ไม่นานนักซ่งอี้อันก็กลับมาซ่งรั่วเจินเห็นเขากลับมาแล้วสายตาเอาแต่จับจ้องอยู่ที่นางจึงเอ่ยถาม “เกี่ยวข้องกับข้าหรือไม่?”“ถูกเผ็ง” ซ่งอี้อันพยักหน้า “บุตรชายคนโตของสกุลหร่วนถูกพิษเข้า บัดนี้อาการถึงมือหมอหลวงแล้ว ทว่ายังคงไร้ซึ่งหนทางเช่นเดิม นางจึงนึกถึงหมอเทวดาที่ช่วยรักษาข้าและพี่ใหญ่ขึ้นมาได้ เลยอยากให้ข้าช่วยแนะนำให้”จบประโยค พี่ชายน้องชายทั้งสี่ก็ต่างมองไปยังซ่งรั่วเจิน ฝีมือการแพทย์ของน้องหญิงบ้านตนย่อมเป็นที่ประจักษ์ในหมู่พวกเขาอยู่แล้วกระทั่งโรคที่ท่านหมอมากมายในเมืองหลวงยังไม่อาจรักษาให้หายได้ ขอเพียงน้องหญิงออกโรงแค่เพียงยาก็รักษาหายได้แล้ว ไม่เพียงแค่ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันเท่านั้น กระทั่งร่างกายของชิงอินก็เป็นนางเช่นกันที่ช่วยปรับสมดุลให้ดีขึ้นได้ จนบัดนี้เรียกได้ว่าแตกต่างกับเมื่อก่อนลิบลับ!“หร่วนอวี้เฉิงที่ว่าคือคุณชายใหญ่สกุลหร่วนหรือ?”ฉับพลันซ่งรั่วเจินก็หวนนึกถึงสิ่งที่ฉู่จวินถิงเคยบอกนางเอาไว้ว่าหร่วนอวี้เฉิงพักอยู่ที่จวนฉู่อ๋อง หมอหลวงทั้งหลายต่างได้เคยตรวจดูอาการกันแล้ว ทว่าก็ทำได้เพียงรักษาประคองชีวิตไว้ได้เท่านั้น ไม่อาจถอนพิษออกไปได้จนสิ้นดังนั้นจ
หร่วนเนี่ยนถังอดไม่ได้ที่จะถามออกมา นางได้ยินมาว่านับแต่อาการของซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันถูกรักษาจนหายขาด ผู้คนไม่น้อยก็ต่างสงสัยใคร่รู้ว่าท่านหมอที่รักษาพวกเขาคือผู้ใด ทว่าสกุลซ่งกลับไม่เคยเปิดเผยแพร่งพรายออกมาก่อนนี้ก็มีคนพยายามสืบเสาะหาข้อมูลอยู่เช่นกัน แต่ก็ยังคงไร้ซึ่งเบาะแสข่าวคราวใด“ดูท่าคงมิอยากให้เกิดการอลหม่านวุ่นวาย อย่างไรหากชื่อเสียงกระจายออกไป ความยุ่งยากก็คงตามมาไม่น้อย”ซ่งอี้อันเชื่อว่าน้องหญิงบ้านตนคงคิดเช่นนี้ หากเป็นผู้อื่นที่มีฝีมือเช่นนี้แล้วเล่าก็คงอดรนทนไม่ไหวอยากจะป่าวประกาศให้โลกหล้ารู้กันถ้วนทั่วแล้ว สำหรับน้องหญิงห้าที่มีวิชาศาสตร์ลี้ลับแก่กล้า เมื่อผนวกรวมกับถวามถนัดถนี่ทางการค้าขายแล้ว เรียกได้ว่าก็มีกินมีใช้ไม่ขาดปาก ไม่มีเหตุจำเป็นใดให้ต้องลำบากลำบนอยู่แล้ว เขาก็คิดเช่นกันว่าขอเพียงน้องหญิงห้ามีความสุขตามอัตภาพในทุกๆ วันก็ดีมากพอแล้วหร่วนเนี่ยนถังพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”ซ่งอี้อันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนเอ่ย “เรื่องในจวนของพวกเราเมื่อคราก่อน ข้าต้องขออภัยด้วย และขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าให้พ้นจากเรื่องยุ่งยากใจ”ครั้งนั้นที่หร่วนเนี่ยนถังตกน้ำ ก็
สกุลซุนหลิ่วเฟยเยี่ยนได้ยินคำพูดของซุนเยียนเอ๋อร์เข้า ดวงตาก็เต็มด้วยความคาดไม่ถึง “เจ้าว่าอะไรนะ? ฉู่อ๋องมอบรางวัลที่ตนชนะเลิศการล่าสัตว์ให้ซ่งรั่วเจินต่อหน้าผู้คนเช่นนั้นหรือ?”ซุนเยียนเอ๋อร์พยักหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดิ “ท่านแม่ ท่านว่าเหตุใดญาติผู้พี่จึงโชคดีเช่นนี้ได้เล่า? นางก็เพียงหญิงที่เคยถอนหมั้นหมายมาก่อน แต่กลับอาจหาญหมายใจฉู่อ๋องก็เท่านั้น!”“ก่อนนี้ผู้คนต่างกล่าวกันว่าฉู่อ๋องสายตาเฉียบคม หญิงสาวทั่วไปล้วนไม่อาจเข้าตาเขาได้มิใช่หรือ? แล้วเหตุใดจึงมาถูกตาต้องใจญาติผู้พี่ได้เล่า?”แรกเริ่มหลินจือเยว่ยังบอกนางว่าวันนี้จะเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้หวนผงาดอีกครั้ง ให้นางเตรียมตัวรอดูอยู่เลยรอจนเขาหวนคืนสู่ตำแหน่งขุนนางอีกครั้งเมื่อใดแล้ว ก็จะรับนางเข้าจวนเป็นภรรยา ดังนั้นวันนี้กระทั่งพิธีล่าสัตว์นางก็ยังไม่ได้ไป ด้วยกลัวจะปะเข้ากับฉินซวงซวงจนเกิดปัญหา!ใครเล่าไม่รู้ว่าหญิงเช่นฉินซวงซวงร้ายกาจหยาบช้าเพียงใด กลเม็ดที่ใช้เล่นงานผู้อื่นเรียกได้ว่าไม่ขาดสาย นางย่อมไม่ต้องการถูกเล่นงานเสียตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าจวน!ใครจะคิดเล่าว่าหลินจือเยว่จะไม่เพียงไม่อาจผงาดได้อีกครั้ง กล
เมื่อยามราตรีค่อยๆ ย่างกรายมาถึง ฉู่จวินถิงก็มารับตัวซ่งรั่วเจินไปหลิ่วหรูเยียนมองดูบุตรสาวของตนที่ถูกรับตัวออกไปแล้วใบหน้าก็ผุดพรายด้วยรอยยิ้ม นางทอดถอนใจเอ่ย “ลูกสาวโตแล้วก็ยากที่จะรั้ง เจินเอ๋อร์คงมีใจให้ฉู่อ๋องแล้วเป็นแน่”ในฐานะคนผ่านโลกมาก่อน นางย่อมรู้ดีว่าสายตาของคนมีความรักนั้นยากจะปกปิดท่าทีของเจินเอ๋อร์ที่มีต่อฉู่อ๋องก่อนหน้านี้ช่างแตกต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง คิดแล้วต่อไปก็เหลือเพียงรอฟังข่าวดีแล้ว“ฮูหยิน ฉู่อ๋องเป็นบุรุษที่หาได้ยากในโลกหล้า ทั้งยังจริงจังจริงใจต่อคุณหนู ดูแล้วหากแต่งออกไปคงไม่มีทางทำคุณหนูของเราต้องเสียใจแน่เจ้าค่ะ” แม่นมเอ่ยด้วยรอยยิ้มหลิ่วหรูเยียนก็พลอยยิ้มตาม “ก่อนนี้ข้ายังเป็นกังวลเรื่องเจินเอ๋อร์อยู่บ้าง นางนิสัยใจคอเหมือนกันกับข้า ยากจะเลี่ยงถูกผู้อื่นรังแก บัดนี้ข้ากลับคิดว่าใครจะรังแกนางก็คงมิใช่เรื่องง่ายดายเสียแล้ว”“อีกทั้งหากฉู่อ๋องทำถึงขั้นนี้แล้ว ก็ย่อมไม่มีทางแต่งนางเข้าไปเพื่อรังแกแน่”“ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูของเราเป็นคนมีวาสนาที่ดี!”ซ่งรั่วเจินตามฉู่จวินถิงขึ้นมานั่งยังรถม้า นางมองดูใบหน้าที่ดูอิดโรยเล็กน้อยของเขาก่อนจะเ
ณ จวนฉู่อ๋องซ่งรั่วเจินไม่ใช่เพิ่งมาจวนอ๋องเป็นครั้งแรก ครั้งก่อนก็เคยมาแล้ว แต่ความรู้สึกยามมาจวนฉู่อ๋องช่วงกลางคืนและช่วงกลางกลับแตกต่างกัน“พวกหมอหลวงยังอยู่หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม“ให้พวกเขากลับไปก่อนแล้ว สองสามวันมานี้พวกเขาคิดหาทางไม่น้อย แต่ก็แค่ทำให้อาการป่วยของอวี้เฉิงทรงตัวอยู่ได้ชั่วคราว ค้นหาในตำราแพทย์จนหมดแล้วก็ยังไม่พบวิธีถอนพิษ”เดิมทีฉู่จวินถิงคิดว่าวิชาแพทย์ของหมอหลวงยอดเยี่ยมมาก แต่นึกถึงอาการป่วยของซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อัน ทุกคนล้วนพูดว่าหมดหนทางรักษา แต่เพียงซ่งรั่วเจินลงมือก็รักษาจนหายได้สามารถมองออกว่า วิชาแพทย์ของซ่งรั่วเจินยอดเยี่ยมยิ่งกว่าคนของสำนักหมอหลวงมากนัก“วันนี้แม่นางหร่วนเองก็มาหาพวกเรา นางห่วงใยคุณชายหร่วนมาก หม่อมฉันบอกนางว่าท่านหาหมอเทวดามารักษาพี่ชายนางได้แล้ว ขอให้นางวางใจ” ซ่งรั่วเจินพูดฉู่จวินถิงเข้าใจ “ปกติหร่วนอวี้เฉิงก็เอ็นดูน้องสาวคนนี้ของเขาที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายน้องสาวดีมากนัก”“เสด็จพี่สาม ท่านมาแล้ว!”อวิ๋นอ๋องเพิ่งออกจากห้องก็มองเห็นฉู่จวินถิงกลับมา เห็นว่าซ่งรั่วเจินเองก็มาพร้อมเขาด้วย เผยสีหน้าแปลกใจออกมา
หร่วนอวี้เฉิงเกรงใจมาก ใช้สายตาเอ่ยถามฉู่จวินถิงอย่างไร้สุ้มเสียง ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแม่นางท่านนี้สามารถรักษาอาการป่วยได้!ฉู่จวินถิงมีสีหน้าเรียบเฉย ครั้นตกอยู่ในสายตาหร่วนอวี้เฉิงและอวิ๋นอ๋อง เห็นได้ชัดว่ากำลังทอประกายระยับ!ซ่งรั่วเจินจับชีพจรดูแล้ว มั่นใจขึ้นมาภายในใจหลายส่วน จากนั้นหันหน้าไปถามฉู่อวิ๋นกุย “อวิ๋นอ๋อง ท่านช่วยหม่อมฉันอย่างหนึ่งได้หรือไม่?”“ข้า?” ฉู่อวิ๋นกุยชี้เข้าที่ตนเอง เปล่งเสียงประหลาดใจปนดีใจ สบมองฉู่จวินถิงอย่างยั่วยุ พี่สะใภ้ไม่ขอความช่วยเหลือจากเสด็จพี่ ถึงขั้นขอความช่วยเหลือตนเอง!ฉู่จวินถิงนึกแปลกใจอย่างอดไม่ได้ แต่กลับไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า“อวิ๋นอ๋อง ท่านถอดถุงเท้าของคุณชายหร่วนก่อน กดจุดฝังเข็มตามที่หม่อมฉันบอก”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปาก นางในฐานะหมอย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่ที่นี่คือยุคสมัยโบราณ ชายหญิงไม่พึงใกล้ชิดกัน ไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ต้องให้คนช่วยเพียงฉู่อวิ๋นกุยได้ยินว่าให้ตนเองถอดถุงเท้าเหม็นๆ หร่วนอวี้เฉิง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในทันใด เขามองหร่วนอวี้เฉิงอย่างรังเกียจ คนผู้นี้ต้องมีเท้าเหม็นที่สุดในหมู่พวกเขาแน่!หร่วนอ
ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ ขณะกำลังเตรียมเขียนตำรับยาถอนพิษอยู่นั้น ก็เห็นฉู่จวินถิงช่วยนางหยิบพู่กันและกระดาษมาแล้วนางหันมองเขาแวบหนึ่ง หลังจากเริ่มคุ้นเคยกับเขา นางพบว่าชายคนนี้ใส่ใจมากจริงๆ ไม่เพียงไม่เย็นชาอย่างที่แสดงออกมา ตรงข้ามกันเขามักสังเกตเห็นรายละเอียดมากมาย คิดแทนนางไปทุกจุดไม่นาน ซ่งรั่วเจินก็เขียนตำรับยาออกมาดีแล้ว “ยึดตามตำรับยานี้ ต้มน้ำสามชามจนกลายเป็นน้ำหนึ่งชาม วันละสามครั้ง”ฉู่อวิ๋นกุยรับตำรับยามาอย่างมีไหวพริบ “ข้าจะให้คนไปเตรียมเดี๋ยวนี้เลย”“คุณชายหร่วนถูกพิษมาระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายยังอ่อนแอมาก หลังกินยากระบวนการถอนพิษจะต้องทรมานมากแน่”“นี่คือยาลูกกลอนที่ก่อนหน้านี้ข้าทำขึ้น หลังกินลงไปร่างกายจะดีขึ้น สามารถบรรเทาอาการปวดได้”ซ่งรั่วเจินหยิบยาที่ก่อนหน้านี้นางทำขึ้นออกมา ช่วงที่ผ่านมานางชอบทำยาลูกกลอนยามว่าง ภายในนั้นมียาทำให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังทำยาถอนพิษ ตระเตรียมไว้หลายชนิดหร่วนอวี้เฉิงสมเป็นลูกผู้ชาย หลังถูกพิษแล้วยังอดทนต่อความเจ็บปวดยามค่ำคืนอยู่ได้ แม้ไม่ใช่ยามค่ำคืน เวลาอื่นเขาก็อดทนต่อความเจ็บปวดอยู่ตลอดแม้ว่าสีหน้าเผือดซีด แต่
มิน่าเล่าทุกครั้งได้พบหน้าเสด็จพี่สามจึงคิดว่าเขาอารมณ์ดีมาก ที่แท้ก็เก็บของล้ำค่ามาได้นี่เอง!ในเวลาเดียวกัน ณ พระราชวังหลังฉู่เทียนเช่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกปวดเมื่อยทั่วทั้งสรรพางค์กาย สำคัญที่สุดคือได้รับบาดเจ็บโดยเสียเปล่าไปแล้ว ไม่บรรลุตามแผนที่วางไว้“เหตุใดอยู่ดีๆ เสด็จพี่ใหญ่ก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่นได้เล่า?”เขารู้ว่าทุกครั้งยามเสด็จพี่ใหญ่ล่าสัตว์ชอบไปทิศทางใด ดังนั้นจึงยิ่งไม่เข้าใจ อยู่ดีๆ เหตุใดเสด็จพี่ใหญ่ก็เปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน ถึงขั้นช่วยเขาเอาไว้แล้ว!ไม่เพียงแค่นี้ แม้แต่ฉู่จวินถิงเองก็มาช่วยคนด้วย ทั้งๆ ที่วางอุบายไว้ดีแล้ว คนลำบากที่สุดกลับเป็นเขาเอง!จงเฟยได้รู้ว่าฉู่เทียนเช่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบเข้ามา สายตาปวดใจอย่างยิ่งยวด“เทียนเช่อ วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป? ล่วงเกินใครเข้าแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงต้องการฆ่าเจ้าเล่า!”“เสด็จแม่ ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นไร” ฉู่เทียนเช่อมิได้พูดมาก แต่ถามว่า “หลังข้าหมดสติไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”จงเฟยส่ายหน้า “เสด็จพ่อห่วงใยเจ้ามาก พูดว่าจะต้องหาคนร้ายออกมาให้ได้ เรื่องนี้มอบให้ศาลต้าหลี่ไปตรวจสอบ เชื่อว่าจะต้องสืบหาออกมา
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที