้อย่างอ้อมๆเห็นว่าเพียงเอ่ยถึงสกุลซุน พระชายาเซียงอ๋องก็มีสีหน้าบึ้งตึง คนทั้งสองก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าเรื่องนี้ไม่มีโอกาสแก้ไขได้แล้ว ต่อให้พูดขึ้นมาก็มีแต่จะทำให้หมางใจกันเปล่าๆแม้ว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนจะเป็นน้องสาวของนาง แต่นางยังเป็นมารดาคนหนึ่ง
ใบหน้าของเคอหยวนจื่อเต็มไปด้วยโทสะจากความอับอายและความหัวเสีย ราวกับปวดใจเสียเต็มประดา ในใจกลับลอบกระหยิ่มยิ้มย่อง แม้แต่สวรรค์ก็ยังช่วยเหลือนางจริงๆ!ก่อนหน้านี้ซ่งรั่วเจินก็บอกว่าซ่งจิ่งเซินยังไม่กลับมา คิดว่าคงเพิ่งเดินทางกลับมาถึงก็มาหานางอย่างอดรนทนไม่ไหวแล้ว!นางเข้าใจนิสัยของซ่งจิ่งเซินดี ขอแค่นางบอกว่าต่อไปไม่ยอมเจอเขาอีก เขาจะต้องร้อนใจมาก แล้วก็คงจะพลอยโกรธและตำหนิซ่งรั่วเจิน!ความอัปยศที่ได้รับกลางงานเลี้ยงในวันนี้ ยามนี้จะสนองคืนนางคนชั้นต่ำนั่นไปให้หมด จะต้องทำให้นางขอโทษตนเองต่อหน้าผู้คนมากมายให้ได้เลยเชียว!ทว่าซ่งจิ่งเซินมองสตรีตรงหน้าแล้วกลับขมวดคิ้วขึ้นมาชวีคั่วได้ฟังเคอหยวนจื่อฟ้องทุกข์มาแล้ว เดิมก็เจ็บแค้นแทนนาง ยามนี้ซ่งจิ่งเซินที่เป็นตัวต้นเหตุกลับมาแล้ว สีหน้าก็พลันบึ้งตึงขึ้นมาทันที“ซ่งจิ่งเซิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าสร้างปัญหาให้แม่นางเคอมากขนาดไหน? ให้สิ่งของเล็กน้อยมาแล้วยังส่งน้องสาวมาทวงคืนอีก เจ้าทำให้ผู้ชายทุกคนขายหน้าหมดแล้ว!”พวกซ่งรั่วเจินเดินออกมาเห็นภาพนี้เข้าพอดี“จิ่งเซิน?”ความประหลาดใจวาบผ่านดวงตาหลิ่วหรูเยียน หากที่มากกว่านั้นคือความยิน
“ถ้าข้ารู้ว่าน้องสาวของท่านไม่เห็นด้วย ข้าไม่มีทางรับไว้แน่นอน ท่านวางใจได้ หลังข้ากลับไปแล้วจะนำสิ่งของที่ท่านให้ข้ามาก่อนหน้านี้ส่งคืนให้จวนสกุลซ่งทั้งหมด”เคอหยวนจื่อแสร้งเช็ดน้ำตาด้วยความปวดใจ แม้จะเจ็บช้ำใจมาก แต่ก็ยังมีศักดิ์ศรี “รั่วเจินไม่ชอบข้า ข้าอธิบายอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ แต่ข้าหวังว่าท่านจะรู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่โลภมากในของพวกนี้!”“ข้าให้อะไรเจ้าไปเยอะขนาดนั้นเลยหรือ?” ซ่งจิ่งเซินถามเคอหยวนจื่อไม่ค่อยเข้าใจความหมายของซ่งจิ่งเซิน แต่ก็ยังพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านให้อะไรข้ามาเยอะเลย”“รอสักครู่ ขอข้านึกก่อน”ซ่งจิ่งเซินยกมือขึ้นตัดบทเคอหยวนจื่อที่ร่ำไห้พูดพร่ำ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆก่อนหน้านี้เขาตกลงไปในทะเล ศีรษะกระแทกแนวปะการังจนสูญเสียความทรงจำ ความทรงจำบางส่วนเพิ่งฟื้นคืนมาเมื่อไม่นานมานี้ คิดถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้ แต่สตรีตรงหน้าคือใคร? นางกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่?“ข้าให้สิ่งของเจ้าไปมากมาย เดิมทีเจ้าไม่อยากรับ แต่ไม่อยากให้ข้าเสียใจจึงฝืนใจรับไว้ วันนี้น้องหญิงห้าของข้าจึงบอกให้เจ้านำมาคืนใช่หรือไม่?” ซ่งจิ่งเซินถาม“ใช่แล้ว” เคอหยวนจื่อพยักหน้าอีกคร
“ระหว่างเจ้ากับข้าไม่มีสัมพันธ์ใดใดต่อกันจริงๆ ยิ่งไม่มีทางหมั้นหมายกันอีกด้วย!” ซ่งจิ่งเซินกล่าวเคอหยวนจื่อได้ยินประโยคแรกยังนึกดีใจอยู่ แต่เมื่อได้ยินประโยคที่สองก็ต้องอึ้งไป นี่หมายความว่าอย่างไร?นางรู้ว่าซ่งจิ่งเซินอยากแต่งงานกับนางมากแค่ไหน ถึงจะทำเพื่อช่วยชี้แจงให้นางก็ไม่ควรพูดแบบนั้นออกมาสิ“ก่อนหน้านี้ถือว่าข้าทำไม่เหมาะสม ตอนนี้ข้าคิดตกแล้ว ไม่ควรฝืนใจเจ้าจริงๆ”“น้องสาวข้าทำถูกแล้ว ในเมื่อเจ้าไม่ชอบก็คืนทุกอย่างที่ข้าให้ไปกลับมาเถอะ จะได้ไม่สร้างความคลุมเครือจนทำให้คนเข้าใจผิด”ซ่งจิ่งเซินมองชุดแพรไหมบนร่างเคอหยวนจื่อแวบหนึ่ง “ส่วนผ้าไหมบนตัวเจ้า ในเมื่อใช้ตัดชุดไปแล้วจะคืนมาก็คงไม่สะดวก เช่นนั้นก็ให้นับเป็นเงินแทนก็แล้วกัน แบบนี้เจ้าคงพอใจแล้วใช่ไหม?”ซ่งจืออวี้เบิกตาโพลง มองไปทางซ่งรั่วเจินโดยจิตใต้สำนึก “น้องสี่คงไม่ได้โมโหจนเสียสติไปแล้วหรอกนะ?”ในอดีตที่เขาเกลี้ยกล่อมไม่ให้น้องสี่มอบสิ่งของไปกำนัลเคอหยวนจื่อ ไม่ใช่เพราะหวงแหนเงินทอง แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าเคอหยวนจื่อไม่จริงใจเลยสักนิดถ้าเป็นแม่นางดีๆ สักคน น้องสี่แต่งคนกลับมา ต่อให้ใช้เงินมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ส
ซ่งรั่วเจินได้ยินถ้อยคำเสียดสีของเมิ่งชิ่นแล้วก็แทบกลั้นรอยยิ้มตรงมุมปากไว้ไม่อยู่นางรู้แจ่มแจ้งว่าสิ่งที่เคอหยวนจื่อชอบก็คือความฟุ้งเฟ้อเหล่านี้เอง ของใช้ล้วนแต่เป็นสิ่งของคุณภาพดีเลิศถ้าสิ่งที่ซ่งจิ่งเซินมอบให้ไม่ใช่ของชั้นดีเลิศ นางยังจะไม่พอใจเสียอีก นี่ยังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ซ่งจิ่งเซินอยากขยายกิจการไปยังเมืองอื่นๆเมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งของที่ทันสมัยและพิเศษที่สุดก็จะตกถึงมือเขาในทันที และยังสามารถเรียกรอยยิ้มของเคอหยวนจื่อได้อีกด้วยตอนนี้ดีนัก ให้เคอหยวนจื่อได้ลิ้มรสชาติของการทุ่มก้อนหินใส่เท้าตัวเองสักครา!เคอหยวนจื่อมองไปทางชวีคั่วอย่างน้อยอกน้อยใจ ฝ่ายหลังสบสายตาดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิแล้วก็พลันพลุ่งพล่านใจ ชี้นิ้วตำหนิซ่งจิ่งเซินเสียงเกรี้ยว“ซ่งจิ่งเซิน เจ้าช่างน่าไม่อายจริงๆ ก่อนหน้านี้บอกว่าชอบเคอหยวนจื่อจากใจจริง ตอนนี้กลับจะทวงสิ่งของกลับคืนไป เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร?”“ทำไมข้าจะพูดออกมาไม่ได้? นางบอกเองว่าไม่มีสัมพันธ์กับข้า สิ่งของเหล่านั้นเป็นภาระสำหรับนาง”“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกเองว่าข้าทำไม่ถูกที่ฝืนใจนาง ยามนี้ข้าไม่ฝืนใจแล้วก็ยังไม่ถูก คำพูดล้วนถูก
ชวีคั่วกลับไม่อาจทนเห็นคนรักของตนถูกรังแกได้ จึงว่าให้ด้วยความโมโห “ซ่งรั่วเจิน เจ้ามีปัญหาอะไรก็มาชำระสะสางกับข้า เหตุใดจึงต้องรังแกแม่นางน้อยผู้หนึ่งด้วย?”“ข้าจะบอกอะไรให้ ข้าและหยวนจื่อกำลังจะหมั้นหมาย สองตระกูลเจรจาวิวาห์กันดีแล้ว นางจะเคียงคู่ชิดใกล้กับข้ามากหน่อยแล้วเดือดร้อนผู้ใดกัน?”“ต่อให้เจ้าจะริษยาเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ ไหนจะของพวกนี้ของเจ้าอีก แต่ไหนแต่ไรหยวนจื่อก็มิได้ขาดเหลือ!”ว่าจบชวีคั่วก็ยิ้มเยาะอย่างได้ใจ ต่อให้ซ่งจิ่งเซินจะเก่งเรื่องการค้าแล้วอย่างไรกัน?หยวนจื่อเป็นของเขา!เคอหยวนจื่อไม่คาดคิดว่าชวีคั่วจะหุนหันพลันแล่นเอ่ยถ้อยคำที่ไม่ควรพูดที่สุดออกมาได้ง่ายดายเช่นนี้ จะมิเป็นการประกาศก้องต่อผู้คนเลยหรือว่าเรื่องก่อนหน้านี้ที่ซ่งรั่วเจินพูดล้วนเป็นความจริง? เดิมทีนางยังคงคิดอยากจะเลือกอีกสักหน่อย ไม่ได้แน่วแน่ว่าจะต้องแต่งกับชวีคั่วเท่านั้น ทว่าเมื่อเกิดเรื่องเช่นวันนี้ขึ้นแล้วแม้ใจจะไม่อยากแต่งก็ไม่อาจปฏิเสธได้แล้ว!“แปะๆ” ซ่งรั่วเจินปรบมือแสดงความยินดี “ที่แท้ทั้งสองก็เจรจาเรื่องวิวาห์กันมานานแล้วหรือ? เช่นนั้นก่อนนี้เหตุใดแม่นางเคอจึงมิได้บอกกล่าวกันให้ช
เมื่อกลับมาถึงสกุลซ่งแล้ว ซ่งจิ่งเซินก็พบว่าทุกสายตากำลังจับจ้องมายังตน ทำเอาเกิดขนลุกเกรียวขึ้นมาไม่ได้“ท่านแม่ พี่รอง พี่สาม น้องหญิงห้า เหตุใดจึงพากันมองข้าเช่นนั้นเล่า?”“จิ่งเซิน เจ้าบอกแม่มาตามตรงเถิดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เรือนคิ้วหลิ่วหรูเยียนขมวดมุ่น ลูกชายตนนิสัยใจคอเป็นเช่นไรนางรู้เสียยิ่งกว่ารู้อีก ว่าคนเช่นเขาต่อให้เอาช้างมาฉุดก็อยากจะหยุดเอาไว้ได้อยู่ ทว่าจู่ๆ นิสัยใจคอกลับแปรเปลี่ยนไปเช่นนี้ เรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่อมากจริงๆ ซ่งจิ่งเซินเกาศีรษะ สีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมาบ้าง “อันที่จริงก่อนนี้ข้าได้รับบาดเจ็บ จึงมีเรื่องราวบางเหตุการณ์ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจนึกขึ้นมาได้”“ว่ากระไรนะ?”ทุกคนต่างพากันชะงักงัน แม้จะคิดเหตุผลเอาไว้นานัปการ ทว่าสิ่งที่ได้ยินก็ยังคงเหนือไปจากความคาดหมายอยู่ไกลโขเมื่อซ่งจิ่งเซินได้นำความบอกเล่าออกไปแล้ว ทุกคนถึงได้รู้ว่าเมื่อครั้งที่เขาออกตามหาไข่มุกยังทะเลใต้ คาดไม่ถึงว่ากลับถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บเข้าเสียก่อน แล้วยังถูกเกลียวคลื่นพัดพาออกไป เคราะห์ดีที่มีชาวประมงไม่ใกล้ไม่ไกลพบเข้าและช่วยเอาไว้เสียก่อนเขาสลบไสลไม่ได้สติไปนานหล
หลิ่วหรูเยียน “…” สูญเสียความทรงจำเข้าหน่อยก็กลายเป็นลูกกตัญญูเลยเชียวหรือ?จวบจนซ่งจิ่งเซินและทุกๆ คนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนแล้ว หลิ่วหรูเยียนจึงได้หันถามซ่งรั่วเจิน “เจินเอ๋อร์ เจ้าช่วยจับชีพจรตรวจดูพี่สี่ของเจ้าทีสิ ว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง?”“ชีพจรพี่สี่ปกติดี ร่างกายก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล เขาเพียงเดินทางติดต่อกันหลายวันหลายคืนจึงได้เหนื่อยล้าไปบ้าง พักผ่อนสักระยะก็ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินตอบหลิ่วหรูเยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าก็ยังอดห่วงไม่ได้ “เช่นนั้นความทรงจำของพี่สี่เจ้าจะหวนฟื้นคืนได้เมื่อใดเล่า?”ซ่งอี้อันและซ่งจืออวี้เองก็ใส่ใจในเรื่องนี้เป็นที่สุดเช่นกัน ทว่าเมื่อได้พูดคุยกันอยู่ครู่แล้วพวกเขาถึงพบว่านอกเหนือจากเรื่องของเคอหยวนจื่อที่ซ่งจิ่งเซินลืมไปหมดสิ้น เรื่องราวอื่นใดก็ล้วนแจ่มชัดไม่มีขาดหายซ่งรั่วเจินยักไหล่ “สมองของเขากระทบกระเทือน ยังคงมีเลือดคั่งบางส่วนตกค้างมิสลายหาย ดังนั้นความทรงจำบางส่วนจึงได้ไม่แจ่มชัดนัก รอจนสลายหายไปจนหมดสิ้นแล้วก็จะดีขึ้นมาเองเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นมิใช่ว่าหากความทรงจำหวนกลับคืนมาแล้วก็จะเกิดเสียใจภายหลังอีกคราหรือ?”หลิ่ว
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที